พอไปถึงที่หมายเธอก็รีบโทรหาภาสกฤต แต่กลับถูกตัดสาย โทรอีกก็ถูกตัดสายอีก จนครั้งสุดท้ายถึงกับปิดเครื่องไปดื้อๆ
“โวะ อะไรของเขาวะเนี่ย บอกให้มารับแล้วตัดสายทำไม” เลขาสาวบ่นอย่างหัวเสีย พลางเดินเตร่เข้าไปในคลับเลาจน์หรู แต่เธอไม่ได้เป็นเมมเบอร์ไม่มีบัตรผ่าน จึงเข้าไม่ได้
“อยู่ไหนของเขาเนี่ย”
ระหว่างที่เธอกำลังยืนหันรีหันขวางลังเลว่าจะเอายังไงต่อดีนั้น จู่ๆ หางตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงสง่าคุ้นตาของใครบางคนเดินออกมาเสียก่อน
“บอส!”
ภาสกฤตไม่ได้มาคนเดียว แต่มีหญิงสาวหน้าแฉล้มแต่งตัวเซ็กซี่โชว์เนื้อหนังติดมือมาด้วย ทำให้คนเป็นเลขาถึงกับชะงักไปนิดๆ
มากับเด็กนี่หว่า แล้วจะเรียกเรามาทำไมเนี่ย หรือวันนี้อยากจะทรีซั่ม ไอ้เวรตะไลเอ๊ย!
หญิงสาวก่นด่าในใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา อย่างน้อยก็ให้เขาเห็นหน้าว่าเธอมาแล้ว จากนั้นจะไปไหนก็ไสหัวไปเถอะ ไม่ใช่ความผิดของเธอแล้ว
“บอสคะ”
คนถูกเรียกสะบัดศีรษะแรงๆ ทีหนึ่ง ก่อนหันมาตามเสียงเรียก ดวงตาคมจัดจ้องหน้าเธออย่างว่างเปล่า
“คุณเป็นใคร”
เกือบจะโบกคนถามด้วยกระเป๋าครัชใบงามในมือเสียแล้ว หากไม่บังเอิญหันไปเห็นตัวเองในกระจกด้านหน้าเสียก่อน ผู้หญิงที่วันนี้แต่งตัวเซ็กซี่ไม่แพ้แม่สาวที่เขาหิ้วมามองตอบกลับมาแบบเหวอๆ ก็ไม่แปลกที่อีตานี่จะถาม
“ก็คุณโทรตามใครให้มารับล่ะคะ” ดวงตาคมเข้มหรี่มองคนตรงหน้าก่อนส่ายหน้าไปมา
“ไม่ใช่คุณ...”
“นี่ใครกันคะที่รัก” แม่สาวสุดเอ็กซ์อึ๋มจีบปากถาม พลางจิกตาใส่คนมาใหม่อย่างเอาเรื่อง
แหวะ ที่รักเหรอ
“ปล่อยนะ...”
นพรดาเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงห้าวห้วนหันไปสั่งหญิงสาวข้างตัว เพิ่งเห็นสีหน้าของเขาชัดๆ ว่าแดงก่ำ พยายามดึงแขนออกจากการเกาะกุมอย่างทุลักทุเล นี่ไปโดนตัวไหนมาล่ะท่าน ถึงได้เสียอาการหนักขนาดนี้ แต่ดูอีกทีอาการของเจ้านายสุดเฮี้ยบของเธอก็ดูแปลกๆ ไปจริงๆ นั่นแหละ
ตัวออกใหญ่ถ้าจะสลัดหญิงสาวข้างกายออกย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่นี่เขาทำเหมือนไร้เรี่ยวแรง หรือว่าเมาหนักก็ไม่น่าใช่อีก หมอนี่คอแข็งจะตายดื่มไวน์เป็นขวดๆ หรือเหล้านอกเป็นลังก็ยังไม่เมา ทำไมเธอจะไม่รู้ ก็ทำงานกับเขามาตั้งหลายปี
“เก้ามาขัดจังหวะบอสหรือเปล่าคะนี่”
“ไม่! พาผม...กลับที” ชายหนุ่มกัดฟันบอกด้วยสีหน้าทรมานเหมือนกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่างในร่างกายสุดฤทธิ์
“ไม่ได้นะ ฉันไม่ให้ไป”
นพรดาหันไปมองหน้าแม่สาวข้างกายเจ้านายอย่างเห็นใจ ดูท่า คืนนี้แม่นี่จะตกกระป๋อง ไม่ผ่านคิวซีของอีตาบอสตัวร้ายแฮะ แต่นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเลขาอย่างเธอ ตอนนี้คำสั่งจากปากเจ้านายที่จ่ายเงินเดือนให้ย่อมสำคัญเหนืออื่นใด
“ขอโทษนะคะ ถ้าคุณได้ยินที่เขาพูดแล้ว ก็ช่วยปล่อยมือด้วย”
พอขาดคำ คุณเลขาสาวก็จัดการแงะตัวบอสหนุ่มออกมาจากไฮยีน่าสาว แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมง่ายๆ รีบยื้อแขนอีกข้างของเขาไว้มั่น
“ไหนคุณว่าคืนนี้จะไปต่อกับฉันไงคะ”
ดวงตาคมกริบตวัดมองคนพูดอย่างเย็นชาจนนพรดาแอบผวาแทน ถ้าเป็นที่บริษัทล่ะก็ ใครโดนบอสใหญ่มองด้วยสายตาแบบนี้ใส่ คงช็อกตาตั้งน้ำลายฟูมปากไปแล้ว ขนาดเธอมีภูมิต้านทานความโหดของเขายังอดขนลุกขนพองไม่ได้
“ปล่อย-ผม”
เขาเน้นทีละคำอย่างแข็งกร้าว ก่อนกระชากแขนออกจากการเกาะกุม จนอีกฝ่ายเสียหลักเซเกือบจะล้มก้นจ้ำเบ้า มือใหญ่คว้าไหล่ของนพรดาเข้ามาโอบกอดไว้ จนเธอแอบนิ่วหน้าเพราะน้ำหนักที่เทลงมาจนเข่าแทบทรุด สมบทบาทไปไหมคุณเจ้านายขา
“แกเป็นใคร ผู้ชายคนนี้ฉันจองแล้วนะ”
“เธอเป็นเมียผม!” คำตอบอย่างเย็นชานั่นทำเอาเลขาสาวถึงกับเหวอ อ้าปากค้าง
ใครเป็นเมียคุณมิทราบ อีบอสนี่ต้องโดนตัวแรงไปแน่นอน
“เมียเหรอ ฉันไม่เชื่อ”
นี่ก็อีกคน เฮ้อ...หรือวันนี้ต้องได้ออกแรงก่อนไหมเนี่ย จะได้วอร์มมือรอ เลขาสารพัดประโยชน์คิดในใจ พลางคลี่ยิ้มหวานยั่วประสาทกลับไป เรื่องนี้เธอถนัดนัก ก็ลับฝีมือกับแม่พวกสาวๆ ของเจ้านายมากี่ครั้งแล้วล่ะ
“ไม่เชื่อแล้วไงใครแคร์ ไปค่ะที่รักขากลับบ้านเรากัน” ว่าพลางกอดแขนล่ำของสามีจอมปลอมเชิดใส่อีกฝ่าย ก่อนควงเขาเดินผละไปตามบทบาท
“บอสคะ” กระซิบเรียกเพื่อดึงสติเมื่อเดินออกห่างจากแม่สาวปากแดงมาได้ แอบเห็นสายตาคนแถวนั้นที่มองมา มีบางคนเหมือนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพราะเริ่มจำหน้าเขาได้
“รีบออกไปจากที่นี่ก่อน”
ชายหนุ่มกัดฟันสั่งด้วยน้ำเสียงกร้าว ก่อนลากลู่ถูกังเธอออกไปแบบไม่เหลียวหลัง หูแว่วได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังตามหลังมาราวกับเปรตขอส่วนบุญไม่มีผิด
พอออกมาข้างนอกได้ อีกฝ่ายก็ยังทำตัวเป็นภาระไม่เลิก แทนที่จะเดินดีๆ ก็ทิ้งน้ำหนักมาที่ไหล่น้อยๆ ของเธอจนแทบเข่าทรุด นพรดากัดฟันแน่น
“คุณจอดรถไว้ที่ไหนคะ”
“ไม่รู้สิ” คำตอบนั้นทำให้คนฟังแอบฉุนกึก แต่พอเงยหน้ามองก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นอาการของอีกฝ่าย
ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้แดงเถือกยันหูมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพราวเกาะเต็มหน้า มือที่จับไหล่เธอไว้เกร็งแน่นจนรู้สึกได้ แถมท่ายืนก็แปลกไปจากที่เคยดูกระสับกระส่ายแปลกๆ จะว่าเมาก็ไม่น่าใช่อาการนี้ เธอต่างหากที่ตอนนี้เริ่มมึนๆ มากกว่าเขาเสียอีก
“บอสไม่สบายหรือเปล่าคะ”
“ไม่รู้สิ ปวดหัวจัง”
“หรือดื่มหนักไป”
“ไม่ ผมดื่มไปแค่ไม่กี่แก้ว”
ตอนเธอออกมาจากออฟฟิศ เขาก็ยังดูดีอยู่นี่หว่า แล้วไหงถึงอยู่ในสภาพนี้ได้ หรือโดนมอมเหล้ามา
“แล้วทำไมเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้”“เพราะผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักหัวใจตัวเองไง แต่พอเกิดจะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที หัวใจผมก็หายไปแล้ว... ตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้านาย และคุณเองก็ไม่ใช่เลขาของผมอีกต่อไป ฉะนั้นผมเลยไม่มีอำนาจอะไรจะไปบังคับคุณได้ ตอนนี้ผมมันก็เป็นได้แค่เพียงผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงที่รักคุณอย่างหมดหัวใจ...ผมมาที่นี่เพราะผมรู้แล้วว่า คุณเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต และผมไม่ต้องการสูญเสียคุณไปอีกแล้ว แต่งงานกับผมนะครับขวัญฟ้า”นานทีเดียวกว่าหล่อนจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด หญิงสาวแกล้งอมยิ้มถามตาเจ้าเล่ห์“ไปเอามาจากไหนคะ” “ครับ?”“ก็คำพูดน้ำเน่าๆ เมื่อกี้น่ะสิ ท่องมากี่วัน”“แล้วคุณซึ้งบ้างไหมล่ะ”“ก็พอใช้ได้นะคะ” ระพีวิชญ์ยิ้มแก้มปริ ก่อนหุบฉับ “แต่คงต้องฝึกอีกเยอะ”“แปลว่าตกลง” หล่อนไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม“แล้วคุณไม่กลัวพ่อฉันตีหัวแตกอีกหรือไง พ่อฉันน่ะไม่ใช่แค่มือหนักนะ ยิงปืนก็แม่นด้วย”คำถามนั้นทำเอาระพีวิชญ์อดหัวเราะไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ฤทธิ์เดชว่าที่พ่อตาจอมดุ เขาเองก็เกือบตายเพราะถูกพ่อเลี้ยงดามพ์แพ่นกบาลแยกมาแล้ว “กลัวสิ” เขาแกล้งทำหน้าขรึม “ แต่...ทำไงได้ล่ะ ผมรักลูกสาวท่านนี่ ก็คงต
หล่อนหัวเราะเสียงใส เมื่อได้ยินคำบ่นของอีกฝ่ายกลับมา ระยะหลังๆมานี่ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับแม่เลี้ยงสาวดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แม้สรรพนามที่ใช้เรียกขานก็เปลี่ยนจาก “คุณอร” เป็น “น้าอร” ไปด้วย ทว่าให้สนิทสนมกันมากขึ้นเท่าใด หล่อนก็ยังไม่กล้าพอที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า “ แม่” และดูเหมือนคุณอรไพลินเองก็พอใจกับฐานะของตัวเอง และไม่เคยเรียกร้องอะไรเช่นกัน“ป๋ามีอะไรคะ ...จะให้ขวัญไปต้อนรับแขกพิเศษ? ได้ซิคะ ว่าแต่แขกพิเศษที่ว่านี่ใครเหรอคะชื่ออะไร และจะมาเมื่อไหร่ล่ะคะ หา...ว่าไงนะ?!! …มาถึงที่โรงแรมแล้วเหรอ ป๋าทำงี้ได้ไง...”ขวัญฟ้าแทบกรี๊ดสลบ ทว่าอีกฝ่ายรู้ทันชิงวางสายไปก่อน ทำให้หล่อนหมดโอกาสปฏิเสธไปโดยปริยาย“แขกพิเศษ ใครกันนะ?” หญิงสาวทำหน้ายุ่ง ชักเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ‘ห้องรับแขกพิเศษ’ ที่ใช้รับรองเฉพาะแขกวีไอพีสำคัญๆของโรงแรมที่ส่วนมากจะเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศ หรือไม่ก็อาจเป็นแขกของท่านเจ้าของโรงแรมเอง ภายในตกแต่งตามสไตล์ล้านนางดงาม เพดานสูงสลักเสลาด้วยไม้แกะสลักสวยแปลกตาเข้ากับบรรยากาศรอบๆ และเมื่อมองผ่านมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มีกรอบโค้งยาวจรดพื้นจะเห็นบริเ
“ตัวก็สูงนะคะ หุ่นคล้ายๆนางแบบ แต่ดูสวยสง่ากว่าเยอะเลยค่ะ อ้อ...แล้วเวลายิ้มมีรอยลักยิ้มน่ารักๆด้วยล่ะค่ะ”“คุณขวัญฟ้า!” อธิปัตย์งึมงำ ทำให้ทุกคนหันไปมองอย่างสนใจ ฝ่ายระพีวิชญ์ถึงกับนิ่งอึ้งไป จนกระทั่งพยาบาลคนนั้นออกไปจากห้อง คนเป็นเพื่อนจึงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้“เอาไงดีล่ะไอ้พี” คนถูกถามนิ่งคิดไปพักเดียวก็ยิ้มออกมา ในขณะที่คนอื่นๆล้วนรอฟังคำตอบ“ก็แกบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่า ฉันกำลังจะกลายเป็นผู้บริหารที่เนื้อหอมที่สุดในประเทศ แล้วฉันจะทำงานเยอะๆ ได้ไงล่ะ ถ้าไม่มี...ผู้ช่วย...จริงไหม...”ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ดวงตาเป็นประกาย คำตอบนั้นแม้ไม่ให้ความกระจ่างอะไรซักนิดหากคำว่า ‘ผู้ช่วย’ ของเขานั้น ทำให้รัชนีพัชราถึงกับหน้าม่อยลงอย่างผิดหวังอย่างแรง หลังจากการแถลงข่าวเรื่องโครงการก่อสร้างรีสอร์ตสุดหรูในเครือ ทวิชา โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ตเสร็จสิ้นลงไปไม่นานนัก ข่าวต่างๆก็เริ่มตามมาเป็นระลอก โดยเฉพาะกระแสข่าวเล็กๆน้อยๆของนักบริหารหนุ่มรูปหล่อคนใหม่ของเมืองไทยเท่านั้นที่ยัง เป็นข่าวรายวันอยู่ทุกคนล้วนจับตามองว่า สาวคนไหนกันแน่ ที่จะสามารถคว้าหัวใจ ชายหนุ่มที่แสนเพอร์เฟกค
กุหลาบแรกแย้มสีขาวสวย ตัวแทนของความรักบริสุทธิ์ที่ครั้งหนึ่งหล่อนเคยได้รับจากใครคนหนึ่ง หากมายามนี้มันกลับเปื้อนทั้งหยดเลือดและหยาดน้ำตา ขวัญฟ้าเงยหน้ามองเพดาน หลับตานิ่ง เพื่อสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา ดอกกุหลาบงามหลุดมือร่วงลงสู่พื้นช้าๆ พร้อมกับหัวใจรักอันชอกช้ำ... จบสิ้นกันเสียที“ขอให้คุณสมหวังกับคนที่คุณรักอย่างแท้จริงนะคะ ลาก่อน... ”“ไง เพื่อนยาก” อธิปัตย์โผล่หน้าเข้ามายิ้มทะเล้น“ไปไหนมาคะพี่ปัตย์ เพื่อนเจ็บทั้งทีจะดูแลบ้างก็ไม่มี” คนเป็นน้องแกล้งตวาดแวด ทว่าคนถูกตวาดใส่กลับลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้“เรื่องอะไรพี่ต้องดูด้วย ถึงไม่มีพี่ ไอ้พีมันก็มีคนที่อยากดูแลอยู่แล้วนี่ จริงไหมครับ...”คนถูกกระแนะกระแหนหันไปพยักเพยิดกับคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ระพีวิชญ์ขมวดคิ้ว แต่พอประตูเปิดกว้าง รอยสงสัยจึงกลับกลายเป็นความดีใจแทน “พี่วินทร์!” คนเจ็บทำท่าจะลุก ทำให้หญิงสาวที่อยู่ใกล้ๆต้องรีบเข้ามาประคองไว้ อธิปัตย์เปิดทางให้ไรวินทร์เดินนำเข้ามาก่อน แต่พอตัวเขาจะก้าวตามเข้ามาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นดอกกุหลาบตกที่พื้นเสียก่อนชายหนุ่มเอียงคอมองอย่างสงสัย ก่อนก้มเก็บ
เสียงเด็กน้อยยังคงพร่ำเรียกร้องความสนใจอย่างไม่ย่อท้อนั้นทำให้หล่อนได้คิด หล่อนจึงตัดสินใจร้องบอกคนขับ“เอ่อ...คุณช่วยเปิดกระจกแป๊บนึงได้ไหมคะ ฉันอยากได้ดอกไม้”แม้ขัดใจหากคนฟังก็จำต้องเปิดกระจกให้อย่างเสียไม่ได้ ดอกกุหลาบหลากสีหลายดอกชูช่อสวยน่ารัก ทว่าหญิงสาวกลับเลือกหยิบเพียงดอกกุหลาบแรกแย้มสีขาวสะอาดขึ้นมาเพียงดอกเดียว ทำให้คนขายตัวน้อยถึงกับหน้าเสีย “ไม่รับเพิ่มอีกซักดอกหรือจ๊ะพี่สาว สวยๆทั้งนั้นเลย ซื้อหลายดอกหนูลดให้ก็ได้นะ”“ไม่ล่ะจ้ะ พี่ขอกุหลาบสีขาวนี่ดอกเดียวพอแล้ว เอ้า...นี่เงินค่ากุหลาบจ้ะ”หล่อนส่งเงินให้ แต่พอหนูน้อยเห็นก็อุทาน“แบ๊งค์พัน! โอ้ย!...พี่ไม่มีแบ๊งค์ย่อยเหรอจ้ะ เช้านี้หนูเพิ่งขายได้ไม่กี่ดอกไม่มีเงินทอนหรอกจ้ะ”“ไม่ต้องทอนหรอกค่ะ เก็บไว้ซื้อขนมกินเถอะ พี่ให้”“คุณครับ ไฟเขียวแล้ว” คนขับหันมาเตือน ทำให้หญิงสาวต้องรีบยัดเงินใส่มือเด็กน้อยที่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น พลางเงยหน้าส่งยิ้มแป้นให้ ดวงหน้าขะมุกขะมอมสว่างสดใสขึ้น ดุจแสงแรกของดวงตะวัน ก่อนยกมือไหว้ท่วมหัว“ขอบคุณค่าพี่สาวคนสวย หนูขอให้พี่โชคดี มีแฟนหล่อๆ รวยๆ นะจ้ะ” คนได้ฟังอดยิ้มเศร้าๆ กับตัวเ
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ”คุณหมอเดินออกมาแจ้งกับผู้หญิงร่างบางที่ยืนรออยู่หน้าห้อง แล้วหันไปกล่าวกับชายร่างสูงที่สวมชุดปลอดเชื้อซึ่งเดินตามออกมาทีหลัง“โชคดีมากๆเลยนะครับที่ได้คุณหมอเก่งๆอย่างคุณไรวินทร์มาช่วยอีกแรง”“คุณหมอชมผมเกินไปแล้วครับ ที่จริงผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลย”“แต่ดิฉันเห็นด้วยกับคุณหมอนะคะ โชคดีมากๆ ที่คุณวินทร์ยอมกลับมา ไม่งั้นฉันก็คงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ ยิ่งตอนนี้คุณระพีวิชญ์ก็ไม่อยู่ด้วย มีหวังดิฉันแย่แน่ๆ เลยค่ะ” สราวดีส่งยิ้มบางๆ ให้“ติ๊ดๆ”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สราวดีรีบเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา หล่อนหันไปบอกชายหนุ่มข้างๆ ที่เตรียมเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างรู้มารยาท“เบอร์ที่บ้านน่ะค่ะ” ไรวินทร์พยักหน้าน้อยๆ เชิงรับรู้“ค่ะ คุณนิ่ม...ว่าไงนะคะ ใครเป็นอะไรนะคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ค่ะๆ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย... ”คนฟังไม่ทันเอ่ยถาม หญิงสาวก็รีบหันมาบอกเสียก่อน “คุณวินทร์คะ คุณนิ่มเพิ่งโทรมาบอกให้รีบไปที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องคุณระพีวิชญ์...”“จริงสิ! นายระพีวิชญ์ถูกยิง” ไรวินทร์เพิ่งนึกได้ “เขาเป็นไงบ้าง”“ตอนนี้ยังอยู่ในไอซียูค่ะ”“งั้นคุ