ฉันพยายามไม่เข้าข้างตัวเอง เลยปฏิเสธข้อเสนอของไรวินท์ไป แต่แทนที่จะเห็นด้วย แล้วยุติทุกอย่างก่อนที่หัวใจของฉันจะเตลิดเปิดเปิงไปไกลกว่าที่ควรจะเป็น เขากลับไม่ยอมรับ และกำลังแทรกศีรษะอยู่ตรงหว่างขาใช้ริมฝีปากกับปลายลิ้นอุ่นๆ บดขยี้ติ่งสวาทจนฉันเสียวซ่านไปทั้งตัว
“อ๊า คุณวินคะ อย่าทำอย่างนี้เลย”
ฉันพยายามใช้มือดันศีรษะของเขาออก แต่ทุกครั้งที่เขาฉกปลายลิ้นลงมา พร้อมกับห่อปากดูดติ่งเนื้อที่สุดแสนไวต่อสัมผัส ฉันก็มือไม้อ่อน ทำได้แค่เบี่ยงสะโพกหนีการโจมตีแสนวาบหวามอย่างไรหนทาง แต่คนดื้อดึงอย่างไรวินท์ไม่ยอมให้ฉันผละไปโดยง่าย เขาสอดมือเข้ามาตรึงบั้นท้ายของฉันเอาไว้ ก่อนจะอ้าปากงับกลีบอวบและยอดเกสรสวาทจนฉันสะดุ้ง
“ซี๊ด! พอเถอะค่ะ” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่สะโพกฉันกลับบิดเร่า กระเด้งขึ้นรับปากและลิ้นของเขาอย่างกับผู้หญิงแรดร่าน จนเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองเพิ่งปฏิเสธที่จะคบกับเขาไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง
“อ๊าย คุณวินขา…” อุ้งปากร้อนผ่าวกับปลายลิ้นที่ดูดเลียและแยงเข้ามาในร่องแรงๆ ทำเอาฉันขนลุก เสียวจนแทบทนไม่ไหว จากที่เคยร้องห้าม กลายเป็นครวญครางเรียกชื่อเขาอย่างน่าอาย
เขาครางกระหึ่มอยู่ในลำคอ คล้ายกับเสียงครางของฉันทำให้เขาฮึกเหิม จมูกโด่งๆ ของเขายิ่งสูดดมกลิ่นหอมจากเนินสาวราวกับหลงใหลมันมาก แล้วเร่งหวะดูดเลีย ตวัดปลายลิ้นเหนือปุ่มสวาทถี่ยิบ จนน้ำสุขเสียวของฉันพรั่งพรูออกมาให้เขาดื่มกินเสียงดังจ๊วบจ๊าบกระทั่งหยดสุดท้าย
ฉันไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อน เรื่องที่เราทำด้วยกันทั้งคืนมาจนถึงตอนนี้ ทำให้ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขารุดหน้าไปอย่างน่ากลัว จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ความรักที่เริ่มด้วยเซ็กส์มันจะมีอยู่จริงๆ หรือเปล่า
และถ้าฉันต้องการคำตอบ ก็คงต้องลองเสี่ยง
“คุณทำขนาดนี้ทำไมคะ” ฉันถามในขณะที่ดวงตาจดจ้องปลายลิ้นของเขา ที่ตวัดเลียริมฝีปากตัวเอง สีหน้าท่าทางเหมือนกับเพิ่งลิ้มรสอาหารเลิศล้ำ ทำเอาฉันใจสั่นไปหมด
“ก็คุณหอมหวานขนาดนี้ จะให้ผมทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราได้ยังไง เทียร์…ผมสัญญาว่าระหว่างที่เราศึกษากันอยู่ คุณจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะมีอะไรด้วย” น้ำเสียงของเขาช่างเว้าวอน นัยน์ตาสีดำสนิทจดจ้องมาร้อนแรงจนฉันแทบละลาย
“คือฉันไม่แน่ใจว่าเรา... อ๊า!!! จะไปกันรอด”
“นะครับ” เขามองเข้าไปในดวงตาของฉันในขณะที่ส่งนิ้วเข้าไปทักทายร่องสวาท แล้วชักเข้าชักออกเบาๆ คล้ายต้องการสะกดให้ฉันตอบรับการล่อลวงนี้
ใครสั่งใครสอนให้อ้อนสาวไปด้วยทำเรื่องพรรค์นี้ไปด้วยกัน แบบนี้ใครจะปฏิเสธได้ลง!
ยัง...ยังไม่หยุดอีก! เล่นถามทั้งที่แยงร่องเสียวกันอยู่แบบนี้ ขี้โกงชะมัด!
“อื๊อ! คุณวิน”
“คำตอบล่ะครับ” เขาเพิ่มนิ้วที่สองเข้ามา แล้วขยับหมุนวนเข้าออกช้าๆ สร้างความทรมานแสนเสียวให้ฉันอย่างต่อเนื่อง จนไม่อาจเอ่ยคำปฏิเสธออกมาได้แล้วจริงๆ
ก็เขาทั้งอ้อนเก่ง และเอาเก่ง อีกทั้งยังเป็นผู้ชายในสเปคของฉัน ถ้าจะใจอ่อนก็คงไม่แปลกหรอกจริงไหม
เป็นไงก็เป็นกัน คุณไรวินท์ทั้งหล่อ ทั้งรวย ลำ…ก็ใหญ่ อย่างน้อยถ้าไปกันไม่รอด ครั้งนึงในชีวิตฉันก็ยังได้คบกับผู้งานดีระดับนี้เชียวนะ
และถ้านิกกี้รู้ มันจะต้องอกแตกตายแน่ๆ
“อ๊า ก็ได้ค่ะ เทียร์ตกลง” ฉันตอบรับ พลางอ้าขาออกกว้างอีกนิด เพื่อให้ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาขยับเข้าออกในร่องคับแน่นได้สะดวกขึ้น เป็นสัญญาณว่าฉันยินยอมพร้อมใจแล้วจริงๆ
“น่ารักมาก แบบนี้ผมคงต้องมอบของขวัญชิ้น ‘ใหญ่ๆ’ ให้คุณแบบจัดเต็มซะแล้ว”
ไรวินท์เร่งจังหวะควานนิ้วหมุนวน บดบี้เกสรสวาท สาวนิ้วเรียวยาวเร่งเข้าออกถี่รัว ทำฉันเสียวจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ปลายทางแห่งความสุขสมเปิดรออยู่ไม่ไกล
“อ๊ะ อ๊า...” ฉันกรีดร้องเพราะแตะขอบสวรรค์ รู้สึกถึงน้ำรักที่เอ่อล้นพรั่งพรูออกมามากมายจนไหลเลอะขาอ่อน
“คุณหวานอร่อยมากรู้ตัวไหม” ไรวินท์ยิ้มกริ่มพลางดึงนิ้วที่เปียกชุ่มไปด้วยคาวสวาทของฉันขึ้นมาดูดเลีย ช่างเป็นการหว่านเสน่ห์ที่ทำให้รู้สึกรุ่มร้อนวาบหวามอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้
พอรู้ตัวอีกที โลกก็หมุนกลับ เขาจับฉันพลิกตัวให้หันหน้าลงไปที่เตียง ด้วยความตกใจฉันเลยใช้มือดันพื้น คุกเข่าแล้วหยัดกายขึ้นเป็นท่าคลานแบบงงๆ
“คุณนี่มันเซ็กซี่เป็นบ้า น่าเอาให้ยับ” น้ำเสียงแหบพร่าลอยมาพร้อมกับร่างแกร่งที่ตรงเข้าประชิดติดบั้นท้ายกลมมนที่ลอยเด่นอวดกลีบสวาทปิดที่สนิทที่แวววาวไปด้วยน้ำหวานของฉัน
มันคงล่อตาล่อใจจนไรวินท์ทนไม่ไหว ต้องเอาหัวมนทู่ร้อนระอุมาถูไถรอยแยกกับติ่งเสียวของฉันอย่างร้อนรน แต่ถึงอย่างนั้น ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ยอมยัดมันเข้ามาสักที
ความเสียวที่เขาก่ออย่างครึ่งๆ กลางๆ สร้างความงุ่นง่านในอารมณ์ที่อยากจะถูกเติมเต็มจนแทบทนไม่ไหว
“คุณวินขา เข้ามาสิคะ” ฉันส่งเสียงเรียกเขาอย่างยั่วยวน พร้อมกับส่ายสะโพก ถูไถความสาวของตัวเองกับหัวหยักบานของเขาอย่างน่าไม่อายจนส่วนปลายของเขาเยิ้มฉ่ำ ทั้งยังแกล้งหย่อนก้นขึ้นลงจนไอ้หนูของเขาหมิ่นเหม่จะไหลลื่นเข้าไป
“ได้เลย โอ้ว!”
“อะ...อ๊าย คุณวิน” ฉันครวญครางเพราะกำลังถูกของใหญ่ชำแรกร่องสวาทที่เดียวมิดลำ เล่นเอาทั้งจุกทั้งเสียวจนน้ำตาเล็ด
“แน่นจริงเทียร์ ตอดไม่หยุดเลยให้ตาย”
“หนามยกโทษให้พี่แล้วใช่ไหม” เขากุมมือเธอแน่น เงยหน้าขึ้นสบตาที่สั่นระริกด้วยความอ่อนไหวของเธออย่างวิงวอน“หนามยกโทษให้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งจะคาดโทษเอาไว้ก่อน ถ้าวันหลังพี่ว่านคิดแผนพิเรนทร์อะไรทำนองนี้อีก หนามจะหย่าจริงๆ ด้วย”“จ้าๆ พี่ไม่กล้าทำแล้วจ้ะเมียจ๋า” วรภพพุ่งเข้ากอดเมียอย่างหมดท่า ภาพเจ้าของไร่สุดเข้มที่ลูกน้องต่างเคารพยำเกรงถูกภรรยาสุดที่รักทำลายจนไม่มีเหลือทว่าพอได้กอด ได้ซุกหน้าลงบนอกอวบอั๋น สูดกลิ่นหอมอ่อนจางของเรือนร่างที่ตนหลงใหล เลือดในกายพลันพุ่งพล่านเกินควบคุม“อะ พี่ว่าน จะทำอะไรคะนั่น”เขาไม่ได้ตอบ แต่ใช้สองมือนวดคลึงเอวคอด ก่อนจะเลื่อนลงไปทำอย่างเดียวกันกับสะโพกงามงอน ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่ตอนนี้จมอยู่กลางหน้าอกเธอ แม้บนร่างจะยังมีเสื้อผ้ากั้นขวางอยู่ แต่ลมหายใจร้อนระอุก็แทรกซึมผ่านไปกระทบผิวอ่อนบางของเธอได้ไม่ยากเย็นพอรุกเร้าร่างระหงจนอ่อนระทวย คนที่คิดจะพลีกายไถ่โทษก็หยัดกายขึ้นจนใบหน้าของทั้งสองห่างกันแค่คืบ ฉับพลันเขาประกบริมฝีปากหยักลงบนกลีบปากฉ่ำวาวสีชมพูอย่างร้อนแรง ราวกับจะกลืนกินลมหายใจของเธอให้หมดสิ้น นวิยายกมือคล้องลำคอแกร่ง แล้ว
“เลิกพาลได้แล้ว หนามไม่เกี่ยว” วรภพกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อให้นวิยารู้สึกอุ่นใจ พร้อมกับแสดงออกให้วรัญญารู้ว่าอย่ามาแตะต้องภรรยาของเขา“แหม รู้ย่ะว่ารักกัน แต่น้ำโดนซะขนาดนี้จะขอระบายอารมณ์บ้างไม่ได้หรือไง” วรัญญามองภาพเบื้องหน้าอย่างหมั่นไส้“จริงอยู่ที่เธอต้องทนลำบากกายใจเป็นปี แต่อย่าลืมสิว่าฉันทำตามที่สัญญากับเธอไว้ทุกอย่าง ตอนนี้กิจการที่บ้านเธอฟื้นตัวแล้ว ส่วนหนามก็ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ อย่างฉัน แล้วเธอจะโมโหอะไรนักหนาไม่ทราบ ยกเว้นก็แต่ว่าตอนนี้เธอนึกเสียดาย เพราะอยากจะแต่งงานกับฉัน”“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย พี่ว่านไม่ใช่สเปกน้ำ” วรัญญาแค่นเสียงหึ แต่ก็เถียงอะไรอย่างอื่นไม่ออกอีก เพราะหากคิดดีๆ ถึงแผนของวรภพจะทำให้เธอต้องพบกับความยากลำบากอยู่บ้าง แต่เขาก็ทำตามทุกอย่างที่ได้ลั่นวาจาไว้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง“พี่น้ำยกโทษให้พวกเราเถอะนะคะ” นวิยาปราดเข้าไปกุมมือที่กำแน่นของวรัญญา เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้ อ้อนวอนคนเป็นพี่ให้อภัย“แกนี่นะ เอะอะก็ร้องไห้ พอๆ อย่าร้องนะ พี่ยกโทษให้ก็ได้ แค่นี้พอใจแล้วใช่ไหม” ถึงจะดูเหมือนคนแข็งๆ แต่ความจริงเธอแพ้น้ำตาของน้องสาวตลอด“ขอบคุณนะคะพี่น้ำ”
“ถ้าพวกท่านเป็นห่วงพี่จริง ก็คงไม่บังคับให้พี่แต่งงานกับผู้ชายรุ่นราวคราวพ่อ โดยไม่สนว่าพี่จะรู้สึกยังไงแบบนั้นหรอก”“พี่น้ำก็เลยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แล้วโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้หนามแทนใช่ไหมคะ” นวิยาอดตัดพ้อไม่ได้“พี่ยอมรับว่ามันดูเห็นแก่ตัว แต่ความจริงพี่ก็ไม่ได้คิดจะปัดความรับผิดชอบให้แกตั้งแต่แรกนะ แต่เป็นพี่ว่านต่างหากที่มาพบพี่ เพื่อขอร้องให้หนีการแต่งงาน”“พี่ว่านมาพบพี่น้ำ แล้วขอให้หนีงานแต่ง?”“ใช่แล้วล่ะ” วรัญญามองไปทางทะเลอย่างครุ่นคิดแล้วเล่าต่อ “วันนั้นพี่ว่านมาถามฉันว่าชอบคนแก่คราวพ่อเหรอถึงได้ตกลงง่ายๆ แบบนั้น หึ ชอบกับผีน่ะสิ พี่เลยตอกกลับไปว่าเป็นพ่อเขาต่างหากที่มาพูดว่าจะมาสู่ขอพี่เพื่อแลกกับความช่วยเหลือ ไม่ใช่ทางนี้เสนอไปสักหน่อย พอพี่ว่านได้ยินแบบนั้น ก็พูดว่าเขาไม่อยากได้แม่เลี้ยงแบบพี่ ฉันงี้โกรธแทบตาย เลยสวนไปอีกรอบว่าควรจะไปบอกพ่อเขาต่างหาก เพราะทางนี้ก็ไม่ได้อยากเป็นหญ้าอ่อนโดนโคแก่รุ่นลุงรุ่นพ่อและเล็ม” “แล้วยังไงต่อคะ”“พี่ว่านก็เลยเสนอให้พี่หนีไปต่างประเทศก่อนสักปี รอให้เรื่องมันซาแล้วค่อยกลับมา”“แล้วพี่น้ำก็ไปง่ายๆ ?”“ทำไมแกถึงได้มองพี่ในแง่ร้ายขนาด
“ก็เออน่ะสิ” กรกนกหันไปถลึงตาดุๆ ใส่น้องชาย“ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็พอแค่นี้เถอะค่ะ ตอนนี้หนามเข้าใจทุกอย่างแล้ว พี่ว่านกับพี่แตมอย่าเอาเรื่องพี่ตั้มอีกเลยนะคะ พี่เขาคงห่วงว่าหนามจะเสียใจเลยมาเตือนเท่านั้นเอง”ถึงจะไม่พอใจในสิ่งที่กรวิทย์ทำ แต่พอเห็นเขาดูสำนึกผิด แถมยังถูกหมัดลุ่นๆ ของวรภพกับกระเป๋าราคาแพงหูดับของกรกนกกระแทกจนหน้าช้ำไปหมด นวิยาเลยคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว“ก็ได้ นี่ฉันเห็นแก่หนามกับแตมหรอกนะ ไม่งั้นแกได้คุยกับลูกปืนแน่”“ตั้มขอโทษจริงๆ ครับพี่ว่าน ตั้มก็แค่เป็นห่วงกลัวหนามจะเสียใจ” เมื่อรูปการณ์ออกมาเป็นแบบนี้ กรวิทย์ก็รู้แล้วว่าควรจะยอมรับความจริง แล้วถอยออกมา เพราะระหว่างเขากับนวิยาคงไม่มีทางหวนคืนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์“เออ แต่อย่าทำอะไรรุ่มร่ามกับหนามอีกแล้วกัน ไม่งั้นอย่าหาว่ากูโหด ไม่ไว้หน้าพี่สาวมึง”กรวิทย์ได้แต่รับคำเสียงอ่อย “ครับพี่ว่าน”“เอาล่ะๆ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ ขับรถมาตั้งไกล ฉันหิวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” พูดจบกรกนกก็เดินไปทางร้านอาหารโดยไม่รอคนอื่น กรวิทย์ที่ยังทำตัวไม่ค่อยถูกก็เร่งฝีเท้าตามพี่สาวไปสองสามีภรรยาสบประสา
“ไม่จริง นี่หนามรังเกียจพี่ แต่ไม่รังเกียจไอ้ผู้ชายสารเลวที่หลอกใช้หนามอย่างไอ้ว่านเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้” ความโกรธทำให้กรวิทย์ออกแรงหนักขึ้นอีก เขาพยายามจะดึงนวิยาเข้ามากอดจูบ มั่นใจว่าถ้าได้ทำแบบนี้แล้วเธอจะนึกถึงความรู้สึกสมัยที่ยังเป็นแฟนกันอย่างแน่นอนกระทั่งคนที่ทนฟังคำใส่ร้ายป้ายสีจากปากของกรวิทย์อยู่นานก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เจ้าของไร่หนุ่มก้าวเท้าเร็วๆ จนกระทั่งประชิดตัวคนทั้งคู่ก่อนโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง“เฮ้ย! พูดให้มันดีๆ หน่อย ใครหลอกใช้ใครไม่ทราบ”“พะ...พี่ว่าน” กรวิทย์ผงะ ตกใจจนดวงตาเบิกกว้างราวกับเห็นผี“เออ กูเอง” วรภพปราดเข้าไปดึงนวิยาให้ออกมาอยู่ด้านหลังตนเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชกเข้าที่ใบหน้าของคนที่บังอาจทำให้เธอเสียใจร้องไห้เต็มแรงจนล้มคว่ำไปกองกับพื้น“โอ๊ย! ไอ้ว่าน! มึงต่อยกู” กรวิทย์รับรู้รสชาติเลือดในปากได้อย่างชัดเจนเริ่มเดือดปุดๆ เขารีบยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วมองอีกฝ่ายตาขวาง“กูไม่เอาปืนเป่าหัวมึงกระจุยก็บุญแล้ว ต้องขอบใจพี่มึงโน่นที่ขอไว้” วรภพพูดแล้วประคองนวิยาไปอีกด้าน เปิดทางให้เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูททันสมัยยืนตัวสั่นด้วยควา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาหลังจากใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนที่บ้านพักริมธารน้ำตกปรับความเข้าใจกัน วรภพที่งานยุ่ง แต่ก็อยากอยู่ใกล้ๆ เมียจึงกระเตงนวิยาออกมาทำงานด้วย แต่เพราะรู้ว่าเธอเป็นคนขี้ร้อน และผิวบางๆ นั่นก็ถูกแดดเผาจนแสบแดงง่ายเหลือเกิน หากเขามีความจำเป็นต้องออกไปดูงานกลางแจ้ง ก็จะให้เธอรออยู่ที่ห้องทำงานส่วนตัวซึ่งอยู่ในส่วนของรีสอร์ตแต่วันนี้วรภพออกไปนานแล้วก็ยังไม่กลับมา คุณนายไร่องุ่นที่ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันก็นึกเบื่อ เลยออกจากห้องทำงานของสามีแล้วไปเดินเล่นที่สวนด้านนอกเพื่อฆ่าเวลานวิยาเรียนจบบริหารธุรกิจการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทว่าจนถึงตอนนี้เธอยังไม่มีโอกาสได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเลย คิดถึงตรงนี้เธอก็อดนึกเสียดายไม่ได้ คนอุตส่าห์ร่ำเรียนมาหลายปีกลับทำได้เพียงใช้ปริญญาเรียกรอยยิ้มภาคภูมิใจของพ่อแม่ได้อย่างเดียวหลายครั้งนวิยาคิดจะเอ่ยปากขอตำแหน่งงานเล็กๆ ในไร่จากวรภพ แต่กลัวเขาจะมองว่าเธอจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง ครั้นจะขอไปช่วยงานที่บริษัทของพ่อแม่ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกเขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ที่โคราช ไม่รู้ว่าปีๆ หนึ่งจะมีโอกาสเข้ากรุงเทพกี่วันกัน“น้องหนาม” เสียงเรียกทุ้มน