สายป่านเดินก้าวท้าวยาวๆ ออกมาจากแผนกสูติ-นรีเวช เธออยากไปให้พ้นจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ร่างเล็กเดินลัดไปยังมุมสวนหย่อมของโรงพยาบาลที่มีโต๊ะม้าหินอ่อนตั้งเรียงรายอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น สะโพกกลมกลึงทิ้งตัวลงบนม้าหินอ่อนอย่างหมดแรง ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นและกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยดน้ำตาที่ยังคงรินไหลไม่หยุด
"คุณทำกับฉันขนาดนี้ได้ยังไง" สายป่านพูดกับตัวเองแล้วพยายามกลั้นเสียงสะอื้นนั้นไว้ในอก ความจริงที่เจ็บปวดในวันนี้ที่เธอได้เห็นกับตาได้ยินกับหู มันช่างเจ็บปวดและทุกข์ทรมานสิ้นดี แต่ความจริงก็คือความจริง รู้เร็วยังดีกว่ารู้ช้าแล้วถลำลึกไปมากกว่านี้ ครืดดดด~ครืดดดด เสียงสมาร์ทโฟนของสายป่านสั่น เธอปรายสายตามองที่หน้าจอก็เห็นว่าเป็นปริณนั่นเอง "ว่าไงปริณ .. อ้อ.. เสร็จแล้วเหรอ งั้นรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่ไป" สายป่านวางสายจากปริณแล้วจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองคืนกลับมา หลังจากที่สายป่านไปส่งปริณกับแม่วิมาลาเรียบร้อยแล้ว เธอก็ขับรถกลับมาที่หอพักทันที ร่างเล็กเดินเข้าไปที่เตียงนอน เธอก้มลงมองดูตู้เซฟนิรภัยขนาดย่อมที่อยู่ใต้เตียงตรงหัวนอนแล้วหยิบมันขึ้นมา กดรหัสเปิดเซฟ หยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง ชุดเครื่องเพชรใบมะกอกที่ส่องแสงระยิบระยับสวยงามยามต้องแสงไฟ สายป่านถอดแหวนเพชรใบมะกอกที่นิ้วนางข้างซ้ายที่สวมไว้ตลอดเวลานั้นเก็บคืนเข้าสู่กล่อง และหยิบซองเช็คจำนวนห้าสิบล้านบาทที่แอลตันเคยให้ ใส่กระเป๋าแล้วขับรถไปที่เพนท์เฮาส์ของแอลตันทันที สายป่านกดรหัสเข้าไปยังเพนท์เฮาส์แล้วตรงเข้าไปที่ห้องนอนของแอลตัน เธอวางกล่องเครื่องเพชรและซองที่บรรจุเช็คไว้ใกล้ๆ กัน พร้อมกับจดหมายอีกหนึ่งฉบับ แล้วหยิบกระเป๋าเดินทางของเธอที่เก็บไว้ออกมา แล้วจัดการเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดของตัวเองลงสู่กระเป๋า แล้วขับรถกลับมายังหอพัก เมื่อกลับมาถึงหอพัก สายป่านก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง จนเผลอหลับไป นานแค่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เธอรู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าห้อง สายป่านงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงนอน "ใครมาเคาะประตูนะ .. หรือว่าจะเป็นเขา" สายป่านพูดกับตัวเองพร้อมกับแนบสายตาส่องไปที่ตาแมว ก็พบว่าเป็นมาลารินทร์นั่นเอง เธอจึงรีบเปิดประตูให้ผู้มาเยือนในทันที ร่างบางที่เพิ่งมาถึงโผเข้ากอดสายป่านและร้องไห้โฮ ทำเอาสายป่านเองนั้นตกใจเป็นอย่างมาก “รินทร์ แกเป็นอะไร ทำไมร้องไห้หนักขนาดนี้ล่ะ เข้ามาก่อน ๆ” สายป่านจูงมือเพื่อนรักมานั่งที่โซฟา พลางกอดปลอบเพื่อนสาวที่ยังร้องไห้ไม่หยุด เธอกอดร่างบางไว้ พลางลูบหัวลูบไหล่อย่างปลอบประโลม “รินทร์ แกใจเย็น ๆ ก่อน เลิกร้องไห้ แล้วเล่าให้ฉันฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” สายป่านมองหน้าเพื่อนสาว เธอเห็นร่างบางตรงหน้าดวงตาบวมช้ำ หล่อนเช็ดน้ำตาให้เพื่อนรัก มาลารินทร์สะอื้นเบาๆ “ฮึก...ฮือ... พี่เซดริก เขา..เขามีคู่หมั้นอยู่แล้วแก.. ฮืออ” ร่างบางร้องไห้ สะอื้นจนตัวโยน สายป่านกอดปลอบร่างบาง พลางน้ำตาคลอเพราะสงสารเพื่อนรัก ทำไมทั้งเธอและเพื่อนถึงต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้ในวันและเวลาเดียวกันแบบนี้ด้วย ทั้งสองกอดกันอยู่ครู่ใหญ่ จนมาลารินทร์หยุดร้องไห้ สายป่านจึงคลายอ้อมกอดออกจากร่างบาง “ไหน..เรื่องราวมันเป็นยังงัย แกบอกฉันมาสิ” มาลารินทร์เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนรักฟังอย่างไม่ปิดบัง “แล้วแกจะเอายังงัยต่อไปล่ะรินทร์ ถ้าแกจะไปเคลียร์กับเขา ฉันจะเป็นคนพาแกไปเอง” สายป่านบอกร่างบางที่ยังเช็ดน้ำตาอยู่ “ฉันไม่กล้าหรอกป่าน พี่เซดริกเองก็พูดรับปากกับมัมของเขาว่าจะจัดการเรื่องหมั้นให้เรียบร้อย ฉันได้ยินมากับหูนะป่าน แล้วถ้าเขาต้องบอกเลิกฉันจริง ๆ ฉันคงทำใจไม่ได้ ฉันจะเป็นฝ่ายไปจากเขาเอง แกช่วยฉันได้ไหม” มาลารินทร์ถามสายป่าน เธอพยักหน้าตอบรับ เพราะตอนนี้เธอเองก็อยากจะหายตัวไปจากที่นี่เหมือนกัน อีกด้านหนึ่ง แอลตันกำลังขับรถกลับเพนท์เฮาส์ หลังจากที่เขาส่งเดมี่ถึงโรงแรมเรียบร้อยแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อเซดริก แอลตันจึงกดรับทันที “ไงมึง .. โทรมาทำไม วันนี้มีนัดกินข้าวเปิดตัวเมียรักนี่หว่า อย่าบอกว่าเมียหายอีกล่ะ” แอลตันรับสาย พลางเอ่ยกระเซ้าเพื่อนรักตามนิสัยของเขา "ไอ้แอลตัน รินทร์น่าจะได้ยินมัมคุยกับกูเรื่องกูกับโอลิเวีย รินทร์หนีกูไปแล้ว โทรไปก็เป็นสัญญาณปิดเครื่อง มึงช่วยติดต่อคุณสายป่านให้กูที ว่ารินทร์อยู่ที่นั่นไหม” น้ำเสียงเซดริกดูร้อนรนใจเป็นอย่างมาก “อ้าว .. ชิบหายละ .. เออๆ เดี๋ยวกูลองโทรตามให้” แอลตันวางสายไป แล้วรีบโทรไปที่สายป่าน เสียงสัญญาณดังขึ้นหลายครั้ง แต่ปลายทางไม่รับสาย แอลตันก็ไม่ละความพยายาม ยังคงโทรและรอสายต่อไป “ใครโทรมาน่ะป่าน ทำไมไม่รับสาย” มาลารินทร์เอ่ยถามเพื่อนรัก สายป่านกำลังขับรถอยู่ ในขณะที่มาลารินทร์นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ “คุณแอลตันน่ะ รินทร์ .. แกตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม?” สายป่านเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ หลังจากที่มาลารินทร์บอกกับเธอว่าเธอจะกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมของนางวิมาลาที่จังหวัดชลบุรี “ฉันแน่ใจแล้วป่าน ฉันยอมรับว่าฉันเป็นคนขี้ขลาด แต่ฉันทนเจอหน้าเขาอีกไม่ได้ .. ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงในชีวิตเขา เขามีคู่หมั้นที่เหมาะสมกับเขาอยู่แล้ว ทั้งฐานะ ทั้งหน้าตาทางสังคม เขาเหมาะสมกัน ทุกอย่าง ฉันจะเอาอะไรไปสู้เขา” มาลารินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงปวดร้าว “ถ้าแกยืนยันอย่างนั้นฉันก็โอเค ฉันจะไปอยู่กับแกเอง” สายป่านบอกพลางกดปิดโทรศัพท์มือถือ ที่มีเสียงเรียกเข้าจากแอลตันที่ดังไม่หยุด "หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้" เสียงสัญญาณตอบกลับอัตโนมัติดังขึ้นหลังจากที่แอลตันเริ่มต่อสายถึงสายป่านอีกครั้ง "อ้าว.. ทำไมเบอร์ป่านติดต่อไม่ได้แล้วล่ะ" แอลตันเริ่มรู้สึกตะหงิดใจ แล้วจึงลแล้วจึงลองต่อสายใหม่อีกครั้ง16 ปีผ่านไป@มาร์ตินกรุ๊ป ประเทศไทยก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออกโดยหญิงสาวลูกครึ่งหน้าตาสะสวย เธอก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูลง ร่างสูงหุ่นดีในชุดนักศึกษาเดินตรงเข้ามาหาชายหนุ่มรูปหล่อที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน"เฮียฟาขาาาาา" เสียงหวานของเธอเอ่ยเรียกชายหนุ่มพร้อมกับทิ้งสะโพกลงนั่งตักแกร่งของเขาทันที"แอลลี่ เฮียบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ ตอนนี้เธอโตเป็นสาวอายุยี่สิบสองแล้ว ไม่ใช่เด็กสองขวบเหมือนเมื่อก่อนนี้นะ" ฟาเบียนบอกแอลลี่พร้อมกับจับเอวคอดให้ลุกขึ้นจากตักแกร่ง"เฮียฟาดุอีกแล้ว แอลลี่น้อยใจนะคะ" หญิงสาวลุกขึ้นยืนทำหน้ายู่ใส่ชายหนุ่ม"เฮียไม่ได้ดุแอลลี่นะ แต่มันไม่เหมาะจริงๆ" ฟาเบียนถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แอลลี่ติดเขาแจตั้งแต่ตอนเป็นเด็กจนตอนนี้เธอเป็นสาวอายุยี่สิบสองปี ส่วนเขาอายุจะยี่สิบห้าปีแล้ว แต่เธอก็ยังติดเขาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน"แหม!!! เด็กมันยั่วขนาดนี้ เฮียก็น่าจะสงเคราะห์สักหน่อย จะได้สมใจ" เสียงฟาบริซเอ่ยขึ้นหลังจากที่เมื่อสักครู่เขาคุยงานกับพี่ชายและขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่พอออกมาก็เห็นคู่ปรับตลอดกาลอย่างแอลลี่ กำลังออดอ้อนพี่ชายของ
สามปีต่อมา ณ.คฤหาสน์แอลตันวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบสามขวบของน้องไอด้า ลูกสาวคนที่สองของแด๊ดแอลตันกับมัมป่าน ทั้งสองครอบครัวจึงตกลงกันไว้ว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดพร้อมกับเป็นวันรวมญาติของทั้งสองครอบครัวไปด้วยกันเลย เพราะนานๆ ทีจึงจะมีโอกาสได้พบเจอกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาสักที โดยงานนี้คุณปู่ปิแอร์บินมาจากฝรั่งเศส คุณตาเวทย์ และคุณลุงกิตติยศของน้องไอด้าก็ได้มาร่วมงานด้วยส่วนครอบครัวมาร์ติน นอกจากแด๊ดเซดริกกับมัมรินทร์แล้วก็ยังมี คุณปู่โนแอลคุณย่ามาริสา พร้อมกับเออเนสและปฏิญญาที่พาน้องเอเรสลูกชายวัยขวบครึ่ง บินมาจากฝรั่งเศสด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนคุณยายวิมาลา คุณยายปทุมมาศ และน้าปริญ ก็เดินทางมาร่วมงานนี้ด้วยครบทุกคนสายป่านเลือกจัดงานที่บริเวณสวนหย่อมขนาดใหญ่ด้านหลังของคฤหาสน์ เพราะเด็กๆ จะได้วิ่งเล่นกันได้โดยไม่อึดอัด ส่วนอาหารถูกสั่งมาจากโรงแรมทั้งหมดเพื่อความสะดวกสบาย เพราะตอนนี้สายป่านตั้งท้องลูกคนที่สาม อายุครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว โดยท้องนี้แด๊ดแอลตันได้ลูกชายสมใจ ซึ่งทำให้มัมป่านพลอยโล่งอกโล่งใจไปด้วย เพราะไม่อย่างนั้นเธออาจจะต้องรับหน้าที่เป็นแม่พันธุ์ให้สามีจนกว่าจะได้ลูกชาย นับว่า
3 ปีต่อมาณ.คฤหาสน์มาร์ติน "หิวกันมั้ยคะเด็กๆ มาเร็ว มาทานขนมกับน้ำหวานกันก่อนลูก" เสียงมัมรินทร์เรียกลูกๆ ทั้งสามคนของเธอเอง พร้อมกับอุ้มน้องแอลลิต้าหรือน้องแอลลี่วัยสองขวบครึ่ง ลูกสาวของแด๊ดแอลตันกับมัมสายป่าน เข้ามาทานขนมกับพี่ๆวันนี้เป็นวันนัดตรวจครรภ์ของสายป่าน อีกไม่ถึงสองเดือนสายป่านก็จะครบกำหนดคลอดลูกคนที่สองแล้ว แอลตันจึงพาสายป่านไปหาหมอ มัมรินทร์กับแด๊ดเซดริกจึงต้องรับหน้าที่เลี้ยงหลานสาวตัวน้อยให้ในทุกครั้งที่คุณหมอนัดตรวจครรภ์ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะน้องแอลลี่เลี้ยงง่ายมากๆแด๊ดเซดริกเดินจูงมือน้องเซลีนวัยสามขวบครึ่ง มาที่โต๊ะยาว ที่มีทั้งขนมและน้ำหวานคอยท่าอยู่ โดยมีเด็กชายฟาเบียนวัยห้าขวบและเด็กชายฟาบริซ วัยสี่ขวบ กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังมาติดๆ"หาเฮียฟา"เสียงน้องแอลลี่พูดอ้อแอ้พร้อมกับขยับมือไหวๆ จะลงจากอ้อมกอดไปหาฟาเบียนเสียให้ได้ จนมาลารินทร์ต้องรีบวางน้องแอลลี่ลง เด็กน้อยจึงรีบเดินเข้าไปหาฟาเบียนหรือ "เฮียฟา" ของเธอทันทีฟาเบียนอุ้มน้องแอลลี่ขึ้นนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับจุ๊บพวงแก้มยุ้ยนั้นอย่างรักใคร่"มาๆ ขอพี่หอมแก้มบ้าง" ฟาบริซเดินเข้าไปหาเด็กสาวตัวกลมแต่เธอกลับดิ้
สองเดือนต่อมา สายป่านกับแอลตันมาที่เวดดิ้งสตูดิโอตั้งแต่เก้าโมงเช้า เพราะวันนี้มีนัดลองชุดแต่งงานเพื่อใช้ สำหรับวันแต่งงานที่ถูกกำหนดไว้ในเดือนหน้า และนัดลองชุดที่จะต้องใช้ในการใส่ถ่ายพรีเวดดิ้งที่จะเริ่มถ่ายในอีกสามวันข้างหน้าด้วย ซึ่งทั้งสองคนเลือกถ่ายรูปนอกสถานที่ทั้งหมดสามที่ ซึ่งสายป่านเป็นคนเลือกธีมและสถานที่เองทั้งหมดโดยแอลตันนั้นก็ตามใจเมียรักของเขาทุกอย่างสายป่านเลือกธีมแรกเป็นเจ้าหญิงแอเรียลกับเจ้าชายอีริคโดยเธอลือกใช้โลเคชั่นชายทะเลที่รีสอร์ตสวยของมิกกี้ที่เกาะสีชัง ส่วนธีมที่สองเป็นธีมหนุ่มสาวล้านนาโดยเลือกใช้โลเคชั่นสวนดอกไม้สวยที่เชียงใหม่ และธีมสุดท้ายคือธีมของหนุ่มสาวชาวสวนที่ใช้โลเคชั่นที่ปางไม้ของเธอและสวนผลไม้ของกิตติยศกว่าจะลองชุดเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาเกือบบ่ายโมง สายป่านชวนแอลตันแวะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อหาซื้อของสดเข้าบ้าน เพราะวันนี้ครอบครัวเธอมีนัดทานอาหารเย็นกับครอบครัวของมาลารินทร์ที่คฤหาสน์แอลตัน หลังจากที่ซื้อของเสร็จแล้วทั้งสองหนุ่มสาวก็เดินทางกลับคฤหาสน์แอลตันทันทีสายป่านจัดเตรียมของเข้าครัวเพื่อเตรียมไว้สำหรับอาหารเย็นของพวกเธอและหลานๆ ส่วนแอลตันไม
แอลตันคลายอ้อมกอดออกจากแฟนสาว แล้วใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าของสายป่าน เขากุมมือของเธอไว้บนตัก"พี่มีของขวัญแต่งงานให้หนูด้วยนะ" แอลตันบอกกับสายป่าน"ของขวัญแต่งงาน? เรายังไม่ได้แต่งงานเลย มีของขวัญให้แล้วเหรอคะคุณสามีสายเปย์" สายป่านเอ่ยแซว"ของขวัญแต่งงานล่วงหน้าไงครับ" แอลตันตอบยิ้มๆ"ตัวเล็กว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นยังงัยบ้างครับ""สวยมากเลยค่ะ""แล้วชอบไหมล่ะ""ก็ชอบค่ะ""พี่ดีใจที่ตัวเล็กชอบนะ ถ้าอย่างนั้นเราย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่กันเลยไหม?" สายป่านทำหน้างง เมื่อได้ยินคำถามนี้จากเขา"หมายความว่ายังงัยคะพี่แอล""ก็หมายความว่าคฤหาสน์นี้เป็นของเราไง พี่ตั้งใจสร้างไว้ใกล้กับคฤหาสน์มาร์ติน หนูกับน้องรินทร์จะได้อยู่ใกล้ๆ กัน แล้วพี่ก็ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอของเราด้วยครับ""พี่แอลพูดจริงเหรอคะ" สายป่านถามพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีกครั้ง"จริงสิครับ ความจริงพี่อยากขอหนูแต่งงานนานแล้ว แต่อยากหาที่อยู่ให้มั่นคงก่อน เพราะพี่เพิ่งบินมาอยู่ไทยได้ไม่กี่ปี ก่อนมีหนูพี่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่อยู่มากนัก แต่พอเราจะแต่งงาน จะมีลูกก็ต้องเตรียมพร้อมล่วงหน้าสักหน่อย พี่ขอโทษนะครับที่ขอแต่งงานช้าไป ทำให้ห
@คฤหาสน์มาร์ติน แอลตันลงจากรถหรูแล้วเดินเข้ามายังคฤหาสน์ เขาเดินตรงมายังห้องอาหารทันที เพราะรู้ดีว่าเวลานี้เป็นเวลาอาหารเช้าของที่นี่"แด๊ดแอวววค้าบบบ" เสียงฟาบริซร้องตะโกนอย่างดังพลางวิ่งเตาะแตะมาหาแอลตันทันที ใบหน้าของเด็กน้อยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แอลตันอุ้มร่างเล็กของหลานชายแล้วหอมแก้มตุ่ยฟอดใหญ่ เขาอุ้มฟาบริซเดินไปยังโต๊ะอาหารที่ทุกคนกำลังนั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา"อ้าว..ไอ้แอล มาๆ กินข้าวด้วยกัน" เซดริกเอ่ยชวนเพื่อนรัก แอลตันนั่งลงทานข้าวต้มและป้อนข้าวต้มให้หนูน้อยฟาบริซที่นั่งอยู่บนตัก จนฟาบริซกับฟาเบียนทานอาหารเสร็จแล้ว พี่เลี้ยงก็พาเด็กๆ ไปห้องนั่งเล่น เพื่อให้พวกผู้ใหญ่ได้คุยกันโดยสะดวก"วันนี้เป็นวันหยุด มึงมีอะไรด่วนถึงได้มาแต่เช้าวะ""กูมาดูบ้านกูไง เมื่อไรจะตกแต่งเสร็จวะ มึงเร่งให้กูรึยัง" แอลตันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง"กูเร่งให้มึงแล้ว ทางช่างเขาก็บอกอยู่ว่าไม่เกินสองอาทิตย์ คฤหาสน์มึงอย่างใหญ่เลยนะ แถมเฟอร์นิเจอร์ก็นำเข้าเกือบทั้งหมดอีก มึงจะไม่ให้เวลาเขาหน่อยรึไง"เซดริกตอบเพื่อนพลางส่ายหัวให้กับความใจร้อนของแอลตัน เพราะอยู่ๆ เมื่อกลางปีที่ผ่านมาแอลตันมาขอซื้อที่ดิ