Share

บทที่ 23 ยึดอำนาจดูแลจวน

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-22 22:34:41

แม้ว่าโม่ชิงเยว่อยากจะเล่นงานฮูหยินผู้เฒ่าจนถึงขั้นทำให้นางถูกคุมขังในกรงขังของกรมอาญา แต่เพราะคำว่ากตัญญูทำให้นางไม่อาจจะทำได้ ถึงอย่างไรยามนี้นางก็ยังไม่ได้หย่าขาดกับซ่งเหวินจิ้ง ฐานะในยามนี้ของฮูหยินผู้เฒ่าก็เทียบเท่ากับมารดาของนาง แต่แน่นอนว่านางไม่มีทางเผยจุดนี้ให้ผู้อื่นรู้ ท่าทีแข็งกร้าวของนางยังทำให้ท่านผู้บัญชาการเยี่ยที่ยามนี้ถือว่าเป็นคนนอกยังต้องเอ่ยเตือนนาง

“นิ่งอันโหวฮูหยิน ถึงอย่างไรนางก็เป็นแม่สามีของท่าน ไม่ว่าจะทำเรื่องใดท่านต้องคำนึงถึงความกตัญญูด้วย บ้านเมืองมีกฎหมายก็จริงแต่แคว้นเหลียนของพวกเรายึดถือคำว่ากตัญญูเป็นหลัก หากท่านไม่สนใจชื่อเสียงของตนเองก็ควรจะสนใจชื่อเสียงของลูกๆ ของท่านด้วย” คำพูดของท่านผู้บัญชาการทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมา

“เมื่อก่อนข้าก็กังวลถึงเรื่องนี้อยู่เช่นกันเจ้าค่ะท่านผู้บัญชาการ จึงได้ยินยอมให้แม่สามีรังแกมาจนถึงยามนี้ เพียงแต่คราวนี้ข้าคิดว่าคงไม่อาจจะยอมปล่อยให้ผู้อื่นมารังแกข้าได้อีกแล้ว” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางจ้องมององครักษ์หน้ากากเหล็กผู้นั้นอีกครั้ง แล้วจึงได้เอ่ยกับข้ารับใช้ในจวนโหวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความข่มขู่

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะเป็นคนดูแลจวนหลังนี้เอง หากมีผู้ใดไม่เชื่อฟังข้าจะขายทิ้งเสีย” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินหนิงที่ยามนี้แต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อยแล้วถึงกับถลาเข้ามาจะทำร้ายโม่ชิงเยว่ในทันที ใบหน้าที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเสื้อผ้าที่ยับย่นรวมกับทรงผมที่หลุดลุ่ยของนางทำให้หลายคนที่ยืนอยู่ในโถงของเรือนฝูโซ่วต่างก็คาดเดาได้แล้วว่าเมื่อครู่นี้นางเผชิญกับเรื่องใดมา

“เจ้า! เป็นเจ้าที่ทำลายชีวิตของข้า” ซ่งเหวินหนิงเอ่ยพลางเงื้อมีดสั้นที่นางถือในมือขึ้นทำท่าว่าจะแทงไปที่ร่างของโม่ชิงเยว่ ทั้งท่านผู้บัญชาการและซ่งเหวินจิ้งที่ยืนอยู่ใกล้นางต่างก็รีบขยับตัวจะเข้าไปช่วยโม่ชิงเยว่แต่ยังช้ากว่าฝีเท้าของโม่ชิงเยว่นัก

“ผลั๊ก กร็อบ” เสียงฝ่าเท้าของโม่ชิงเยว่ถีบเข้าไปที่หน้าท้องของซ่งเหวินหนิงทำให้ทุกคนนิ่วหน้า แต่เสียงซี่โครงหักของซ่งเหวินหนิงทำให้ซ่งเหวินจิ้งที่ยังคงสวมหน้ากากอยู่รีบเข้าไปประคองน้องสาวของตนด้วยความเป็นห่วงในทันที

“นายท่านคุณหนูซ่งลงมือฆ่าชายผู้นั้นแล้วขอรับ” คำพูดของคนของเขาทำให้ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองน้องสาวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

“นี่เจ้าลงมือฆ่าคนหรือ” คำถามของเขาทำให้ซ่งเหวินหนิงที่ในยามนี้ได้รับบาดเจ็บจนแทบพูดไม่ออกพยักหน้า

“ข้า..ข้าจะต้องฆ่านางและลูกๆ ของนางด้วย” คำพูดของซ่งเหวินหนิงที่เอ่ยออกมาทั้งที่ร่างกายยังได้รับบาดเจ็บทำให้ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ น้องสาวผู้น่ารักอ่อนหวานและใสซื่อบริสุทธิ์ในสายตาของเขา ในยามนี้นางกำลังทำให้เขาต้องมองนางด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไปจากในเมื่อก่อน

“ท่านผู้บัญชาการนางฆ่าคนในเรือน อีกทั้งยังคิดจะทำร้ายข้าและลูกๆ ของข้า ท่านควรจะจับตัวนางไปให้ที่ศาลาว่าการหรือไม่ก็ที่ศาลของกรมอาญาเพื่อให้พวกเขาไต่สวนและลงโทษตามกฎหมายของแคว้นเหลียนของพวกเรานะเจ้าคะ” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินหนิงที่ในยามนี้แทบจะหมดแรงไปแล้วด้วยความเจ็บกัดฟันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ

“เจ้ากล้าลงมือกับข้าหรือ”

“เหตุใดจะไม่กล้าเล่า ฐานะของเจ้าเป็นแค่เพียงน้องสาวของสามีข้ายังจะต้องคำนึงถึงเรื่องความกตัญญูทำไมกัน” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินหนิงถ่มน้ำลายออกมาด้วยความหยาบคาย

“ถ้าพี่ชายของข้ากลับมาแล้วรู้ว่าเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ เขาจะต้องยื่นฎีกาขอหย่าขาดกับเจ้าแน่”

“เช่นนั้นก็ให้เขาหย่าขาดข้าเลย ข้าเองก็เบื่อหน่ายที่จะต้องทนใช้ชีวิตอยู่ในจวนที่เต็มไปด้วยคนจิตใจอำมหิตและจ้องแต่จะทำร้ายข้าและลูกๆ ของข้าเต็มทีแล้ว” โม่ชิงเยว่เอยออกมาตามความรู้สึกของตนเอง นางไม่คิดจะสนใจแล้วว่ายามนี้มีคนนอกอยู่ในบริเวณนี้ด้วย สำหรับนางแล้วหากซ่งเหวินจิ้งกลับมาแล้วยื่นฎีกาขอหย่าขาดจากนางจึงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด โดยที่นางไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าคำพูดของนางทำให้คนฟังอย่างซ่งเหวินจิ้งรู้สึกเจ็บปวดใจมากเพียงใด

“คุณหนูซ่งกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่” ซ่งเหวินจิ้งหันไปเอ่ยกับผู้บัญชาการด้วยน้ำเสียงราบเรียบท่านผู้บัญชาการก็พยักหน้าแล้วเอ่ยออกมาตามตรง

“ได้รับบาดเจ็บอยู่ก็ถูกจับกุมได้ นางฆ่าคนภายใต้จมูกของข้าอีกทั้งเมื่อครู่นี้ยังตั้งใจจะฆ่าฮูหยินของนิ่งอันโหวอีก หากข้าไม่จับกุมนางไปนอกจากจะเป็นการละเลยหน้าที่ของตนเองแล้วยังถือว่าเป็นการทำผิดต่อท่านโหวด้วย” คำพูดของผู้บัญชาการทำให้ซ่งเหวินจิ้งนิ่งงันไป เขาก้มลงไปมองน้องสาวที่ในยามนี้ได้รับบาดเจ็บจนใบหน้าซีดเซียวอีกทั้งยังมีเหงื่อผุดออกมาจนเต็มใบหน้าด้วยสายตาอันซับซ้อนแล้วจึงได้เอ่ยออกมาอย่างตัดใจ

“เช่นนั้นท่านผู้บัญชาการก็ทำตามหน้าที่ของท่านเถิด” เขาเอ่ยพลางตัดสินใจวางร่างของน้องสาวลง ท่านผู้บัญชาการจึงได้ส่งสัญญาณให้คนไปอุ้มร่างของซ่งเหวินหนิงขึ้น

“ปล่อยข้านะ พวกท่านจะทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้” ซ่งเหวินหนิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

“หากพี่ชายของข้ากลับมาเขาจะต้องจัดการพวกเจ้าแน่” คำพูดของนางทำให้ผู้บัญชาการส่ายหน้า

“คุณหนูซ่งไม่ต้องเป็นห่วง ยามที่นิ่งอันโหวกลับมาแล้วข้าย่อมมีคำอธิบายให้เขาแน่นอน แต่ยามนี้คุณหนูต้องได้รับการรักษาก่อน ที่คุมขังของกรมอาญามีท่านหมอฝีมือดีมาเป็นแขกอยู่ที่นั่นพอดี รับรองว่าด้วยฝีมือของเขาท่านจะต้องหายดีอย่างแน่นอน” เมื่อเอ่ยจบท่านผู้บัญชาการก็ส่งสัญญาณให้คนของเขานำตัวของซ่งเหวินหนิงออกไป วันนี้เขาต้องพาคนผิดกลับไปไต่สวนที่กรมอาญาให้ได้ การพาคนบุกรุกเข้ามาในจวนโหวเช่นนี้หากจับตัวคนทำผิดไปลงโทษไม่ได้เขาก็ยากจะแก้ต่างให้กับตนเองและลูกน้อง

“นำศพของนักฆ่าทั้งสี่นี้กลับไปด้วย สืบสวนให้ดีว่าพวกเขามีที่มาเช่นไร” เมื่อท่านผู้บัญชาการเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็ขมวดคิ้วแน่น แต่เมื่อคิดได้ว่าทั้งมารดาของเขาและคนสกุลกู้ควรจะได้รับบทเรียนจากเรื่องนี้เขาจึงไม่ได้ห้ามท่านผู้บัญชาการ

“เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน หากมีความคืบหน้าอย่างไรข้าจะส่งคนมาแจ้งนิ่งอันโหวฮูหยินอีกครั้ง” เมื่อผู้บัญชาการเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่จึงได้ย่อกายคารวะตามธรรมเนียม

“รบกวนท่านผู้บัญชาการแล้ว” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้เขาก็พยักหน้าแล้วเดินนำลูกน้องออกจากเรือนฝูโซ่วไป ซ่งเหวินจิ้งเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อแล้วเขาจึงได้เดินติดตามท่านผู้บัญชาการออกจากจวนด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

“จำไว้ให้ดีผู้ใดภักดีกับข้า ข้าจะเก็บเอาไว้แต่ถ้าหากไม่ข้าคงต้องขายพวกเจ้าทิ้ง” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางหันไปเอ่ยกับเฉินมามา

“ดูแลฮูหยินผู้เฒ่าให้ดี ส่งคนไปตามท่านหมอมาดูแลนางด้วย เมื่อนางได้สติแล้วก็บอกให้นางมอบกุญแจห้องสมบัติให้ข้า หากนางไม่อยากจะถูกส่งตัวเข้าคุกของกรมอาญาก็อย่าได้คิดขัดขืนคำสั่งของข้า” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยจบก็เดินกลับเรือนเหมันต์ของตนเองในทันที ในใจก็คิดว่าวันพรุ่งนี้นางจะพาลูกๆ กลับมาที่เรือนหลักที่นางเคยพัก เพื่อที่ลูกๆ ของนางจะได้สะดวกในการเชื้อเชิญอาจารย์เข้ามาสอนวิชาความรู้ ส่วนตัวนางเองก็ถึงเวลาแล้วที่จะได้ออกจากจวนไปสานสัมพันธ์กับคนสกุลเจียงซึ่งเป็นจวนสกุลเดิมของมารดาแท้ๆ ของนาง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status