"มาทำไม!" คเชนทร์เอ่ยถาม น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความไม่พอใจ
อัยย์วารินทร์ที่นั่งรออยู่ พอเห็นคเชนทร์มาถึงก็คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่ความอ่อนโยนและใสซื่อในแววตาของเธอไม่สามารถทำลายก้อนน้ำแข็งที่เกาะอยู่ในใจของเขาได้ เมื่อเธอรู้สึกถึงความเฉยชาที่แผ่ออกมาจากร่างสูง หญิงสาวรีบหุบยิ้มลงทันที
“สะ...สวัสดีค่ะพี่เชน” หญิงสาวเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาจากตรงไหน คำว่าสวัสดีจึงเป็นประโยคแรกที่หลุดออกมา
แต่คำทักทายนั้นกลับไม่เข้าหูของคเชนทร์แม้แต่น้อย สีหน้าของเขาเย็นชาและปราศจากอารมณ์ ทำให้อัยย์วารินทร์ที่พยายามยิ้มใจแป้ว รู้สึกห่อเหี่ยวไปหมด
แต่ถึงแม้ว่าจะถูกปฏิเสธกลาย ๆ จากท่าทีเย็นชาของเขา แต่อัยย์วารินทร์ยังไม่ยอมแพ้ เธอลุกขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และเดินเข้าไปหาคเชนทร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารตัวใหญ่ของเขา
อัยย์วารินทร์พยายามหาทางทำให้คเชนทร์ยอมพูดกับเธอ จึงตัดสินใจทำท่าทีเหมือนเล่นสนุกแบบที่เคยทำกันเมื่อตอนเด็ก ๆ โดยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ฉีกยิ้มหวานออกมา หวังว่ามันจะทำให้คเชนทร์คลายความเย็นชาได้บ้าง และดูเหมือนมันจะได้ผล คเชนทร์ยอมพูดออกมาในที่สุด
แต่สิ่งที่ตอบกลับมา ไม่แคร์ความรู้สึกของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอเลยสักนิด
“คิดจะทำอะไรอีก ต้องการอะไรจากฉันล่ะ? แค่ฉันไม่รับรัก เธอก็เอาเรื่องไปฟ้องพ่อแม่ให้มาบังคับฉันแต่งงาน เหอะ! คงสมใจเธอแล้วสิท่า”
คำพูดนั้นเหมือนคมมีดที่แทงลงกลางอกของหญิงสาวทันทีที่ได้ยิน มันทำร้ายจิตใจของเธออย่างรุนแรง อัยย์วารินทร์รู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำความรู้สึกอีกครั้ง ร่างเล็กอึกอักไปไม่เป็น คำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินกลับเอ่ยออกมาอย่างไม่ถนอมน้ำใจและมันทำร้ายความรู้สึกของคนฟังเป็นอย่างมาก
หญิงสาวลำคอตีบตันด้วยก้อนสะอื้นที่ไหลบ่าเข้ามา น้ำตาเอ่อคลอเต็มขอบตาล่าง เธอพยายามกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“พะ...พี่เชน…” เสียงของเธอสั่นเครือ เบาแผ่วเกือบจะไม่ได้ยิน เธอมองชายหนุ่มที่เคยใจดีกับเธอ แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว...คนใจร้าย
ก๊อก! ก๊อก!
"ขออนุญาตค่ะ คุณเชนคะ อะ..อ้าว ขออภัยค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณเชนมีแขก” เลขาของคเชนทร์ที่ตามกลับมาจากชานเมืองเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ทันรู้ว่าเจ้านายของเธอกำลังมีแขกอยู่ในห้อง ก็เลยเข้ามาอย่างเสียมารยาทและกำลังรีบจะออกไป แต่กลับถูกคเชนทร์เรียกเอาไว้ก่อน
“ไม่ต้องไป”
เมื่อคนเป็นเจ้านายออกคำสั่ง เลขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ารับคำอย่างเงียบ ๆ
“….ค่ะ”
คเชนทร์หันกลับไปมองอัยย์วารินทร์ด้วยสายตาเย็นชาเหมือนเดิม ก่อนจะพ่นคำพูดที่ยิ่งทำร้ายความรู้สึกของเธอออกมา
“อย่าคิดว่ามาทำเป็นบีบน้ำตาแล้วฉันจะสงสาร!” น้ำเสียงของเขาเรียบเย็น แต่เจ็บแสบทำร้ายจิตใจคนฟังจนเกินทานไหว
“เสียดายที่ที่ผ่านมาฉันคิดว่าเธอเป็นคนใสซื่อ ไม่มีพิษภัยอะไร ก็เลยเอ็นดูเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่ง หึ! ที่ไหนได้...ร้ายเงียบ”
คำพูดของคเชนทร์ดังเสียดแทงเข้าไปในใจของอัยย์วารินทร์ราวกับตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เคยมีให้กันมา ร่างบางมองคนตรงหน้าด้วยความขมขื่น น้ำตาที่เธอพยายามกลั้นไว้ไหลลงมาในที่สุด
คำพูดของเขาราวกับฝ่ามือหนาที่ฟาดลงบนแก้มของเธออย่างรุนแรง สร้างรอยแผลลึกไว้ในใจของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ความเจ็บปวดนั้นทุบหัวใจของเธอจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี ความเสียใจน้อยใจถาโถมเข้ามาจนเธอแทบทรงตัวไม่อยู่
"เธอมีอะไรก็ว่ามาเลย" คเชนทร์หันไปมองเลขาของตัวเองอย่างไม่ใส่ใจหญิงสาวที่ไม่ได้รับเชิญอีกต่อไป น้ำเสียงที่เขาใช้พูดกับเลขากลับฟังดูปกติ ไม่เย็นชาหรือเหยียดหยามเหมือนตอนที่เขาพูดกับอัยย์วารินทร์ ความแตกต่างนี้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บแปล๊บในหัวใจยิ่งกว่าเดิม
“อะ เอ่อ... ห้องประชุมที่คุณเชนให้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้วค่ะ” เลขาส่วนตัวก้มหน้าตอบอย่างนอบน้อม แต่ในใจกลับรู้สึกสงสารหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก เธอจำได้ดีว่าอัยย์วารินทร์เคยเป็นเด็กฝึกงานที่นี่ นิสัยดี น่ารัก และพึ่งฝึกงานจบไปได้ไม่นาน สงสัยว่าทำไมหญิงสาวถึงต้องมายืนฟังคำพูดที่ทำร้ายจิตใจแบบนี้จากเจ้านายของเธอ สายตาที่มองไปยังร่างเล็กจึงเต็มไปด้วยความสงสาร
แต่แล้วเสียงเข้มของเจ้านายดึงเธอกลับสู่ความเป็นจริง ทำให้เธอต้องหยุดความอยากรู้อยากเห็นลง
"อืม...ดี ฉันจะไปตอนนี้ เสียเวลากับเรื่องไร้สาระมาหลายนาทีแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรกับชีวิต..น่าเบื่อ..โคตรน่ารำคาญ!" คำพูดสุดท้ายของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ อัยย์วารินทร์ยืนแข็งทื่อราวกับถูกตรึงไว้ที่เดิม น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลร่วงลงมาไม่ขาดสาย
กันยา เลขาที่ทำงานกับคเชนทร์มานาน ยังช็อกกับคำพูดของเจ้านายที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน คำพูดที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและดูถูก แม้จะทำงานกับเขามานาน แต่คเชนทร์ก็ไม่เคยแสดงด้านนี้ออกมาสักครั้ง ถึงแม้เขาจะไม่ใช่เจ้านายผู้อ่อนโยน แต่ก็ไม่เคยร้ายกาจขนาดนี้
เธอแอบสงสารอัยย์วารินทร์ที่ต้องทนรับคำพูดบาดใจนี้ แต่ในฐานะลูกน้อง เธอก็ทำได้เพียงรับคำสั่งตามหน้าที่
“ค่ะ คุณเชน” หลังจากทั้งสองก็เดินออกจากห้องไป ร่างเล็กทรุดลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เสียงสะอื้นดังขึ้นจากความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ภายใน เธอร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
‘ทำไมพี่เชนถึงใจร้ายกับอัยย์ขนาดนี้’
...
เช้าวันใหม่ที่สดใสสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่ไม่ใช่สำหรับหญิงสาวที่ชื่ออัยย์วารินทร์
“หนูอัยย์ ตื่นได้แล้วลูก” เสียงแม่เรียกดังขึ้นที่หน้าประตูพร้อมเสียงเคาะประตูที่ทำให้อัยย์วารินทร์ที่ยังนอนหลับอยู่ต้องค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา
ก๊อก! ก๊อก!
“หนูอัยย์ ตื่นลูก” เสียงเรียกที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูหนัก ๆ เป็นนาฬิกาปลุกชั้นดีให้กับร่างบางที่กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียง ที่ถึงแม้จะง่วงมากแค่ไหนก็ทนต่อเสียงปลุกที่ดังมาจากนอกห้องในตอนนี้ไม่ได้
อัยย์วารินทร์ที่ดวงตาปรือและบวมจากการร้องไห้ พยายามขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง พลางตอบแม่กลับไปด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“วันนี้หนูมีเรียนช่วงบ่ายค่ะแม่”
“แม่รู้ ๆ แต่ช่วงเช้าหนูมีนัดสำคัญนะ” คำพูดของแม่ทำให้อัยย์รู้สึกใจคอไม่ดีทันที เธอรีบลุกจากเตียงแล้วเดินไปปลดล็อกประตูอย่างรวดเร็ว
เมื่อประตูถูกเปิดออก อัยย์ก็โพล่งถามทันทีด้วยความสงสัย
“นัดสำคัญอะไรเหรอคะแม่?”
“หนูรีบไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะบอก” แม่ตอบกลับด้วยท่าทีสงบ ซึ่งเป็นวิธีที่เธอมักจะใช้เสมอ เธอชอบให้ลูกสาวทำตามอย่างว่าง่ายแล้วจะบอกทีหลัง ดวงหน้าหวานทำท่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับแม่ด้วยสายตาวิงวอนอยากรู้
“แม่คะ... บอกหนูเลยดีกว่าค่ะ หนูไม่อยากลุ้นเหมือนวันนั้นอีกแล้ว” เธอพูดเสียงอ้อน ๆ
"ก็ได้ ๆ วันนี้พี่เชนจะมารับลูกไปลองชุดและซื้อแหวนแต่งงานจ้ะ"
คเชนทร์เอ่ยออกมาอย่างหลงใหล พร้อมมองใบหน้าของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่ง ลมหายใจของร่างสูงถี่หอบขึ้นมาเรื่อย ๆ และส่งเสียงแข่งกับเนื้อดังกระทบกันออกอย่างต่อเนื่องชายหนุ่มขยับตัวเองนั่งตัวตรงตั้งฉาก เพื่อจับจ้องที่ร่องสวาทซึ่งตอนนี้มีท่อนเอ็นของเขาขยับเข้าและออกมาอย่างช้า ๆ แต่เป็นการกระทำที่หนักหน่วงเพราะทุกจังหวะการกระแทกของเขาทำให้หญิงสาวทั้งเสียวทั้งเจ็บ“พี่เชน อ้ะ เสียวอัยย์ เสียวไปทั้งตัวเลย อ๊ะ...อย่าขยับแบบนั้นสิคะ” เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวดังออกมาอย่างต่อเนื่อง จนคนที่ได้ยินอดที่จะยกยิ้มออกมาเล็กน้อยไม่ได้“เหรอคะ เสียวแล้วชอบไหม..อ่าาห์~ซี๊ด พี่ก็เสียว” คำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวมองเชนอย่างคาดโทษแต่เธอก็ต้องสะดุ้ง เมื่อนิ้วหัวแม่มือของคเชนทร์ได้ขยี้ลงตรงร่องสวาทของเธอ พร้อมการขยับท่อนเอ็นเข้าและออกด้วยจังหวะที่ร้อนแรงขึ้นมากกว่าเดิมเรื่อย ๆ“อือ.. เสียว อ๊ะ พี่เชน..ไม่ไหวแล้ว อัยย์จะไม่ไหวแล้ว..” ความรู้สึกตอนนี้สุขสมใกล้จะล้นทะลักเต็มที ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวอย่างเซ็กซี่พร้อมส่วนลึกที่ตอดรัดท่อนเนื้อทำเอาร่างสูงกัดฟันแน่นเพราะความเสียวไม่แพ้กันท่าทีของห
“วะ ว่ายังไงนะคะ”“ถ้าอัยย์เรียนจบแล้ว เรามีลูกกันเลยดีไหมครับ” ร่างสูงทวนคำถามอีกครั้ง น้ำเสียงนุ่มนวลแต่จริงจัง ทำเอาพวงแก้มเนียนนุ่มของอัยย์วารินทร์ขึ้นสี ใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกมาจากอก เธอตอบกลับอย่างตะกุกตะกักด้วยความขวยเขิน“ถ้าพี่เชนว่าดี อัยย์ก็ว่าดีค่ะ แต่ว่าเรา…ยังไม่ได้ไปฮันนีมูนกันเลยนะคะ”คเชนทร์กะพริบตาปริบ ๆ หยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อคิดได้“อ่า..นั่นสิ พี่ลืมไปได้ยังไง ว่าแต่อัยย์อยากไปฮันนีมูนที่ไหน มัลดีฟส์ดีไหม หรือปารีส ฝรั่งเศสดี”“อัยย์ไปที่ไหนก็ได้ค่ะ ขอแค่มีพี่เชนไปด้วยก็พอ” อัยย์วารินทร์ตอบพลางซุกหน้าลงกับอกแกร่งของสามี ซ่อนใบหน้าที่เริ่มแดงจัด ไม่ยอมให้เขาเห็น พอเห็นคนตัวเล็กเขินอาย หัวใจของเชนที่เคยเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งก็หลอมละลายลงไปจนหมดสิ้น ความรักที่เธอมีต่อเขานั้นเหมือนสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำที่ซึมซาบเข้าไปในหัวใจ ค่อย ๆ ละลายความแข็งกระด้างและความเหินห่างที่เคยมีออกไปจนสิ้น เหลือเพียงความอบอุ่นและอ่อนโยนที่เขามีต่อเธอเพียงคนเดียวเขารู้สึกได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าคือคนที่เขารอคอยมาตลอด“พี่ก็เหมือนกัน พี่ไปได้ทุกที่ ขอแค่มีอัยย์ไปด้วยก็พอ” เชนพูดพร้อ
แกร๊ก!เสียงเปิดประตูทำให้อัยย์วารินทร์รีบลุกขึ้นจากตักของคเชนทร์โดยอัตโนมัติ ก่อนจะได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงที่ดังกระทบพื้นด้วยความมั่นใจ ทำให้อัยย์วารินทร์รู้ทันทีว่าเป็นใครที่เข้ามาคเชนทร์เห็นว่าเป็นใคร จึงรีบลุกขึ้น จัดเสื้อเชิ้ตและเนกไทให้เข้าที่ ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มพลันเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง แฝงไปด้วยความเย็นชาอย่างไม่ปิดบัง“ก่อนเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”“ปกติลิลลี่ก็เข้ามาแบบนี้ตลอดนะเชน” หญิงสาวริมฝีปากทรงกระจับแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดตอบกลับอย่างมั่นใจ แต่สายตาคมของเธอกลับจับจ้องไปที่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างคนรักเก่าของเธอตาไม่กะพริบ“อือ..ช่างเถอะ นี่อัยย์ เป็นภรรยาของผม” คเชนทร์พูดพร้อมยื่นมือไปกุมมือร่างบาง ดึงเธอเข้ามาใกล้แนบชิด แม้อัยย์จะดูประหม่า แต่มือหนาก็กระชับมือของเธอเอาไว้แน่น เพื่อเน้นย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอลิลลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะแนะนำตัวเองอย่างมาดมั่น “ไหน ๆ ก็แนะนำตัวกันแล้ว ลิลลี่ก็ขอแนะนำบ้าง ฉันชื่อลิลลี่ค่ะ เป็น…แฟนเก่าที่เชนรักมาก” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งมั่นใจเต็มที่“เคยรัก แต่ตอนนี้ไม่ได้รักแล้ว” คเชนทร์ตอบกลับทันที ก่อนจะ
“พะ...พี่เชน พี่เชนพูดว่าอะไรนะคะ” อัยย์วารินทร์เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม เมื่อกี้นี้พี่เชนพูดว่า 'รัก' ออกมา...คำที่เธอเฝ้ารอมานาน และไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันจากปากของเขาคเชนทร์มองหญิงสาวด้วยสายตาเว้าวอน "อัยย์...พี่รักอัยย์จริง ๆ พี่ขอโทษที่รู้ตัวช้า ขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับอัยย์ วันนี้พี่รู้แล้วว่าหัวใจของพี่มีแต่อัยย์ ให้อภัยคนโง่ ๆ อย่างพี่เถอะนะ”คำสารภาพที่เต็มไปด้วยความจริงใจของคเชนทร์ท่ามกลางสักขีพยานทั้งสองครอบครัว ทำให้อัยย์วารินทร์เริ่มมีสีหน้าที่อ่อนลง แววตาของเธอสั่นระริกด้วยความอ่อนไหว คำพูดของเขาทำให้หัวใจที่เคยแข็งกร้าวเริ่มอ่อนลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อเคชนทร์เห็นความหวั่นไหวในดวงตาหญิงสาวความหวังเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ“น้องอัยย์คิดเห็นว่ายังไงลูก” พริมาถามขึ้นอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นลูกสาวนิ่งเงียบไป ก่อนจะพูดต่อ“ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง แม่กับพ่อและพี่คชาก็จะเคารพการตัดสินใจของหนู” ดวงตาเอื้ออาทรของแม่พริมาส่งผ่านความห่วงใย พร้อมคำพูดที่เปรียบดั่งน้ำเย็นชโลมใจ ช่วยให้อัยย์กล้าตัดสินใจตามความรู้สึกของตัวเองตอนนี้อัยย์วารินทร์จ
อัยย์วารินทร์ที่กลับขึ้นไปห้องนอนของตัวเองแล้ว แต่จิตใจยังว้าวุ่น พอได้ยินเสียงพี่ชายกับสามีทะเลาะกันเสียงดังอยู่นานสองนาน จนเธอทนไม่ไหวต้องลงมาห้ามในที่สุดคเชนทร์ที่เห็นหญิงสาวก็รีบปล่อยมือจากคอเสื้อของคชาทันที เขาปรี่เข้าไปหาอัยย์วารินทร์ด้วยสายตาละห้อย อารมณ์โกรธที่มีเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น“อัยย์….”“หยุดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” น้ำเสียงเย็นชาจากปากเล็ก ทำให้ร่างรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกข้างซ้าย ‘น้ำเสียงแบบนี้สินะ ที่เขาเคยใช้พูดทำร้ายจิตใจของอัยย์ในเมื่อก่อน’“อัยย์จะลงมาทำไมอีก กลับขึ้นไปเถอะ” คชาเดินเข้าไปหาน้องสาว ก่อนจะเอ่ยตำหนิเล็กน้อย“อัยย์ได้ยินว่ากำลังจะมีใครบางคนทำร้ายพี่คชา อัยย์ก็เลยทนไม่ได้ต้องรีบมาห้ามไว้ค่ะ” คำพูดที่ฟังดูห่างเหินจากปากของหญิงสาวยิ่งทำให้คเชนทร์รู้สึกเจ็บช้ำ แต่เขาไม่เคยคิดโกรธเธอเลย เพราะเขาเองที่เคยทำไม่ดีกับเธอก่อนคชาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงยียวน “น้องไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก ก็แค่คนพาล พี่ไม่กลัวหรอก”“ไอ้คชา!” เชนคำรามด้วยความโกรธ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงแหวก็ดังขึ้นอีกครั้ง“อย่านะคะ” คำพูดเพียงสั้น ๆ ของเธอ แต่กลับมีอำนาจมากพอที่จะระงับอารม
คเชนทร์ตวาดออกมาด้วยความเดือดดาล สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ ความหวาดกลัวว่าจะสูญเสียคนรักทำให้เขายิ่งพยายามแสดงความเป็นเจ้าของ คเชนทร์ดึงหญิงสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแสดงความหวงแหนแต่ใครจะรู้ว่าคนในอ้อมแขนนั้นกลับดิ้นขัดขืนอย่างไม่หยุด ทั้งยังกล่าวคำหักหน้าของเขาออกมาอีกด้วย“พี่เชน! ..ปล่อยนะ เราไม่ได้เป็น….สามีภรรยากันแล้วนะคะ” คำพูดของหญิงสาวทำให้คเชนทร์ที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่แล้ว ยิ่งโกรธจัดจนควบคุมสติตัวเองไม่อยู่“ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเหรอ ทะเบียนสมรสก็ยังมี จะไม่ได้เป็นได้ยังไง!” เขาโพล่งออกมาทันควัน น้ำเสียงแข็งกระด้าง ดวงตาวาวโรจน์จ้องที่หญิงสาวอย่างไม่ลดละ ทั้งที่ก่อนมาเขาตั้งใจจะขอโทษเธอกับสิ่งที่เขาทำผิดไป แต่พอเห็นหญิงสาวคุยหัวเราะกับผู้ชายคนอื่นทำให้เกิดหึงหวงออกมาโดยไม่รู้ตัวและเป็นครั้งแรกที่คเชนทร์ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ อัยย์วารินทร์มองหน้าคนที่กำลังอาละวาดด้วย ความไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่เธอถอยให้เขาขนาดนี้แล้วเขายังจะตามมารังควานเธออีกทำไม หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้น..“...แต่อีกไม่นานอัยย์กับพี่เชนก็ต้องหย่ากันแล้ว” อัยย์วารินทร์พูดด้วยน้ำเสียงติดนิ่ง แต่เธอ