"นาวพี่ต้องไปงานต่อคงจะไปส่งเราไม่ทันแล้ว" กันตนาเดินหน้าเครียดมาหาดาราสาวที่เพิ่งออกจากห้องแต่งตัว หลังจากที่ผ่านพิธีการต่างๆ และออกจากวงสัมภาษณ์ของนักข่าว "พอดีวันใหม่มีอีเว้นท์"
"ไม่เป็นไรไปเลยค่ะพี่กันต์ เดี๋ยว..คุณพีร์จะมารับ" รึเปล่าไม่รู้... ลัลนาตอบรับง่ายๆ ให้ผู้จัดการสาวสบายใจ ด้วยเข้าใจในอาชีพและหน้าที่ของกันตนาดีว่าไม่ได้มีแค่เธอที่เป็นนักแสดงในสังกัด ยังคงต้องดูแลนักแสดงอีกหลายคน
"ว่าที่เจ้าบ่าวจะมารับก็ไม่บอกกัน พี่นี่ก็กังวลอยู่" กัตนายิ้มแซวอย่างโล่งใจ ที่อย่างน้อยก็ไม่ได้ทิ้งให้ผู้ที่เปรียบเสมือนน้องสาวต้องกลับบ้านเอง
"พี่กันต์ไปเถอะค่ะ แถวนั้นรถน่าจะติด" คนตัวเล็กยกเหตุผลรถติดมาเอ่ยเตือน ตั้งใจให้ผู้จัดการส่วนตัวรีบไปจะได้ไม่มีเวลามาเอ่ยแซวกันไปมากกว่านี้
"โอ๊ย! ใช่ๆ ลืมไปเลยงั้นพี่ไปก่อนนะนาว เดี๋ยวโทรหา" มะนาวตอบรับเล็กน้อยก่อนจะเก็บกระเป๋าของตนเอง กวาดสายตามองรอบๆ ว่าไม่ได้ลืมอะไร และทิ้งขยะในส่วนของตนเองเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนมาเปิดโปรแกรมสนทนาดูอีกครั้ง
ไม่รู้จะต้องเรียกรถกลับเองด้วยรึเปล่า
แต่เมื่อเห็นว่าในบทสนทนามีการตอบรับแล้วก็ยิ้มอย่างโล่งใจเล็กน้อย ลำพังกลับเองยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่สำคัญเลยคือธุระที่ทั้งเธอและเขาต้องไปจัดการวันนี้ก็คือเรื่องชุดที่ไปลองคราวก่อนนั่นแหละ มีจุดที่ต้องแก้หลายจุด วันนี้พวกเธอจึงต้องกลับไปเพื่อลองชุดอีกครั้ง
ลัลนากดโทรหาคนที่นัดไว้ผ่านโปรแกรมแชทที่มีฟังก์ชั่นสำหรับการโทร เพราะดูจากเวลาเธอเลทมาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่มีคนรับสาย มีเพียงเสียงสัญญาณที่ดังว่าเจ้าของเครื่องไม่ได้ปิดเครื่อง เพียงแต่ไม่ได้รับสายเท่านั้นเอง
หรืออาจจะขับรถอยู่
ลัลนาบ่นพึมพำอย่างไม่คิดมาก เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะติดเคสด่วนเลยออกมาสาย ตอนนี้อาจจะขับรถเลยรับโทรศัพท์ไม่ได้ เมื่อเห็นว่ามีแม่บ้านเข้ามาภายในห้องรับรองเพื่อตั้งใจทำความสะอาด ดาราสาวจึงเดินออกจากห้องให้แม่บ้านได้ทำหน้าที่ได้สะดวก ตั้งใจว่าจะเดินไปรอตรงลานจอดด้านหลังหากเขามาถึงเธอค่อยแจ้งที่อยู่กับเขา
แต่เมื่อเธอเดินไปถึงยังจุดจอดรถด้านหลังก็ต้องขมวดคิ้วแปลกใจ เมื่อเห็นรถคันหรูคุ้นตาที่เคยนั่ง จอดนิ่งรออยู่ เพ่งมองดีๆ เห็นร่างสูงกำยำที่คุ้นตายืนหันหลังอยู่
หมอพีร์?
คนตัวเล็กเดินตรงเข้าไปยังจุดหมายอย่างไม่เร่งรีบ พยายามเพ่งมองเหมือนเห็นเขายืนคุยกับใครอยู่ เมื่อสาวเท้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ก็เริ่มจับเสียงคู่สนทนาได้ เสียงออดอ้อนเฉพาะตัวที่มักจะได้ยินเวลาอยู่ในวงสัมภาษณ์นักข่าว จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก...
มินนี่!
เหอะ! โทรไปไม่รับสาย มายืนคุยกับแฟนเก่าอยู่นี่เอง
"คุณพีร์คะ" น้ำเสียงสดใสเปี่ยมไปด้วยความดีอกดีใจของนักแสดงสาวส่งผลให้รพีภัทรหันกลับมาตามเสียงเรียกด้วยความแปลกใจ "รอนานไหมคะ"
"ครับ.." คนตัวสูงตอบรับเสียงเบา ขมวดคิ้วงุนงงกว่าเดิมเมื่อคนมาใหม่เดินเข้ามาประชิดตัวก่อนจะเอื้อมมือมาคล้องแขน
ปกติมีแต่ต่างคนต่างหลีกเลี่ยงเจอกัน อยู่ห่างกันให้มากที่สุด นี่อะไรวะเนี่ย? รพีภัทรมองการกระทำคนตรงหน้าอย่างหวาดระแวง
"เธอกับพีร์รู้จักกันด้วยเหรอ" เป็นมนิสราที่อดทนรอไม่ไหว โพล่งถามด้วยความสงสัย
"ก็ใช่น่ะสิ มารับขนาดนี้ คล้องแขนกันขนาดนี้ จะไม่รู้จักได้ไง" ลัลนาตีรวนกลับ ยักคิ้วกวนอารมฌ์ มั่นใจว่านางเอกสาวไม่กล้าแสดงท่าทีร้ายๆ ต่อหน้ารพีภัทรแน่นอน
"ฉันรู้จักกับพีร์มาก่อนเธอตั้งนานไม่ยักรู้ว่าพวกเธอรู้จักกันด้วย" มินนี่กัดฟันตอบ หันมาถามชายหนุ่มเสียงหวาน "เพื่อนใหม่เหรอคะพีร์"
"ไม่ใช่จ้ะ" มนิสราจิกตามองคนตรงข้าม ในใจอยากจะตะโกนตอบว่าไม่ได้ถาม แต่ทำได้เพียงยิ้มฝืนๆ ตอบไป
"พอดีฉันกับพีร์เป็น...คนสนิทกันมาก่อน ฉันบังเอิญเจอเลยแวะทักน่ะ" มนิสราตั้งใจพูดความสัมพันธ์ให้กำกวม ตั้งใจให้คนตรงหน้าแสดงอาการอยากรู้บ้าง
"ไม่ได้ถาม" มนิสรากำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ขึงตาใส่หญิงสาวอีกคนด้วยความขุ่นเคือง ที่ยกคำพูดในใจเธอมาพูดแทน ในขณะที่ตัวเองพูดไม่ได้!
"นาว" คุณหมอหนุ่มดุคนตัวเล็กเสียงเข้ม ที่ชักจะกวนคนอื่นมากเกินไป ด้วยความที่เห็นว่าทั้งสองมีชื่อเสียง หากมีคนมาเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
แตะไม่ได้เลย! มะนาวเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
"ผมไปก่อนนะมินนี่ เอาไว้คุยกัน" รพีภัทรหันมาเอ่ยลาเพื่อนเก่า ตั้งท่าจะลากคนที่ยืนห้อยโหนอยู่ข้างๆ ไปขึ้นรถ
"เดี๋ยวสิคะคุณพีร์ มินนี่เขาน่าจะอยากรู้ว่าเราจะไปไหนกัน" ลัลนาเงยหน้าซบไหล่ออดอ้อนว่าที่เจ้าบ่าวก่อนจะหันไปยักคิ้วบอกคนตรงข้าม "ฉันกับคุณพีร์จะไปลองชุดแต่งงานน่ะ"
"แต่งงาน!?"
"อ้าว! เธอไม่รู้เหรอว่าฉันจะแต่งงาน"
ไม่รู้ก็บ้าแล้ว!!
มนิสรารู้ข่าวเรื่องการแต่งงานสายฟ้าแลบของคู่แข่งตนเองมาก่อนอยู่แล้ว เพียงแต่ช่วงนั้นเธอติดทำงานที่ต่างประเทศจึงไม่ได้มีเวลาตามสืบอย่างจริงจัง รู้เพียงแค่มีคนเม้าธ์ๆ กันว่าแต่งงานกับคุณหมอคนหนึ่งเพื่อกอบกู้ชื่อเสียง ตัวเธอคิดไว้ว่าไม่เป็นหมอจนๆ ที่ต้องอาศัยเข้าเวรจนดึกแลกเงิน ก็ต้องเป็นหมอแก่ๆ บ้างาน ใครจะไปคิดว่าจะเป็นรพีภัทรที่มาแต่งงานกับลัลนาเพื่อกลบข่าวลือบ้าๆนั่น
"ไม่ยินดีหน่อยเหรอ ทำไมทำหน้าแบบนั้น" มนิสราปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นฝืนยิ้มบางๆ ตอบกลับอย่างรวดเร็วตามสไตล์นักแสดงมืออาชีพ
"ยินดีด้วยนะพีร์...มะนาวด้วยนะ" ลัลนากลอกตามองบนแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อสิ่งที่คนตรงหน้าแสดงออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยียวนกลับไปอีกครั้ง อย่างน้อยการได้เห็นหน้าเหวอๆ ของคนตรงหน้าก็พอจะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยจากการที่รอนางเอกคนดังถึงสองชั่วโมง
"ขอบใจจ้ะมินนี่ แต่ไม่เชิญนะ พอดีเชิญแค่คนสนิท" เมื่อพูดจบเธอก็ออกแรงดึงว่าที่เจ้าบ่าวให้ขึ้นรถทันที พลางกระซิบบอกเสียงเบา "คุณให้ฉันเป็นคนจัดการทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเรื่องแขกคุณก็ห้ามยุ่ง"
รพีภัทรยักไหล่ตอบรับเนือยๆ ไม่ได้คิดจะสนใจเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ยิ่งเรื่องผู้หญิงฟาดฟันกันยิ่งไม่คิดใส่ใจ ขอเพียงแค่อย่าดึงเขาไปเกี่ยวกับเรื่องยุ่งๆ นี่ก็พอ
แค่นี้ชีวิตก็ห่างไกลความสงบสุขไปมากแล้ว
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้