Share

บทที่6 แก้ไขเล็กน้อย

last update Last Updated: 2024-11-28 10:25:38

เฉินอันหนิงตระหนักได้ว่ามิควรเปลี่ยนแปลงการเรื่องราวของพี่เหยียน ในเมื่อนางเองก็หาตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังไม่เจอ และหากช่วยเหลือพี่เหยียนให้อยู่ข้างกายต่อไปรังแต่จะทำให้เขาเป็นอันตราย เช่นนั้นก็ให้เขาไปพบเจอเรื่องราวข้างนอกเพื่อเป็นไปตามเนื้อเรื่องของเขาก็แล้วกัน...หากแต่บทสรุปสุดท้ายนางมิอาจยินยอมให้เป็นเช่นในฝันได้

จะให้พี่เหยียนผู้นั้นมาตายตามนางได้อย่างไรในเมื่อชาตินี้นางจะไม่ตาย

เปลี่ยนการออกจากแคว้นไปของพี่เหยียนไม่ได้ เพื่อตัวของเขาเองก็ไม่เป็นไรแต่นางปรับแก้สถานการณ์อื่นมิให้ต้องพบจุดจบเช่นเดิมได้ใช่หรือไม่

แก้ไขเล็กน้อย...คงมิเป็นอันใด

“แล้วจะแก้เรื่องใดกัน”

นางพึมพำเพียงลำพังได้ไม่นานอี้กงกงก็เข้ามาโค้งคำนับและรายงาน “องค์หญิง ฉินกงกงมาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”

“ให้เข้ามา”

“ฉินกงกง!” องค์หญิงน้อยกระโดดมาหาคนมาใหม่ทันทีอย่างคุ้นเคย แม้ว่าจะทำให้ผู้มีอายุใจหายใจคว่ำไปไม่น้อยเพราะเกรงว่าจะหกล้มก็ตาม 

ฉินกงกง ขันทีอาวุโสจากตำหนักชินอ๋องโค้งคำนับองค์หญิงใหญ่ก่อนจะเอ่ยจุดประสงค์ของตน “วันนี้ชินอ๋องมาเฝ้าไท่เฟย จึงให้ข้าน้อยนำถังหูลู่และขนมกุ้ยฮวาจากร้านประจำมาถวายองค์หญิงพะย่ะค่ะ”

“เสด็จอายังคงนึกถึงหนิงเอ๋อร์เสมอเลย...พี่ซวงซวง นำไปเก็บไว้ หนิงเอ๋อร์จะไปเฝ้าเสด็จอากับเสด็จย่าไท่เฟยก่อน ค่อยกลับมากิน”

“เพคะ”

องค์หญิงตัวน้อยไม่รอช้าพุ่งออกนอกตำหนักมุ่งหน้าสู่ตำหนักไท่เฟยในทันที หนึ่งคืออยากจะพบเจอเสด็จอาชินอ๋องที่ในชาติที่แล้วก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ตายจากไปเพราะแผนชั่วข้าของเฉินซูเหมยอีกครั้ง  และสองก็คือเรื่องเกี่ยวกับตระกูลฟู่

นางเพิ่งจะจดจำได้ว่าในฝันเมื่อชาติก่อนนางฝันเห็นชินอ๋องที่กำลังควบม้าออกจากวัดด้วยสีหน้าร้อนลน

นางเพิ่งตระหนักได้ว่าเหตุร้ายของตระกูลฟู่เกิดขึ้นในวันที่อันไท่เฟยและชินอ๋องไปไหว้พระที่อารามบนเขา โดยมีฟู่ฮูหยินที่ครรภ์แก่ใกล้คลอดติดตามไปขอพรให้คลอดลูกอย่างปลอดภัยด้วย

ในครั้งนั้นนางและพี่เหยียนก็ติดตามไปด้วยและเพราะนางอยากเที่ยวเล่นในตลาด พี่เหยียนถึงหนีทหารที่มาตามจับตัวไปสำเร็จโทษได้ ส่วนฟู่ฮูหยิน ตกเลือดและเสียชีวิตระหว่างคลอด...ทารกในครรภ์มิพ้นภัย 

ยามนั้นนางกล่าวโทษชินอ๋องว่าเหตุใดเขาถึงมิห้ามปรามและรักษาชีวิตบริสุทธ์เอาไว้ เสด็จอาผู้นั้นจึงได้บอกเล่าว่าเขาถูกเรียกตัวออกไปด้วยข่าวลวง กว่าจะกลับมาทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว

และการไปไหว้พระของอันไท่เฟยก็จะมาถึงในไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว...นี่คือวันที่อันไท่เฟยจะพูดเรื่องไหว้พระกับชินอ๋อง

หากยับยั้งมิให้ชินอ๋องติดกับข่าวลวง ฟู่ฮูหยินกับทารกในครรภ์ก็มีโอกาสปลอดภัย...มีหนทางเปลี่ยนชะตากรรมพี่เหยียนและตระกูลฟู่แล้ว

ตำหนักอันไท่เฟย

ชินอ๋องเฉินเทียนหยางเป็นพระอนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้ไท่เสียน ทว่าเก่งกาจการรบ อายุสิบหกหนาวก็จับดาบควบม้าทะลวงฟันกองทัพต่างแคว้นที่มารุกรานแล้ว ด้วยความสามารถที่โดดเด่นจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นชินอ๋องตั้งแต่อายุสิบเจ็ด ปีนี้เพิ่งจะอายุได้สิบเก้าเท่านั้น 

ผู้คนต่างเกรงกลัวและกล่าวว่าเขาคือท่านอ๋องบ้าเลือดทว่าเฉินอันหนิงกลับรักใคร่และชื่นชอบเสด็จอาผู้นี้ที่สุดในบรรดาอ๋องทั้งหลาย

เสด็จอาเล็กมิได้ต้องการช่วงชิงตำแหน่งฮ่องเต้ คนผู้นี้มิอยากจะเข้ามาในพระราชวังอันโอ่อ่าเลยด้วยซ้ำ หากมิใช่เพราะพระมารดายังอยู่ที่นี่ พระองค์ก็คงหายหน้าหายตาจนมิมีผู้ใดในวังได้พบเห็นเป็นแน่

เสด็จอาเล็กจะมาเฝ้าอันไท่เฟยผู้เป็นมารดา หนึ่งครั้งทุกสองสัปดาห์ ทุกครั้งที่มาก็ไม่ลืมจะนำขนมหรือของเล่นนอกวังติดไม้ติดมือมาฝากนางและน้อง ๆ  และอาจจะเพราะนางเป็นองค์หญิงองค์แรก คุ้นหน้าคุ้นตาเสด็จอาผู้ไม่ใคร่อยากสนใจโลกผู้นี้มากกว่าน้อง ๆ พระองค์จึงมีของมาให้นางมากกว่าหลาน ๆ คนอื่น และให้ความเอ็นดูนางมากกว่าผู้ใด เช่นนี้แล้วจะไม่ให้นางรักใคร่ได้อย่างไรเล่า

ทันทีที่มาถึงตำหนักอันไท่เฟยองค์หญิงตัวน้อยก็ไม่รอให้นางกำนันเข้าไปกราบทูล นางวิ่งเข้าไปเกาะท่อนขาของบุรุษผู้องอาจในทันทีอย่างไร้เดียงสา

“เสด็จอา หนิงเอ๋อร์คิดถึงเสด็จอา”

“ประจบประแจงยิ่ง” แม้คำพูดจะคล้ายตำหนิ หากแต่ในดวงตาคู่นั้นกลับมีความเอ็นดูเจือปนอยู่ บุรุษชาตินักรบอยู่ในสนามรบเกือบทั้งชีวิตย่อมแข็งกระด่าง ไหนเลยจะพูดจาอ่อนโยนได้

องค์หญิงตัวน้อยคุ้นชินกับท่าทีเช่นนี้ดี แม้ว่าลึก ๆ แล้วนางจะคิดถึงท่าทีเช่นนี้มากเพียงใดทว่าก็ยังแสดงออกอย่างไร้เดียงสา

“เสด็จย่าไท่เฟยเพคะ เสด็จอากล่าวร้ายหนิงเอ๋อร์”

“เจ้านี่ช่างฟ้องยิ่ง”

“เสด็จย่าไท่เฟย...”

“หยุดฟ้องได้แล้วเจ้าก้อนแป้ง มิเช่นนั้น...”

“มิเช่นนั้นเสด็จอาจะฟ้องเสด็จพ่อของหนิงเอ๋อร์ใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ฟ้องได้เลย หนิงเอ๋อร์ไม่กลัวหรอก” ไม่ปล่อยให้ชินอ๋องบ้าเลือดได้กล่าว นางก็ชิงพูดก่อนด้วยท่าทีเป็นต่อ ท่านอ๋องหนุ่มได้แต่ส่งสีหน้าหมั่นไส้มาให้ก่อนจะโต้แย้ง

“หึ หากฟ้องบิดาเจ้า เกรงว่าอาของเจ้าผู้นี้จะถูกส่งไปประจำชายแดนเสียน่ะสิ”

“คิกคิก”

“พวกเจ้าอาหลานพอเถิด...เด็ก ๆ ตั้งเครื่องเสวยได้แล้ว แล้วก็นำขนมกุ้ยฮวาออกมาด้วย” อันไท่เฟยผู้เป็นมารดาของชินอ๋องกล่าวแทรกขึ้นก่อนจะสั่งนางกำนันและหันกลับมาชักชวนองค์หญิงตัวน้อย “เสวยมื้อเช้ากับขนมด้วยกันนะเพคะองค์หญิงน้อย”

“เพคะเสด็จย่าไท่เฟย”

“ข้าให้ฉินกงกงนำไปให้แล้วมิใช่หรือ กลับไปกินที่ตำหนักสิ” ผู้เป็นเสด็จอามิวายทำทีขับไล่หลานสาว หากแต่เฉินอันหนิงกลับยังคงลอยหน้าลอยตา

“ไม่ไปเพคะ หนิงเอ๋อร์อยากอยู่กับเสด็จอา กับเสด็จย่าไท่เฟย”   

“หึ”

อันไท่เฟยมองท่าทีแข็งกระด้างและปากร้ายของบุตรชายก่อนจะลอยถอนใจ ความจริงก็อยากให้องค์หญิงตัวน้อยอยู่ด้วยแท้ ๆ แต่ท่าทีที่แสดงออกกลับคล้ายรำคาญเสียทุกครั้ง

ช่างเป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจเสียจริง ๆ 

เช่นนี้อย่างไรเล่าถึงได้ยังมิมีสตรีที่ต้องใจเสียที

“ได้ยินว่าป่วยไข้เพิ่งหาย เช่นนั้นองค์หญิงน้อยเสวยเยอะ ๆ นะเพคะ จะได้มีพระวรกายแข็งแรง” อันไท่เฟยไม่เพียงแค่ชักชวนให้องค์หญิงตัวน้อยเสวยแต่ยังคีบเนื้อให้ด้วยความเอ็นดู

กล่าวตามความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไทเฮา หรือสนมอื่นในอดีตฮ่องเต้ที่ยังอาศัยอยู่ในวังต่างก็ให้ความเอื้อเอ็นดูองค์หญิงผู้นี้ เพราะนางช่างออดอ้อนและมักจะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนพวกนางอยู่บ่อย ๆ ร้องเรียกเสด็จย่าอย่างนั้น เสด็จย่าอย่างนี้ ผู้ใดเล่าจะไม่เอ็นดู

ยิ่งคิดถึงเรื่องที่มารดาจากไปเร็วพวกนางก็ยิ่งเอ็นดูองค์หญิงผู้นี้มากกว่าโอรสธิดาองค์อื่น ๆ 

“เสวยนี่ด้วยสิเพคะ”

“ขอบพระทัยเพคะเสด็จย่าไท่เฟย”

“เสด็จแม่อย่าคีบแต่เนื้อให้นางซิพะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวนางก็อ้วนเป็นหมูกันพอดี” ชินอ๋องที่ควรได้รับการเอาอกเอาใจจากมารดาที่ไม่ได้พบเจอกันบ่อยแทรกขึ้นก่อนจะคีบผักไปใส่ในจานของหลานสาว “เอ้านี่...กินผักเสียบ้าง จะได้ไม่ป่วยไข้อีก”

“เสด็จอา หนิงเอ๋อร์ไม่ชอบ”

“ไม่ชอบเจ้าก็ต้องกิน กินแต่เนื้อจนอ้วนกลมเช่นนี้อย่างไรเล่าจึงได้เจ็บไข้ง่าย ๆ” 

“แต่...” นางอยากจะแย้ง หากแต่มิทันได้แย้งชินอ๋องก็คีบผักมาใส่ให้เพิ่มและข่มขู่

“หากเจ้าไม่กินผักด้วย คราวหน้าข้าจะไม่เอาขนมกุ้ยฮวาและถังหูลู่มาฝากอีก”

“เพคะ หนิงเอ๋อร์กินก็ได้”

“หึ” ชินอ๋องส่งเสียงอย่างพอใจก่อนจะคีบเนื้อเอาใจมารดา อันไท่เฟยมองค้อนอย่างหมั่นไส้ ท่าทีกลั่นแกล้งไปเช่นนั้นที่แท้ก็ห่วงใยหลานสาวนั่นล่ะ

“เอ้อ หยางเอ๋อร์ ปีนี้เจ้าไปอารามซุยหลิงกับแม่หรือไม่ หรือจะอยู่ร่วมงานเลี้ยงที่พระราชวัง” และแล้วอันไท่เฟยก็พูดถึงการไปอารามซุยหลิง ในทุกปีเพื่อกราบไหว้บิดามารดาผู้ล่วงลับอันไท่เฟยจะเดินทางไปอารามซุยหลิงและอยู่ถือศีลที่อารามเป็นเวลาสามวัน หลายปีมานี้ชินอ๋องก็ติดตามไปดูแลเสมอมา หากแต่ปีนี้ช่วงเวลาที่นางจะไปอารามซุยหลิงเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ภายในวังมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูต มิทราบชินอ๋องจะได้ไปด้วยหรือไม่

องค์หญิงน้อยมิได้แทรกอันใดหากแต่นางรู้แก่ใจอยู่แล้วว่าปีนี้เสด็จอาเองก็ต้องไปกับพระมารดาอย่างแน่นอน

และก็เป็นเช่นนั้นเมื่อชินอ๋องตอบพระมารดา “งานเลี้ยงน่าเบื่อหน่ายเช่นนั้นลูกมิเข้าร่วมหรอกพะย่ะค่ะ และเสด็จพี่ก็ทรงเมตตาให้ลูกนำกำลังทหารอารักขาเสด็จแม่ไปการามซุยหลิงด้วยพะย่ะค่ะ”

“ดี ดีแล้ว”

บทสนทนาที่ไม่ได้แตกต่างไปจากในอดีตตกอยู่ในการรับรู้ขององค์หญิงตัวน้อยทั้งหมด นางวางตะเกียบลงก่อนจะเกาะแขนอันไท่เฟยผู้เมตตา “เสด็จย่าไท่เฟยเพคะ...หนิงเอ๋อร์ไปด้วยได้หรือไม่ หนิงเอ๋อร์อยากไปไหว้พระ”

“เจ้าจะไปเที่ยวเล่นแต่อาศัยเสด็จแม่เป็นข้ออ้างสินะ” เป็นชินอ๋องที่แทรกมา ไม่ต่างจากกาลก่อน และเฉินอันหนิงก็ไม่ได้ทำให้บทสนทนานั้นแตกต่างไปจากอดีต

“เสด็จอากล่าวร้ายหนิงเอ๋อร์ หนิงเอ๋อร์เพียงอยากไหว้พระ”

“หึ ข้าหรือจะรู้ไม่ทันเจ้า”

“เสด็จย่าไท่เฟยเพคะ เสด็จอากล่าวร้ายหนิงเอ๋อร์อีกแล้ว”

“เจ้าตัวขี้ฟ้อง อย่าเอานางไปเป็นภาระนะพะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“แต่หนิงเอ๋อร์อยากไปด้วย” สายตาออดอ้อนถูกส่งให้ ไหนเลยอันไท่เฟยจะใจแข็งได้ พระนางทอดถอนใจหากแต่ยังสอบถาม

“องค์หญิงมิอยู่ร่วมงานเลี้ยงหรือเพคะ”

“ไม่สนุกเพคะ งานเลี้ยงน่าเบื่อมาก ๆ เลยเพคะ หนิงเอ๋อร์ไม่ชอบ” ไม่ชอบที่มีความหมายว่าไม่ชอบจริง ๆ ในอดีตนางก็ขอติดตามไปก็เพราะเบื่อหน่ายงานเลี้ยง แต่คำตอบของนางกลับถูกใจผู้เป็นอาเป็นอย่างมาก

“เจ้าอ้าปากพูดจ้อมาหลายคำ พูดได้ดีก็ประโยคเมื่อครู่นี้เอง งานเลี้ยงน่าเบื่อหน่ายยิ่ง”

“เฮ้อ ทั้งอาทั้งหลาน เหตุใดจึงได้มองว่างานเลี้ยงน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้ไปได้เล่า”

“ก็มันไม่สนุกจริง ๆ นี่เพคะ สนมทั้งหลายเอาแต่ช่วงชิงความโปรดปราน องค์หญิงองค์ชายจะขยับตัวสักนิดก็ถูกจับตา เล่นงานมารดามิได้ ก็มาลงกับโอรสธิดา น่าเบื่อหน่ายเพคะ ให้หนิงเอ๋อร์เดินทางไปอารามซุยหลิงกับไท่เฟยยังจะสนุกยิ่งกว่า”

“แต่ฝ่าบาท...”

“เสด็จพ่อตามใจหนิงเอ๋อร์อยู่แล้วเพคะ” องค์หญิงผู้ได้รับการตามใจจากพระบิดาเหนือกว่าผู้ใดกล่าวอย่างมุ่งมั่น 

อันไท่เฟยแม้จะใจอ่อนไปแล้วแต่ก็ยังกังวล ฮ่องเต้หวงแหนองค์หญิงตัวน้อยเป็นอย่างยิ่ง หากการไปวัดซุยหลิงครั้งนี้เกิดสิ่งใดขึ้น นางและบุตรชายจะชดใช้เช่นไรหมดเล่า

พระนางหันไปมองชินอ๋องอย่างขอความเห็น ชินอ๋องยักไหล่ก่อนจะกล่าว “ให้นางติดตามไปเถิดเสด็จแม่ ฟู่ฮูหยินและบุตรชายก็จะติดตามไปด้วย นางคงอยากเที่ยวเล่นกับคุณชายฟู่แทนที่จะอยู่ในวังนั่งมองสนมตบตีกัน”

“เช่นนั้น...หากฝ่าบาทอนุญาต ก็ไปด้วยกันได้เพคะ”

“ขอบพระทับเพคะเสด็จย่าไท่เฟย...หนิงเอ๋อร์จะไปทูลขอเสด็จพ่อหลังจากกินเสร็จเพคะ” นางแสดงออกอย่างยินดีก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผักเข้าปากเคี้ยวตุ๊บ ๆ ต่อ เรื่องต่อจากนี้ย่อมราบรื่น เสด็จพ่อย่อมไม่ขัดขวาง แม้ว่าจะห่วงใยนางมากก็ตาม...จากนี้ก็เหลือเพียงเปลี่ยนแปลงเรื่องของฟู่ฮูหยินและบุตรในครรภ์

หากช่วยเหลือให้รอดได้ทั้งมารดาและบุตรก็คงจะดี...

และหากช่วยเหลือท่านลุงฟู่ได้ด้วยก็ยิ่งดี...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทส่งท้าย

    หกเดือนต่อมา...ในที่สุดงานมงคลของกู้หลุนอันหนิงกงจู่อันเป็นที่รักของผู้คนและราชวงศ์ก็เกิดขึ้น ฟู่จื่อเหยียนในชุดสีแดงปักเย็บอย่างดีขี่ม้าคู่ใจนำหน้าแห่ขบวนเจ้าสาวอันยาวเหยียดด้วยสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกว่าจะมีวันนี้ มิใช่ง่าย ๆ เลย แม้ว่าบิดาของเขาจะใช้หลายคำพูดทำให้ฮ่องเต้ไท่เสียนยินยอมให้เขาและบุตรสาวอันเป็นที่รักออกเรือนได้แต่เหล่าอ๋องมิใช่จะยินยอมง่าย ๆ แม้จะทำสิ่งใดเขาไม่ได้แต่ก็พยายามขัดขวางอย่างถึงที่สุดกว่าที่จะยินยอมให้พี่สาวได้ออกเรือน ก็ล่วงเลยมาถึงครึ่งปีทีเดียวฟู่จื่อเหยียนในตอนที่กลับมาต้าเฉินในฐานะบุตรชายคนโตของสกุลฟู่มิได้มีตำแหน่งใดนอกจากสถานะคุณชายฟู่ แต่ระยะเวลาหกเดือนจากคุณชายฟู่ก็ได้เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนเรียกขานเขาว่าแม่ทัพฟู่ อันเนื่องมาจากแม้เหตุการณ์หลายอย่างจะเปลี่ยนไป แต่แคว้นฉีก็ยังดันทุรังจะตีต้าเฉิน เหล่าอ๋องต้องการยื้อเวลาไม่ให้พี่ใหญ่ของตนได้ออกเรือนเร็วเกินไป จึงเสนอให้เขาออกรบและกำราบแคว้นฉีเสียแม้การทำศึกกับฉีไม่ได้ยากเย็น แต่ก็กินเวลาไปหลายเดือน

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่98 อำลาต้าไห่

    เรื่องราวทุกสิ่งจบลงที่การแต่งตั้งหยางอ้ายฉิงเป็นหยางฮองเฮา ก่อนกำหนดพิธีอภิเษกสมรสในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเรื่องงานอภิเษกเป็นเรื่องภายใน ฮ่องเต้ไท่เสียนแม้เอ็นดูไห่ซุนหลิงดั่งบุตรชายแต่ก็ไม่อาจรั้งอยู่ต่อรอถึงงานอภิเษกได้ ครั่นจะเดินทางกลับก่อนแล้วค่อยมาก็ไม่ทันอย่างแน่นอน จึงได้แต่ตัดใจ ไม่รั้งอยู่กำหนดเดินทางกลับต้าเฉินจึงเป็นเช้าวันรุ่งขึ้น หลังเสร็จการประชุมฮ่องเต้และฮองเฮาบอกลาคนเป็นดุจบุตรชายและขอตัวกลับตำหนักรับรองไปแล้ว เหลือเพียงเฉินอันหนิงและจิวหูที่ยังอยู่รับน้ำชากับฮ่องเต้ซุนหลิงและว่าที่ฮองเฮา วันนี้เองที่เฉินอันหนิงได้พูดคุยกับหยางอ้ายฉิงอีกครั้ง ทั้งคู่เข้ากันได้ดีเมื่อได้พูดคุยขอโทษขอโพยที่ต่างล่วงเกินกันในวันแรกที่เจอก่อนที่เฉินอันหนิงจะกล่าวขออภัยที่ไม่อาจอยู่ร่วมงานอภิเษกได้“ขออภัยพี่ใหญ่จิว และคุณหนูหยาง ที่มิอาจอยู่ร่วมงานอภิเษกได้”“อย่าได้คิดมาก ข้ามิใช่คนคิดเล็กคิดน้อย” จิวหลิงพูดแล้วก็ยกยิ้มและเอายคล้ายจะแกล้งเย้า “แต่งานของเจ้ากับเขา ช่วยเผื่อเวลาให้

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่97 ไม่มีคำปฏิเสธ

    “เห็นได้ชัดว่าท่านยังโง่งมอยู่ ท่านจะป้อนยาล้ำค่าที่มีเพียงหกเม็ดให้พี่ใหญ่ได้อย่างไรกัน นั่นคือของสำคัญของท่านนะ” เป็นเฉินไป๋เสวี่ยที่มาห้ามเอาไว้ ในขณะที่สถานการณ์รอบข้างคลี่คลายลงได้แล้วด้วยฝีมือของหานอ๋องและเหล่าองครักษ์ร่วมมือกับคนของพรรคเมฆาสุริยันต์เฉินไป๋เสวี่ยส่ายหน้าพร้อมกับกำข้อมือของผู้เป็นศิษย์สำนักเดียวกันเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยให้จิวหูได้ทำตามใจ เขาเป็นศิษย์หมอเทวดาย่อมรู้ว่ายาลูกกลอนในมือของอีกฝ่ายนั้นเป็นยาล้ำค่าที่สามารถรักษาคนที่อาการสาหัสให้ฟื้นคืนได้ ทว่าสิ่งนั้นมีเพียงน้อยนิด หลายปีก่อนเจ้าสำนักโอวหยางเหวินหลงปรุงยาขึ้นมาได้หกเม็ด เก็บเอาไว้เองหนึ่งเม็ดและมอบให้กับลูกศิษย์ทั้งห้าคนละเม็ดและไม่คิดจะปรุงเพิ่มอีก หวังให้ศิษย์ใช้ยานี้เมื่อถึงคราวคับขันแต่คราวคับขันนั้นมิใช่ให้ใช้กับผู้อื่น...คนผู้นี้ไม่รักชีวิตถึงขั้นจะแลกเพื่อพี่สาวของเขาเชียวหรือ หากวันหน้าเป็นอันใดไปจะทำอย่างไรเล่า“ยานี้ไม่สำคัญอันใด ถ้าไม่มีนาง ต่อให้ต้องแลกกับโลกใบนี้เพื่อนาง ข้าก็จะแลก” ไม่มีสิ่งใดม

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่96 มีคนร้าย

    รถม้าเคลื่อนไปแล้ว แต่ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่ ไม่ได้เข้าไปภายในตำหนักรับรอง และไม่ได้จากไปที่ใดมิใช่เพราะลังเลอันใดอีก แต่เพราะกำลังขบคิดกับคำของอาจารย์ สิ่งที่อาจารย์ตักเตือนเขาและเหล่าเศิษย์พี่น้องไม่เคยไม่เชื่อ ด้วยว่าอาจารย์ไม่เคยมองสิ่งใดผิดพออาจารย์เอ่ยเช่นนี้ เขาก็ชักสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว“อะ พี่ใหญ่” ไม่ทันจะได้คิดสิ่งใดมากไปกว่านั้นเสียงเรียกจากด้านหลังก็ดังขึ้น“เหยาเหยา” จิวหูส่งเสียงให้น้องสาวที่ส่งเสียงเรียกก่อนจะได้เห็นว่าด้านหลังของฟู่จื่อเหยายังมีเฉินอันหนิง เฉินลี่หลิน และอ๋องทั้งสอง กับฟู่จื่อหมิงและฟู่จื่อหลิงอยู่ด้วย“จะออกไปที่ใดกัน”“หอเมฆาเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ก็ไปด้วยกันนะเจ้าคะเหยาเหยาอยากอยู่กับพี่ใหญ่” ฟู่จื่อเหยามิได้ชักชวนแต่ดึงแขนผู้เป็นพี่ให้เดินตามเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งสี่ที่เดินนำไปก่อนแล้ว นั่นย่อมหมายถึงนางไม่เปิดโอกาสให้จิวหูได้ปฏิเสธ บุรุษผู้ไม่มีสิ่งใดให้ต้องลังเลอีกก้าวตามไปด้วยโดยไร้คำใดโต้แย้ง

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่95 ที่แท้เป็นเช่นนี้

    เฉินอันหนิงเป็นฝ่ายก้าวนำบุรุษหน้ากากออกไปด้านนอกก่อนจะนำเขาไปยังสวนด้านหลังซึ่งเงียบสงบ แค่เพียงหยุดเดินบทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้นจากฝ่ายของผู้หยั่งรู้ฟ้าดินในทันที“เขายังสบายดีได้ ย่อมเพราะชะตาของท่านยังปลอดภัย”“หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”“เจ้าสามจะอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ชะตาของท่าน”คำบอกเล่าของคนตรงหน้ามิได้แตกต่างจากหนิงอันมากนัก ทว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องรองในใจของนาง เฉินอันอันหนิงมองสบตาคู่คมกริบก่อนจะสอบถามออกไปโดยตรง “ท่านพอจะบอกได้หรือไม่ ว่าเหตุใดข้าจึงได้รับโอกาส”“ต้าเฉินมีมังกรและหงส์เพลิงพิทักษ์อยู่ เรื่องนี้ข้าคงไม่ต้องบอกท่านกระมัง”ตำนานมังกรและหงส์พิทักษ์ต้าเฉิน ผู้คนทั้งต้าเฉินล้วนเคยได้ยิน ยิ่งมีตำนานว่าราชวงค์คือลูกหลานของมังกรและหงผู้พิทักษ์ นางย่อมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ ในชาติก่อนแล้ว เฉินอันหนิงไม่ได้มีคำถามใด ๆ นางพยักหน้าให้เท่านั้นอีกฝ่ายก็บอกเล่าต่อ “ยามใดที่ต้าเฉินลุกเป็นไ

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่94 เซียนทวน

    “เมื่อก่อนข้าคิดว่าฮวาเอ๋อร์จะรักกับฟู่เสวียน แต่นางกลับเลือกหยวนจิ้ง ชะตาของคนเราช่างแปลกนัก” ฮ่องเต้ไท่เสียนที่ผายมือเชิญแขกผู้มาเยือนให้ไปนั่งเอ่ยก่อนจะหัวเราะอย่างขบขันขึ้นมาและพูดต่อถึงโชคชะตาที่เล่นตลก “ส่วนฟู่เสวียน ไปตกหลุมรักบุตรสาวเซียนทวนจนถึงขั้นขโทยบุตรสาวผู้อื่นกลับบ้าน”“ห๊า ท่านพ่อ...ท่านแม่เป็นถึงบุตรสาวเซียนทวนเชียวหรือเจ้าคะ” ฟู่จื่อเหยาแทรกขึ้นก่อนมองบิดาด้วยความสงสัย ทั้งยังหันไปสะกิดพี่สาวบุตรธรรมเพื่อบอกเล่า “พี่หญิง ท่านแม่เป็นบุตรสาวเซียนทวนล่ะ”“บิดาเจ้ายังไม่ได้ตอบเลย” เฉินลี่หลินแทรกขึ้นบ้างแต่สายตาก็บ่งบอกว่าสนใจเรื่องนี้เช่นกันด้วยอายุนาง ในยามเด็กนางย่อมทันฟู่ฮูหยินที่ผู้คนกล่าวว่างดงามเป็นที่ต้องตาของบุรุษ และรับรู้เพียงแค่นั้นมาโดยตลอด...เรื่องที่ว่าฟู่ฮูหยินเป็นบุตรสาวเซียนทวนแห่งสำนักเฟยผิง นั่นย่อมน่าสนใจไม่เพียงแค่เฉินลี่หลินที่สนใจ เฉินอันหนิงเองก็คิดไม่ต่างกันและนั่นทำให้สายตาแทบทุกคู่มองไปยังฟู่เสวี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status