อ้นโน้มใบหน้างับกัดยอดเกสร จ๊วบจ๊าบ ปลายลิ้นละเลงปาดไปปาดมายอดเกสรที่แข็งเป็นไตแข็งชูชัน ขนอ่อนตามร่างอวบลุกชันด้วยความเสียว
ควับ ลูกโป่งคว้าหมับที่ดุ้นขนาดเขื่อง เมื่อคว้าได้ก็ขยับมือรูดโดยทันที อ้นครางลั่น เวลาที่ผ่านไปไม่นานมากมือสีทองแดงที่เปียกแฉะเดิมก็ฉ่ำเยิ้มเมื่อลูกโป่งกรีดร้องปล่อยน้ำชโลมย้ำซ้ำน้ำของเก่าเติม เข้าไปอีก พร้อมๆกับมือของลูกโป่งก็เปียกน้ำขุ่นครั่กเหนียวข้นของอ้นอีกครั้ง
เฮ่อ เฮ่อ เฮ่อ อ้นหายใจหอบ นอนหงายแผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่เร็วเป็นจังหวะ
“ทำไมถึงค้างแบบนี้ ตู้เอทีเอ็มแกสลบคาดุ้นแกเหรอ” ลูกโป่งชวนคุยฆ่าเวลาแบบไม่ได้คิดอะไร
ฮาฮาฮา อ้นหัวเราะ “ไม่มีทาง คุณแป้ง แซ่บมาก กูยังติดใจเลย คุณเธอได้ทุกท่าทุกสถานที่เลยเชียวล่ะ วันนี้ก็ซัดกับกูในสวนห่มฟ้าห่มลม มันส์เป็นบ้า เออ!” เหมือนอ้นจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาผลุ๊บลุกขึ้นนั่งพิงพนักหัวเตียง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด
“มีอะไร” ลูกโป่งถามเมื่อเห็นอาการแปลกๆของอ้น
“เหมือนมีใครในบ้านมาเห็นกูกำลังซัดคุณแป้งอยู่”
ห๊า!! ลูกโป่งร้องออกมา เพราะถ้าอ้นไม่มีรายได้ ตนก็ขาดรายได้ไปเช่นกัน เพราะดีไม่ดียังไง อ้นก็มีให้เธอได้กินอิ่มหลายมื้อยามที่เงินขาดมือ
อ้นพยายามจะเดาให้ออกว่าแผ่นหลังแว็บๆ นั่นเป็นใคร “ใครกัน”
“มีสองคนเท่านั้นที่จะวิ่งได้เร็วแบบนั้น...พี่แต้วกับเบล”
ลูกโป่งสังเกตุเห็นว่าใบหน้าของอ้นเปลี่ยนไป เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “ยิ้มแบบนี้ทำไม”
“ถ้าเป็นเบล ก็ดีสิ หล่อนจะได้เห็นว่ากูนะเจ๋งแค่ไหน หล่อน...ซี๊ดดด น่าฟัดมาก นมเป็นนม เอวนี่เล็กนิดเดียว กูมองมานานแล้ว แต่เหมือนหล่อนจะไม่เล่นด้วย” ลูกโป่งทำหน้าไม่พอใจ เธอไม่ได้หึง แต่อย่างไรเธอก็เป็น ผู้หญิงที่แก้ผ้าอยู่กับผู้ชายที่กำลังฝันหวานถึงผู้หญิงอีกคน มีหรือว่าเธอจะยอม ปากอิ่มถึงกับเปิดออกและคาบหมับที่ดุ้นเขื่องอันใหญ่ทำให้ อ้นลืมเบลจนหมดสิ้นในทันที
ทางเบลที่วิ่งหนีมาอย่างเร็ว เมื่อมาถึงห้องครัวก็วางกะละมังไว้และวิ่งออกจากห้องครัวไป แต้วที่เดินมาจะมารับช่วงต่อก็มองเบลอย่างไม่เข้าใจ จะถามอะไรสักหน่อยเบลก็ไปพ้นหูพ้นตาเสียแล้ว
เบลวิ่งขึ้นตึกใหญ่ไปยังห้องนอนของเจ้านายที่ทุกคนในบ้านเรียกว่าคุณกลาง ห้องนี้ยังเป็นห้องร้าง แต่จะร้างเสียทีเดียวก็ไม่เชิง คุณกลางกลับมาจากต่างประเทศแล้วเมื่อสองเดือนก่อน แต่คุณกลางก็เดินทางออกจากประเทศไทยอีกครั้งเพื่อไปท่องเที่ยวรอบโลกกับแฟนสาวที่ชื่อคุณช่อผกา
อีกไม่นานตามที่คุณแป้งสั่งงานเธอไว้ ว่าคุณกลางจะกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร ให้เบลตกแต่งห้องนอนของคุณกลางให้ดีที่สุดเท่าที่เบลจะทำได้ ซึ่งเบลชอบงานนี้มาก ทุกๆอย่างในห้องนี้ผ่านการคิดตรึกตรองอย่างรอบคอบของเธอ
เบลหอบหายใจ มือทาบอกอวบของตัวเองไว้ เธอหลับตาสะบัดศีรษะ พยายามไล่ภาพทุกอย่างที่นั่นออกไปทั้งหมด แต่ผลที่ได้กลับมากลับทำให้เธอขนลุกซู่ ระหว่างขาของเธอเปียกชื้น เบลหน้าแดงหน้าร้อนผ่าว และไม่ใช่แค่ใบหน้า ตัวเธอก็วูบๆวาบๆ พรึ่บ! เบลทรุดฮวบนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง เธอเปิดตาโพลงทันทีเมื่อหลับตาลงภาพขนาดเขื่องของอ้นเด่นชัดใน โสตประสาท ไหนจะกลีบฉ่ำน้ำของคุณแป้งอีก
เบลผ่อนลมหายใจ พยายามหาความสนใจอื่นที่น่าสนใจกว่าให้ได้ สายตาก็พลันไปเห็นภาพถ่ายเจ้าของห้องคุณกลาง
คุณกลาง อนุชา น้องชายสุดที่รักยิ่งของคุณใหญ่ พี่น้องที่ห่างวัยกันเหลือเกิน คุณกลางจากที่เธอเห็นตัวจริงของเขาจากที่ไกลๆ เมื่อสองเดือนก่อน เขาน่าจะอายุเพียงประมาณยี่สิบปลายๆ แต่ถ้ามองจากรูปในตอนนี้ใบหน้าที่อ่อนเยาว์บอกเลยว่าถ้าเขาถามเธอจะตอบออกไปว่ายี่สิบห้าก็พอ
เส้นผมสีดำสนิทที่บ่งบอกว่าได้รับการดูแลอย่างดี คิ้วหนาคงรูปรับกับดวงตาคมที่โตเหมือนดวงตาผู้หญิง แต่นัยน์ตาสีดำที่นิ่งบ่งบอกว่าไม่ใช่คนที่จะสั่นคลอนได้ง่ายๆ จมูกโด่งเป็นสันตั้งทำให้รูปหน้าคมสัน แม้ผิวจะขาวเนียนเป็นยองใยก็ทำให้คุณกลางดูน่าเกรงขามเหลือเกิน
เบลเลื่อนดวงตาสีที่ไม่เหมือนกับเขาเลยมองริมฝีปากสีแดงอิ่ม คุณกลางมีใบหน้าที่สวยแต่แนวรูปคมสัน และคุณกลางบนกระดาษก็ทำให้เบลจิตใจสงบลง ชาตินี้เธอก็คงทำได้แค่มอง ฮิฮิฮิ และเบลก็หัวเราะออกมาอย่างไม่คิดอะไร
เธอตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง เพราะตามที่คุณแป้งเคยแจ้งไว้ คุณกลางสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ ครื้นนน เบลเลื่อนเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ทั้งด้านของผนังฝั่งหนึ่งทั้งหมด ของใช้ทุกอย่างของคุณกลางล้วนเป็นของมีแบรนด์ และไม่ใช่แบรนด์ระดับกลาง เรียกว่าระดับไฮเอนทั้งนั้น ไม่น่าเล่าคุณแป้งจึงย้ำนักย้ำหนาว่าต้องเป็นเธอ ให้เป็นพี่แต้วคงไร้ความสามารถที่จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ให้กับคุณกลางได้แน่ๆ
ผลัวะ จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เบลหันกลับไปมอง ใบหน้าที่คืนสีเลือดของเธอก็ซีดเผือกทันที เมื่อเห็นว่าเป็นคุณแป้ง
อื้ม “ใช้ได้นี่เบล” คุณแป้งเอ่ยออกมาเมื่อมองไปรอบๆ ห้องอย่างเร็วเพียงครั้งเดียว
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” เบลรีบก้มหน้าลง กล่าวตอบกลับตะกุกตะกัก
“เบล...เบล” โฟว์วิ่งเข้ามาในห้องทำงานพร้อมแท็บเล็ต เบลเงยหน้ามองหน้าพี่โฟว์ แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น โฟว์ไม่ได้พูดอะไรยื่นแท็บเล็ตไปตรงหน้าและชี้ให้เบลดูโพส “ฟ้อง!” เบลครางออกมา เธอไม่รู้เรื่องเลย แต่จะว่าไปเธอแทบจะไม่เคยอ่านเรื่องราวว่าร้ายแรงไปถึงไหนแล้ว “สามีเบลใช่มั้ย ต้องใช่แน่ๆ ร้ายกาจมาก ตอนแรกพี่คิดว่าเขาจะไม่สนใจ ที่ไหนได้ร่อนหมายศาลไปหาทุกคนไม่มีตกหล่นเลย ใช่แล้วพวกนี้ต้องเจอแบบนี้” เบลรู้จักคุณกลางดี ที่เธอไม่สนใจตั้งแต่แรกก็เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องถึงขั้นนี้ “เอาน่า...ที่เบลไม่รู้เรื่อง พี่ไม่แปลกใจเลย สามีเบลพี่ว่าเขาเจ๋งมาก ดั่งสุภาษิตที่ว่าอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เขาไม่ลดตัวลงมาพี่ว่าเขาทำถูกจริงๆ แต่ยังไงคนพวกนี้ต้องได้รับบทเรียน...ฟันธงพี่เห็นด้วย...อ๊ะอ๊ะ อย่าให้เขาไปถอนฟ้องโดยเด็ดขาด พี่รู้นะว่าเบลคิดอะไรอยู่ ปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของผู้นำครอบครัวถูกต้องแล้วน้องร
“ทำไมคุณกลางถึงอยากมีลูกอีกละคะ” “อีก?” แทนที่จะได้คำตอบ กลับมีคำถามที่เขาไม่เข้าใจ “ฉันยังไม่เคยแต่งงานแล้วฉันจะมีลูกได้ยังไง” เบลมองเขานิ่ง คนอย่างคุณกลางไม่เคยโกหก เขายอมรับการกระทำของตัวเองเสมอ “นี่เบลเข้าใจผิดอย่างงั้นเหรอ...ห้าปีที่ผ่านมาทำไมคุณกลางไม่แต่งงานกับคุณช่อคะ” “ก็ฉันไม่ได้รักเขานิ” “แต่คุณคบกับเขามาตั้งหลายปี” “ก็แค่ชอบและคิดว่าเมื่อคบกันรู้จักกันมากขึ้น ด้วยฐานะทางสังคมของเธอ ฉันจะรักเธอได้สักวันและวันนั้นก็จะเป็นวันที่ฉันจะขอเธอแต่งงาน” แม้เบลจะไ
ในเมื่อเขาขอเธอแต่งงานก่อนที่เธอจะท้อง เธอปฎิเสธ และเขาก็ไม่อยากบังคับเธอ แต่เมื่อไหร่ที่เขาทำเธอท้อง เบลจะปฎิเสธเขาไม่ได้อย่างแน่นอน “ยืนไหวมั้ย” เมื่อนิ่งพักหายใจกันไปสักพัก เขาก็เอ่ยขึ้น เบลพยักหน้ารับ และเขาก็ผละค่อยๆห่างเธอออกไป เบลมองเขาที่ว่ายน้ำตีกังเชียงไปยังอีกฝั่งของสระ ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าสระว่ายน้ำมีไว้เพื่ออะไร แต่เบลไม่มีเรี่ยวแรงเหมือนเขา เธอยังยืนอยู่ที่เดิม วางหนุนศีรษะไว้บนแขนที่พาดอยู่ที่ขอบสระ และหลับตา เรี่ยวแรงเธอไม่ได้กลับมาเร็วแบบเขา และเธอก็ยังรู้สึกที่ร่องระหว่างขา กัยอาการปวดระบมที่เนินอกอวบทั้งสอง เธอปล่อยให้น้ำบำบัดร่างกายเธออย่างสงบ เสียงน้ำที่แตกจากการแหวกว่ายยังคงดังอย่างเอื่อยๆต่อเนื่องกันไป และตลอดสามสี่วันทริปฮันนีมูนก่อนแต่งของเบลและคุณกลางก็รวนไปหมด เพราะในตอนกลางวันที่คุณกลางตามใจเบลออกไปท่องเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆของจังหวัด เขาจะพักในเวลาช่วงเย็นสองสามชั่วโมง พอค่ำนิดหน่อยก็เป็นเวลาท
“เชียงใหม่ยังมีอะไรมากมาย ให้เราไปหลายที่มากค่ะ” และกลางก็เริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองแก่แล้วเหรอ นี่แค่ครึ่งวันเท่านั้นที่เบลพาเขาตะลอนๆ ไปยังที่เธอต้องการ เขารู้สึกเหนื่อยจริงๆ แต่เธอไม่มีอาการเหล่านั้นเลยสักนิด “เบล ฉันอยากกลับไปพักแล้ว” เบลกระพริบมองเขาถี่ๆ ชิ! เบลไม่อยากขัดใจจึงยอมกลับที่พักอย่างที่เขาต้องการ พรึ่บ! กลางล้มตัวลงบนโซฟา และแหงนหน้าพิงพนัก เบลวางถุงขนมและอาหารที่เธอซื้อมาบนโต๊ะ และหยิบน้ำเปล่าไม่เย็นออกมาจากถุงในหลายๆถุงที่เธอหิ้วมาด้วย “น้ำค่ะ” เบลเปิดขวดให้เขาและทรุดนั่งลงข้างๆเขา กลางดื่มน้ำหมดไปครึ่งขวด และเขากลับไปแหงนหน้าพิงพนักเหมือนเดิม เขากับเบลอายุห่างกันสิบปี ช่องว่างระหว่างวัยที่เกิดขึ้นทำให้เขากับเธอชอบอะไรที่ไม่เหมือนกัน วันนี้เขาเห็นแล้วว่าเบลสนุกสดใส “พลังเหลือเฟือจริงๆ” กลางยิ้มขันออกมา
“เบลก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นจุดหมายปลายทางชีวิตของเบลหรอกค่ะ เราสองคนแตกต่างกันมาก พี่โฟว์เข้าใจความหมายของดอกกุหลาบสีน้ำเงินมั้ยคะว่ามันคือการรอคอยที่ไม่สิ้นสุด เบลเคยคิดว่าความรู้สึกของเบลที่มีให้กับเขาเปรียบเสมือนดอกกุหลาบสีน้ำเงินที่ไม่มีทางสมหวัง วันแรกที่เบลเห็นเขา...” เบลนึกถึงเมื่อหกปีก่อนได้ ตอนที่เห็นเขาจากที่ไกลๆในบ้านของคุณใหญ่ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอเลย “รักเขาใช่มั้ย” โฟว์ถามขึ้นเมื่อจู่ๆเบลก็เงียบไป “ค่ะ แต่เมื่อไหร่นั้น เบลก็ไม่แน่ใจค่ะ แต่วันที่เขาเนรเทศเบล วันนั้นเบลแย่มากๆ แย่จนไม่เข้าใจว่าตัวเองผ่านช่วงนั้นมาได้อย่างไร” ตอนนั้นเบลพยายามคิดถึงอนาคตของตัวเอง แต่มันไม่ง่ายเลย เธอทรมานเป็นที่สุด แต่เธอก็ภูมิใจในตัวเองที่เธอผ่านมันมาได้ โดยที่ไม่ทำร้ายชีวิตของตัวเองลงไป “งั้นพวกพี่พร้อมแล้วที่จะขอรู้จักกับเขา&r
“ฉันจะออกไปพบกับเขาเอง” เขาพูดพร้อมกับวางโทรศัพท์ของเบลไว้บนเตียงเมื่อเขาเดินไปส่องกระจกเช็คตัวเอง และเขาก็เดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบแหวนของมอสออกมา “ฉันจะเอาไปคืนเขา และอาจกลับดึกหน่อยนะ” เบลยืนมองเขาตกตะลึงอ้าปากค้าง “ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลเด็กนั่นเอง” ชิ! เบลหมั่นไส้เขาขึ้นมาทันที “เมื่อกี้คุณกลางพูดอะไรกับพี่มอส” เบลกลัวเหลือเกินว่าคุณกลางจอมร้ายกาจคนนี้จะพูดจาทำร้ายจิตใจพี่มอส “รายละเอียดหลักๆ ขี้เกียจเล่า เอาเป็นว่าอดีตแฟนของเบล เขารู้แล้วว่าฉันเป็นผู้ปกครองของเบล” “ผู้ปกครองเหรอคะ” กลางพยักหน้า “ผู้ปกครองที่เป็นเจ้าชีวิตของเบลไปตลอดชีวิตไงเล่า” จุ๊บ เขาเดินมาหอมแก้มเธอ “นอนเลยนะไม่ต้องรอ”