Share

บทที่ 30

last update Last Updated: 2025-02-19 09:30:01

เมื่อกระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว ฉือฟางอินจึงพาเฉียนเอ๋อร์กลับมาที่เดิม ในมือยังคงกวัดแกว่งของเล่นไปมา ให้เฉียนเอ๋อร์ได้เล่นอย่างอารมณ์ดี แต่ภายในหัวกลับเอาแต่คิด ถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ จนไม่ได้ยิน เสียงเรียกของจินซีหลัน กับหญิงชาวบ้านคนอื่นๆ ที่เดินนำอาหารมาจัดวางเรียงบนโต๊ะอยู่ตอนนี้

“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยิน!”

“โอ๊ะ! ท่านป้า ท ท่านเรียกข้าหรือ”

“ใช่เจ้าค่ะ กำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ถึงได้ไม่ได้ยินเสียงพวกเรา หรือว่าฮูหยินต้องการสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ บอกพวกข้ามาได้เลยนะเจ้าคะ พวกข้ายินดีช่วยเจ้าค่ะ”

ได้รับน้ำใจจากจินซีหลันเช่นนี้ ฉือฟางอินก็จะรู้สึกสะท้อนใจ หญิงวัยกลางคนตรงหน้าจะรู้หรือไม่ ว่าบุตรสาวของนาง กำลังคิดวางแผนให้ตนเองเป็น ได้เป็นอนุภรรยาของฉือหย่งหลิง แต่ถึงอย่างนั้นฉือฟางอินไม่อยากให้เรื่องนี้ นำพาให้บรรยากาศที่ดี ระหว่างตัวนางและหญิงชาวบ้านทุกคนต้องเสียไป

นางจึงเลือกเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจ รอเวลากลับไปถึงเรือน แล้วค่อยคิดเรื่องที่พึ่งได้ยินมาต่อ

“ข้าก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วนี่พวกท่าน ทำอาหารเสร็จแล้วหรือ”

“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ เอ๋ ของเล่นนี่…”

“เมื่อครู่นี้แม่เฒ่าลี่ ฝากท่านน้าหญิงคนหนึ่งเอามาให้เฉียนเอ๋อร์น่ะ ดูถ้าเขาจะชอบเอามากๆ ดูสิ เล่นไม่ยอมหยุดเลย”

ป๋องแป๋ง! ป๋องแป๋ง! ป๋องแป๋ง!

“คิกๆ แอ๊…แอ๊! คิกๆ”

“อย่างนั้นเองหรือเจ้าคะ น่าเอ็นดูจังเลยเจ้าค่ะ อ้าวลู่ซือเจ้ามาพอดี”

“ฮูหยิน ข้าน้อยลู่ซือนำเครื่องเคียงหมักมาให้ท่านได้ลองชิมเจ้าค่ะ”

“ขอบใจท่านน้าลู่ซือ แล้วท่านป้าท่านน้าคนอื่นๆ เล่า ไม่มากินข้าวด้วยกันหรือ”

“พวกนางคงจะกลับไปกินที่บ้านของตนเองนะเจ้าค่ะ ท่านแม่เฒ่าเองก็ต้องกินยาบำรุงร่างกาย และนอนพักผ่อนในตอนบ่ายเจ้าค่ะป่านนี้จี้ซวางคนที่แม่เฒ่า วานให้เอาของเล่นมาให้คุณชายน้อย คงจะกำลังทำอาหาร ต้มยาให้แม่เฒ่าอยู่เจ้าค่ะ”

“ที่แท้ ท่านน้าจี้ซวางก็เป็นครอบครัวเดียวกับแม่เฒ่า”

“ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะ จี้ซวางนางเป็นคนรับใช้ในจวนของแม่เฒ่าลี่ที่รอดชีวิตอยู่เพียงคนเดียว ในคืนที่พวกเราถูกคนของฮองเฮาและองค์รัชทายาทกวาดล้างเจ้าค่ะ”

ฉือฟางอินได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกสงสารพวกชาวบ้านที่ต้องลี้ภัยมาที่นี่จับใจ เพราะพวกเขาต้องสูญเสียทั้งครอบครัว และทรัพย์สินไปในคราเดียวกัน ไหนจะความลำบากในระหว่างทาง ที่ต้องหนีมาตายเอาดาบหน้า ณ แดนตะวันออกของแคว้นฟู่แห่งนี้อีก

“พวกท่านช่างน่าสงสารยิ่งนัก หากระหว่างที่ข้าอยู่ที่นี่ ได้เผลอกล่าววาจากระทบจิตใจพวกท่านไป ข้าต้องขออภัยด้วย”

“โถ่ ฮูหยิน เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว พวกข้าปล่อยวางกันได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้กังวลใจไปเลยนะเจ้าค่ะ”

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านอย่าได้กังวลไปเลย กินข้าวเถิดเจ้าค่ะ กับข้าวกำลังร้อนๆ เลย”

จินซีหลัน จือลั่วและลู่ซือช่วยกันพูดทำให้ฉือฟางอินรู้สึกดีขึ้น เพราะเห็นว่านางทำท่าทางสงสารพวกนางจับใจ พวกนางเองที่เห็นดันนั้นก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ แต่ทว่าสิ่งที่ทั้งสามคนกล่าวไปเมื่อครู่นั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความจริง ชาวบ้านที่นี่ได้ละทิ้งความเศร้าโศก และชีวิตในอดีตไปจนหมดสิ้นแล้ว

“อื้อ ฮรึก…ฮรึก”

 “เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเบื่อแล้วหรือ

“สงสัยคุณชายน้อย จะหิวแล้วหรือเปล่าเจ้าคะ”

“นั่นสิ ข้าลืมไปเลย เฉียนเอ๋อร์เจ้าหิวนมหรือ มาๆ แม่จะให้เจ้ากินเดี๋ยวนี้ ท่านป้า ท่านพอจะมีผ้าคลุมให้ข้าหยิบยืมหรือไม่”

“มีเจ้าค่ะ สักครู่นะเจ้าคะ”

จินซีหลันรีบลุกขึ้นไปเอาผ้าคลุมมาให้ หลังจากที่ทุกหมดกินมือกลางวันกันเรียบร้อยแล้ว ก็พากันไปเรียนการปักผ้ากันต่อ และเปลี่ยนสถานที่จากลานกลางหมู่บ้าน มาที่ลานบ้านของจินซีหลันแทน ส่วนลายที่จะปักในช่วงบ่ายนั้น ก็คือลายดอกเหมยฮวา

“พอปักลงบนสาบเสื้อคลุมแล้วสวยมากเลยเจ้าค่ะ”

“ใช่แล้ว การปักลวดลายไว้ตรงนี้ จะเหมาะกับผู้ที่ชอบใส่ชุดที่ปักลายไม่มาก แต่ก็ยังคงมีจุดดึงสายตา ให้ผู้อื่นที่มองมาได้เห็น ตอนอยู่ที่จวนสกุลเดิม ข้าเองก็ชอบใสชุดที่มีลายแบบนี้เช่นกัน หากพวกท่านปักกันเสร็จแล้ว ช่วยสวมใส่ให้ข้าเห็นได้หรือไม่”

“ได้เจ้าค่ะฮูหยิน”

“ฮ้าววว อื้อออ คิก…”

ขณะที่ทุกคนกำลังขะมักเขม้นกับการปักผ้าอยู่ เจ้าก้อนหมั่นโถวที่กินนมอิ่มแล้ว ก็เหมือนจะถูกความง่วงเข้าครอบงำ ถึงได้หาวไปหัวเราะไปอยู่เช่นนี้ จนทุกคนอดจะหัวเราะเขาไม่ได้

“เฉียนเอ๋อร์ตาเจ้าจะปิดอยู่แล้ว ยังจะห่วงเล่นอีกหรือ มาเถิดให้แม่จะกล่อมเจ้านอน”

“อื้อ แอ๊ อื้อๆๆ ฮรึก”

“ชู่ว เด็กดีไม่งอแง แม่ไม่ได้เอาของเล่นเจ้าไปไหน เพียงแค่วางตรงนี้เท่านั้น ไว้เจ้าตื่นมาค่อยมาเล่นใหม่”

ฉือฟางอินรีบพาบุตรชาย ที่เริ่มจะงอแงเพราะห่วงเล่น เดินออกไปให้ห่างจากตรงนี้ เพื่อให้เขาหันไปสนใจอย่างอื่นแทน

“เอ่…เอ๊…หลับเสียดวงใจของแม่”

นางเดินไปมาพร้อมกับโยกตัวไปมา ใช้มือข้างหนึ่งตบที่ก้นของเด็กน้อยเบาๆ ใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้าตัวน้อยก็เข้าสู่ห้วงนิทรา นางจึงเดินอุ้มบุตรชายกลับมา แล้ววางลงเอาลงเปล เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าที่หน้าเรือน มีจินซือโจวที่พึ่งกลับมาจากการล่าสัตว์ พร้อมกับชายฉกรรจ์สี่คนยืนอยู่

 “เห็นซีหลันบอกว่าท่านอุ้มคุณชายน้อยไปกล่อมนอน แล้วนี่คุณชายน้อยหลับแล้วหรือขอรับ”

“เขาหลับไปแล้ว แล้วนั่น…กระสอบอะไรหรือ”

“ไก่ป่า กับกระต่ายป่าที่พวกข้าน้อยไปล่ามาน่ะขอรับ ยังมีหมูป่าอีกนะขอรับ”

 “นี่ถึงวันล่าสัตว์ของหมู่บ้านแล้วหรือ”

“ยังไม่ถึงขอรับ แต่ที่อยู่นี้คือ สัตว์ที่จะเอามาทำอาหารในงานเลี้ยงขอรับ”

“งานเลี้ยง งานเลี้ยงอะไรหรือ”

“ก็งานเลี้ยงต้อนรับท่านกับคุณชายน้อย ในอีกสองวันข้างหน้านี้อย่างไรขอรับ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status