ฉีซารู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก ชีวิตไม่ง่ายอย่างที่คิด ผ่านไปหลายเดือนหลังจากที่เขาไปสมัครทำงานที่โรงหมอฟู่เหริน ทว่าเขาได้ทำงานไม่ต่างจากพนักงานทำความสะอาด ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะได้จับสมุนไพรหากจะพูดถึงขั้นการศึกษาเรียนหมอ ชาตินี้อาจจะไม่มีโอกาสเลย
เด็กหนุ่มเดินคอตกเลาะเลียบไปตามคลองเพื่อกลับบ้าน ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงแว่วของคนคุยกัน
“ตงหยาง เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”
“แน่ใจ มีเพียงนายหญิงเวยเท่านั้นที่จะให้โอกาสข้า”
“แต่ข้าได้ยินมาว่า นางหาใช่รับสมัครคนมีความอันใด ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องบังหน้า นางเพียงต้องการเลี้ยงเด็กหนุ่มเท่านั้น”
“เจ้าไม่ต้องพูดอันใดอีก ข้าตัดสินใจแล้ว”
เด็กหนุ่มตงหยางสบัดมือที่ดึงเขาไว้ ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกไป ศักดิ์ศรีหาใช่ทำให้อิ่มท้อง ฉีซารู้สึกสนใจ เขารีบเร่งฝีเท้าตามไปเช่นกัน
เขามองเห็นเด็กหนุ่มคนนั้น ไปยืนอยู่หน้าประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลเฉียว สักพักคนเฝ้าหน้าประตูก็พาเขาเดินเข้าประตูเล็กด้านข้าง ฉีซาเฝ้ามองอย่างสนใจ
ณ แปลงผักในคฤหาสน์ตระกูลเฉียว
ตงหยางเดินตามบ่าวนำทางเข้ามาด้วยจิตใจที่กระสับการส่ายหวาดหวั่น ถึงแม้จะเตรียมใจมาแล้ว ทว่าเมื่อมาถึงที่จริงเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นออกมานอกกาย
“นายหญิง ข้านำคนเข้ามาแล้วขอรับ”
ดวงตาคู่งามประกายวาวขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเนื่อย
“ฮืม...เจ้าชื่ออะไร”
“นายหญิงถามเจ้า ... เหตุใดไม่ตอบเล่า” ชิงชิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุนหาได้ดูหมิ่นดูแคลนอีกฝ่าย
ตงหยางรีบควบคุมอารมณ์เอ่ยตามน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ข้าน้อย..ตงหยาง...มาสมัครรับใช้นายหญิงขอรับ”
เด็กหนุ่มพยายามเอ่ยน้ำเสียงที่สม่ำเสมอ ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เขาคิด บรรยากาศที่นี่ก็เหมือนจะเป็นปกติเหมือนบ้านเรือนทั่วไป เขาก้มหน้ามองต่ำเห็นเพียงปลายชายกระโปรงของอีกฝ่าย
เฉียวเวยเวย ชำเลืองมองตงหยาง
เด็กหนุ่มคนนี้น่าสนใจ ทั้งที่หวาดกลัวขนาดนี้ ยังกล้ามา ใสซื่อเช่นนี้น่าเอ็นดูจริง ๆ
นางจ้องมองผู้ที่กำลังก้มหน้าต่ำอย่างอ่อนโยน
“เจ้าเงยหน้าขึ้นมาซิ”
ตงหยางเงยหน้าขึ้น หญิงงามที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึง ใบหน้าที่ไร้การแต่งเติมสดใสอ่อนเยาว์ หมดจด บริสุทธิ์ดั่งเทพธิดา
นี่ นี่ ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
ดวงตาตกตะลึงลนลานของอีกฝ่าย ทำให้เฉียวเวยเวยเผยยิ้มอย่างขำขัน
“ทำไมรึ ใบหน้าของข้าทำให้เจ้าผิดหวังหรือกะไร”
ตงหยางตกใจ รีบก้มขอขมา
“เปล่า เปล่า ขอรับ ข้าน้อยหาคิดเช่นนั้นไม่ เพียงแต่ เพียงแต่”
หยอกล้อจนพอใจแล้ว เฉียวเวยเวยก็ไม่ล้อเล่นต่อ
“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าจะมารับใช้ข้า เช่นนั้นก็ควรจะเรียนรู้เสียก่อน...สิ่งที่ควรไม่ควรต้องจดจำให้แม่น...ข้าหาใช่แม่พระ..”
“ขอรับ...ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจรับใช้นายหญิงขอรับ...ไม่มีทางหักหลังนายหญิงขอรับ”
เฉียวเวยเวย พยักหน้าพึงพอใจเป็นคำพูดง่ายที่ฟังเข้าใจดี
“ฮืม...เจ้าไปได้”
“คุณชายตงหยางโปรดตามข้ามา” ม่านม่านเอ่ยเรียกเด็กหนุ่ม
เรือนไผ่หยก
ตงหยางเดินกุมมือก้มหน้าตามหลังม่านม่านไปอย่างอ่อนน้อม ทั้งสองเดินไปถึงเรือนหนึ่ง ที่มีห้องพักเรียงรายต่อเนื่องหลายสิบห้องกลางเรือนมีห้องโถงและห้องรับรองที่มีโต๊ะวางไว้รอบ ๆ คล้ายร้านอาหาร ตรงกลางมีเวทีและโต๊ะประธาน ในห้องนั้นมีชายหนุ่มและเด็กหนุ่ม 2-3 คนกำลังพูดคุยกันอยู่ พวกเขาชำเลืองมองมาตงหยางเล็กน้อยแต่ไม่ได้เข้ามาทเพียงยืนขึ้นทักทายม่านม่านเท่านั้น
ตงหยางยังคงไม่มั่นใจว่าควรจะนั่งตรงไหน เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่กลางห้องโถง ม่านม่านเดินเข้าไปเปิดตู้และหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น
“ในเมื่อจะมารับใช้นายหญิง ก็ต้องรู้จักฐานะของตนเอง ท่านมานั่งตรงนี้เจ้าค่ะ”
ตงหยางนั่งลงบนเก้าอี้ ที่ในชีวิตนี้เขาไม่เคยได้นั่งมาก่อน
“คุณชายท่านอ่านหนังสือออกหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าพออ่านออกบ้าง”
“เช่นนั้น...คุณชายลองอ่านสัญญาฉบับนี้เสียก่อน ... หากไม่เข้าใจ...สามารถสอบถามข้าได้หากท่านพร้อมลงนาม ก็ให้คนไปตามข้าม่านม่าน...หม่าลี่เจ้าจง คอยรับใช้คุณชายตงหยาง”
“ข้าลงนามได้ทันที ...”
“คุณชายไม่ต้องรีบร้อน...นายหญิงต้องการให้ท่านอ่านให้เข้าใจเสียก่อนเจ้าค่ะ” ม่านม่านรีบกล่าว
“เช่นนั้นข้าจะรีบอ่าน”
“ข้าไม่รบกวนคุณชายแล้ว...”
หม่าลี่คอยดูแลเรือนไผ่หยก เมื่อเห็นว่ามีแขก นางก็จัดเตรียมชาและขนมว่างมาดูแลต้อนรับทันที
ตงหยางรู้สึกไม่คุ้นเคย เขาประหม่าเล็กน้อย กลุ่มชายหนุ่มวัยเยาว์หันไปพูดคุยกัน เฉิงเซาชายหนุ่มใบหน้าเต็มไปด้วยความทะเล้นเจ้าเล่ห์เอ่ยพูดขึ้น
“เจ้าไม่ไปแนะนำ คุณชายท่านนั้นหน่อยหรือ”
“เฉิงเซา ... เจ้าล้อเลียนข้าหรือ” หมิงเยี่ยบุรุษที่มีกลิ่นอายเต็มไปด้วยเย็นชา ดวงตาจะมีหมอกบาง ๆ หนึ่งขั้น
“หาใช่ต้องการล้อเลียนท่านไม่ ... ทว่าเห็นท่าทีของเด็กน้อยผู้นั้นทำให้อดนึกถึงวันแรกที่ข้าเจอท่านไม่ได้”
“หึ!” หมิงเยี่ยวางหมากในมือในลง แสดงอาการไม่ต้องการที่จะพูดคุยกับเฉิงเซาต่อ ชายหนุ่มคู่เล่นหมากกับหมิงเยี่ยเงยหน้าขึ้นมา
“ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าก็ไปทักทายเขาหน่อยเถอะ”
“พี่เผยลู่พูดเช่นนี้ ...ข้าก็ต้องปฏิบัติตาม”
ในเรือนไผ่หยกตอนนี้มีเพียงเผยลู่ที่ได้ปรนนิบัติเฉียวเวยเวย จึงมีการยกระดับความสำคัญกันอีกขั้น
เฉิงเซาเดินตรงไปแล้วนั่งลงตรงข้ามกับตงหยาง เขาพินิจดูอีกฝ่าย
“ข้าเฉิงเซา...ยินดีต้อนรับท่าน”
เขากำลังอ่านหนังสือสัญญาด้วยความสนใจ อยู่ ๆ เฉิงเซาก็เข้ามาทักทายทำให้ ตงหยางสะดุ้งตกใจ
“ขะ ข้า ตงหยางยินดีที่ได้รู้จักท่านเช่นกัน”
“เจ้าน่ารัก...จริง ๆ”
เฉิงเซาพินิจดูอีกฝ่าย ในเรือนไผ่หยกยังไม่มีบุรุษเฉกเด็กหนุ่มตรงหน้า นายหญิงเวยช่างสรรหายิ่งนัก ทว่าคนผู้นี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ
“ขอบคุณท่าน” ตงหยางก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย
“ท่านรีบอ่านเสีย..ถ้าลงนามในสัญญาแล้ว..พวกเราก็ถือว่าเป็นพี่น้องกัน”
“ข้าอ่านเสร็จแล้ว...แต่ว่ายังไม่เข้าใจเท่าไรนัก”
“ท่านถามข้าได้”
“เช่นนั้น ข้ารบกวนท่านอธิบาย.. ที่ว่าสมัครเป็นแรงงาน...กับการสมัครเป็นบ่าวในเรือน”
“อ่อ...ในเมื่อท่านมาถึงที่นี่..นายหญิงย่อมเสนอค่าตอบแทนให้ท่านเรียบร้อย..เมื่อมีเงินพวกเราสามารถไถ่ตัวได้..”
“อันนี้ข้าเข้าใจขอรับ”
“ฮืมม..การสมัครเป็นบ่าวแรงงานจะได้เบี้ยหวัดเดือนละ 1 ตำลึง หากสมัครเป็นบ่าวในเรือนจะได้เบี้ยหวัดเดือนละ 2 ตำลึง แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล...” เฉิงเซาเว้นจังหวะดูหน้าตงหยางเล็กน้อย เห็นสีหน้าตื่นเต้นของอีกฝ่ายก็รู้สึกชอบใจ นี่คงเป็นสิ่งที่นายหญิงชอบกระมั้ง
“หากเจ้าสมัครเป็นบ่าวแรงงาน...นายหญิงจะไม่ให้เจ้ารับใช้ในห้องนอนและเจ้าสามารถชอบพอใจกับสตรีได้...ทว่าหากเจ้าสมัครเป็นบ่าวในเรือน..เจ้าอาจจะได้รับอนุญาตให้รับใช้ในห้องนอนของนายหญิงแต่ว่าเจ้าจะไม่สามารถชื่นชอบสตรีอื่นได้...จนกว่าเจ้าจะไถ่ตัวออกไป”
ดวงตาของตงหยางเบิกกว้างเล็กน้อย
“ข้อบังคับอื่น ๆ เจ้าคงอ่านเข้าใจแล้ว เป็นอย่างไร...ดีไม่น้อยใช่หรือไม่”
“ขอรับ...หากข้ารู้เช่นนี้/เจ้าก็จะมาเร็วกว่านี้สินะ” เฉิงเซาพูดขัดขึ้น ตงหยางก็พยักหน้าทันที
“ข้าก็คิดแบบนี้...แต่ไม่ใช่สิ่งที่นายหญิงต้องการ”
ตงหยางก้มลงนามในหนังสือสัญญา
“ข้าลงนามเรียบร้อย ตอนนี้ข้าสามารถเรียกท่านว่า พี่เฉิงเซาได้แล้วใช่ไหมขอรับ”
เขาชำเลืองมองดูเห็นตงหยางลงนามสมัครทำงานเป็นบ่าวในเรือน เฉิงเซายิ้มเอ็นดูอีกฝ่ายอายุน้อยเบี้ยหวัดรายเดือนสูง ไม่นานก็สามารถเก็บเงินไถ่ตัวออกไปแต่งภรรยาได้
“แน่นอน น้องชายมานี่สิข้าจะแนะนำให้เขารู้จัก”
เฉิงเซาหยิบสัญญายื่นให้หม่าลี่ จากนั้นก็เดินนำตงหยางไป
“นี่คือ พี่ชายเผยลู่ ... และพี่ชายคนนี้หมิงเยี่ย”
“ข้าน้อย...ตงหยาง..ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน”
“ในเมื่อเป็นคนของนายหญิงเช่นกัน...ที่นี้ไม่มีตำแหน่ง เจ้าไม่ต้องเรียกตนเองว่าข้าน้อย”
เผยลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพใบหน้าและรอยยิ้มหล่อเหล่าสะอาดสะอ้านอ่อนโยน
“ส่วนข้าหมิงเยี่ย..”
ตงหยางมองหมิงเยี่ยคนผู้นี้หน้าตาหล่อเหลาไม่แตกต่างกันทว่า คมคายเย็นชาต่างจากเผยลู่ที่อบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ส่วนเฉิงเซาดูเจ้าเล่ห์แต่ละคนมีกลิ่นอายที่แตกต่างกัน
จังหวะนั้นม่านม่านก็เดินเข้ามา หญิงสาวย่อคารวะ
“ยินดีต้อนรับคุณชายตงหยาง...ข้าจะพาท่านไปยังห้องพัก เชิญท่านตามข้ามาเจ้าค่ะ”
เผยลู่ก็พูดขึ้น
“ตอนเย็นเจ้าก็จะได้เจอทุกคน...ไม่ต้องกังวลไปที่นี้ไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
“ขอรับ”
ตงหยางรู้สึกผ่อนคลาย ที่นี่ไม่เหมือนที่เขาจินตนาการไว้แม้แต่น้อย เขาเดินตามม่านม่านไปยังระเบียงที่ทอดยาว
“คุณชายตงหยาง ที่นี่คือห้องพักของท่าน..เสื้อผ้าข้าจัดเตรียมให้ท่านบางส่วนเท่านั้น...อีกสักพักจะมีบ่าวมาวัดและตัดเสื้อผ้าให้ท่าน หากท่านชื่นชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามที่ท่านต้องการ หากมีสิ่งใดขาดเหลือท่านก็บอกกล่าวหม่าลี่ได้เลยเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณท่านมาก”
“ในเมื่อคุณชายลงนามเรียบร้อยแล้ว...ต่อไปก็เรียกข้าว่าพี่ม่านม่านเถอะเจ้าค่ะ”
“ขอรับ”
“กฏระเบียบต่าง ๆ ข้าจะค่อย ๆ แนะนำคุณชายตอนที่ข้านำสัญญาไป นายหญิงให้คนนำเงิน 100 ตำลึงไปมอบที่บ้านสกุลตงเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
ตงหยางพยักหน้า
“ข้าทราบแล้ว”
“ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน ขอข้าตัว”
“พี่ม่านม่านเดินดี ๆ” ตงหยางเดินไปส่งม่านม่านที่ประตู เขาเดินเข้ามาในห้องพลางมองไปรอบ ๆ ห้องขนาดไม่ใหญ่มาก ทว่าก็มีโต๊ะ ตู้ เตียงนอนทุกอย่างล้วนพอเหมาะ หม่าลี่เดินเข้ามา
“คุณชายบ่าวจะช่วยท่านเปลี่ยนเสื้อผ้านะเจ้าค่ะ”
ตงหยางมองดูเสื้อผ้าของตนเองภาพเหล่าบุรุษเมื่อสักครู่ผุดขึ้นมา จึงเอ่ย
“ข้าต้องการจะอาบน้ำเสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะให้คนจัดเตรียมน้ำนะเจ้าค่ะ”
ตงหยางไม่เคยมีบ่าวรับใช้มาก่อน เขาค่อนข้างเคอะเขิน จะเดินไปหยิบเสื้อผ้า ก็มีบ่าวคนหนึ่งเดินไปหยิบแทน จะเปิดประตูก็มีบ่าวเปิดให้ แม้จะพยายามทำบางอย่างด้วยตนเองก็ถูกบ่าวรับใช้จัดการให้หมด เขาไม่รู้จะบอกอย่างไร ได้แต่ปล่อยให้พวกเขาจัดการตนเอง
ตอนพิเศษ ทุกอย่างราบรื่น เมิ่งซูซูพร้อมบ่าวเดินไปตามทางหินขนาดใหญ่ลอดผ่านซุ้มดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง นางเหม่อมองไปยังเรือนไผ่หยกเบื้องหน้า วันนี้นางตั้งใจมาปรึกษานายหญิงเวย เรื่องการขอให้สามีรับอนุ นางเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง ทว่าก็โดนสามีและแม่สามีระงับมาโดยตลอด บอกว่าทายาทไม่ต้องรีบร้อน คราวแรกนางคิดว่าทั้งสองคงไม่อยากจะทำร้ายจิตใจนาง จึงกล่าวถนอมน้ำใจกัน ทว่าอยู่มาหลายปีนางจึงเชื่อสนิทว่าพวกเขาหาได้สนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเวยมีเพียงสอง ซึ่งเป็นบุตรของนางคนเท่านั้น นับได้ว่ามีจำนวนน้อยเกินไปจนน่าใจหาย นางรับรู้ว่ามีเพียงนางที่ร้อนรนอยู่ฝ่ายเดียว บ่าวที่อยู่ตรงหน้ามองเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหาคารวะกล่าวทักทายอย่างยินดี “นายหญิงน้อย ท่านมาขอพบนายหญิงหรือเจ้าคะ” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอ่ยถาม“ท่านแม่อยู่ในเรือนหรือไม่” “อยู่เจ้าค่ะ นายหญิงกำลังทานของว่างพร้อมคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองเจ้าค่ะ” “เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่เสียเล่า”เมิ่งซูซูเอ่ยถาม พลางเดินไปยังหน้าเรือน เมื่อไปถึงก็หันไปสาวใช้ “ข้าจะเข้าไปเรียนนายหญ
ตอนที่ 42 ความรักที่รออยู่เฉียวเวยเวยวางหนังสือนิยายลง แล้วบิดร่างกายไปมาพลางหยิบของว่างขึ้นมากิน แล้วพูดขึ้น“นายน้อยคงอยู่ที่เรือนข้าจะไปหาเขาสักหน่อย”“นายน้อยน่าจะอยู่ที่เรือนโอสถ ที่นั้นค่อนข้างไกล นายหญิงให้ข้าเตรียมเสลี่ยงหามดีหรือไม่เจ้าค่ะ” ม่านม่านเอ่ยแนะนำเฉียวเวยเวยส่ายหน้า“ไม่ต้องข้าอยากจะเดินออกกำลังด้วย” หญิงสาวก้าวเดินออกมาไปตามทางคดเคี้ยวเลียบสระบัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ สระกว้างคลื่นลมสงบนิ่ง เมื่อนางทอดสายตามองไปก็เห็นแผ่นฟ้ากว้างไกลสุดตา ทำให้นางรู้สึกปลอดโปร่ง ทว่าเมื่อมองเห็นหลังคาเรือนโอสถอยู่ไกล ๆทำให้ความคิดหยุดชะงัก“ไกลจริง ๆ” นางพึมพำขึ้นมาชิงชิงจึงพูด“นายหญิงเช่นนั้นข้าให้คนหามเสลี่ยงตามมาดีกว่าเจ้าค่ะ หากนายหญิงเหนื่อยจะได้ปรับเปลี่ยนได้”เฉียวเวยเวยเห็นด้วยจึงพยักหน้าตอบรับ นางก้าวเดินออกไปไม่รีบเร่ง สายลมโบกพัดดอกเหมยต่างก็ร่วงลงพื้นเกลื่อน กลิ่นหอมโชยมาระลอก ระลอก ไม่นานนางก็มาหยุดอยู่หน้าเรือนโอสถเมื่อเดินเข้าไปข้างใน เฉียวเวยเวยก็เห็นร่างสูงโปร่งของเวยซา นางหยุดพินิจอีกฝ่าย จากเด็กหนุ่มที่มีความกระตื้อรือร้นและสับสนกับในยุคสมัยใ
ตอนที่ 41 ยังไม่ต้องกลับจวน หลังแต่งงานเมื่อครบสามวันตามธรรมเนียมคู่แต่งงาน ฝ่ายหญิงต้องกลับไปเยี่ยมบ้านสกุลเดิม เพื่อให้ญาติฝ่ายหญิงได้รับรู้ว่าหญิงสาวแต่งออกไปแล้วเป็นอย่างไร ทว่าเมิ่งซูซูกลับยืนยันว่านางจะกลับสกุลเมิ่งเพียงลำพัง เวยซาก้มมองเมิ่งซูซูที่กำลังช่วยชายหนุ่มแต่งกายอย่างตั้งใจ ใบหน้างามเรียวน่ารักแดงระเรื่อน้อย ๆ หลังจากผ่านพ้นเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้เขารู้สึกสนิทชิดเชื้อกับหญิงสาวมากกว่าเดิม มีความผูกพันธ์ซับซ้อนถักทอดก่อขึ้นมา เมื่อหญิงสาวบอกว่าจะกลับบ้านคนเดียวความรู้สึกอึดอัดที่มากกว่าปกติ ทำให้เวยซาเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง“ซูซู เจ้าต้องการที่จะกลับเยี่ยมบ้านคนเดียวหรือ”เมิ่งซูซูเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม ยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“เจ้าค่ะ..หากสกุลเมิ่งเห็นว่าข้าไร้ประโยชน์จึงจะปลดปล่อยข้า”เวยซากุมมือของหญิงสาวขึ้นมา ได้กลิ่นกายของหญิงสาวหอมละมุนโชยมาแตะปลายจมูกภาพแนบชิดผุดขึ้นมา ชายหนุ่มอดกลั้นกลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น“ไม่ใช่ว่า เจ้ารังเกียจตระกูลเวย รังเกียจข้าและโกรธที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้” น้ำเสียงของเวยซาแฝงความน้อยใจ เมิ่งซูซูรีบคุกเข่าลง ใบหน
ตอนที่ 40 ลองดูสักครั้ง วันเวลาพ้นผ่านจนกระทั่งมาถึงวันแต่งงานของเวยซา แขกเหรือผู้คนมากหน้าหลายตา ตรงจัดงานพิธีเป็นเรือนของเวยซาที่แยกออกมาทำให้หลายคนที่อยากจะชมจวนของเฉียวเวยเวยและเรือนไผ่หยกต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน กระนั้นแม้จะไม่ได้เห็นตัวเรือนเต็มทว่าเมื่อลอบมองเข้าไปเห็นหลังคาใหญ่ตระการก็ทำให้อดตื่นเต้นไม่ได้ “ยินดีด้วยนะนายหญิงเวย”เสียงผู้คนกล่าวแสดงยินดีดั่งกึกก้อง กลิ่นอายมงคลล้วนทำให้ใบหน้าของคนในตระกูลเวยระบายเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ เฉียวเวยเวยพร้อมเจียฟางมารดาของเวยซายืนรับแขกอยู่ด้านหน้า เผยลู่แอบมองใบหน้าเฉียวเวยเวยที่เต็มไปด้วยความปิติตื่นเต้นยินดี ได้เห็นนางคลี่ยิ้มอย่างงดงามทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ผุดรอยยิ้มที่มุมปากดวงตาเป็นประกาย แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง โค้งคำนับแล้วพูดขึ้น “นายหญิง ฮูหยินเจีย เชิญพวกท่านเข้าไปนั่งข้างในเถิดตรงนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง” เฉียวเวยเวยหันมายิ้มให้เผยลู่ ความจริงนางตอนนี้ก็เหนื่อยแล้วเมื่อสักครู่ในใจก็ครุ่นคิดอยู่ตลอด ผู้ใดเชิญแขกมากมายขนาดนี้จึงรีบตอบรับ “เช่
ตอนที่ 39 ต้อนรับแขกพิเศษ อากาศยามเช้าเริ่มเหน็บหนาวขึ้นกว่าทุกวัน แม้ภายในห้องจะอบอุ่นดั่งวสันตฤดู เฉียวเวยเวยก็รู้สึกเกียจคร้านนางซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นนอนแช่ตัวในเตียงนอน สูดดมกลิ่นอายความหนาวนับได้ว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ทว่าเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกข้างนอกทำให้นางเผยหน้าออกมา “เวยเวย ข้ามารอทานข้าวต้มร้อนกับเจ้าอยู่นะ” “เล่อเล่อหรือเข้ามาสิ” คุนเล่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมบ่าวไพร่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงหยิบผ้าอุ่นซับเช็ดหน้าหญิงสาว เฉียวเวยเวยเอนกายกอดเอวอีกฝ่ายพูดเสียงอ้อน “เล่อเล่อ เจ้าไปไหนมาเหตุใดไม่ยอมกลับเรือน” คุนเล่อพลางซับใบหน้าหญิงสาวด้วยมืออันอ่อนโยน “นายหญิงเวย ท่านไม่อายผู้อื่นหรือ ตอนนี้นับว่าท่านมารดาผู้อื่นแล้วนะ” “เช่นนั้น คุนเล่อเจ้าเป็นท่านพ่อบุญธรรมด้วยดีหรือไม่” “ตามใจเจ้าสิ” คุนเล่อกล่าวอย่างไม่ขัดข้อง ทว่ากลับเป็นเฉียวเวยเวยที่คิดขัดแย้งขึ้นมา “ไม่ได้สิ หากเจ้าแต่งเป็นนายท่านของบ้าน ถ้าเจ้ามีคนที่ชื่นชอบจะยุ่งยากเกินไป”
ตอนที่ 38 เฝ้ารอวัน กลุ่มเหล่าฮูหยินจากขุนนางชั้นรองลงมาจะนั่งอยู่เรือนที่ห่างออกไป เมิ่งฮูหยินวันนี้ก็พาเมิ่งซูซูมาร่วมงานด้วย หวังจะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเฉียวเวยเวย ทว่าด้วยฐานะที่แตกต่างกันทำให้พวกนางไม่มีแม้โอกาสจะกล่าวทักทายอีกฝ่าย ดูเหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ดูครื้นเครงเสียงหัวเราะผสมกลิ่นน้ำหอมโชยอบอวลอ้อยอิ่งมา หลายคนสบตากันใคร่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฮูหยินรองนายอำเภอคนหนึ่งก็พูดขึ้น “เมื่อสักครู่ข้าแอบถามนางกำนัล ถึงได้รู้ว่านายหญิงเวยนำน้ำหอมใหม่ของร้านเวยเฟยมาให้เหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ได้ทดลองใช้ ครั้งนี้ข้าอาจจะต้องขออาศัยวาสนาเมิ่งฮูหยินแล้ว เมื่อสักครู่ท่านยังกล่าวว่าสนิทกับนายหญิงเวยไม่น้อย” ฮูหยินที่นั่งข้างเอามือปิดปากคล้ายกลั้นหัวเราะแล้วพูดขึ้น “หรูฮูหยิน ข้าว่าที่สนิทกล่าวเองเสียมากกว่า งานหมั้นหมายที่เกิดขึ้นใครบ้างจะไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร” เหล่าฮูหยินต่างพาเอามือปิดปากหัวเราะ เมิ่งฮูหยินพยายามเก็บสีหน้า นางเชิดหน้าขึ้นแล้วถลึงตาขวางใส่เมิ่งซูซู กระซิบเก็บเสียงผ่านช่องฟัน “