Home / โรแมนติก / โอบฟ้ามาห่มดิน / บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 50%

Share

บทที่ 1 ความปรารถนาของพราวนภา - 50%

last update Last Updated: 2025-05-22 22:23:02

แม้ช่วงแรกจะเอ่ยปากชม แต่สุดท้ายภาวินก็อดเกทับอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเมื่อครั้งที่เขาอายุยี่สิบต้น ๆ แม้จะมีปาร์ตี้และเที่ยวกลางคืนบ่อย แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเมามายจนไม่มีสติเลยสักครั้ง

กว่าสิบปีที่เขารู้จักนฤบดินทร์มาตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนจนกระทั่งเติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัว เขาเห็นว่าน้องภรรยาคนนี้จัดว่าเป็นผู้ชายที่ครบเครื่องคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหล่อเหลาจนบางมุมแทบจะเรียกได้ว่าสวยด้วยซ้ำ รูปร่างก็สูงโปร่งพอกันกับเขา นิสัยก็เงียบขรึม และมีความสุขุม ทุกอย่างดูดีไปหมด

เสียอย่างเดียว สายตาที่มองพราวนภานั้นดูจะร้อนแรงมากเกินไปหน่อยราวกับต้องการกลืนกินบุตรสาวของเขาไปทั้งตัว เขาไม่ชอบเอาเสียเลย!

พราวนภายังเด็ก อายุเพิ่งจะสิบเจ็ดปีเท่านั้น ยังไม่จบมัธยมปลายเลย แต่บุตรสาวของเขาดันหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อีกไม่กี่ปีก็จะเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง ขณะที่นฤบดินทร์ก็เป็นหนุ่มเต็มตัว และสองคนนี้มักใกล้ชิดกันบ่อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นในบ้าน

“ทำไงได้ ผมมันพวกคออ่อนซะด้วยสิ” นฤบดินทร์พูดยิ้ม ๆ พลางชะเง้อมองเข้าไปในบ้านของภาวินแล้วพูดว่า

“เดี๋ยวผมเอารถเข้าบ้านแล้วจะเดินไปกินข้าวเช้าด้วยนะครับ”

ภาวินมองตามสายตาอีกฝ่ายไปก็เห็นว่านฤบดินทร์กำลังมองพราวนภาซึ่งกำลังเดินออกจากบ้านไปหาผู้เป็นปู่ที่ยืนตัดแต่งต้นไม้อยู่ในสวน เขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

“แกยังไม่สร่างเมาดี เดี๋ยวพี่ให้เจ้าพีทมันยกชามข้าวต้มไปให้ที่บ้านก็ได้”

“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมไปเองดีกว่า หรือไม่ก็...” อีกฝ่ายหยุดพูดพลางทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ

“หรือไม่ก็ให้หนูพราวยกมาให้ผมก็ได้พี่ ให้เจ้าพีทยกมาผมกลัวจะทำหกน่ะ ถ้างั้นผมขอตัวเอารถเข้าบ้านก่อนนะครับพี่วิน” พูดจบก็ยิ้มมุมปาก ซึ่งภาวินมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังยั่วให้เขาของขึ้นถึงได้จงใจเอ่ยถึงพราวนภา

ภาวินมองเขม่นน้องภรรยาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แต่กลับได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา เขาจึงเดินเข้าบ้านของตัวเองแล้วก้าวพรวด ๆ เข้าไปในบ้านมองหาภรรยาทันที

“มะลิ!” เขาเรียกมัลลิกา เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบรับมาจากในครัวจึงเดินเข้าไปหาแล้วพูดเสียงเบาว่า

“เมื่อกี้พี่เจอเจ้าดินน่ะ เห็นบอกว่าไปกินเลี้ยงกับเพื่อนเพิ่งกลับมา ท่าทางยังไม่สร่างเมาดีเท่าไรเลย พี่ว่าเธอเอาข้าวต้มไปให้น้องมันกินหน่อยดีกว่า ซดอะไรร้อน ๆ จะได้สร่างเร็ว”

“ได้ค่ะ เฮ้อ...เจ้าดินนี่ก็จริง ๆ เลย พักหลังนี่รู้สึกจะดื่มเหล้าบ่อยไปหน่อยนะเนี่ย แถมยังกลับเช้าอีก ยิ่งคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่แบบนี้ยิ่งเอาใหญ่” มัลลิกาบ่นให้น้องชายพลางหยิบชามมาตักข้าวต้มแล้วใช้จานรองอีกที

“มะลิเอาไปให้น้องก่อนนะ” เธอหันไปยิ้มให้สามี ภาวินยิ้มตอบพลางมองภรรยาที่เดินถือชามข้าวต้มไปให้น้องชายที่อยู่บ้านเพียงลำพัง จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างสมใจ

อยากอยู่กับหนูพราวสองต่อสองอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!

มัลลิกาเดินไปบ้านของตนโดยไม่ต้องอ้อมไปเข้าทางหน้าประตูใหญ่ เพราะตั้งแต่แต่งงานกับภาวิน ทั้งสองบ้านก็ตกลงกันว่าจะทุบกำแพงออกส่วนหนึ่งแล้วติดบานประตูอัลลอยด์เพื่อสะดวกในการไปมาหาสู่ระหว่างกัน

เมื่อเข้าไปในบ้าน เธอก็วางชามข้าวต้มไว้บนโต๊ะกินข้าว จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปห้องของน้องชายเพื่อบอกกล่าวอีกฝ่ายว่าตนมาหา ทว่าเดินขึ้นไปไม่กี่ขั้นก็ต้องหยุดอยู่ที่เดิมเพราะนฤบดินทร์กำลังเดินลงมาพอดี

“พี่เอาข้าวต้มมาให้น่ะ วางอยู่บนโต๊ะกินข้าว” เธอเห็นน้องชายอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนพูดว่า

“ขอบคุณครับพี่” จากนั้นเจ้าตัวก็เดินดุ่ม ๆ ไปนั่งที่โต๊ะแล้วหยิบขวดพริกไทยมาโรยลงในชาม มัลลิกาจึงเดินไปห้องครัวเพื่อดูว่าในตู้เย็นมีอะไรเหลือบ้าง เนื่องจากบิดามารดาของพวกตนไปทัวร์ยุโรปสองอาทิตย์ ช่วงนี้นฤบดินทร์จึงต้องอยู่บ้านคนเดียว

“ช่วงนี้แกไปกินข้าวที่บ้านโน้นก็ได้นะดิน จะได้ไม่ต้องกินแต่ของพวกนี้” เธอบอกน้องชายเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายทำกับข้าวไม่เป็น อีกทั้งถังขยะในครัวก็มีแต่ซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับถาดอาหารแช่แข็งที่เจ้าตัวกินหมดแล้ว

“ก็ไม่ได้กินทุกมื้อสักหน่อย” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ ขณะที่ผู้เป็นพี่สาวกำลังเบิกตากว้างมองเศษผักในถุงขยะที่มัดปิดปากถุงไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งเศษผักสดเหล่านี้เป็นส่วนที่ต้องตัดทิ้งเพราะไม่จำเป็นในการประกอบอาหาร

แต่นฤบดินทร์ทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่าง แล้วใครเป็นคนมาทำให้

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคน ๆ นั้นคือพราวนภา

“หนูพราวมาทำอะไรให้กินหรือ” มัลลิกาทำทีเป็นเอ่ยปากถามเหมือนชวนคุยเรื่องทั่วไป แต่สายตากลับลอบสังเกตปฏิกิริยาของน้องชายอยู่เงียบ ๆ

เธอรออยู่นาน คิดว่าคงไม่ได้ฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแล้ว แต่ในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมพูดออกมา

“ข้าวผัดไส้กรอกน่ะ ทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ลืมเอาถุงขยะไปทิ้ง”

มัลลิกาพยักหน้าช้า ๆ เป็นเชิงรับรู้ แต่ในใจอดห่วงไม่ได้ ข้าวผัดไส้กรอกนั้นเป็นของโปรดของนฤบดินทร์มาตั้งแต่เด็ก ในแต่ละสัปดาห์จะต้องมีหนึ่งมื้อที่เป็นข้าวผัดไส้กรอก และอีกฝ่ายก็สามารถกินอาหารชนิดนี้เพียงอย่างเดียวได้ตลอดทั้งสัปดาห์อีกด้วย กระทั่งโตเป็นหนุ่มแล้วก็ยังต้องมีกฎข้อนี้ในบ้านเสมอ

บิดามารดาเพิ่งออกทริปไปแค่สองวัน พราวนภาก็มาทำอาหารให้กินถึงบ้าน และอีกไม่นานนฤบดินทร์ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ใครจะเป็นคนทำให้กินกันเล่า

“ไปอยู่อเมริกาแกจะไปหากินจากไหนเนี่ย ข้าวผัดไส้กรอกน่ะ”

ถ้าเจ้าตัวบอกว่าทำกินเอง เธอไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด น้องชายของเธอนั้นแทบจะเป็นเจ้าชายประจำบ้านเพราะไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองสักอย่างโดยเฉพาะเรื่องงานบ้าน เขามีหน้าที่เรียน และหาเงินอย่างเดียว ซึ่งมัลลิกาก็ยอมรับว่านฤบดินทร์นั้นสมองดีพอ ๆ กับตน แต่อีกฝ่ายเหนือกว่าที่การคิดคำนวณและวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ จะเหนือชั้นกว่าเธอมาก

“ร้านอาหารไทยเยอะแยะ” เขาตอบสั้น ๆ ตามเคยมัลลิกาจึงไม่ถามต่อเพราะรู้แล้วว่าน้องชายของตนคงแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยเงินแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน หรือทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน

บอกใครก็คงไม่มีคนเชื่อว่านฤบดินทร์สามารถหาเงินเองได้ และมีเงินเก็บถึงเจ็ดหลักตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมปลายด้วยการเทรดค่าเงิน ผ่านมาหลายปีตอนนี้ตัวเลขในบัญชีของอีกฝ่ายมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มจึงสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องกระเบียดกระเสียร หรือวุ่นวายหางานพิเศษทำที่โน่น ค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่ทุกบาททุกสตางค์เขาก็จ่ายเองมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปีที่ห้า และแน่นอนว่าค่าทริปทัวร์ยุโรปของบิดามารดาตลอดสองสัปดาห์นี้ เขาก็เป็นคนจ่ายให้

“แกไปแล้วบ้านนี้คงเหงา โดยเฉพาะหนูพราว”

มัลลิกาพูดยิ้ม ๆ รู้ดีว่าลูกเลี้ยงอย่างพราวนภานั้นรักปักใจอยู่แต่น้องชายของเธอคนนี้มานาน แต่นฤบดินทร์กลับยังคงรักษาระยะห่างระหว่างกันเอาไว้เสมอ ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วชายหนุ่มมีใจให้สาวน้อยข้างบ้านหรือไม่เพราะเธออ่านใจเขาไม่ได้ แต่เท่าที่สังเกต นฤบดินทร์เองก็คงหวั่นไหวไม่น้อยเพราะเจ้าตัวคอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่เงียบ ๆ ทว่าติดที่พราวนภายังเด็กเกินไป อีกทั้งยังมีบิดาขี้หวงอย่างภาวินคอยกันท่าอยู่เสมอ

“เปิดเทอมก็เลิกเหงาแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ พลางผลักชามข้าวต้มที่กินหมดแล้วออกจากตัวแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 24 ทวงของขวัญ - 70%

    “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ไม่ดีใจหรือที่พี่มาหา” ชายหนุ่มเอาคำพูดที่เธอเคยพูดกับเขาตอนอยู่สนามบินเมื่อครั้งไปหาเขาที่บอสตันมาพูดบ้าง ทำเอาเธอเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงของเขาชัดเจน“พี่ดิน! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” พราวนภาทั้งตกใจและแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ก่อนจะถูกความดีใจเข้ามาแทนที่จนอัดแน่นเต็มอก“ใช้ประตูสารพัดที่ของโดราเอมอนน่ะเลยมาโผล่ที่นี่ได้” เขาตอบหน้าตาย แต่เพื่อนทั้งสองคนของพราวนภาแอบหัวเราะกันคิกคัก หญิงสาวจึงตีแขนเขาเบา ๆ หนึ่งทีก่อนจะแนะนำเพื่อนสนิทของตนให้นฤบดินทร์รู้จัก“พี่ดิน นี่เก้ากับหลิงหลิง ที่พราวเคยเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ไง”นฤบดินทร์ยิ้มและผงกศีรษะให้เล็กน้อยอย่างเป็นมิตร ก่อนจะถามแฟนสาวของตน “จะไปไหนกันหรือ”“พราวว่าจะไปเดินเล่นหาอะไรกินที่ห้างกับเพื่อนน่ะ”“เราไปกับหลิงหลิงสองคนก็ได้ พราวไปกับพี่เขาเถอะ” กาญจน์เกล้ารีบพูดขึ้นทันทีเพราะอยากให้ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันนาน ๆ อีกทั้งเพิ่งได้ยินพราวนภาบ่นไปหมาด ๆ ว่าคิดถึงแฟน

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 24 ทวงของขวัญ - 35%

    หลังจากสองหนุ่มขึ้นมานั่งบนรถกันเรียบร้อยแล้ว ศิวัฒน์ซึ่งทำหน้าที่ขับก็ถามขึ้น “แล้วนี่นึกยังไงถึงจะไปอยู่โรงแรมก่อนวะ บ้านช่องมีก็ไม่กลับ”นฤบดินทร์ยิ้มบาง ๆ เมื่อใบหน้าของพราวนภาลอยเข้ามาในหัว แต่เขาไม่อาจบอกเรื่องนี้กับเพื่อนได้ จึงได้แต่บอกเหตุผลอื่นไป“อยากจัดการเรื่องงานอะไรให้เรียบร้อยก่อนน่ะแล้วค่อยเข้าบ้านทีเดียว พรุ่งนี้นัดที่บริษัทไว้แล้วด้วยไงว่าจะเอาเอกสารไปยื่นให้เขา” เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์บิดามารดาเรื่องงานด้วย ก็เลยยังไม่เข้าบ้านวันนี้“มึงนี่ก็โชคดีว่ะ ไม่ต้องวิ่งหางานให้เหนื่อย เออใช่ กูลืมเล่าไป มึงจำไอ้เวย์ได้ใช่ไหมที่มันค้ายาน่ะ” ศิวัฒน์มองหน้าเขาก่อนจะหันไปมองถนนตามเดิม“อืม ทำไม”“มันโดนขาใหญ่สั่งเก็บไปตั้งแต่สองเดือนที่แล้วน่ะ เห็นพี่โตบอกว่ามันคงทำตัวเอิกเกริกเกินไป อย่างคราวยายเกรซก็ทีหนึ่งแล้วที่มันทำให้เรื่องราวบานปลายจนคนวงในเขารู้กันไปทั่วว่ามันค้ายา”“อ้อ พวกขาใหญ่ก็เลยกลัวว่าจะโดนลากไปเอี่ยวด้วยก็เลยฆ่าตัดตอนงั้นสิ” คราว

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 23 กลับมาตุภูมิ - 100%

    เช้าตรู่วันถัดมา นฤบดินทร์เปลี่ยนชุดเพื่อจะออกไปวิ่งตามปกติ และสิ่งที่ต้องทำก่อนไปวิ่งคือต้องวิดีโอคอลหาพราวนภาก่อน เพราะเขารู้ว่าหญิงสาวจะรอให้เขาโทร. ไปหาเวลานี้จนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว“เมื่อไรจะฝึกงานเสร็จสักทีเนี่ยพี่ดิน เกินหนึ่งปีแล้วนะ ไหนบอกว่าฝึกปีเดียวไง” เธอทำหน้ามุ่ย เขาเห็นแล้วได้แต่ยิ้มเพราะชักอยากเห็นหน้าเธอตอนที่เจอเขาไปโผล่อยู่ที่บ้าน“มีงานติดพันน่ะ จะปล่อยให้คนอื่นทำก็คงไม่ได้เลยต้องทำให้เสร็จก่อน ก็น่าจะอีกสักสองสามเดือนโน่นแหละมั้ง ทำไมล่ะ พราวคิดถึงพี่จนทนไม่ไหวแล้วหรือ” เขาแกล้งเย้าเพราะคนที่แทบทนไม่ไหวความจริงแล้วควรเป็นเขามากกว่า อยากกอดเธอจนแทบบ้า อยากให้วันเดินทางเป็นวันพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ“ใช่ พราวคิดถึงพี่” เธอปัดผมไปไว้ด้านหลัง คอเสื้อของเธอกว้างจึงทำให้เห็นลำคอระหงและลาดไหล่นวลเนียน ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่า เขารู้สึกว่าพักหลังมานี้พราวนภาดูเซ็กซี่ขึ้น อาจเป็นเพราะวัยที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้เสน่ห์ของความเป็นหญิงยิ่งเปล่งประกายกระมัง เห็นแล้วยิ่งอยากกลับไปหาเธอเร็ว ๆ“อดทนอีกนิด เดี๋ยวก็เ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 23 กลับมาตุภูมิ - 70%

    “ก็พีทเป็นผู้ชายพีทต้องเป็นพี่ ต้องถูกเรียกชื่อก่อนอยู่แล้ว” ภานุภัทร์ตอบด้วยความภาคภูมิใจ ภัทร์นรินท์ทำท่าจะเถียงต่อแต่พราวนภาขัดคอขึ้นเสียก่อน“หยุด! ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ช่วยพี่เอาของเข้าไปไว้ในบ้านเลย” จากนั้นหญิงสาวก็หันไปหาคนให้แล้วพูดว่า “พราวเกรงใจมากเลยค่ะ พราวขอรับแค่ถุงเดียวได้ไหมคะพี่ริว มันเยอะเกินไปน่ะ”“รับไว้เถอะพราว พี่ตั้งใจซื้อมาให้จริง ๆ ถ้าพราวไม่รับพี่ก็ไม่รู้จะเอาไปให้ใครแล้วเพราะพี่ไม่ได้คิดจะซื้อฝากบ้านอื่นเลย พี่ซื้อมาฝากบ้านพราวแค่บ้านเดียวเลยเนี่ย” ขณะที่เขาพูดสีหน้าก็ดูขัดเขิน แต่คนฟังอย่างเธอกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก โชคดีที่ตอนนั้นผู้เป็นย่าเดินออกมาหน้าบ้านพอดีเพราะเห็นเด็ก ๆ ออกันอยู่หน้าประตูรั้ว“มีอะไรกันรึ”“สวัสดีครับคุณย่า บ้านผมไปเที่ยวภูเก็ตมาน่ะครับก็เลยซื้อของมาฝาก” ริวยกมือไหว้พร้อมกับรีบยื่นถุงทั้งหมดไปให้สามพี่น้องที่ยืนเรียงกันอยู่“ตายแล้ว! ทั้งหมดนี่เลยหรือ เกรงใจแย่เลยคราวหลังไม่ต้องนะพ่อริว” ภคินีเห็นของฝากแล้วก็ได้แต

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 23 กลับมาตุภูมิ - 35%

    วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า จนกระทั่งในที่สุดภาคเรียนสุดท้ายของปีการศึกษาก็จบสิ้นลง วิชาการวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาดที่ด็อกเตอร์อัครัฐเป็นผู้สอนนั้น พราวนภาได้เกรดเอตามคาด แต่ข่าวที่หญิงสาวได้ยินมาด้วยคือเขาจะไม่สอนในปีการศึกษาถัดไป เท่ากับว่าเขามาเป็นอาจารย์พิเศษแค่เทอมเดียวเท่านั้นพราวนภาไม่มีโอกาสได้คุยกับอัครัฐอีกนอกจากถกกันในชั่วโมงเรียน แต่นอกเหนือเวลาเรียนเขาไม่เคยมาทักถามหรือพูดคุยด้วยเหมือนเมื่อก่อน หรือหากบังเอิญเจอกันเขาก็แค่พยักหน้าและยิ้มให้ เท่านั้นช่วงหัวค่ำ พราวนภารอวิดีโอคอลจากนฤบดินทร์เช่นเคย ซึ่งพอมีสายเข้ามาหญิงสาวก็รีบกดรับทันที“ปิดเทอมแล้วสิ” ประโยคแรกที่เขาทักทายขึ้นมาคงเดาได้จากสีหน้าของเธอกระมัง“ใช่แล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปพราวก็ไม่ต้องตื่นเช้าอีกแล้วละ คืนนี้พราวจะดูซีรีส์ให้ฉ่ำ พรุ่งนี้จะนอนตื่นสักเที่ยง จะขอลั้นลาทำตามใจตัวเองสักอาทิตย์แล้วค่อยไปทำงานกับคุณพ่อที่บริษัท”“ไม่มาหาพี่ที่นี่อีกหรือ มาเหอะ สักอาทิตย์หนึ่งก็ยังดี พี่จองตั๋วให้ก็ได้นะ จะจองที่นั่งชั้นธุรกิ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 22 โศกนาฏกรรมที่คล้ายกัน - 100%

    “หนูเพิ่งมารู้ตอนเขาบอกนี่แหละค่ะว่าพ่อเขาโรคหัวใจกำเริบจนตายตามลูกสาวไปอีกคน และแม่ของเขาก็รับเรื่องนี้ไม่ได้เพราะต้องสูญเสียคนในครอบครัวติด ๆ กันก็เลยดูเหมือนจะเสียสติไปค่ะ”พราวนภานึกถึงตอนที่เห็นมารดาของอัครัฐนั่งเหม่ออยู่ข้างน้ำตกจำลองแล้วก็ได้ทอดถอนใจ จากนั้นก็หันไปกอดเอวจันทร์เจ้าเอาไว้พลางซบหน้าบนไหล่ของท่านอย่างออดอ้อน เพราะหากเปรียบเทียบกันแล้วสิ่งที่ครอบครัวนั้นเจอก็คล้ายกับครอบครัวทางฝั่งมารดาของเธอไม่น้อย ต่างกันก็ตรงที่ครอบครัวฝั่งนี้มีเธอเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ ซึ่งแม่จันทร์เจ้ากับคุณยายบอกเสมอว่าเธอคือแรงผลักดันให้ทุกคนต้องก้าวเดินต่อ“คนเคยมีทุกอย่างแล้วมาพังไปต่อหน้าต่อตาก็เลยรับไม่ได้ อย่างว่าแหละ ก่อนหน้านี้เขาได้เป็นผู้บริหารอยู่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่อังกฤษ ชีวิตกำลังรุ่งโรจน์ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย” ภาวินส่ายหน้าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“จริงสิ หนูลืมเล่าไปเลย เขาได้ดูคลิปตอนที่น้องสาวของเขากระโดดตึกฆ่าตัวตายด้วยนะคะ พี่ดินเคยเล่าให้หนูฟังว่าในเว็บใต้ดินมีโพสต์เอาไว้หลายคลิปหลายมุมเลยค่ะแต่ยังจับไม่ได้ว่าใครเป็นคนโพสต์&rd

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status