คนป่าที่ 6
ต่อหน้าคนป่าทั้งเผ่า
เตาไฟยังคงปะทุลั่นเพี๊ยะพะ ว่านลุ่ยคืนนี้ก็นั่งเฝ้าก้อนกรวดของนางตามเดิม หากแต่ภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง แก้มน้อยๆของนางแดงเรื่อขึ้น เมื่อคิดถึงจุมพิตตอนเช้า ก็ต้องใช้มือปิดหน้าตนเองด้วยความอับอาย
ย้อนเวลากลับไปตอนว่านลุ่ยกำลังถูกเสพสม นางไม่รู้จู่ๆนึกอยากอารมณ์ไหน กับจูบลงไปที่ริมฝีปากพี่หมี ตอนนั้นท่าทีเค้าตกใจมาก รีบโยนนางลงจากลำตัวจนก้นกระแทกพื้น ร้องโอดครวญอยู่เป็นเวลานาน “…”
คุณหนูใหญ่หารู้ไม่ว่า ชนชาวป่าถือสาสิ่งนี้ เขี้ยวและฟันถือเป็นอาวุธร้าย มีเพียงใช้โจมตีศัตรูเท่านั้นถึงจะให้กระทบถูกผู้อื่น ดังนั้นพี่หมีจึงเข้าใจว่านางกำลังจะเล่นงานเค้า จึงรีบโยนหญิงสาวที่กำลังถูกบดขยี้เครื่องเพศ โดยที่นางไม่ทันได้ตั้งตัว
“อู้ยยย! หากมิใช่พี่สะใภ้ชอบเอาหนังสือลามกเหล่านั้นมาให้ข้าดู มีหรือข้าจะมอบจุมพิตให้เจ้า! ชิ!”
ว่านลุ่ยลูบก้นที่เจ็บปวด ทั้งยังนึกด่าทอพี่หมีไปด้วย นางรู้สึกว่าใบหน้าตนเองร้อนผ่าว ยามนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า ดังนั้นจึงใช้มือกุมแก้ม อับอายกับการกระทำของตนเอง
“เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน! ร้อน! ใช้แล้วเป็นความร้อนนี่เอง!” หญิงสาวสะดุ้งโหยงดีดตัวขึ้นจากพื้น
นางเหมือนจะคิดอะไรได้ ถึงว่าทำไมหินกรวดไม่ละลาย เพราะไฟที่นางใช้เผาให้ความร้อนไม่เพียงพอ!
พี่หมีและสาวๆในถ้ำมองออกมาด้านนอก ยิ่งคิดว่านางคงบ้าไปแล้วจริงๆ เมื่อเช้าก็กัดเค้าไปคำหนึ่ง ตอนนี้ก็โดดเต้นเร้าๆอยู่ข้างกองไฟ เผาหินโง่ๆของนางโดยที่ไม่สนใจสิ่งอื่น ดูท่าปัญญาอ่อนสิ้นดี
บุรุษร่างยักษ์คิดในใจว่า ถึงจะบ้าแต่นางก็เป็นตัวเมียของเค้า เอาไว้ดูแลนางให้ดีๆหน่อย ไม่นานอาจจะกลับมาเป็นปกติตามเดิม “…”
***
หลายวันต่อมา
“อูก้า อูก้า อู อู อู”!!!
ควันจำนวนมากพ่นออกจากปล่องไฟ พี่สาวจอมยั่วไม่ทราบน้องสาวผู้นี้ทำอะไรกันแน่ จึงส่งเสียงกุลีกุลูไปทางพี่หมี ชายหนุ่มก็เอาแต่ส่ายหน้า ตอบกลับไปว่า “อูก้า อูก้า อู อู ก้า ก้า อู กา อูก้า” (ปล่อยนางไปเถอะ เจ้าดูแลนางดีๆหน่อย ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวเจ้า) “…”
ไม่ไกลจากปากถ้ำ ว่านลุ่ยใช้หินขุดดินจนลึก จากนั้นใช้ดินเหนียวก่อเป็นกระโจม เปิดโพรงอากาศตามที่ตนจำได้ ต่อด้วยเก็บเอาเศษไม้แห้งอัดใส่ภายในจนเต็ม ปิดปากกระโจมด้วยดินเหนียว แล้วจุดๆไฟช่องเล็กข้างๆ ยืนดูควันไฟลอยออกมาด้วยความภาคภูมิใจ!
“เผาถ่าน”!!! ว่านลุ่ยคิดในใจ นางต้องการถ่านไม้ ถ่านที่ให้ความร้อนสูง มากพอที่จะละลายกรวดเหล็กเป็นก้อนๆได้
หลายวันต่อมา ควันไฟยามนี้มอดดับนานแล้ว พอว่านลุ่ยทุบเตาเผาออก ไม้เป็นท่อนๆก็กลายเป็นถ่านสีดำปี๋ นางดีใจมากพอดีกับได้ยางไม้มาจำนวนไม่น้อย จึงนำถ่านในเตามาทุบไปผง แล้วอัดแท่งขึ้นใหม่ด้วยกระบอกไม้ที่นางประดิษฐ์ จากนั้นนำไปตากแห้งอีกหลายวันกว่าจะนำมาก่อไฟได้
ตอนนี้ถ่านอัดแท่งของว่านลุ่ยพร้อมแล้ว พี่หมีช่วงหลังๆไม่ค่อยได้ขึ้นขี่นาง เพราะว่านลุ่ยมัวแต่ยุ่ง ทั้งยังไม่กล้าสู้หน้าเค้า ดังนั้นแต่ละวันจึงผ่านไปด้วยการใช้ชีวิตตามใจอยาก เก็บหินเก็บผลไม้ใบหญ้าไปเรื่อย แต่ไม่รู้ทำไม พี่สาวน้องสาวคนอื่นๆถึงมองนางด้วยสายตาที่แปลกไป “…”
จนกระทั่งวันนี้
ว่านลุ่ยขณะเก็บถ่านไม้ที่ตากไว้เข้าถ้ำ นางพลันนึกอยากได้หินแม่น้ำก้อนใหญ่ๆเรียบๆซักก้อน เมื่อมองดูผืนฟ้า พบว่าคงอีกนานกว่าจะค่ำ จึงไปหาน้องสาวตะวันและจันทรา ทำท่าบ้าใบ้ แสดงออกว่าตนต้องการไปที่ลำธาร จากนั้นจับจูงมือกันสามคนเดินออกจากถ้ำด้วยความรวดเร็ว
ที่ริมธาร ว่านลุ่ยมองหาไม่นานก็พบหินแผ่นหนึ่ง แต่ว่าขนาดของมันใหญ่มาก นางลองยกดูจึงรู้ว่ากินแรงไม่น้อย เลยทำท่าให้น้องสาวทั้งสองช่วยยก เมื่อคนเพิ่มเป็นสาม คำนวณดูแล้วว่านลุ่ยเห็นว่าน่าจะนำกลับไปได้
หญิงสาวมอมแมมในชุดหนังสัตว์หมิ่นเหม่ พวกนางช่วยกันยกหินด้วยท่าทางตลกมาก ขณะเดินขาก็เก้ๆกังๆ ผืนหนังก็เปิดส่วนสงวนวับๆแวมๆ
หากแต่เมื่อเดินผ่านกระโจมไม้หลายหลัง ชาวป่าบุรุษหนุ่มก็ไม่ได้สนใจพวกนาง บางครั้งยืนขวางทางก็เบี่ยงตัวหลบให้ ก้มหน้านอบน้อมราวกับกำลังหวาดกลัว
ว่านลุ่ยทราบทำไมพวกเค้ามีท่าทีเช่นนี้ ยามพี่หมีเดินผ่านทุกคนต้องหลบทาง สตรีของเค้าก็เช่นกัน ดูเหมือนพวกนางเจ็ดคนจะได้รับบารมีพี่หมีสืบต่อมา
คุณหนูใหญ่รู้แค่งูๆปลาๆ ความจริงที่นางคิดก็มิผิด ตามกฎธรรมชาติชนเผ่า หัวหน้าเผ่าอยู่สูงที่สุด รองลงมาคือบรรดาตัวเมียของเค้า หลังจากนั้นทุกคนค่อยเท่าเทียมกัน
“อูก้า อูก้า อู อู อู”!!! ในขณะผ่านชุมชน ว่านลุ่ยได้ยินเสียงกุลีกุลูด้านหน้า เมื่อทอดสายตาไปจึงได้เห็น คนป่าหลายสิบคนล้อมวงอยู่มากมาย
น้องสาวตะวันและจันทราเหมือนจะทราบว่าพวกเค้าทำอะไรกัน ทั้งสองจึงลากหินแผ่นใหญ่ไปทางนั้น ว่านลุ่ยที่ช่วยยกมุมหนึ่งของหินจึงถูกลากไปด้วย กลายเป็นว่าเดินออกนอกเส้นทาง มุ่งหน้าไปหากลุ่มคนแทน
ภายในวงล้อมของคนป่าหลายสิบ ว่านลุ่ยเห็นหมีตัวใหญ่ถูกจับหงายท้อง ข้างๆก็มีหญิงสาวหลายคนช่วยกันจับแขนจับขา โดยมีพี่สาวจอมยั่วใช้มีดหินค่อยๆแล่หนังออกเป็นแผ่น ดูๆไปฝีมือชำนาญยิ่งนัก
ว่านลุ่ยและน้องสาวทั้งสองวางหินลงพื้น ยืนชมการแล่หนังอย่างตื่นเต้น แม้แต่คุณหนูใหญ่ผู้มากจากดินแดนอารยะ ยังอดไม่ได้ที่จะมองดูด้วยตกใจ
“อัยหยา! เกิดมายังไม่เคยเห็นหมีตัวจริงที่ใหญ่ขนาดนี้เลย!” ว่านลุ่ยคิดในใจขณะชะโงกคอมอง
ในจังหวะที่ว่านลุ่ยกำลังสนอกสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นางไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ว่าตนเองตกอยู่ภายใต้การจ้องมอง เป็นพี่หมีที่เพิ่งคุยบางอย่างกับลูกสมุนเสร็จ เค้าเมื่อออกจากกระโจม ก็พบเห็นตัวเมียของตนสามตัว ช่วยกันยกแผ่นหินเดินโขยกเขยก เมื่อพบว่าหนึ่งในนั้นเป็นนางตัวเล็ก เค้าก็ทราบได้ทันที่ว่านางคงนึกบ้าอะไรบางอย่าง ชวนพี่น้องมาแบกหินเล่นอย่างแน่นอน “…”
ว่านลุ่ยคิดว่าจะรอจนพี่สาวจอมยั่วทำงานเสร็จค่อยกลับพร้อมกันดีหรือไม่ แต่จู่ๆนางรู้สึกถึงลมร้อนที่เป่ามาตรงต้นคอ ไม่ทันได้หันไปมองว่านลุ่ยก็ต้องร้อง “โอ้ย!” เพราะข้อพับขาของตนถูกกระทุ้งจากด้านหลัง ทำให้นางล้มคุกเข่าลงไปบนพื้นดิน จากนั้นถูกมือปริศนาผลักแผ่นหลังให้โน้มตัวลงไป แล้วตรงหน้ายังเป็นแผ่นหิน นางจึงต้องใช้สองมือค่ำยันไว้ เพื่อไม่ให้ใบหน้ากระแทกโดน
คุณหนูใหญ่ตกใจสุดขีด พริบตาเดียวนางอยู่ในท่ากึ่งคุกเข่ากึ่งโก้งโค้ง เมื่อหันกลับหลังไปมองคนที่รังแกตน นางจึงพบว่าเป็นพี่หมีเอง หากแต่ก็สายไปแล้ว เพราะเค้าถึงกับใช้สองมือกระชากบั้นท้ายนางให้สูงขึ้น เปิดหนังสัตว์เพียงน้อยนิดของนางออก โดยที่ไม่สนใจผู้คนที่ยืนอยู่รอบข้างเลย
“โอ๊ย! อย่านะ!” ว่านลุ่ยร้องออกมาด้วยความตกใจ ท่วงท่าเช่นนี้นางทราบดีว่าเค้าจะทำอะไร ตรงนี้มีคนอยู่ตั้งมาก เค้ายังต้องการจะควบขับนางอีกหรือ!
“สวรรค์! ข้ากำลังจะถูกเสพสมต่อหน้าบุรุษหลายสิบคน!” นับตั้งแต่เสียตัว มีบ้างที่ยามพี่หมีขึ้นขี่นางในถ้ำ แล้วจะมีชายร่างยักษ์เดินเข้ามาพบเห็น แต่นั่นก็เพียงสองสามคนเท่านั้น ต่างกับตอนนี้ที่มีคนอยู่ทั้งหมู่บ้าน!
ว่านลุ่ยนึกไปถึงวันที่น้องสาวตะวันถูกควบขับต่อหน้าชาวบ้าน จู่ๆช่องทางรักก็รู้สึกคันยิบๆ ทั้งๆที่ยังไม่ถูกพี่หมีกระแทก ช่องแคบๆก็เริ่มหลั่งน้ำบางอย่างออกมา
“อายจัง! แต่ว่าข้าสมควรขัดขืนดีมั้ยนะ?”
ระหว่างกำลังตัดสินใจ พี่หมีกับใช้หัวหยักจ่อประชิดแล้ว หญิงสาวไม่ทันเอ่ยปากห้าม บุรุษด้านหลังก็ออกแรงกระแทก ความใหญ่โตค่อยๆชำแรกแหวกความอ่อนนุ่มเข้ามา จนผู้ที่ถูกชำเราส่งเสียงร้อง อู อู อู!
“ตับๆ ตับๆ ตับๆ”
แก้มก้นขาวราวกับไข่ต้มสุก ว่านลุ่ยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย พี่หมีต้องการให้คนในชนเผ่ารับรู้ ว่าเค้าโปรดปรานตัวเมียตัวนี้แค่ไหน จึงจัดการรังแกนางต่อหน้าประชากรทั้งหมด แสดงความชื่นชอบให้ทุกคนชมดู
คุณหนูใหญ่ใบหน้าแดงก่ำ นางรู้สึกอับอายยิ่งนัก ไม่ต้องพูดถึงสายตาจำนวนมาก เพียงแค่เด็กหนุ่มสามคนที่ยืนมองนางอยู่ข้างๆ ว่านลุ่ยก็อยากจะขุดโพรงมุดหัวฝังลงไปในดินแล้ว
“อู อู อู! จุก ข้าจุก เบาหน่อย เบาหน่อย!”
มีแต่เสียงกระทบที่ดังมากขึ้น บั้นท้ายนางถูกกระแทกจนแดง เค้าแหวกแก้มก้นนางออก ให้ผู้อื่นชมดูจุดเชื่อมต่อชัดๆ จะได้รู้ว่าเค้าโปรดปรานตัวเมียตัวนี้มากเพียงใด
ว่านลุ่ยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองคนอื่นๆที่จ้องตนเองอยู่ หัวเข่านางน่าจะถลอกแล้ว บัดนี้เริ่มแสบนิดๆ มือทั้งสองก็เหมือนจะค้ำยันไม่ไหว สุดท้ายจึงต้องแนบใบหน้าไปบนก้อนหิน แอ่นก้นขึ้นสูงให้พี่หมีกระแทกรัวๆ
ข้างๆเป็นพี่สาวจอมยั่วที่กำลังแล่หนัง นางหาได้สนใจว่านลุ่ยกับพี่หมีซักนิด ยังคงลงมีดอย่างต่อเนื่อง ทำหน้าที่ของตนราวกับไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น
นานสองนาน ว่านลุ่ยหอบหายใจไม่ทันจนต้องอ้าปาก น้ำลายนางก็ไหลย้อยลงบนก้อนหิน สองตาเหม่อลอย ส่งเสียงร้อง อู อู อู!
“พรวด!” ท้องน้อยว่านลุ่ยอุ่นวาบ บางอย่างร้อนๆฉีดพ่นทำให้นางรู้ว่าพี่หมีเสร็จแล้ว ทันทีที่เค้ากระชากลำเอ็นออก หญิงสาวก็หมดสภาพฟุบหน้านอนราบไปกันพื้น ช่องแคบจุดเชื่อมต่อกลายเป็นโพรงย่อมๆ ก่อนจะค่อยๆขับน้ำขาวขุ่นที่พ่นเข้าใส่ร่าง ปล่อยให้ส่วนที่เหลือไหลทะลักหยดลงไปพื้นดิน
“อูวว อูวว อูววว”!
พี่หมีลุกขึ้นยืนมองตัวเมียของตนที่นอนราวกับสุนัขตาย เครื่องเพศนางเปิดอ้าอวดสมุนลูกน้อง น้ำเชื้อพันธุ์ของเค้าก็ไหลบ่าออกมาเรื่อยๆ ต้องนึกชมเชยตนเองว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ถึงแม้ตัวเมียตัวนี้จะโง่และบ้า แต่เค้าก็ไม่ลำเอียง แสดงความโปรดปรานนางต่อหน้าลิ่วล้อ เพื่อเป็นการบอกว่านี่คือสมบัติมีค่าของตน
น่าสมเพชคุณหนูใหญ่ผู้ถูกย่ำยี นางหารู้ไม่ว่า โลกแห่งชนชาวป่า การเสพสมสตรีต่อหน้าผู้อื่นของบุรุษ เป็นการสื่อความหมายถึงความมีค่า ยิ่งเป็นหัวหน้าเผ่าเช่นพี่หมีแล้ว การกระทำเช่นนี้ยิ่งตอกย้ำต่อผู้อื่นว่านางเป็นที่หวงแหนของเค้าแค่ไหน เพื่อไม่ให้คนอื่นๆรังแกหรือไม่เคารพนาง ทั้งยังช่วยทำให้ว่านลุ่ยเป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกด้วย
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนแกว่งลำเอ็นแท่งโต เค้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ว่าสมควรกระแทกนางตัวเล็กอีกซักรอบดีหรือไม่ ต่อไปในอนาคตผู้อื่นเห็นนางเป็นบ้า จะได้ไม่ฉวยโอกาสรังแกนางตอนที่ตนเองไม่อยู่ ทั้งยังจะได้ไม่ทำให้นางน้อยใจ ที่เค้าไม่ได้ผสมพันธุ์กับนางหลายวันมานี้ “…”
***
ในสายตาแมงมุมหิน นางนอนอยู่ที่พื้น มิทราบเกินเรื่องราวใดขึ้น เพียงไม่กี่อึดใจ พวกศัตรูก็ล้มลงเจ็ดแปดคน จึงอาศัยจึงหวะปลดเครื่องพันธนาการที่ขา คว้ามีดหินจากศพคนที่ตายข้างๆ จากนั้นคลานคืบคลานศอกมุ่งไปทางชายสูงใหญ่ผู้หนึ่ง ที่กำลังหลบซ่อนอยู่ข้างตอไม้ หันหลังให้กับตนเอง พี่หมีอยู่บนที่สูง เค้าย่อมเห็นการกระทำของเด็กหญิง ในใจก็นึกชื่นชมในความกล้า แต่ตอนนี้คนป่าที่เหลืออยู่หกคนซ่อนตัวดีมาก ไม่ยอมโผล่ออกมาให้ยิงอีกเลย “…”*** “อูก้า!อูก้า!อูก้า!” จู่ๆเกิดเสียงคำรามบนเนินสูงดังลั่น ก็เป็นจังกวะเดียวกับเด็กน้อยเชือดคอหอยพอดี! พี่หมีช่วยเหลือเด็กสาวอีกครั้ง แม้นางจะกล้าแต่ว่าโง่มาก การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากฆ่าตัวตาย หากเค้าไม่ดึงความสนใจคนที่เหลือไว้ นางคงถูกเจ้าพวกนั้นสังหารไปแล้ว จริงอย่างที่คิด ทั้งห้าหารู้ไม่ว่าสหายผู้หนึ่งถูกเหยื่อของตนย่องไปเชือดคอจากด้านหลัง แม้จะมีเสียงดิ้นรนสุดท้ายก่อนขาดใจ แต่พวกเค้าก็มิได้ยินเสียง เพราะมัวแต่เพ่งมองไปตามเสียง ชมมองหมีดำยืนตีอกชกหัวอยู่บนขอนไม้ ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียว “กา
คนป่าที่ 26เผ่ากินคน สถานที่ตั้งกระโจมกลายเป็นทุ่งหญ้าขึ้นสูง พี่หมีแม้มิได้ผูกพันแต่ก็รู้สึกใจหาย ถึงไม่สืบต่อเค้าก็ทราบได้ทันที่ว่าเกิดสิ่งใด นี่เป็นเรื่องธรรมชาติ เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ชนเผ่าที่เคยรุ่งเรืองสมัยก่อนก็มักเป็นเช่นนี้เอง ชายหนุ่มเดินเข้าไปสำรวจร่องรอย โครงกระดูกจำนวนมากกระจัดกระจายไปทั่ว เศษเนื้อเน่าเปื่อยไปหมดแล้ว บางโครงก็ชิ้นส่วนไม่ครบ ถูกสัตว์ป่าคาบไปกินตามที่ต่างๆ ห่างไปไม่ไกลพี่หมีพบตุ้มหินสองลูก ผูกโยงเข้าด้วยกันกับเถาวัลย์ไม้ รัดพันเข้ากับขาทั้งสองของซากกระดูกโครงหนึ่ง เมื่อเห็นอาวุธพันธนาการ พี่หมีก็ทราบได้ทันที่ว่าชนเผ่าใดเป็นผู้บุกโจมตี นี่เป็นพวกป่าเถื่อนแดนเหนือ! กลุ่มที่ชื่นชอบการกินเนื้อมนุษย์ พวกมันมักจะกระจัดกระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ คอยซุ่มโจมตีชนเผ่าเล็กๆ ทั้งยังเชี่ยวชาญการขี่ม้า เลี้ยงสุนัขป่าตัวโตร้ายกาจอีกด้วย เพราะพื้นที่แถบนี้เป็นขุนเขามากมาย ต่างจากแดนเหนือที่เป็นทุ่งหญ้าพื้นเรียบ ชนเผ่าละแวกใกล้เคียงจึงไม่นิยมขี่ม้า ต่างกับพวกกินคนแดนเหนือ ที่ใช้ชีวิตบนหลังม้าเป็นปกติ เล
ไม่ไกลจากลำธาร หัวหน้าเผ่าคุโมโม่มาทันเห็นนักรบทั้งสี่ถูกสอยร่วง เค้าร่ำร้องตะโกนสุดเสียงด้วยความแค้น จังหวะนั้นไม่มีผู้ใดกลัวตายซักนิด คนป่ากว่าครึ่งร้อยที่ตามมาก็มุ่งตรงกระโดดข้างแม่น้ำตามเค้าไป คนแล้วคนเล่า ทั้งหมดข้ามได้อย่างปลอดภัย พี่หมีเห็นศัตรูมามากก็เผ่นแนบไปก่อนแล้ว คนหัวเสือยามนี้พบว่าหนึ่งในผู้ตายที่นอนอยู่บนโขดหิน เป็นบุตรชายตนเองก็ยิ่งแค้น ก้มลงไปกอดศพเด็กหนุ่มร่ำไห้ สาบานว่าต่อให้แลกด้วยชีวิต เค้าก็ต้องสังหารเจ้าหมีดำให้ได้ด้วยมือตนเอง การไล่ล่ายังคงดำเนินต่อไป นักรบคุโมโม่เกือบสองร้อย แบ่งกันอ้อมไปดักตามเส้นทางต่างๆ พี่เสือกลืนความแค้นลงท้อง นำกำลังสามสิบคนไล่ตามรอยเท้า พี่หมีก็ไม่ยอมให้ตามทันง่ายๆ ระหว่างทางเค้าพบรังต่อรังแตนก็ใช้กิ่งไม้ขว้างปาไปทั่ว ยั่วยุให้สัตว์มีพิษเหล่านี้บินว่อน เพื่อสร้างความลำบากให้ผู้ที่ติดตามมาด้านหลัง จะได้ไม่ตามตนเองได้ง่ายเกินไป จนกระทั่งมืดค่ำ ต่อให้เชี่ยวชาญการแกะรอยแค่ไหน เมื่อไร้แสงอาทิตย์ พี่หมีก็สลัดหลุดจากศัตรู หากแต่ชายหนุ่มยังคงมุ่งขึ้นเหนือเป็นเส้นตรง เพราะคาดว่าฝ่ายตรงข้างคงวางกำลังโอบล
คนป่าที่ 25ถูกซุ่มโจมตี ตะวันคล้อยบ่าย หากแต่ใบไม้หนาทึบบดบังแสงแดดยิ่ง คนป่าบนเนินห้าเสือเพียงรอให้ศัตรูโผล่ออกมา พวกเค้าก็จะระดมยิงเกาทัณฑ์ใส่จากทุกทิศทาง ต่อให้หัวหน้าเผ่าอูก้าร้ายกาจแค่ไหน สภาพต้องไม่ต่างจากตัวเม่นแน่นอน แต่สิ่งที่ทุกคนมิทันคาดคิดพลันเกิดขึ้น ขณะที่ทั้งหมดยังไม่เห็นศัตรูเผยตัวออกจากที่ซ่อน ลูกเกาทัณฑ์อีกฝ่ายกับพุ่งเข้าใส่ฝั่งตนก่อนแล้ว! เสียงฉึกเมื่อหัวศรปักจมลงเนื้อไม้ นักรบคุโมโม่ที่ซุ่มอยู่ข้างๆถึงกับสะดุ้ง เค้าไม่ทราบเจ้านี่ถูกยิงมาจากตรงไหน แต่เสียงสวบสาบของฝีเท้าใกล้ๆ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าคนหัวหมีกำลังหลบหนี พริบตาเดียวเสียงเป่าเขาสัตว์ดังลั่น จากนั้นเป็นเสียงเฮโลของคนป่าไล่กวดตามไป ในเสี้ยวอึดใจ พี่หมียิงเกาทัณฑ์มั่วๆออกไปสองลูก ดอกหนึ่งปักเข้ากับต้นไม้ อีกดอกปักใส่คอหอยนักรบคุโมโม่ผู้หนึ่งพอดี…*** ด้วยจำนวนคนที่แตกต่าง คนหัวเสือแค้นใจนัก เค้าไล่ตามเสียงแหวกกิ่งไม้เบื้องหน้า ด้านหลังยังมีสมุนหลายสิบคนวิ่งติดตามมา เมื่อครู่เห็นนักรบของตนผู้หนึ่งล่วงจากต้นไม้กับตา เจ้าหมีสร้า
ชายชราแม้สูงวัยแต่แข็งแรงยิ่ง สิบกว่าปีก่อนตอนเข้าร่วมกับพี่หมี เค้าช่วยเหลือหัวหน้าเผ่าไม่น้อย ทำหน้าที่แฝงตัวสืบขาวสารพัด แต่ละครั้งมิเคยถูกจับได้ สมกับชื่อหมอกดำของตนที่บิดาตั้งให้โดยแท้ ลงใต้เป็นหน่วยของเจ้าเม่นหิน ชายผู้นี้จัดอยู่ในอันดับสี่ของนักรบในชนเผ่า เค้าเชี่ยวชาญการซัดเข็มหนามยิ่ง ระยะเจ็ดแปดวาขว้างปาไม่มีพลาด ทั้งยังเป็นบุตรชายของหมอกดำเอง เม่นหินได้รับคำสั่งก็พานักรบรุ่นใหม่ห้าคนลงใต้ทันที เค้าได้รับมอบหมายให้สืบข่าวเผ่าอากู หนึ่งในคนที่ติดตามยังเป็นบุตรชายหัวหน้าเผ่า ไก่หินผู้เป็นน้องชายไข่หินอีกด้วย “ใช่แล้ว” ควรรู้เอาไว้ว่า ชนชาวป่ามักจะตั้งชื่อบุตรประหลาดเช่นนี้ ส่วนมากมักจะเรียกต่อท้ายว่าหิน แม้แต่ กวางหิน หรือนกหินงูหินก็มี “…”*** ไม่นานหลังจากสามหน่วยแยกทาง พี่หมีไม่รู้ตัวซักนิด ทันทีที่ตนเหยียบเข้าเขตคุโมโม่ สายสอดแนมของศัตรูก็ตรวจพบแล้ว! ปกติมิค่อยมีชนเผ่าใดวางกำลังชายแดน พี่หมีจึงชะล่าใจ กับเป็นพี่เสือที่คิดเตลิดในตอนนั้น ตื่นตัวอยู่ก่อน นำคนเผ้าสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆมาหลายเดือนแล้ว ยามนี้ร
คนป่าที่ 24ต้มเกลือ ท่อนซุงถูกขูดจนกลายเป็นเรือเล็ก ว่านลุ่ยนำหัวท้ายวางบนก้อนหินใหญ่ ตรงกลางเจาะรูไม่ใหญ่มาก ต่อท่อให้น้ำไหล เมื่อนำเดินเค็มใส่เข้าเรือไม้จนเต็ม เหยียบอัดให้แน่น จากนั้นตักน้ำจากลำธารมาหมักไว้ รอจนหยดลงเต็มถังไม้ นำมาต้นไม่นานก็ได้เกลือแล้ว ความยากลำบากผ่านพ้นไป ว่านลุ่ยสอนอยู่นานจนน้องสาวทั้งสองจำได้ นางถึงขั้นลงทุนสร้างกระท่อมน้อยเป็นเพิงพักให้คนทั้งคู่ วันทั้งวันจะได้มิต้องไปไหน ทำหน้าที่ต้มเกลือให้กับตนก็พอ ที่ต้าเว่ย การค้าเกลือถือเป็นสิ่งที่ทำกำไลมากที่สุด หากไม่มีใบอนุญาตควบคุมจากราชสำนัก ชาวบ้านทั่วไปมิสามารถขนส่งค้าขายได้ ดังนั้นว่านลุ่ยจึงเห็นว่าเจ้าสิ่งนี้สำคัญยิ่ง หน้าที่นี้จึงตกเป็นของน้องสาวทั้งสองที่ตนไว้ใจ ผ่านไปอีกหลายวัน ท้องของว่านลุ่ยโตมาก นางคิดว่าลูกในท้องคงจะเกิดในหน้าหนาว ดังนั้นจึงรีบทำสิ่งสำคัญหลายอย่าง เพื่อให้ทันก่อนที่หิมะจะตกมา อย่างเช่นวันนี้ ว่านลุ่ยยืนคุมคนงานสองคนขุดหน้าดิน พอเห็นดินเหนียวที่ต้องการนางก็ร้องบอกว่าพอแล้ว แสดงท่วงท่าบ้าใบ้ว่าข้าต้องการสิ่งนี้ ให้ขุดข