“ฉันก็รู้ดีอยู่แล้วล่ะน่า ก็ฉันเป็นน้องสาวสุดที่รักของเขานี่นา แต่พี่เฮ่าชวนเขาก็มีความรู้สึกพิเศษ ๆ กับเธอเหมือนกันนะ ความรู้สึกที่มันมีอะไรมากกว่าแค่การเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทน่ะ ฉันพนันด้วยชีวิตเลยก็ได้นะว่าตอนนี้พี่เฮ่าชวนเขากำลังสับสนหัวใจตัวเองอยู่แน่ ๆ”
“สับสน...สับสนเรื่องอะไรกันยะ” ซ่งจื่อหานถามอย่างใคร่รู้
“ก็สับสนเรื่องที่เขาเคยเผลอตัวไปนอนกับเธอเมื่อหลายปีก่อนยังไงล่ะ ซึ่งพี่เฮ่าชวนเองก็คงจะมีความสุขกับมันมากเลยทีเดียว แต่มันก็คงจะทำให้เขารู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกัน แล้วตอนนี้เขาก็เลยไม่แน่ใจว่าควรจะทำตัวยังไงต่อไปกับเรื่องนี้น่ะสิ”
“เธอ...เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานถามอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม
“ใช่สิ ฉันคิดอย่างนั้นจริง ๆ นะ” ฉู่ลี่เหยียนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นอีกครั้ง “ปัญหาเดียวในตอนนี้ก็คือพี่เฮ่าชวนเขายังคงมองว่าเธอเป็นแค่เด็กวัยรุ่นกะโปโลคนหนึ่งอยู่เลยน่ะสิ เธอจะต้องทำให้เขาได้เห็นอย่างชัดเจนเลยนะว่าตอนนี้เธอโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วจริง ๆ”
“แล้ว...แล้วการไปตีแบดมินตันมันจะช่วยได้จริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานยังคงไม่เห็นความเชื่อมโยงที่ชัดเจนอยู่ดี
“แน่นอนสิ!” ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เพื่อนอีกครั้ง “เธอก็แค่ใส่กางเกงขาสั้นกุดเสมอหู วิ่งอวดเรียวขาสวย ๆ ไปรอบสนามแบด โดยที่มีหนุ่มหล่อล่ำกล้ามโตวิ่งไล่ตามเธอไปติด ๆ ผมยาวสลวยสวยเก๋ของเธอก็จะปลิวไสวไปตามแรงลมนั่นแหละ ที่มันจะช่วยได้น่ะ เอาน่าจื่อหาน เธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่นาว่าพวกผู้ชายน่ะมันเป็นยังไงกัน”
“แต่...แล้วเรื่องของพี่เฮ่าหรานล่ะ แล้วก็เรื่องข้อความที่ฉันเพิ่งจะส่งไปหาพี่เฮ่าชวนเมื่อคืนนี้อีกล่ะ”
“อ่า...เรื่องนั้นน่ะเหรอ...ลืมมันไปให้หมดเลยซะเถอะน่า มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยสักนิดเดียว”
“เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานถามย้ำอีกครั้ง
“ฉันรู้แน่ ๆ ต่างหากล่ะยะ” ฉู่ลี่เหยียนพยักหน้ารับอย่างมั่นอกมั่นใจ
“คุณรู้อะไรเหรอ” เสียงทุ้มหล่อของกู้หยุนเฟิงดังแทรกขึ้นมากลางวงสนทนา ทำเอาซ่งจื่อหานถึงกับเผลอครางออกมาเบา ๆ อย่างตกใจ
“คุณ...คุณมาทำอะไรที่นี่กันคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามออกไปอย่างกล่าวหาราวกับว่าเขาเป็นผู้บุกรุก เขาจึงหัวเราะร่วนออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ผมก็ดีใจที่ได้เจอคุณเหมือนกันนะครับคุณจื่อหาน พอดีผมมารับแฟนสาวคนสวยของผมไปทานข้าวเย็นน่ะครับ แล้วคุณโอเคดีอยู่รึเปล่าครับตอนนี้”
“ค่ะ...ก็โอเคดีอยู่ค่ะ” ซ่งจื่อหานเหลือบมองไปทางฉู่ลี่เหยียนอย่างขอความช่วยเหลือ เพื่อนรักของเธอจึงส่งยิ้มกว้างมาให้
“อ๋อ...พอดีเขาจอดรถรอฉันอยู่ข้างล่างน่ะ ฉันก็เลยเปิดประตูทิ้งไว้ให้เขาเดินเข้ามาได้เลย” ฉู่ลี่เหยียนรีบอธิบายให้เพื่อนฟัง
“อ้อ ฉันก็นึกว่าเธอแอบให้กุญแจห้องกับเขาไปแล้วเสียอีกนะเนี่ย”
“แล้วคุณจะมีปัญหากับเรื่องนั้นด้วยอย่างนั้นเหรอครับ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรผิดปกติตรงไหนเลยนี่ครับ” กู้หยุนเฟิงแกล้งหยอกล้อหญิงสาว
ซ่งจื่อหานส่ายหน้าให้เขาอย่างหมั่นไส้ “ฉันมั่นใจเลยค่ะว่าคุณก็คงจะไม่เห็นว่ามันมีอะไรผิดปกติอยู่แล้วล่ะค่ะ”
“แต่ผมพนันด้วยชีวิตเลยก็ได้นะว่าคุณคงจะไม่ว่าอะไรเลยสักนิด ถ้าหากว่าคนที่คุณให้กุญแจห้องไปน่ะเป็นเฮ่าชวน บางที...ในคราวนี้เขาอาจจะเป็นฝ่ายที่แอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนของคุณ แล้วก็ขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียงของคุณเลยก็ได้นะ” เขาขยิบตาให้เธออย่างมีเลศนัย
“ลี่เหยียน!” ซ่งจื่อหานร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “นี่...เธอบอกเรื่องนี้กับกู้หยุนเฟิงแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“กู้หยุนเฟิง! นี่คุณทำบ้าอะไรลงไปกันคะเนี่ย!” ฉู่ลี่เหยียนหันไปมองคนรักของตัวเองด้วยสายตาขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด
“อะไรกันครับที่รัก ผมทำอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ” เขาถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แสนจะใสซื่อบริสุทธิ์
“ก็ทำไมคุณถึงได้ไปบอกจื่อหานล่ะคะ ว่าฉันเป็นคนบอกเรื่องนี้กับคุณเองน่ะ” ฉู่ลี่เหยียนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วหันไปมองเพื่อนรักด้วยแววตาขอโทษขอโพยอย่างสุดซึ้ง
“ฉันขอโทษจริง ๆ นะจื่อหาน แต่เขาน่ะสิ อยากจะรู้ให้ได้ว่ามันมีเรื่องอะไรที่มันสำคัญนักหนา ถึงขนาดที่ฉันจะต้องรีบไล่เขากลับบ้านไปเมื่อคืนนี้แทบจะไม่ทันน่ะ”
ซ่งจื่อหานอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เธอก็เลยบอกเรื่องนี้กับเขางั้นเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเธอจะกล้าบอกกู้หยุนเฟิงว่าฉันเสียความบริสุทธิ์ให้กับพี่เฮ่าชวนไปแล้วน่ะ”
“คุณ...คุณได้เสียกับเฮ่าชวนไปแล้วอย่างนั้นเหรอจื่อหาน” เสียงของกู้หยุนเฟิงฟังดูตกใจสุดขีด
หัวใจของซ่งจื่อหานหยุดเต้นไปในทันที เมื่อเธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของฉู่ลี่เหยียน เพื่อนรักของเธอไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดกับเขาสินะ
“เขา...เขาไม่รู้เรื่องนี้หรอกเหรอ” ซ่งจื่อหานขมวดคิ้วมุ่นใส่กู้หยุนเฟิง แล้วหันกลับไปมองฉู่ลี่เหยียนอย่างคาดคั้น
“ฉัน...ฉันก็ไม่ได้บอกเขาทุกอย่างหรอกนะ เฮ้อ...เอาจริง ๆนะ ฉันก็ไม่อยากจะบอกเขาทุกอย่างหรอก ฉันก็แค่บอกเขาไปว่าเธอแอบย่องเบาขึ้นไปนอนบนเตียงของพี่เฮ่าชวน แล้วก็จูบกับเขาเท่านั้นเอง”
“การได้เสียกันมันมีอะไรที่มากกว่าแค่การจูบเฉย ๆ นะครับ” กู้หยุนเฟิงหัวเราะร่วนออกมาแล้วหันมามองซ่งจื่อหาน “ให้ตายสิจื่อหาน ยิ่งผมได้รู้เรื่องของคุณมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งดูน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้นเลยนะครับเนี่ย”
“โอ๊ย! ช่างมันเถอะน่า!” ซ่งจื่อหานครางออกมาเบา ๆ พลางรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ทีนี้...ผมก็จะต้องรู้ให้ได้แล้วล่ะครับว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่” เขาหัวเราะออกมาอีกครั้งแล้วหันไปมองฉู่ลี่เหยียน “แล้วผมก็นึกว่าพวกเราสองคนเจอกันในสถานการณ์ที่มันบ้าบอคอแตกที่สุดแล้วเสียอีกนะเนี่ย”
“ก็อย่างน้อยพวกคุณสองคนก็ได้คบกันจริง ๆ นี่นา” ซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาอย่างท้อแท้ “ส่วนพี่เฮ่าชวนน่ะเหรอ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองฉันเลยสักนิด หลังจากเรื่องในคืนนั้นน่ะ”
“ทำไมล่ะคะ” แฟนสาวของเขาขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ“ก็ผมกำลังคบอยู่กับคุณยังไงล่ะ” เขาส่งยิ้มกริ่มมาให้เธอ “แต่คุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ครับว่าผมรักคุณมากแค่ไหน นั่นแหละคือเหตุผลที่ทำไมผมถึงได้ยอมให้คุณย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันกับผมยังไงล่ะครับ”“อะไรนะ!” ซ่งจื่อหานถึงกับตัวแข็งทื่อเป็นหินไปในทันที เธอมองไปที่กู้หยุนเฟิงสลับกับใบหน้าที่แดงก่ำของฉู่ลี่เหยียนอย่างตกตะลึง “นี่...นี่เธอกำลังจะย้ายไปอยู่กับเขาจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ”“โอ้! ตายล่ะ!” กู้หยุนเฟิงรีบหุบปากฉับในทันที แล้วก็ถอยหลังกรูดไปหลายก้าว “คุณ...คุณยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอหรอกหรือ” เขามองฉู่ลี่เหยียนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ“ฉัน...ฉันขอโทษจริง ๆ นะจื่อหาน ฉันกำลังจะบอกเธออยู่พอดีเลย แต่แล้วมันก็ดันมีเรื่องวุ่น ๆ...”“เอาล่ะ ๆ พวกเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ทีหลังก็แล้วกัน” ซ่งจื่อหานทำหน้ายู่ใส่เพื่อนรักอย่างงอน ๆ ก่อนจะรีบกดเปิดเสียงโทรศัพท์ “ขอโทษด้วยนะคะพี่เฮ่าชวน พอดีเมื่อกี้มีเรื่องด่วนนิดหน่อยน่ะค่ะ” เธอพูดเสียงหวานใส่โทรศัพท์ แต่หัวใจกลับเต้นระรัวไม่เป็นส่ำเมื่อนึกถึงเรื่องที่ฉู่ลี่เหยียนกำลังจะย้ายออกไปอย
“ฮัลโหล...จื่อหาน?”เสียงทุ้มที่ปลายสายลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังคงความหนักแน่นในที ซ่งจื่อหานรู้สึกราวกับโลกรอบตัวหยุดหมุนไปชั่วขณะ นิ้วเรียวกำโทรศัพท์มือถือแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อตระหนักว่าเสียงนั้นเป็นของ...ฉู่เฮ่าชวน! เทพบุตรในฝันที่เธอเฝ้ารอคอย เธอมองตาค้างไปที่ฉู่ลี่เหยียนเพื่อนรักที่นั่งอยู่ไม่ไกล แล้วรีบทำปากขมุบขมิบส่งสัญญาณลับสุดยอด “เยส! เยส! เขาโทรมา! เขาโทรมาจริงๆ ด้วยเพื่อน!” ราวกับว่าเพิ่งจะถูกรางวัลที่หนึ่งแจ็กพอตแตก!“จื่อหาน? ยังอยู่ไหม?” เสียงทุ้มนั้นย้ำถามมาอีกครั้ง ทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ซ่งจื่อหานรีบส่ายหน้าไปมาอย่างแรง พยายามตั้งสติที่กระเจิดกระเจิงไปคนละทิศคนละทางจากความตกใจระคนตื่นเต้นสุดขีดโอ๊ย! ใจเย็นไว้ยัยจื่อหาน! ใจเย็น ๆ!“อะ...แฮ่ม! ฮัลโหลค่ะ ซ่งจื่อหานพูดอยู่ค่ะ” เธอพยายามดัดเสียงให้เรียบร้อยและเป็นทางการที่สุดเท่าที่จะทำได้ ราวกับกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกค้าคนสำคัญ ไม่ใช่กับผู้ชายที่ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะอยู่ตลอดเวลา“นี่ฉันเอง...เฮ่าชวน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบห้าวเล็กน้อยน้ำเสียงที่เซ็กซี่จนอยากจะละลายอยู่ตรงนั้
หล่อนเขียนบอกว่าจะแอบย่องเข้าไปในห้องนอนของฉู่เฮ่าชวนในคืนนั้นตอนเที่ยงคืนพอดิบพอดี ให้เขาช่วยปิดไฟในห้องให้มืดสนิท แล้วก็เตรียมเครื่องป้องกันให้พร้อมสรรพด้วย หล่อนยังบอกอีกนะว่าไม่อยากจะทำตัวไม่เคารพพ่อแม่ของเขาเลยสักนิด แต่หล่อนน่ะต้องการตัวเขามากเหลือเกิน และก็ไม่อยากจะทนทรมานอีกแม้แต่คืนเดียวโดยที่ไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง หล่อนยังบอกอีกด้วยนะ...ซึ่งมันก็ทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย...ว่าหล่อนน่ะเสียใจมากเลยที่เขาไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนมันจะไปกันรอดได้ และหล่อนก็ยังคงรักเขาอยู่เสมอ แม้ว่าในทางเทคนิคแล้วเขาจะไม่ใช่แฟนหนุ่มของหล่อนอีกต่อไปแล้วก็ตามเรื่องนี้มันทำให้ซ่งจื่อหานแอบยิ้มกริ่มอยู่ในใจ เธอเคยเห็นพวกเขาเถียงกันอยู่บ้างเหมือนกัน แต่เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าพวกเขาเลิกรากันไปแล้วจริง ๆ นั่นมันก็หมายความว่าเธอยังคงมีโอกาสอยู่ไม่ใช่หรือ เธอจึงรีบทำเป็นแกล้งลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองยังคงเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลาย และเขาก็เพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัยมาหมาด ๆเรื่องอายุอานามที่แตกต่างกันนั้นดูเหมือนจะไม่มีความสำคัญอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยนิดในตอนนั้นเธอเอาโน้ตแผ่นนั้นไปส่งให้ฉู่เ
ซ่งจื่อหานน่ะหรือ แอบปักใจรักฉู่เฮ่าชวนมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยผูกผมแกละ อายุอานามก็เพิ่งจะแตะสิบขวบหยก ๆ ใช่แล้ว...สิบขวบถ้วน ส่วนเขาน่ะหรือ อายุสิบหกปีเต็ม มันออกจะดูแก่แดดไปสักหน่อยที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จะไปหลงรักหนุ่มรุ่นพี่ แต่จะโทษใครได้ล่ะ ในเมื่อฉู่เฮ่าชวนคนนี้น่ะหล่อมาแต่ไหนแต่ไรแล้วจริง ๆ หล่อชนิดที่ว่าถ้าเดินผ่านฝูงวัวฝูงควาย พวกมันก็อาจจะพร้อมใจกันหยุดเคี้ยวเอื้องแล้วหันมามองตามเป็นตาเดียว และในตอนที่เขาอายุสิบหกปีนั้น เขาคือชายในฝันของเด็กสาวค่อนโรงเรียน เป็นนักกีฬาหุ่นล่ำบึ้ก แต่เขาก็มักจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนตัวน่ารำคาญ...น่ารำคาญไม่ต่างจากที่เขาปฏิบัติต่อฉู่ลี่เหยียนน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองนั่นแหละ แต่นั่นเธอไม่เคยว่าอะไรเลยสักนิด อันที่จริงแล้ว...เธอออกจะชอบเสียด้วยซ้ำไป เธอชอบที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับเขา ชอบเวลาที่เขาใจดียอมปล่อยให้พวกเธอสองคนพี่น้อง (ที่ไม่ใช่พี่น้องจริง ๆ) เล่นเกมกดกับเขา ชอบเวลาที่เขาแกล้งจั๊กจี้เธอจนหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง หรือแม้แต่ยอมเสียสละเวลามานั่งเล่นบอร์ดเกมเป็นเพื่อนพวกเธอ ฉู่เฮ่าชวนอาจจะเป็นพี่ชายที่ดูเหมือนจะชอบบงการชีวิตคนอื่นไปบ้าง
“ฉันไม่ได้ก้นใหญ่สักหน่อยนะ! ถอนคำพูดของคุณออกมาเดี๋ยวนี้เลย!” ฉู่ลี่เหยียนแหวเสียงดังลั่น“ถอนคำพูดอะไรกันที่รัก” กู้หยุนเฟิงทำหน้างุนงงซ่งจื่อหานถึงกับหัวเราะลั่นออกมาอย่างสุดจะกลั้น“เงียบไปเลยนะกู้หยุนเฟิง!” ฉู่ลี่เหยียนตวาดใส่คนรักของตัวเองเสียงดัง แล้วหันมามองเพื่อนสาวอย่างเอาเรื่อง “เธอเห็นไหมจื่อหาน ว่าเขาเพิ่งจะบอกว่าฉันน่ะตูดใหญ่เป็นตุ่มเลย!”“อืมมม...ดูท่าว่างานจะเข้าคุณจริง ๆ แล้วล่ะ” ซ่งจื่อหานส่ายหน้ามองกู้หยุนเฟิงอย่างสมเพชเวทนา“งานเข้าเรื่องอะไรกันครับ” ชายหนุ่มมองสองสาวสลับกันไปมาด้วยสีหน้างุนงงสับสนยิ่งกว่าเดิม “ผมไม่เคยบอกเลยนะว่าคุณตูดใหญ่ ผมบอกว่าคุณก้นใหญ่ต่างหาก ก้นใหญ่ ๆ อวบ ๆ ที่ผมชอบมาก! รักเลยด้วยซ้ำไป” แล้วเขาก็เผลอครางออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าเอาเรื่องเอาราวของฉู่ลี่เหยียน “เอ่อ...ผมว่า...ตอนนี้ผมควรจะเงียบปากไปเลยจะดีกว่า”“ใช่! คุณควรจะเงียบปากไปได้ตั้งนานแล้ว!” ฉู่ลี่เหยียนยืนตัวตรงแหน่ว “จื่อหาน เธอพร้อมจะเล่าให้พ่อแฟนงี่เง่าสมองทึบของฉันฟังรึยังล่ะ ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นบ้างกับพี่เฮ่าชวนน่ะ พวกเราจะไ
“มันก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียวนี่นา ใช่ไหมล่ะจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด “ฉันหมายถึง...ในตอนแรกน่ะ...พี่เฮ่าชวนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปนะว่าเป็นเธอน่ะ”“โอ๊ย! ไม่ต้องมาย้ำเรื่องนั้นเลยนะลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานโอดครวญออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้ด้วยความอับอาย “ฉันอายมากเลยนะจะบอกให้ ฉันควรจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้นไปให้หมดเลย ไม่มีทางที่พี่เฮ่าชวนเขาจะสามารถก้าวข้ามเรื่องนั้นไปได้ง่าย ๆ หรอกน่า”“เธอก็ไม่รู้หรอกน่าเพื่อนรัก” ฉู่ลี่เหยียนบอกแล้วส่งยิ้มหวานไปให้กู้หยุนเฟิง ขณะที่เขาโน้มตัวลงมาจูบที่แก้มของเธออย่างแผ่วเบาแล้วลูบหลังปลอบใจเธออย่างอ่อนโยนซ่งจื่อหานอยากจะอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ที่เห็นคนทั้งคู่กำลังทำตัวสวีตหวานแหววใส่กันอยู่ตรงหน้า “แล้วคุณว่ายังไงบ้างล่ะคะ คุณกู้หยุนเฟิง”“ผมว่า...ผมก็คงจะต้องรู้ให้ได้ก่อนล่ะครับว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่” เขามองมาที่ซ่งจื่อหาน ดวงตาที่เคยทอประกายขบขันเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ผมรู้ดีว่าคุณอาจจะกำลังรู้สึกอั