ซ่าาาาา ซ่าาาาา
เสียงของสายฝนเทกระหน่ำร่วงหล่นลงจากฟ้าสู่พื้นดินที่แห้งให้เปียกชื้น ท้องฟ้าที่เคยโปร่งแสงบัดนี้เต็มไปด้วยเมฆหนาครึ้มเคลื่อนตัวมาบดบังพระอาทิตย์จนไม่เห็นแสง ทั้งไหนจะสายลมเย็นที่สงบอยู่ ๆ ก็พัดกรรโชกเหล่าต้นไม้ให้ไหวเอนไปตามทิศทางของแรงลม เหล่าผู้คนที่เดินพลุ่งพล่านก็ต่างพากันสาวเท้าออกวิ่งหาที่หลบสายฝนจ้าละหวั่น
ซึ่งหนึ่งในคนที่กำลังวิ่งหาที่หลบสายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างกับฟ้ารั่วก็มีช่างภาพหนุ่มวัย30อย่าง เขม หรือ เขมกร ก้องวัฒนะกุล ที่พึ่งจบงานถ่ายภาพนายแบบชื่อดังอย่าง คุณที ก็กำลังวิ่งเหลียวหาที่หลบฝนเช่นกัน ด้วยกลัวว่ากล้องราคาแพงที่เขาแบกใส่กระเป๋ามาด้วยจะเปียกเอา
"จะมาตกทำห่าอะไรตอนนี้วะ...แม่งเอ๊ยยยให้กูถึงบ้านก่อนก็ไม่ได้ ตาย ๆ กล้องกูจะเปียกไหมเนี่ยยย"
เขมหรือเขมกรสบถบ่นออกมาอย่างหัวเสียสายตาก็สอดส่องมองหาพื้นที่ที่พอจะบังฝนให้เขาได้ แต่ถึงกระนั้นเขมมองหาจนทั่วแล้วก็ไม่มีตรงไหนเลยที่พอจะเป็นที่หลบฝนให้เขาได้ แต่ทว่าเขมที่กำลังหัวเสียที่หาพื้นที่หลบฝนไม่ได้ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ที่เขาไม่คุ้นตาเอาซะเลยตั้งอยู่ไม่ไกลจากตรงที่เขายืนอยู่
"มาเปิดตอนไหนวะ เดินผ่านก็บ่อยทำไมไม่เคยเห็นเลย"เขมบ่นออกมาเสียงเบาอีกครั้งพลางหัวคิ้วทั้งสองก็ขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างนึกสงสัย ก่อนที่ไม่นานเท้าที่สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ตอนนี้เปียกชื้นจะก้าวเร็ว ๆ ตรงไปยังคาเฟ่ที่ตัวเขาไม่คุ้นตาเลยสักนิด พลันในหัวก็สบถบ่นไม่หยุด
ช่างแม่งเหอะ ตอนนี้ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ถ้ากล้องพังมึงซวยแน่ไอ้เขมกร
คิดเพียงเท่านั้นเขมกรก็สาวเท้าเร็วตรงไปคาเฟ่เล็ก ๆ นั้นทันที วิ่งไม่นานตัวของเขมกรก็มาถึงหน้าประตูร้านคาเฟ่และทันทีที่เห็นป้ายชื่อร้านหัวคิ้วของเขมกรก็ขมวดมุ่นเข้าหากันอีกครั้งพลางภายในหัวก็ผุดความคิดขึ้นมา
ตั้งชื่อร้านแปลกจังวะ ร้านคาเฟ่เกิดใหม่อาทิตย์ครองจันทร์ เนี่ยนะ แต่จะว่าไปมันก็เข้าท่าดีนะชื่อร้านน่าจะดึงดูดลูกค้าน่าดู แต่จะว่าไปชื่อร้านทำไมมันดูคุ้น ๆ จัง
ไม่คิดมากไปกว่านี้มือของเขมกรก็เอื้อมไปผลักประตูร้านให้เปิดออกและทันทีที่ประตูได้เปิดขึ้น แสงสว่างจ้าก็พวยพุ่งตรงมายังคนที่เปิดประตูทันที อีกทั้งร่างกายของเขมก็เหมือนถูกกระชากให้เข้าไปด้านในอย่างแรง
เขมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ทั้งตกใจและมึนงงไปหมดไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง มาตั้งตัวได้อีกทีก็ตอนที่ตัวเองหล่นตุ๊บลงมาในห้องที่เย็นเฉียบและล้อมรอบไปด้วยความมืด จะมีก็เพียงหน้าจอบ้าอะไรก็ไม่รู้ที่โชว์ประวัติของใครก็ไม่รู้อีกนั่นแหละให้เห็น แต่ทว่ารูปผู้ชายที่อยู่ในหน้าจอบ้านั้นกลับเรียกสายตาให้เขาหันไปสนใจ
เพราะรูปที่โชว์ในหน้าจอนั้นมันเป็นรูปของเขา
"เหี้ยอะไรวะเนี่ย! อย่างกับการ์ตูนอนิเมะที่พระเอกตายแล้วไปเกิดใหม่ในต่างโลกเลย นี่กูฝันอยู่เหรอวะ"
เพียะ!
เขมบ่นออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ทั้งยังยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองอย่างแรงจนดังเพียะ เพื่อที่จะพิสูจน์ดูว่าตัวเองนั้นกำลังฝันอย่างที่คิดไหม และปรากฏก็ต้องทำให้เขมผิดหวังเพราะทันทีที่ฝ่ามือกระทบลงบนแก้มความเจ็บของแรงตบก็ทำให้เขาร้องออกมาทันที
"โอ๊ย! ไอ้เหี้ยยยเจ็บฉิบหายเลย นี่กูไม่ได้ฝันไปอย่างนั้นเหรอวะ"
ความกังวลและความวิตกเริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อเขมรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเจออยู่ในตอนนี้มันไม่ใช่ความฝัน เขมกรเริ่มกวาดสายตามองพื้นที่โดยรอบอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็เจอเพียงแค่ความมืดและหน้าจอที่แสดงสถานะชื่อตัวละครให้เขาเห็นเพียงเท่านั้น
"โว้ยเหี้ยอะไรของชีวิตกูเนี่ย!"เขมกรสบถร้องออกมาอย่างหัวเสียอีกครั้งพลางมือทั้งสองก็ยกขึ้นมาขยี้หัวตัวเองเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิด แต่สุดท้ายเขมที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดีเขาก็ได้แต่สงบสติอารมณ์ตัวเองและหันไปสนใจหน้าจอตรงหน้าและเริ่มอ่านประวัติตัวละครบนหน้าจอ
"ชื่อเล่นข้าวตัง อายุ30ปี อายุเท่ากับกูเลยโอ๊ะ ส่วนสูง179เท่ากูด้วยแถมอาชีพยังเป็นช่างภาพอิสระแบบกูอีก หน้าตาเหมือนกูไม่พออาชีพและความชอบยังเหมือนกูอีก แล้วนี่อะไร สถานะตัวละครนี่มันตัวประกอบไม่ใช่เหรอไง"
"ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนพระเอก"
"เหี้ย! ใจกูแทบวาย"อยู่ ๆ เสียงระบบก็ดังขึ้นทำให้เขมกรที่กำลังสนใจเกี่ยวกับประวัติตัวละครอยู่นั้นสะดุ้งตกใจ ก่อนที่จะเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง"แล้วไอ้เพื่อนพระเอกมันไม่ตัวประกอบตรงไหนอ่ะ"
"ไม่ค่ะ ตัวละครข้าวตังในเรื่องอาทิตย์ครองจันทร์ถือว่าเป็นตัวละครหลักอีกตัว เพราะมีบทบาทพอ ๆ กับพระเอกนายเอกค่ะ"
"บทบาทอะไร"เขมถามขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พลางในหัวก็นึกคิดว่าทำไมเขารู้สึกคุ้น ๆ ชื่อเรื่องที่ระบบได้เอ่ยขึ้นมาจัง ก่อนที่ไม่นานเขมจะอ๋อขึ้นมาในใจ
เมื่อเขานึกออกแล้วว่าชื่อเรื่องที่ระบบเอ่ยมานั้น มันเป็นนิยายวายที่ตัวของเขมเคยอ่านเมื่อตอนที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย จนเขาแทบจะลืมเนื้อหาไปหมดแล้ว เขมจำได้เพียงแค่ว่าพระเอกเรื่องนี้ชื่อว่าอาทิตย์และนายเอกชื่อวันจันทร์ ที่จำชื่อสองคนนี้ได้เพราะมันเป็นชื่อเรื่องด้วยอะนะ
และที่เขมจำได้อีกอย่างก็คืออีตาอาทิตย์พระเอกเรื่องนี้มันเพลย์บอยจัด ๆ ควงหญิงควงชายไม่ซ้ำหน้าในแต่ละวัน ส่วนคุณน้องวันจันทร์ก็เป็นนายเอกตามฉบับนิยายเลย ก็คือใสซื่อบริสุทธิ์ผุดผ่อง ใสซื่อจนกูที่เป็นคนอ่านเนี่ยเหนื่อยใจว่าทำไมคุณน้องถึงได้ร๊ากรักอีตาพระเอกแสนห่วยแตกขนาดนี้ ถ้าเป็นพี่นะ พี่หนีไปเอาพระรองที่น่ารักแสนดีและดูแลเอาใจใส่น้องดีกว่า
แต่ก็อย่างว่าแหละนายเอกนิยายส่วนใหญ่ก็มักจะชอบผู้ชายแบด ๆ กันอ่ะนะ เออจะว่าไปคิดเพลินไปหน่อยจนลืมสนใจคุณระบบเขาเลย
"บทบาทคอยด่า เอ๊ย..คอยตักเตือนพระเอกให้หันมาสนใจและเอาใจใส่นายเอกค่ะ"
สิ้นประโยคคำพูดของระบบ เขมกรก็ยืนนิ่งไปสักพักภายในหัวก็ประมวลผลกับประโยคเมื่อกี้ อะไรนะ เมื่อกี้เขาได้ยินระบบบอกว่าตัวละครข้าวตังต้องคอยอะไรนะ คอยด่าอีตาพระเอกใช่ไหม?
"แล้วคือยังไง แล้วทำไมผมต้องมารู้เรื่องพวกนี้ด้วย แล้วอีกอย่างนะทำไมผมถึงได้มาอยู่ที่นี่ คุณส่งผมกลับไปเหมือนเดิมเลยนะ"เขมเริ่มโวยวายออกมา เมื่อเขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมาอยู่ตรงนี้และยิ่งเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นทุกทีเมื่อไอ้คุณระบบมันเอ่ยว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ มันเป็นเพราะเขาตัดสินใจมาด้วยตัวเอง
"ไม่ได้ค่ะ ตัวละครที่คุณเห็นอยู่ในตอนนี้ คือตัวละครที่คุณต้องเข้าไปสวมบทบาทเป็นเขา และที่คุณถามว่าทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ นั้นก็เป็นเพราะคุณเลือกที่จะเปิดประตูเข้ามาเองเราไม่ได้บังคับคุณ ซึ่งถ้าคุณอยากจะกลับไปที่โลกเดิมของคุณ คุณก็ต้องทำให้เนื้อหานิยายจบสมบูรณ์ นั้นคือทำให้อาทิตย์พระเอกของเรื่อง รักและซื่อสัตย์กับวันจันทร์ที่เป็นนายเอกเพียงคนเดียว"
ฟังจบเขมกรก็ยืนตกตะลึงอ้าปากค้างกับสิ่งที่ตัวเองได้รับรู้ แต่ยังไม่ทันที่เขมกรจะได้โต้แย้งหรือปฏิเสธอะไรออกไป เสียงของคุณระบบก็เริ่มเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง แล้วในครั้งนี้ก็แจ้งเกี่ยวกับการที่จะส่งตัวของเขาเข้าไปในนิยายเรื่องที่เขาจำเนื้อหาแทบไม่ได้แล้วนี่สิ!
"ระบบกำลังจะเริ่มต้น โปรดเตรียมตัวให้พร้อม"
"เหี้ย ๆ ๆ ๆ เดี๋ยวก่อนสิเดี๋ยวก่อน! ไอ้ระบบเหี้ยเอ๊ยคอยดูนะ กูจะด่าพระเอกของมึงให้มันหาทางกลับบ้านไม่เจอเลย!"
ท้ายที่สุดวันที่เขมกรไม่อยากให้มาถึงมากที่สุดก็ได้มาถึงแล้ว เขมกรในวันนี้สวมชุดสูทสีเลือดหมูเต็มยศยืนมองพระเอกและนายเอกของเรื่อง อาทิตย์ครองจันทร์ ใส่ชุดสูทสีขาวสะอาดตากำลังยืนให้คำสัตย์ปฏิญาณและแลกแหวนกันด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข โดยมีทุกคนในงานยืนเป็นสักขีพยานหลังจากเจออุปสรรคมาอย่างมากมายทั้งเรื่อง สุดท้ายนักเขียนก็มักจะบรรยายให้พระเอกนายเอกของนิยายจบแบบสมหวังในความรักและเต็มไปด้วยความสุขแบบนี้เสมอซินะแต่ทว่าทำไมล่ะในเมื่อพระเอกนายเอกของเรื่องพวกเขาทั้งสองต่างก็มีความสุขและสมหวังกันในตอนจบของนิยาย แล้วชีวิตตัวของละครพระรองอย่างธีโอที่สำคัญอีกตัวละครล่ะ ทำไมนักเขียนถึงได้ลืมที่จะบรรยายให้เขามีความสุขและสมหวังในตอนจบบ้างนัยน์ตากลมทอดมองเจ้าของความสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรที่ในวันนี้ก็แต่งตัวด้วยชุดสูทเต็มยศเฉกเช่นเดียวกันกับเขาแตกต่างกันเพียงสีของชุดสูทและเนกไท เพราะสีสูทของฝั่งเพื่อ
ทีปกร"เปล่าหรอก...อาทิตย์มันมาชวนให้พี่ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งของมันกับวันจันทร์น่ะ อีกหน่อยน้องวันจันทร์ก็คงโทรหาธี....ให้ธีไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวฝั่งของน้อง"จบประโยคคำพูดของข้าวตังผมก็ชะงักนิ่งค้างไปพลางมือไม้ก็อ่อนแรง จนประคองช้อนในมือเอาไว้ไม่อยู่ปล่อยให้มันร่วงลงบนโต๊ะอย่างหมดแรง ในหัวของผมในตอนนี้มันขาวโพลนไปหมดความคิดก็ตื้อตันหัวใจก็พลันรู้สึกสั่นแรงจนน่ากลัว"...เพื่อนเจ้าบ่าวอย่างนั้นเหรอ"ผมหลุบสายตาต่ำสบถพูดเสียงแผ่วเบา ตอนนี้ในหัวของผมมันตีรวนไปหมดแล้วไม่รู้จะเอ่ยพูดอะไรต่อดี เพราะผมรู้ดีว่าอีกไม่นานข้าวตังก็จะจากผมไปในที่ไกลแสนไกล ในที่ที่ผมไม่อาจตามหาเขาได้ถ้าอย่างนั้นก็คงใกล้ถึงเวลามากขึ้นกว่าเดิมแล้วซินะ......ที่พี่จะจากผมไปความคิดนี้ดังเข้ามาในหัวของผม ผมก้มหน้าเผยรอยยิ้มบางที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ผมรู้มาสักพั
แม้จะรู้ว่าไม่ควรปล่อยใจตัวเองให้ถลำลึกมากไปกว่านี้และไม่ควรที่จะปล่อยให้เขาที่เป็นเพียงตัวละครในนิยายเข้าใกล้และสนิทสนมจนความรู้สึกพากันถลาไปไกล แต่เขมกรก็ทำไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่ธีโอมาหาหรือตัวเขาไปหาธีโอยามที่ธีโอต้องการเจอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองก็มักจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น ๆ จนในตอนนี้วันเวลาก็ผ่านไปเป็นเดือนอีกแล้ว"อึก ธีพอก่อน อ่าส์ หยุดดูดนมพี่สักที"เขมกรเชิดหน้าร้องครางต่ำพลางสองขาก็เกี่ยวตวัดรอบเอวสอบดันเข้าหาตัว มือขาวข้างซ้ายค้ำยันพื้นโต๊ะอาหารส่วนข้างถนัดก็ยกขึ้นมาขยำกลุ่มผมสีน้ำตาลทองของคนที่ใช้ปากดูดดึงหยอกเย้ายอดอกของเขาธีโอช้อนนัยน์ตาสีน้ำตาลคล้ายสีผมมองใบหน้าของเขมกรที่ในตอนนี้แดงระเรื่อลามไปถึงใบหูทั้งสองข้าง ริมฝีปากได้รูปเผยอเล็กน้อยเปลือกตาสีมุกก็หลับพริ้ม แม้ปากจะเอ่ยห้ามบอกให้เขาหยุด แต่ทว่าสีหน้าและท่าทางกลับตรงกันข้าม"อยากให้ผมหยุดจริง ๆ เหรอครับพี่เขม"ละริมฝีปากออกจากยอดถันสีแดงช้ำด้วยฝีมือตัวเองพร้อมกับเ
"ผมรู้ครับ.... แต่ว่าข้าวตังผมว่าผมชอบคุณเข้าให้แล้วล่ะ"สิ้นประโยคคำสารภาพความในใจของพระรองอย่างธีโอที่มีต่อตัวละครข้าวตังหรือก็คือเขมกรในตอนนี้ ภายในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังก็เกิดความเงียบสงัดปกคลุมเขมกรนั่งนิ่งเงียบไม่ไหวติงที่เขานั่งนิ่งอยู่อย่างนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ยินหรือฟังประโยคคำพูดของธีโอไม่ชัด เขมได้ยินเต็มสองรูหูว่าธีโอบอกว่าชอบเขา เพียงแต่ว่าเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรกับธีโอดี ถ้าจะถามว่าเขารู้สึกอย่างไรกับคนตรงหน้า เขาตอบได้เต็มคำเลยว่าเขามีความรู้สึกที่ดีต่อธีโอ ดีถึงขั้นความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของเขาในตอนได้ยินธีโอบอกว่าชอบเขา เขาเกือบจะตอบรับความรู้สึกของธีโอในทันทีแต่ทว่าเขมกรต้องหักห้ามความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ในใจ เพราะต่อให้เขาอยากจะตอบรับความรู้สึกธีโอมากขนาดไหนความสัมพันธ์ของพวกเขามันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี ด้วยเพราะธีโอนั้นเป็นเพียงตัวละครในนิยาย แล้วอีกอย่างสักวันหนึ่งตัวของเขมกรก็ต้องกลับไปในโลก
2วันต่อมาหลังจากเขมกรพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเข้าวันที่3 ในที่สุดวันนี้คุณหมอเจ้าของไข้ก็อนุญาตให้เขมกรกลับบ้านได้ ด้านเขมกรเมื่อรับรู้ว่าตัวเองจะได้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้แล้วก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพราะเขานั้นเบื่อที่จะนอนเปื่อยอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว เขาอยากจะออกไปโบยบินใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกและสิ่งสำคัญสิ่งที่ทำให้เขมกรอยากจะออกจากโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดนั้นไม่ใช่อะไรอื่น คือไอ้คู่รักหวานแหววที่มันพึ่งจะกลับมาคืนดีกันด้วยฝีมือของตัวเขาที่ช่วยพูดนั้นเองนัยน์ตาสีน้ำตาลทอดมองพระเอกและนายเอกของเรื่องที่ในตอนนี้นั่งตักป้อนผลไม้ (ที่เอามาเยี่ยมเขา?) ให้กันกินอย่างหวานชื่น บอกเลยในตอนนี้เขมกรจ้องมอง2คนนี้ด้วยแววตาเอือมระอาเป็นอย่างมาก เขาล่ะอยากจะไล่ไอ้2คนนี้ออกจากห้องไปซะจริงตั้งแต่เคลียร์ใจกันในวันนั้นและกลับมาคืนดีกัน เช้าวันต่อมาไอ้พระเอกนายเอกคู่นี้ก็รีบมาขอบคุณเขาที่ช่วยพูดเตือนสติให้พวกเขากลับมาเข
เขมกร"พี่ข้าวตังเป็นอย่างไรบ้างครับ จันทร์ได้ยินจากธีโอว่าพี่ข้าวตังได้รับบาดเจ็บจันทร์ก็เลยซื้อผลไม้และทำขนมมาเยี่ยม"เสียงใสของวันจันทร์ชายหนุ่มร่างบอบบางพ่วงสถานะคือนายเอกของเรื่องเอ่ยถามขึ้นด้วยความห่วงใย สองเท้าย่างก้าวท่วงท่าสง่าตรงมายังเตียงคนไข้ภายในมือก็ถือผลไม้และขนมที่ทำเองกับมือมาเป็นของเยี่ยมไข้"ขอบคุณที่มาเยี่ยมพี่นะ ตอนนี้พี่ดีขึ้นเยอะแล้วครับ"ผมเอ่ยตอบอย่างสุภาพ นัยน์ตาก็ทอดมองสังเกตนายเอกหนุ่มร่างบางผู้น่าทะนุถนอมที่มาเยี่ยมผมคนเดียวโดยข้างกายไร้เงาของอาทิตย์เพื่อนสนิทข้าวตัง ทั้งที่แต่ก่อนเวลาไปไหนมาไหนอาทิตย์จะไม่ยอมห่างและไม่มีว่าจะปล่อยให้วันจันทร์ไปไหนไกลคนเดียวอีกทั้งแววตาของวันจันทร์ในวันนี้ยังเศร้าหมองจนผมมองออกเลยว่าเจ้าตัวต้องมีเรื่องทุกข์ใจอยู่แน่ ๆ รอบนี้คงจะทะเลาะกันแรงน่าดู จะถามถึงอาทิตย์กับน้องเลยดีไหมนะอีกอย่างภา