ชีวิตการแต่งงานที่สตรีทั้งหลายใฝ่ฝันนั้นมิได้เป็นไปดังหวังโดยเฉพาะกับฉินเซี่ยหรู แม้นางจะเป็นสตรีที่เกิดในตระกูลที่มีหน้ามีตาของเมืองฮวาหลานแต่การจะเลือกใช้ชีวิตกับบุรุษที่รักนางและนางรักก็เป็นไปไม่ได้ นางมิเคยมีความรักจนได้พบกับเขา บุรุษหนุ่มบนหลังม้าที่มีสีหน้าเย็นชา คราแรกคิดว่าเขาคงจะมิได้รังเกียจนาง แต่ทว่านางคิดผิด เขารังเกียจนาง…เข้ากระดูกดำ
“นายหญิงใหญ่เจ้าคะ นายหญิงรองท้องแล้วเจ้าค่ะ” หนึ่งปีหลังจากเขาแต่งภรรยารองเข้ามา นางก็ตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์ในขณะที่ภรรยาเอกยังมิเคยได้เข้าหอกับเขาผู้เป็นสามีเลยสักครั้ง “กี่เดือนแล้วล่ะ” ฉินเซี่ยหรูน้ำตาตกในแต่กลับแสดงใบหน้าที่ยิ้มแย้มแสดงความยินดีออกมา “สองเดือนเจ้าค่ะ อะ…เอ่อ… ข้าได้ยินมาว่า ท่านเขยจะรับอนุมาอีกสองคนเจ้าค่ะ คนแรกเป็นสตรีไร้สกุลมิมีผู้ใดรู้จักนาง สตรีอีกนางเป็นน้องสาวของลูกน้องของท่านเขยเอง” ราวกับคมหอกที่เข้ามาทิ่มแทงใจ ในขณะที่เขากำลังมีทายาทสืบสกุลและกำลังมีความสุขกับการรับอนุเข้ามาเพิ่ม นางก็กำลังเป็นทุกข์ที่มีหน้าที่เป็นเพียงเครื่องประดับของจวนสกุลหวงเพื่อให้มีผู้คนนับถือ “ช่างเขาเถิด คิดมากไปข้าก็จะเป็นฝ่ายปวดใจเสียเอง” นางพยายามคิดในแง่ดีมาตลอด ไม่ว่าจะแต่งภรรยารองหรือรับอนุมามากมายเท่าใด นางก็จะไม่สนใจอีกต่อไป “นายหญิง….” หุ้ยเจินอุทานออกมา “หยุดพูดเถิด…. ไปทำอาหารกันได้แล้ว” และหน้าที่ของนางนอกเหนือจากเป็นภรรยาเอกเพื่อประดับจวน นางก็ยังเป็นแม่ครัวประจำจวนอีกด้วย แม่สามีที่เคยเอ็นดูนาง ยามนี้นางเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปเพียงเพราะภรรยารองของบุตรชายกำลังมีทายาท ทำให้ความสนใจที่เคยมีต่อนางเปลี่ยนไปยังสะใภ้รอง ในขณะที่นายหญิงใหญ่ของจวนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเพื่อเอาใจแม่สามี แม่สามีก็กำลังเอาใจใส่สะใภ้รอง มิว่านางต้องการสิ่งใด หวงฮูหยินก็หามาให้นางทุกอย่าง อาหารในจวนยามนี้นางให้สะใภ้เอกปรุงอาหารที่เน้นแต่อาหารบำรุงครรภ์ แม้จะไม่ค่อยไว้ใจสะใภ้เอกกลัวว่านางจะริษยาสะใภ้รองที่กำลังตั้งครรภ์แต่ในจวนนี้ก็ยังมิมีผู้ใดทำอาหารได้รสมือดีเท่านางอีกแล้ว “ข้าไว้ใจท่านพี่เจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่านางจะไม่คิดร้ายต่อข้า” ฮูหยินรองเอ่ยออกมาเมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงออกมาถึงความกังวลของแม่สามี “ข้าก็ไว้ใจนาง แต่พอคิดว่าจิตใจคนเรามันแปรเปลี่ยนกันได้ หากนางเกิดริษยาเจ้าแล้วใส่ยาบางอย่างในอาหารทำให้เจ้ากับหลานของข้าเป็นอันตรายขึ้นมาแล้วข้าจะตอบอวี่เอ๋อร์ได้อย่างไรกัน” “หากท่านแม่มิสบายใจที่ข้าทำอาหารให้น้องหญิงกิน ท่านก็หาแม่ครัวส่วนตัวมาให้นางเองเถิดเจ้าค่ะ” ฉินเซี่ยหรูที่บังเอิญเดินเข้ามาได้ยินบทสนทนาของหวงฮูหยินกับภรรยารองของสามีพอดีเอ่ยออกมา นางตั้งใจจะนำอาหารที่นางทำเพื่อบำรุงเด็กในครรภ์มาให้ แต่พอได้ยินเช่นนี้นางรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจยิ่งนัก “โถ่… แม่ก็พูดไปเช่นนั้นเอง เจ้าอย่าได้คิดมากเลยนะ ในจวนนี้จะมีผู้ใดทำอาหารได้รสชาติดีเท่ากับเจ้าอีกล่ะ” หวงฮูหยินเอ่ยออกมาพลางเดินมาลูบแขนของสะใภ้เอกที่นางเลือกมาเองกับมือ หากสะใภ้เอกเป็นที่โปรดปรานของบุตรชายมากกว่านี้นางคงจะทำดีด้วยอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ “น้องหญิง… หากเจ้ามิกลัวว่าพี่จะวางยาลงในอาหารนี้เช่นดังที่ท่านแม่กล่าวมา เจ้าก็กินเสียเถิด แต่หากเจ้ากลัวก็มิต้องแตะต้องอาหารนี้แล้วนำไปเททิ้งเสีย พี่กลับเรือนล่ะ ข้าลาเจ้าค่ะ” ฉินเซี่ยหรูหันไปคุยกับภรรยารองของสามีก่อนที่จะขอตัวกลับเรือนนอนของตน หน้าที่ของนางหมดเพียงเท่านี้ และนางคงจะอยู่มองคนตีสองหน้าอย่างเช่นแม่สามีมิได้อีก “ขอบน้ำใจท่านพี่เจ้าค่ะ ข้าจะกินอาหารที่ท่านทำมา อย่าได้ถือสาท่านแม่เลยนะเจ้าคะ นางก็เพียงแค่เป็นห่วงหลานคนแรกของสกุลหวง” คำพูดราวกับจริงใจที่เปล่งออกมาจากปากของภรรยารองนั้น ฉินเซี่ยหรูรู้ดีว่านางตั้งใจพูดเหน็บแนมตนเองเพราะนางมิอาจมีบุตรสืบสกุลให้สกุลหวงได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรก็ในเมื่อสามีของนางมิเคยย่างกรายไปหานางที่เรือนใหญ่เลย “หึ!!! ถ้าข้ามิเห็นแก่ตระกูลของเจ้า ข้าคงจะให้อวี่เอ๋อร์เขียนหนังสือหย่าให้เจ้าไปนานแล้ว อยู่ที่นี่มีประโยชน์อันใดกันนอกจากทำอาหารกับเย็บปัก มีหลานสืบสกุลให้ข้าก็มิได้” หวงฮูหยินเอ่ยส่งท้าย ฉินเซี่ยหรูได้ยินทุกถ้อยคำ นางน้ำตาตกในแต่ทว่ามิได้ไหลออกมาให้ได้อาย ฉินเซี่ยหรูเดินจากไปพร้อมกับสายตาเย้ยหยันของบ่าวในเรือนกลางที่มีภรรยารองเป็นนายหญิงอยู่ อำนาจในจวนของนางเริ่มเปลี่ยนมือตั้งแต่ภรรยารองตั้งครรภ์ ทุกวันนี้นางต้องทนอยู่เพียงเพราะมิอยากมีชีวิตการแต่งงานที่ล้มเหลว หากนางหย่าไปแล้วจะมีบุรุษใดต้องการนางอีก ถึงแม้นางจะบอกผู้อื่นว่านางยังบริสุทธิ์แล้วผู้ใดเล่าจะเชื่อ หรือต้องจากไปแต่วิญญาณถึงจะสมศักดิ์ศรีที่นางยังมีหลงเหลืออยู่… หวงจิงอวี่เมื่อรับอนุเข้ามา เขาก็มิเคยมาเรือนใหญ่เพื่อกินอาหารร่วมกับนางอีกเลย จากก่อนหน้านี้ยังพอแวะเวียนมาถามไถ่ความเป็นอยู่บ้าง ยามที่เขาดื่มจนเมามายเขาก็ไปหาอนุคนแรกหากภรรยารองมิตั้งครรภ์ไปเสียก่อน หน้าที่อุ่นเตียงก็คงจะยังคงเป็นของนาง แต่พอนางมีครรภ์ หมอหลวงก็สั่งห้าม โดยเฉพาะแม่สามีที่ค่อนข้างเป็นห่วง กลัวว่าหลานคนแรกของสกุลหวงจะได้รับอันตรายจึงมิให้หวงจิงอวี่เข้าใกล้นางจนกว่าครรภ์จะแข็งแรง เขาจึงไปปลดปล่อยกับเหล่าอนุภรรยาแทน “อื้อ…..อ๊า….ท่านพี่ เบาๆ หน่อยเจ้าค่ะ” เสียงหวานครางกระเส่าเมื่อถูกความแข็งแรงของบุรุษที่เป็นเจ้าของชีวิตตรอกตรึงจากทางด้านหลัง เรือนเล็กซึ่งเป็นเรือนที่มิได้อยู่ห่างไกลจากเรือนใหญ่มากนัก จึงทำให้ฉินเซี่ยหรูมักจะได้ยินเสียงร้องครวญครางราวกับว่ากำลังมีความสุขของชายหญิงดังมารบกวนอยู่บ่อยครั้ง เป็นการตอกย้ำความทุกข์ของนางให้กลายเป็นบาดแผลในใจขนาดใหญ่ที่มิอาจรู้ได้ว่าชาตินี้จะมีสิ่งใดมาเยียวยาได้หรือไม่“ท่านป้า… ท่านป้าเจ้าคะ”เสียงหวานเล็กที่ล่องลอยมาตามหมอกควันนั้นช่างแผ่วเบาจนโจวเจินเจินแทบจะไม่ได้ยิน นางค่อยๆ เยื้องย่างฝ่ากลุ่มหมอกควันที่ขาวโพลนมองแทบจะไม่เห็นสิ่งใด แต่แล้วภาพที่นางได้มองเห็นเบื้องหน้ากลับทำให้นางต้องตาเบิกโพลงด้วยความตระหนกตกใจ“จะ…เจินเอ๋อร์….”เสียงหวานขานนามของเด็กหญิงตรงหน้าออกมา รอยยิ้มจากใบหน้าเล็กนั้นทำให้นางร่ำไห้ด้วยความคะนึงหาผู้เป็นหลานสาว เจ้าของร่างที่แท้จริงที่นางได้มามีชีวิตใหม่“หลานยินดียิ่งนักที่ท่านป้าได้พบกับความรักที่แท้จริงแล้ว” เสียงเล็กดังแผ่วมาจากเด็กหญิงตรงหน้า“ใช่แล้วหลานรัก ป้าได้พบกับความรักที่ป้าไม่เคยได้รับมาในชีวิตก่อน มันช่างเป็นสิ่งที่งดงามยิ่งนัก”“ที่ท่านได้กลับมา… ก็เพื่อการนี้แหละเจ้าค่ะ ท่านป้า… ท่านเหมาะสมคู่ควรที่จะได้รับความรักจากทุกคน หลานขอให้ท่านป้าใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของร่างนี้ให้มีความสุขนะเจ้าคะ”ฉินเซี่ยหรูที่เป็นโจวเจินเจินในร่างผู้ใหญ่พยักหน้าทั้งน้ำตา ที่แท้สวรรค์ให้โอกาสนางได้กล
หนึ่งปีต่อมาเสียงหัวเราะของเด็กน้อยวัยกำลังหัดเดินดังมาจากสวนดอกไม้ที่อยู่ภายในจวนสกุลเจียง นัยน์ตากลมจ้องมองไปยังบุตรชายตัวน้อยด้วยความห่วงใย ร่างเล็กกำลังเดินเตาะแตะตามซิ่วจิ่นไปรอบๆ สวนดอกไม้ที่กำลังผลิดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ แสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องลงมานั้นไม่ได้ทำให้อากาศร้อนมากนัก แต่ทว่ากลับเย็นสบายไปด้วยลมหนาวที่พัดผ่านมา“ดื่มน้ำชาก่อนเถิดเจ้าค่ะนายหญิง” อี้ถงรินน้ำชาใส่ถ้วยชาให้แก่โจวเจินเจิน ควันของชาลอยกรุ่นปะทะกับอากาศ เหมันตฤดูปีนี้ไม่หนาวเท่าใดนัก“ข้าไม่เคยนึกถึงภาพเช่นนี้มาก่อนเลยอี้ถง” จู่ๆ โจวเจินเจินก็กล่าวออกมา อี้ถงยิ้มเพียงเล็กน้อย“แล้วคุณหนูใหญ่ของบ่าวมีความสุขใช่หรือไม่เจ้าคะ” โจวเจินเจินหันไปมองหน้าสาวรับใช้คนสนิทพลางพยักหน้า“เพียงแค่นี้ก็ไม่มีอันใดให้นึกเสียดายแล้วล่ะเจ้าค่ะ”คนฟังยิ้มออกมาในขณะที่สายตาก็ยังคงจับจ้องมองไปที่ร่างเล็กที่ส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้าก จากเดินเพียงช้าๆ ตามหลังของพี่เลี้ยง คุณชายน้องเจียงจางหย่งกลับเร่งความไวขึ้นแซงหน้าซิ่วจิ่นไป โจวเ
“น้องยินดีด้วยนะเจ้าคะท่านพี่ใหญ่ ในที่สุดพี่สะใภ้ก็ไม่เหม็นหน้าท่านแล้วคิกๆๆๆ”เจียงมู่หลานที่ได้ออกเรือนไปบุตรชายท่านเจ้าเมืองฮวาหลานเมื่อสามเดือนก่อนกล่าวหยอกล้อพี่ชายพลางหัวเราะออกมาวันนี้นางได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมเยือนท่านพ่อท่านแม่ พี่ชายใหญ่และพี่สะใภ้ รวมไปถึงหลานในท้องของพี่สะใภ้ หลังจากที่ไม่ได้แวะเวียนมานานนับเดือนเพียงเพราะไปท่องเที่ยวเมืองหลวงกับสามีของนาง นางนั้นทราบเรื่องที่พี่สะใภ้แพ้ท้องเหม็นพี่ชายตั้งแต่ก่อนออกเรือน ครั้นได้รู้ว่าพี่สะใภ้ไม่มีอาการแพ้ท้องแล้วจึงนึกสนุกแซวพี่ชายของตนออกมา เจียงมู่จื้อจึงยกกำปั้นขึ้นมาโขกศีรษะของนางอย่างแรง‘โป๊ก’“โอ๊ย!!! พี่ใหญ่ ท่านรังแกน้อง”“อืม… หมั่นไส้ ระวังเอาไว้ให้ดีเถิด ระวังถึงคราที่ตัวเจ้ามีครรภ์และมีอาการเช่นนี้ใส่น้องเขยบ้าง" เจียงมู่หลานหันหลังใส่พี่ชายแล้วไปฟ้องพี่สะใภ้ทันที“พี่สะใภ้ ดูสามีของท่านเถิด ช่างพูดจาได้ไม่น่าฟังยิ่งนัก”นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเง้างอนจนโจวเจินเจินนึกขัน ทั้งที่สองพี่น้องวัยก็ห่างกันหลายป
หลังจากที่กลับมาจากจวนสกุลโจว โจวเจินเจินก็ได้บอกเรื่องที่นางกำลังมีครรภ์ให้แก่ท่านพ่อและท่านแม่ของสามีได้ทราบ ใต้เท้าเจียงและเจียงฮูหยินนั้นต่างรู้สึกยินดีกับเรื่องที่ได้ยินยิ่งนัก เพราะการได้มีหลานคนแรกถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีของตระกูลเจียง เจียงฮูหยินที่กำลังจะกลายเป็นฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับน้ำตาไหลลงมาอาบใบหน้าด้วยความปีติยินดี“นี่เรากำลังจะได้เป็นปู่เป็นย่ากับเขาแล้วหรือนี่ น้องมิได้ฝันไปใช่หรือไม่เจ้าคะท่านพี่” เจียงฮูหยินเอ่ยถามใต้เท้าเจียงออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“เจ้ามิได้ฝันไปหรอกหนาน้องหญิง ก็เจินเอ๋อร์บอกว่านางได้ให้ท่านหมอตรวจมาจากจวนสกุลโจวแล้ว ก็ย่อมเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว ใช่หรือไม่เจินเอ๋อร์” ท่านใต้เท้าเจียงตอบภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนที่จะถามลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกัน“เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกกำลังมีครรภ์จริงเจ้าค่ะ ท่านหมอตู้ตรวจดูแล้วไม่ผิดแน่”ท่านหมอตู้นั้นเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองฮวาหลาน มีหรือที่เขาจะตรวจผิดพลาด อีกทั้งอาการของนางก็บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังมีครรภ์แน่นอน“ฮือ…. ขอบน้ำใจเ
สามเดือนต่อมาหลังจากออกเรือนไปโจวเจินเจินก็ไม่ลืมที่จะแวะเวียนกลับมาเยี่ยมเยือนบิดามารดาที่จวนสกุลโจว ใต้เท้าเจียงและเจียงฮูหยินเอ็นดูลูกสะใภ้ยิ่งนัก ทั้งสองไม่เคยห้ามให้นางได้ทำในสิ่งที่นางต้องการเลย ยิ่งสามียิ่งมอบความรักและคอยดูแลทะนุถนอมนางเป็นอย่างดี ทำให้โจวเจินเจินไม่นึกเสียใจเลยที่ได้ออกเรือนไปกับเขา“กลับมาเยี่ยมย่าทุกเดือนเช่นนี้ พ่อแม่สามีของเจ้ามิตำหนิหรือเจินเอ๋อร์….” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามหลานสาวออกมาด้วยความสงสัย“ไม่เลยเจ้าค่ะท่านย่า ท่านพ่อท่านแม่เมตตาหลานยิ่งนัก หลานอยากจะไปที่ใด หรืออยากจะทำสิ่งใด ท่านทั้งสองมิเคยเข้ามายุ่งหรือนึกสงสัยในสิ่งที่ข้าทำเลยสักนิดเจ้าค่ะ”“ดี… ดียิ่งนัก เป็นโชคดีของหลานแล้วล่ะเจินเอ๋อร์… มีสามีที่รักและทะนุถนอมเจ้า ยังไม่ดีเท่ามีพ่อแม่สามีที่รักและเอ็นดูเจ้า” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวออกมาทั้งใบหน้าที่ยิ้มแย้มนางรู้สึกยินดีกับหลานสาวยิ่งนักที่ได้พบกับตระกูลที่ดี ตั้งแต่ออกเรือนไปนางยังไม่เคยเห็นหลานสาวมีปัญหาอันใดมาบอกเล่าให้ฟังเลย ครั้นหลอกถามอี้ถงสาวรับใช้คนสนิ
โจวเจินเจินหัวใจเต้นแรงยามที่ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น อี้ถงออกไปข้างนอกนานเกือบหนึ่งเค่อแล้ว นางในยามนี้ยังคงนั่งอยู่บนเตียงที่มีผ้าแพรสีแดงประดับตกแต่ง ผ้าคลุมหน้านั้นบางจนเห็นภาพของผู้ที่กำลังเยื้องย่างเข้ามา กลิ่นของสุราลอยมาแตะจมูก นางขยับกายด้วยความประหม่าก่อนที่ผ้าคลุมหน้าจะถูกสามีใช้คันชั่งเปิดออก ดวงหน้างามเผยออกมาปะทะกับแสงจากตะเกียงไฟสีเหลืองนวล ริมฝีปากหนาของเจียงมู่จื้อผุดรอยยิ้มออกมา“รอพี่นานหรือไม่…น้องหญิง”เขานั่งเคียงข้างนางพลางเอ่ยถามออกมา ดวงหน้างามฉายแววของความเขินอาย ครั้นยังเป็นฉินเซี่ยหรูนางไม่เคยมานั่งจ้องหน้ากับหวงจิงอวี่เช่นนี้ด้วยซ้ำ ทำให้นางไร้ประสบการณ์ในด้านนี้อย่างแท้จริง“มะ…ไม่นานเลยเจ้าค่ะ” เสียงหวานตอบเขาออกไป“ถ้าเช่นนั้น… เรามาดื่มเหล้ามงคลกันก่อนเถิด”โจวเจินเจินพยักหน้า ชายหนุ่มจึงลุกจากที่นอนแล้วเดินไปยังโต๊ะที่อยู่กลางห้อง จอกสุรามงคลและจอกเพื่อใส่สุราถูกเจียงมู่จื้อถือกลับมายังเตียงนอน เขารินสุราใส่จอกก่อนที่จะส่งให้แก่สตรีที่กำลังจะเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบู