Share

บทที่ 43 เย่หัว-เยว่หัว(2)

last update Last Updated: 2025-02-24 18:55:56

บทที่ 43 เย่หัว-เยว่หัว(2)

“แต่...แต่ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับคุณหนู”

“เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?”

“เนื่องจากว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ขึ้นไปบนเขา มีเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ที่สามารถร่อนลงกลับมาได้ พวกเราไม่รู้เลยว่ามีอะไรที่เป็นอันตรายอยู่บนนั้นบ้าง ถ้าหากว่าเป็นไปได้ข้าขอให้คุณหนูช่วยส่งเจ้าสังขึ้นไปช่วยคุ้มกันพวกเราได้ใหม่ขอรับ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ เพราะข้าเองก็คิดเอาไว้แล้วเช่นเดียวกัน” 

เย่หัวกล่าวไปตามตรง เพราะนางเองก็คิดเอาไว้แล้ว ว่าจะส่งให้เจ้าตูบตัวโตตามทุกคนขึ้นไปด้วย เพราะว่านางยังคงจำเรื่องเล่าของเด็กๆได้ ถึงตำนานของส่องสัตว์ระดับสีม่วง ที่เป็นเหมือนกับ 2 ผู้คุมกฎในหุบเขาแห่งนี้

ถึงตำนานของพวกมันทั้ง 2 จะหายไปหลาย10ปีแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยว่า เรื่องภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในหุบเขาแห่งนี้มาตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปี มันเกี่ยวข้องกับเจ้า 2 สัตว์อสูรนั้นหรือเปล่า

เพราะถ้าหากว่าอิงตามหนังตามซีรีย์ที่นางเคยดูมาก่อน เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นก็คงจะคล้ายๆเกี่ยวกับ สัตว์อสูร ที่ต้องหลอกล่อให้ผู้คนขึ้นไปให้มันกินอะไรทำนองนั้น...

“สัง...แล้วแกว่ายังไง ช่วยตามทุกคนขึ้นไปหาไม้ไผ่ลงมาให้ข้าหน่อยได้ไหม”

“...” 

เจ้าหมาตัวโตมิได้ส่งเสียงตอบอะไรกลับมา มีเพียงแค่ลมแรงที่พ่นออกมาจากจมูกของมัน แล้วเดินเข้ามาหาเด็กหญิง นอนลงคล้ายกกนางเอาไว้ตรงกลาง ดันคนอื่นให้ออกไปห่างๆ ห่างจาก ผู้เป็นนาย ซึ่งทุกคนก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี เพราะไม่มีใครกล้าที่จะทำให้เจ้าหมาตัวยักษ์ขัดใจ

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมนะขอรับ” จางหลงยิ้มแหยๆ เมื่อเห็นดวงตาคู่นั้นที่ลอดผ่านม่านขนหนาแน่น ส่งประกายดุดันมาให้เขา 

“ข้าคิดว่ามันคงเป็นห่วงคุณหนูมากๆ หรือไม่ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่อาจจะเป็นอันตรายต่อคุณหนูก็ได้ มันถึงไม่ยอมทิ้งคุณหนูไปไหน” จางหู่กล่าวด้วยท่าทางครุ่นคิด พลางนึกถึงสิ่งที่อาจารย์ของเขาเคยบอกสอน เนื่องจากว่าสำหรับสัตว์พิทักษ์แล้ว ความปลอดภัยของผู้เป็นนายหรือสิ่งที่มันปกป้องนั้นสำคัญที่สุด

การที่มันแสดงออกเช่นนี้ แสดงว่าโดยรอบหมู่บ้านเองก็มีสิ่งที่สามารถทำอันตรายผู้เป็นนายของมันได้ หรือไม่ก็มีบางสิ่งบางอย่างทำให้มันระหวาดระแวงจนไม่สามารถทิ้งผู้เป็นนายไป

“...”

เมื่อได้ยินน้องชายกล่าวแบบนั้น จางหลงก็ทำหน้าครุ่นคิดเช่นเดียวกัน เมื่อนึกย้อนไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มันก็มีเรื่องราวทำให้ชวนเป็นอยู่จริงๆนั่นแหละ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชาวบ้าน 3 คน ที่จู่ๆก็คุ้มคลั่งต้องการที่จะฆ่าเด็กหญิงผู้มาใหม่

เรื่องชาวบ้านที่อยู่ดูก็รวมกลุ่มกันลักขโมยสิ่งของ ที่อย่างไรก็ดูเหมือนจะเป็นของทุกคนอยู่ก่อนแล้ว มันนิมีเหตุผลใดๆเลยที่จะทำให้พวกเขาลุกขึ้นมาขโมยของเหล่านั้น.. 

มันก็จริงอยู่ที่แต่เดิมแล้วทุกคนที่เคยมีเรื่องกับเด็กหญิงนั้น ล้วนแล้วแต่มีนิสัยหยาบกร้านเป็นพื้นฐาน แต่ก็มิน่ามีใครกล้าที่จะทำเช่นนั้นเลยมิใช่หรือ...

“เอาอย่างนี้ไหมขอรับ ถ้าให้น้องชายข้าอยู่คุ้มกันคุณหนู แล้วให้เด็กๆมาเล่นที่บ้านของคุณหนูเหมือนเดิม ข้าว่ามากพอที่จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของเจ้าตัวโตได้บ้าง เพราะว่าลำพังกำลังของพวกข้าเองคงมิสามารถขึ้นไปบนเขา แล้วกลับลงมาอย่างปลอดภัยได้ ถ้าหากมีมันขึ้นไปเป็นผู้คุ้มกันพวกเราด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงจะจบลงได้ภายในไม่กี่ชั่วยามด้วยซ้ำ” จางลงพูดความคิดของเขาออกมา

“หากเทียบกันแล้ว เจ้าสังน่าจะมีฝีมือสูงสุดในหมู่บ้านในตอนนี้ เพราะแม้แต่น้องชายข้าที่ฝึกฝนอยู่ด้านนอกมาสามปี ยังไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของเจ้าสังได้...

แต่กลับกัน สำหรับผู้คนในหมู่บ้านแล้ว แม้แต่ก่อนตอนที่จางหู่จะไปฝึกฝนด้านนอก ก็ยังไม่เคยมีใครสู้กับมันตรงตรงได้เลยสักคน ข้าคิดว่าถ้าให้จางหู่เป็นคนคุ้มกันคุณหนูก็คงจะสามารถทดแทนส่วนนี้ได้อยู่ เจ้าคิดว่าอย่างไร”

“ข้าน่ะไม่ติดขัดอะไรหรอกพี่ใหญ่ แต่พี่ใหญ่ไปถามเจ้ายักษ์โน้นจะดีกว่า ถ้ามันเห็นด้วยแกให้ข่าวมาอยู่เป็นเพื่อนขนหนูเพียงวันเดียวมันไม่เป็นอะไรเลย ดีเสียอีก ถือว่าข้าได้พักผ่อน เล่นกับเด็กๆ หลังจากที่ไม่ได้เล่นด้วยกันมานานแล้ว”

“ว่าไงสังแกคิดว่ายังไง ถ้าหากว่าให้ท่านจางหู่เป็นคนมาคุ้มกันฆ่าอีกทีนึง แล้วให้เจ้าขึ้นไปช่วยดูแลทุกคนในหมู่บ้านที่ขึ้นไปบนเขา ถ้าหากรีบไปรีบกลับวันเดียวก็คงไม่เป็นอะไรกระมัง”

“...”

ทิเบตันมาสทิฟฟ์ตัวโตยืนขึ้นจนเต็มความสูง พลางมองไปรอบๆอยู่หลายครั้ง ราวกับว่ามันต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง...

.................................

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 84 แปดเซียนสองเทวะหนึ่งอรหันต์(1)

    บทที่ 84 แปดเซียนสองเทวะหนึ่งอรหันต์(1)จากแสงของดวงตะวันที่เริ่มอ่อนแรงลงในยามโพล้เพล้ เปลี่ยนเป็นแสงสว่างที่สาดกระทบลงมาทั่วหุบเขาในเสี้ยวพริบตา ทำให้ชาวบ้านทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปโดยเฉพาะความรู้สึกเคารพ นอบน้อม และหวั่นเกรงต่อแสงสว่างเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะไม่สามารถมองเห็นต้นเหตุของแสงสว่างเหล่านั้นได้ แต่ว่าความรู้สึกของพวกเขาทุกคน แทบจะไม่แตกต่างกันเลยและในเวลาเดียวกัน สายตาของทุกคนก็หันมองไปทางนางเซียนน้อยของพวกเขา ผู้ซึ่งนำพาแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์สงบร่มเย็นมายังหุบเขาแห่งนี้ ที่ตอนนี้แม้แต่ตัวนางเองก็ยังมองไปยังฟากฟ้าไม่แตกต่างจากทุกคน...ส่วนที่แตกต่างกันนั้นก็คงจะเป็นภาพ ที่ปรากฏอยู่ในดวงตาของเยว่หัวนั้น มันเป็นกลุ่มก้อนรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์โปร่งใส แต่มีขนาดและสีสันต์ที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ตัวเล็กๆ กว่าปลายเข็ม ไปจนกระทั่งตัวโตจนสูงกว่ายอดเขาที่สูงที่สุดด้วยซ้ำ...“ไม่อยากจะเชื่อ ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่...”เยว่หัวมองไปยังภาพที่ปรากฏตรงหน้าของนาง ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดไปไกลเกินกว่านั้น

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทนำเล่มสาม ดินแดนแห่งชีวิต...หุบเขาธิดาสวรรค์

    บทนำเล่มสาม ดินแดนแห่งชีวิต...หุบเขาธิดาสวรรค์อีกไม่นานหลังจากนี้...ดินแดนแห่งนี้จะเป็นที่กล่าวถึงของผู้คนมากมายดินแดนแห่งนี้ที่เคยเป็นดินแดนแห่งความตายดินแดนแห่งนี้ที่ผู้คนเคยหลีกหนีดินแดนแห่งนี้ที่เคยถูกทอดทิ้งโดยผู้คนมากมายดินแดนแห่งนี้ ที่แทบจะไม่เหลือใครในอีกไม่กี่ปีต่อมา ถ้าหากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆดินแดนแห่งนี้ ที่ผู้คนภายนอกส่วนใหญ่ต่างมองว่า มันคือดินแดนที่ตายไปแล้วดินแดนแห่งนี้คือหุบเขาที่มีเพียงแค่ความแห้งแล้ง ที่มีเพียงแค่ซากแห่งชีวิต ที่ค่อยๆ แห้งเหือดลงไปในทุกทุกขณะมันคือดินแดนแห่งความสิ้นหวัง ที่ไม่มีใครอยากจะไปเข้าใกล้มัน เพราะไม่ว่าจะเป็นพื้นดินที่แห้งแล้ง ไม่ว่าจะเป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร แล้วยังมีความลับต่างๆมากมาย ที่เคยพรากชีวิตผู้คนไปนับไม่ถ้วนในตลอดระยะเวลา 10 ปี จนทำให้ภูเขาแห่งนี้ เป็นที่ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปโดยสมบูรณ์ เพราะว่าแม้แต่คนภายในเองก็ยังพยายามที่จะหลีกหนี พวกเขาพยายามที่จะกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดออกมาจากดินแทนแห่งนั้น…แต่อยู่มาวันหนึ่ง...ดินแดนที่เคยไร้ซึ่งชีวิตและความหวัง ก็ได้เกิดปรากฏการณ์สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน จนผู้คนที่พบ

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 82 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (2)

    บทที่ 82 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (2)“…!!”ในทันทีที่ชาได้สติขึ้นมา มองไปยังใบหน้าของพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างออก ปากอ้าหุบอ้าหุบพะงาบพะงาบราวกับต้องการจะพูดบางสิ่งบางอย่างออกไป แต่เขารู้ดีว่าความหวังของเขามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้ใบหน้านั้นจักคุ้นเคยและคล้ายคลึงกับคนที่เขาเฝ้าตามหามาช่วยชีวิตสักแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่ใครสักคนหนึ่งจะมีใบหน้าเหมือนอีกคน ขนาดนี้จะเป็นคนคนเดียวกัน...‘บางทีอาจเป็นข้าเองที่จำผิด...’เขาพยายามปลอบใจตัวเอง แล้วดึงสติกลับมาในเหตุการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และเขาจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว…“พระคุณเจ้าขอรับ...”“เรารู้ว่าเจ้ามหาเราทำไม พูดออกมาเถิดเพราะว่าเจ้าคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเรานั้นสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้”สิ่งที่พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้นกล่าวออกมานั้นไม่ผิดเลย สำหรับคนที่เคยเข้าเฝ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้ามาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน สำหรับเขาที่มีชีวิตอยู่มานานมากขนาดนั้น มีหรือที่เขาจะไม่รู้ในข้อนี้เพราะว่าสำหรับพระที่บรรลุอรหันต์แล้ว

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 81 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (1)

    บทที่ 81 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (1)#บทนี้เป็น บท ย่อยแยกอีกบทหนึ่งนะครับ#ย้อนกลับไปในตอนก่อนที่เขาจะมอบระฆังธรรมให้กับเพื่อน ในขณะนั้นชาได้สังเกตเห็น ถึงความตั้งใจที่จะสั่งสอนธรรมะของเพื่อน แต่ด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การที่นางไม่สามารถจดจำข้อธรรมใดๆ ได้มากนักก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเนื่องจากว่าการที่เขาได้ทำการล้วงเอาจิตของนางขึ้นมาจากนรกนั้น มันเป็นเรื่องที่ทำการฝืนชะตากรรมของคนคนหนึ่ง และการที่เขา เรียกดวงจิตเดิมของนางที่ควรจะแตกดับไปนานแล้ว ตลอดไปจนถึง สัญญาสังขารและวิญญาณแต่เดิมของนาง ในภพแรกที่พวกเขาทั้ง 2 คนได้เจอกันโดยวิธีการเปิดพระธรรมคำสั่งสอนจากระฆังธรรม ให้ดวงจิตที่แตกสลายของนางได้ฟังซ้ำไปซ้ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า ยาวนานนับหมื่นปีกว่าที่ดวงจิตของนางจะสามารถเรียกสติกลับคืนมาได้อีกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เหล่าสัตว์นรกบางส่วนที่พอมีฤทธิ์สามารถแทรกออกมายังบนโลกอีกครั้ง...และนั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมจู่ๆ นางถึงเหมือนกับว่า สามารถอธิบายข้อธรรมคำสั่งสอนทั้งหลาย ออกมาได้ราวกับเคยศึกษามันมาอย่างถ่องแท้ ทั้งๆ ที่ตัวนางแทบจะไม่เคยศึกษาเรื่องราวในแน

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   คุยกันแบบจริงจังก่อนขึ้นเล่มสาม(เนื้อเรื่องที่แท้จริง)

    ก่อนอื่นเลยที่สำคัญที่สุดต้องขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้(น่าจะเหลือไม่ถึง1/10ของคนที่หลงเข้ามาที่จะเดินมาจนถึงจุดนี้) ดีใจที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงจุถดเริ่มต้นที่แท้จริงของนิยายเรื่องนี้ครับใช่แล้วครับ…ตั้งแต่บทนำมาจนถึงตอนนี้เพิ่งจะเป็นส่วนที่ปูจุดเริ่มต้นของ เย่หัว-เยว่หัว ให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนและสภาพแวดล้อมของนาง โลกที่นางอยู่ ผู้คน สังคม รายละเอียดที่จะทำให้เข้าใจเนื้อหาหลัก และเหตุผลของการกระทำต่างๆ ที่นางจะทำต่อจากนี้ไป จนบางครั้งอาจจะเป็นการกระทำที่ “โหดเหี้ยม” แบบไร้เหตุผลเลยก็มี เล่ม1-2จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในส่วนของ “บทนำ” แต่หลังจากเล่ม 3 เป็นต้นไปก็จะเข้าสู่ปฐมบทที่แท้จริง ตามชื่อบทของบทนี้ครับ เราจะคุยกันแบบจริงจังกับเนื้อเรื่องที่แท้จริงกันครับ อย่างแรกเลยก็คือหลังจากนี้จะต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งความแฟนตาซีที่แท้จริง ของแม่ครัวตัวจิ๋วที่รักในการทำอาหารให้ผู้คนได้ลิ้มรส เป็นหนึ่งในความสุขของนาง และเป็นสิ่งสำคัญที่จะคอยยึดเหนี่ยวตัวนางเอาไว้ ส่วนยึดนางจากอะไรนั้นต้องไปติดตามในเนื้อเรื่องครับอย่างที่สองก็คือเรื่องของความแฟนตาซีและโลกในจินตนาการที

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 80 เลี้ยงส่ง(จบ)

    บทที่ 80 เลี้ยงส่ง(จบ)หลังจากที่เยว่หัวสามารถเรียกสติของผู้คนกลับมาได้อีกครั้ง ตลอดช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยง นางก็ทำการจัดแจงแบ่งกลุ่มคนออกเป็นกลุ่มๆ โดยที่ไม่ลืมนำวัตถุดิบจำนวนมากออกมา แล้วจัดแจ้งเตรียมการฝึกซ้อมทั้งหมด กว่าที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ปาเข้าไปจนถึงช่วงเที่ยงแล้วซึ่งในระหว่างที่ทำการฝึกซ้อมปรุงอาหารชนิดต่างๆ นั่นเอง เหล่าแม่บ้านและเด็กๆทุกคนต่างก็ได้ลองชิมอาหารกันอย่างเต็มอิ่ม และเมื่อเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกคนเลยหยุดพักกันในตอนเที่ยงพอดิบพอดี และถือเป็นการพักท้องอีกครั้ง เนื่องจากในตอนนี้ทุกคนแทบจะท้องแตกเสียแล้วส่วนฝั่งของจางหลงที่เป็นฝ่ายจัดเตรียมสถานที่ ซึ่งพวกเขาทุกคนก็ทำเต็มที่ในหน้าที่ของตนเอง แต่ด้วยข้อจำกัดของหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเวลาที่มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น พวกเขาจึงตกลงกันใหม่ว่า จะจัดเป็นโต๊ะไม้ยาวๆ ขนาด 6 ถึง 8ที่ แทนที่แผนการจะทำโต๊ะชุดวงกลม และโต๊ะทั้งหมดจะหันหน้าเข้าหาเวที ด้านเดียว ส่วนตัวเวทีเองก็จะสร้างขึ้นมา โดยการขุดดินมาถมเป็นเนินสูงขึ้นประมาณหัวเข่า ใช้ดินเหนียวในการป้ายโดยรอบเพื่อไม่ให้หน้าดินพัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status