“เอ่อ….พ่อกับแม่ และคุณลุงคุณป้าครับ เรื่องแบบนี้พวกเราควรจะถามไอ้เชนกับยัยอัยย์ก่อนดีไหมครับ ว่าพวกเขาอยากแต่งงานกันหรือเปล่า” เสียงของคชาเหมือนกับสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น อัยย์วารินทร์หันไปมองพี่ชายด้วยสายตาขอบคุณ
“อืม...นั่นสิ ตาเชน คิดเห็นอย่างไรถ้าพ่อกับแม่จะให้ลูกแต่งงานกับน้องอัยย์” ธมลวรรณเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง สายตาของเธอจ้องมองลูกชายอย่างตั้งใจ และรอคอยคำตอบที่เธอเชื่อว่าลูกชายจะไม่ขัดใจคนเป็นแม่อย่างเธอ
คเชนทร์มองหญิงสาวด้วยสายตาเย็นชา ราวกับตั้งใจสื่อบางอย่าง ก่อนจะตอบแม่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“แล้วแต่พ่อกับแม่เถอะครับ”
คำตอบนี้ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยิ้มออกมาอย่างพอใจไม่น้อย ส่วนอัยย์วารินทร์รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่เขาไม่ปฏิเสธ แต่สำหรับคเชนทร์แล้วเขารู้ดีว่า แม้จะปฏิเสธไป ก็ไม่มีประโยชน์ พ่อแม่ของเขายังไงก็จะบังคับให้เขาแต่งงานอยู่ดี เขาจึงเลือกที่จะยอมแต่งไปก่อน และค่อยทำให้เห็นว่า ชีวิตคู่ที่ถูกคลุมถุงชนนี้ไปกันไม่รอดจริง ๆ
เวลาผ่านไปหลายวัน ตั้งแต่วันนั้นที่อัยย์วารินทร์ตัดสินใจสารภาพรักกับคเชนทร์เธอก็ไม่เคยพบเจอกับความสุขที่แท้จริงอีกเลย ยิ่งสายตาที่คเชนทร์มองเธอในวันที่มากินข้าวที่บ้านของเธอพร้อมครอบครัวของเขานั้นช่างเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทั้งยังสีหน้าเฉยเมยไร้ความรู้สึกนั่นอีกและเหมือนกับว่าเขาจะคาดโทษเธอไว้ผ่านทางสายตาอีกด้วย และที่สำคัญ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้คเชนทร์ก็ไม่เคยมาให้อัยย์วารินทร์เห็นหน้าอีกเลย เรื่องแต่งงานเธอก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป
ใบหน้าอมทุกข์ของอัยย์วารินทร์ที่พยายามฝืนยิ้มเพื่อทำทีว่าตนเองมีความสุขนั้นไม่อาจปกปิดสายตาของผู้เป็นแม่ได้ ขณะที่หญิงสาวกำลังช่วยแม่เตรียมอาหารมื้อเย็นอยู่นั้น พริมาก็สังเกตเห็นว่าลูกสาวเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“หนูอัยย์ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก? ทำไมช่วงนี้หนูเหม่อลอยบ่อยจัง”
อัยย์วารินทร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตอบความจริงออกมา ความเครียดสะสมทำเอาเธอปวดหัวจนแทบจะระเบิดแล้ว
“แม่คะ... หนูเป็นกังวลเรื่องที่หนูกับพี่เชนต้องแต่งงานกันค่ะ หนูกลัวว่าจะทำให้พี่เชนลำบากใจ เพราะดูท่าทางแล้วเขาไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับหนูเลยค่ะ เรื่องนี้แม่น่าจะปรึกษาหนูก่อนนะคะ” ปกติหญิงสาวไม่เคยต่อว่าแม่ของเธอแบบนี้ แต่เพราะความเครียดที่ก่อตัวในใจทำให้เธอเผลอพูดออกมา
พริมาหันไปมองลูกสาวด้วยแววตาอ่อนโยน ไม่ถือสาที่ลูกสาวต่อว่าแต่อย่างใด
“จะกังวลไปทำไมล่ะลูก มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ หนูเองก็ชอบพี่เชนอยู่แล้ว ได้แต่งงานกับคนที่หนูชอบก็นับว่าเป็นเรื่องที่วิเศษมาก อีกอย่างครอบครัวของพี่เชนก็จองตัวหนูไว้ตั้งแต่เด็กแล้วนะ เขาตั้งใจให้ลูกแต่งงานกับลูกชายของเขา แม่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด เลิกคิดมากได้แล้วนะ หนูอัยย์ของแม่”
อัยย์วารินทร์เม้มปากแน่น น้ำเสียงที่ออกมาเบาแต่เต็มไปด้วยความขมขื่น “แต่พี่เชนเขาไม่ได้ชอบหนูเลย... เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับหนูด้วยซ้ำ”
คำว่าไร้สาระที่เขาพูดใส่หน้าเธอวันนั้น เธอยังจำได้ขึ้นใจ“อยู่ ๆ กันไป เดี๋ยวก็รักกันเอง เชื่อแม่สิ” พริมาเอ่ยอย่างมั่นใจ แต่คำพูดนี้กลับยิ่งทำให้อัยย์วารินทร์รู้สึกกังวลหนักกว่าเดิม เธอมองไม่เห็นวันที่พี่เชนจะเปลี่ยนใจมารักเธอได้เลย และคงไม่มีวันนั้น
พริมาสังเกตเห็นสีหน้าของลูกสาวที่ยังคงวิตกกังวล จึงตัดสินใจอธิบายเหตุผลเพิ่มเติมถึงความจำเป็นที่ทั้งสองครอบครัวต้องเกี่ยวดองกัน
“ลูกก็รู้ดีว่า ธุรกิจนำเข้าสินค้าหนีภาษีของเราไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน เราจำเป็นต้องพึ่งพาครอบครัวของพี่เชน อีกอย่าง ครอบครัวของเรากับครอบครัวของพี่เชนทำธุรกิจนำเข้าสินค้าที่ไม่ควรนำเข้าร่วมกันมานานแล้ว การแต่งงานระหว่างลูกกับพี่เชนจะช่วยเสริมอำนาจให้ครอบครัวของเราทั้งสองฝ่าย จะไม่มีใครกล้ายุ่งกับพวกเราอีก และไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร ธุรกิจของเราก็จะอยู่รอดอย่างปลอดภัย”
พริมาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
“เชื่อแม่นะลูก ไม่ว่าจะอย่างไร ลูกก็ต้องแต่งงานกับพี่เชน นี่เป็นผลดีทั้งต่อตัวลูกเอง ต่อครอบครัวและต่อธุรกิจของเรา” พริมาพูดอย่างอ่อนโยน เธอเองก็รักลูกของเธอไม่น้อย และคิดว่ายังไงซะสิ่งที่เธอเลือกก็ต้องดีกับลูกสาวตัวน้อยของเธออยู่แล้ว ส่วนเรื่องธุรกิจนั่นจริงๆ ก็เพียงพูดให้มีน้ำหนักเท่านั้น ยังไงเสียหากเด็ก ๆ ทั้งสองไม่ได้แต่งงานกันจริง ทั้งสองครอบครัวก็ยังทำธุรกิจร่วมกันต่อไปได้
แต่พริมาไม่รู้เลยว่าการวางอนาคตให้ลูกจะเป็นการทำร้ายลูกสาวทางอ้อม
ส่วนอัยย์วารินทร์พอได้ยินแม่พูดก็ยิ่งคิดหนักกว่าเดิม ‘ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่แม่พูดจริง ๆ ฉันก็คงต้องแต่งงานกับพี่เชนสินะ... แต่พี่เชนคงไม่อยากแต่งกับฉันแน่ ๆ ถ้าเขาต้องแต่งงาน ก็คงฝืนใจเต็มทน แล้วแบบนี้ฉันจะทำอย่างไรต่อไปดี’ อัยย์วารินทร์ครุ่นคิดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
วันต่อมา
แถวชานเมืองใกล้กรุงเทพฯ โกดังขนาดใหญ่ที่ภายนอกดูเหมือนเป็นโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้างธรรมดา แต่เบื้องหลังกลับเป็นสถานที่พักสินค้าผิดกฎหมาย ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าเคร่งขรึม ยืนตรวจสินค้าล็อตล่าสุดด้วยความตั้งใจ ดวงตาคู่นั้นยังคงนิ่งสงบ ราวกับสายน้ำที่ไม่แยแสต่อสิ่งรอบข้าง
ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามารายงาน “ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับคุณเชน”
คเชนทร์พยักหน้า “อืม...ดี ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เราก็กลับกันได้”
ร่างสูงก้าวเดินตรวจตราสิ่งต่าง ๆ รอบโกดังอย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงสั่งให้เตรียมตัวกลับ เขาต้องรีบไปประชุมที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างใหญ่ในตัวเมืองกรุงเทพฯ งานหลายอย่างรออยู่ และเขาไม่สามารถปล่อยเวลาผ่านไปได้
“ครับนาย”
จากชานเมืองเข้ามาที่ตัวเมืองใช้เวลาเพียงไม่นาน เนื่องจากช่วงที่เดินทางรถไม่ติดมากนัก เมื่อกลับมาถึงที่บริษัท คเชนทร์ก็เดินไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของตัวเองเป็นอย่างแรก
ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป ดวงตาคู่คมก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอมีผิวขาวผ่องราวกับหิมะ ตัดกับเส้นผมดำขลับที่ดูโดดเด่น เธอนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องทำงานของเขา
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู หญิงสาวคนนั้นก็หันมามองเขา สายตาของเธอประสานกับสายตาของเขาพอดี ความเงียบปกคลุมในชั่วขณะ
คเชนทร์เอ่ยออกมาอย่างหลงใหล พร้อมมองใบหน้าของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่ง ลมหายใจของร่างสูงถี่หอบขึ้นมาเรื่อย ๆ และส่งเสียงแข่งกับเนื้อดังกระทบกันออกอย่างต่อเนื่องชายหนุ่มขยับตัวเองนั่งตัวตรงตั้งฉาก เพื่อจับจ้องที่ร่องสวาทซึ่งตอนนี้มีท่อนเอ็นของเขาขยับเข้าและออกมาอย่างช้า ๆ แต่เป็นการกระทำที่หนักหน่วงเพราะทุกจังหวะการกระแทกของเขาทำให้หญิงสาวทั้งเสียวทั้งเจ็บ“พี่เชน อ้ะ เสียวอัยย์ เสียวไปทั้งตัวเลย อ๊ะ...อย่าขยับแบบนั้นสิคะ” เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวดังออกมาอย่างต่อเนื่อง จนคนที่ได้ยินอดที่จะยกยิ้มออกมาเล็กน้อยไม่ได้“เหรอคะ เสียวแล้วชอบไหม..อ่าาห์~ซี๊ด พี่ก็เสียว” คำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวมองเชนอย่างคาดโทษแต่เธอก็ต้องสะดุ้ง เมื่อนิ้วหัวแม่มือของคเชนทร์ได้ขยี้ลงตรงร่องสวาทของเธอ พร้อมการขยับท่อนเอ็นเข้าและออกด้วยจังหวะที่ร้อนแรงขึ้นมากกว่าเดิมเรื่อย ๆ“อือ.. เสียว อ๊ะ พี่เชน..ไม่ไหวแล้ว อัยย์จะไม่ไหวแล้ว..” ความรู้สึกตอนนี้สุขสมใกล้จะล้นทะลักเต็มที ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวอย่างเซ็กซี่พร้อมส่วนลึกที่ตอดรัดท่อนเนื้อทำเอาร่างสูงกัดฟันแน่นเพราะความเสียวไม่แพ้กันท่าทีของห
“วะ ว่ายังไงนะคะ”“ถ้าอัยย์เรียนจบแล้ว เรามีลูกกันเลยดีไหมครับ” ร่างสูงทวนคำถามอีกครั้ง น้ำเสียงนุ่มนวลแต่จริงจัง ทำเอาพวงแก้มเนียนนุ่มของอัยย์วารินทร์ขึ้นสี ใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกมาจากอก เธอตอบกลับอย่างตะกุกตะกักด้วยความขวยเขิน“ถ้าพี่เชนว่าดี อัยย์ก็ว่าดีค่ะ แต่ว่าเรา…ยังไม่ได้ไปฮันนีมูนกันเลยนะคะ”คเชนทร์กะพริบตาปริบ ๆ หยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อคิดได้“อ่า..นั่นสิ พี่ลืมไปได้ยังไง ว่าแต่อัยย์อยากไปฮันนีมูนที่ไหน มัลดีฟส์ดีไหม หรือปารีส ฝรั่งเศสดี”“อัยย์ไปที่ไหนก็ได้ค่ะ ขอแค่มีพี่เชนไปด้วยก็พอ” อัยย์วารินทร์ตอบพลางซุกหน้าลงกับอกแกร่งของสามี ซ่อนใบหน้าที่เริ่มแดงจัด ไม่ยอมให้เขาเห็น พอเห็นคนตัวเล็กเขินอาย หัวใจของเชนที่เคยเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งก็หลอมละลายลงไปจนหมดสิ้น ความรักที่เธอมีต่อเขานั้นเหมือนสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำที่ซึมซาบเข้าไปในหัวใจ ค่อย ๆ ละลายความแข็งกระด้างและความเหินห่างที่เคยมีออกไปจนสิ้น เหลือเพียงความอบอุ่นและอ่อนโยนที่เขามีต่อเธอเพียงคนเดียวเขารู้สึกได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าคือคนที่เขารอคอยมาตลอด“พี่ก็เหมือนกัน พี่ไปได้ทุกที่ ขอแค่มีอัยย์ไปด้วยก็พอ” เชนพูดพร้อ
แกร๊ก!เสียงเปิดประตูทำให้อัยย์วารินทร์รีบลุกขึ้นจากตักของคเชนทร์โดยอัตโนมัติ ก่อนจะได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงที่ดังกระทบพื้นด้วยความมั่นใจ ทำให้อัยย์วารินทร์รู้ทันทีว่าเป็นใครที่เข้ามาคเชนทร์เห็นว่าเป็นใคร จึงรีบลุกขึ้น จัดเสื้อเชิ้ตและเนกไทให้เข้าที่ ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มพลันเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แฝงไปด้วยความเย็นชาอย่างไม่ปิดบัง“ก่อนเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”“ปกติลิลลี่ก็เข้ามาแบบนี้ตลอดนะเชน” หญิงสาวริมฝีปากทรงกระจับแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดตอบกลับอย่างมั่นใจ แต่สายตาคมของเธอกลับจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างคนรักเก่าของเธอตาไม่กะพริบ“อือ..ช่างเถอะ นี่อัยย์ เป็นภรรยาของผม” คเชนทร์พูดพร้อมยื่นมือไปกุมมือร่างบาง ดึงเธอเข้ามาใกล้แนบชิด แม้อัยย์จะดูประหม่า แต่มือหนาก็กระชับมือของเธอเอาไว้แน่น เพื่อเน้นย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอลิลลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะแนะนำตัวเองอย่างมาดมั่น “ไหน ๆ ก็แนะนำตัวกันแล้ว ลิลลี่ก็ขอแนะนำบ้าง ฉันชื่อลิลลี่ค่ะ เป็น…แฟนเก่าที่เชนรักมาก” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งมั่นใจเต็มที่“เคยรัก แต่ตอนนี้ไม่ได้รักแล้ว” คเชนทร์ตอบกลับทันที ก่อนจะ
“พะ...พี่เชน พี่เชนพูดว่าอะไรนะคะ” อัยย์วารินทร์เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เมื่อกี้นี้พี่เชนพูดว่า 'รัก' ออกมา...คำที่เธอเฝ้ารอมานาน และไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันจากปากของเขาคเชนทร์มองหญิงสาวด้วยสายตาเว้าวอน "อัยย์...พี่รักอัยย์จริง ๆ พี่ขอโทษที่รู้ตัวช้า ขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับอัยย์ วันนี้พี่รู้แล้วว่าหัวใจของพี่มีแต่อัยย์ ให้อภัยคนโง่ ๆ อย่างพี่เถอะนะ”คำสารภาพที่เต็มไปด้วยความจริงใจของคเชนทร์ท่ามกลางสักขีพยานทั้งสองครอบครัว ทำให้อัยย์วารินทร์เริ่มมีสีหน้าที่อ่อนลง แววตาของเธอสั่นระริกด้วยความอ่อนไหว คำพูดของเขาทำให้หัวใจที่เคยแข็งกร้าวเริ่มอ่อนลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อเคชนทร์เห็นความหวั่นไหวในดวงตาหญิงสาวความหวังเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ“น้องอัยย์คิดเห็นว่ายังไงลูก” พริมาถามขึ้นอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นลูกสาวนิ่งเงียบไป ก่อนจะพูดต่อ“ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง แม่กับพ่อและพี่คชาก็จะเคารพการตัดสินใจของหนู” ดวงตาเอื้ออาทรของแม่พริมาส่งผ่านความห่วงใย พร้อมคำพูดที่เปรียบดั่งน้ำเย็นชโลมใจ ช่วยให้อัยย์กล้าตัดสินใจตามความรู้สึกของตัวเองตอนนี้อัยย์วารินทร์จ
อัยย์วารินทร์ที่กลับขึ้นไปห้องนอนของตัวเองแล้ว แต่จิตใจยังว้าวุ่น พอได้ยินเสียงพี่ชายกับสามีทะเลาะกันเสียงดังอยู่นานสองนาน จนเธอทนไม่ไหวต้องลงมาห้ามในที่สุดคเชนทร์ที่เห็นหญิงสาวก็รีบปล่อยมือจากคอเสื้อของคชาทันที เขาปรี่เข้าไปหาอัยย์วารินทร์ด้วยสายตาละห้อย อารมณ์โกรธที่มีเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น“อัยย์….”“หยุดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” น้ำเสียงเย็นชาจากปากเล็ก ทำให้ร่างรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกข้างซ้าย ‘น้ำเสียงแบบนี้สินะ ที่เขาเคยใช้พูดทำร้ายจิตใจของอัยย์ในเมื่อก่อน’“อัยย์จะลงมาทำไมอีก กลับขึ้นไปเถอะ” คชาเดินเข้าไปหาน้องสาว ก่อนจะเอ่ยตำหนิเล็กน้อย“อัยย์ได้ยินว่ากำลังจะมีใครบางคนทำร้ายพี่คชา อัยย์ก็เลยทนไม่ได้ต้องรีบมาห้ามไว้ค่ะ” คำพูดที่ฟังดูห่างเหินจากปากของหญิงสาวยิ่งทำให้คเชนทร์รู้สึกเจ็บช้ำ แต่เขาไม่เคยคิดโกรธเธอเลย เพราะเขาเองที่เคยทำไม่ดีกับเธอก่อนคชาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงยียวน “น้องไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก ก็แค่คนพาล พี่ไม่กลัวหรอก”“ไอ้คชา!” เชนคำรามด้วยความโกรธ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงแหวก็ดังขึ้นอีกครั้ง“อย่านะคะ” คำพูดเพียงสั้น ๆ ของเธอ แต่กลับมีอำนาจมากพอที่จะระงับอารม
คเชนทร์ตวาดออกมาด้วยความเดือดดาล สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ ความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียคนรักทำให้เขายิ่งพยายามแสดงความเป็นเจ้าของ คเชนทร์ดึงหญิงสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแสดงความหวงแหนแต่ใครจะรู้ว่าคนในอ้อมแขนนั้นกลับดิ้นขัดขืนอย่างไม่หยุด ทั้งยังกล่าวคำหักหน้าของเขาออกมาอีกด้วย“พี่เชน! ..ปล่อยนะ เราไม่ได้เป็น….สามีภรรยากันแล้วนะคะ” คำพูดของหญิงสาวทำให้คเชนทร์ที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่แล้ว ยิ่งโกรธจัดจนควบคุมสติตัวเองไม่อยู่“ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเหรอ ทะเบียนสมรสก็ยังมี จะไม่ได้เป็นได้ยังไง!” เขาโพล่งออกมาทันควัน น้ำเสียงแข็งกระด้าง ดวงตาวาวโรจน์จ้องที่หญิงสาวอย่างไม่ลดละ ทั้งที่ก่อนมาเขาตั้งใจจะขอโทษเธอกับสิ่งที่เขาทำผิดไป แต่พอเห็นหญิงสาวคุยหัวเราะกับผู้ชายคนอื่นทำให้เกิดหึงหวงออกมาโดยไม่รู้ตัวและเป็นครั้งแรกที่คเชนทร์ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ อัยย์วารินทร์มองหน้าคนที่กำลังอาละวาดด้วย ความไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่เธอถอยให้เขาขนาดนี้แล้วเขายังจะตามมารังควานเธออีกทำไม หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้น..“...แต่อีกไม่นานอัยย์กับพี่เชนก็ต้องหย่ากันแล้ว” อัยย์วารินทร์พูดด้วยน้ำเสียงติดนิ่ง แต่เธอ