เธอก็แค่ดอกไม้ป่าที่เขาคิดจะเด็ดมาชื่นชมชั่วครั้งชั่วคราว ****** สำหรับอารามแล้วหนูให้อาได้ทุกอย่างแม้กระทั่งพรหมจรรย์ของหนู ****** "ทำไมอานอนกับเพื่อนของหนูได้แล้วทำไมถึงไม่ยอมนอนกับหนู" "ก็เพื่อนของหนูเอาทำอาชีพแบบนั้น" "แบบไหน" "เขาขาย" "แต่หนูให้ฟรี" "รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา" "รู้สิคะ สำหรับอารามแล้วหนูให้อาได้ทุกอย่างแม้กระทั่งพรหมจรรย์ของหนู"
Lihat lebih banyakอาคารเอ็นพลัส
“พี่โทรถามเลขาของคุณนครินทร์แล้วเธอบอกว่าวันนี้คุณนครินทร์ไม่ได้นัดใครไว้เพราะฉะนั้นน้องจะขึ้นไปพบไม่ได้หรอกค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวบอกกับเด็กสาวสองคนที่เข้ามาขอพบคุณนครินทร์ประธานบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเขาเป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์สูง 20 ชั้นแห่งนี้ด้วย
“แต่หนูมีเรื่องสำคัญจะต้องแจ้งคุณนครินทร์จริงๆ นะคะพี่ช่วยบอกเลขาของเขาหน่อยได้ไหมว่ามีคนที่ชื่อริณเรณูมาขอพบ” เด็กสาวนัยน์ตาเศร้าอ้อนวอนอีกครั้ง
“เมื่อกี้พี่ก็บอกเลขาคุณนครินทร์ไปแล้วว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาขอพบ แต่เธอก็ยืนยันว่าวันนี้เจ้านายไม่ได้นัดใครให้มาเจอที่นี่”
“หนูไม่ได้นัดก็จริงค่ะ แต่หนูก็มีธุระสำคัญจะคุยกับเขาจริงๆ นะคะ พี่ลองโทถามเลขาของเข้าอีกทีนะว่าหนูขอเข้าพบได้ไหม”
“พี่จะโทรให้อีกครั้งเดียวนะ ถ้าครั้งนี้ถูกปฏิเสธมาอีกน้องจะต้องออกไปจากที่นี่”
“ได้ค่ะ แต่พี่อย่าลืมบอกเขานะคะว่าคนที่มาขอพบชื่อริณเรณูหนูเชื่อว่าถ้าคุณนครินทร์ได้ยินชื่อนี้เขาจะต้องให้หนูขึ้นไปพบแน่ๆ” เลยค่ะเด็กสาววัย 16 ปีบอกกับพนักงานประชาสัมพันธ์ของตึกแห่งนี้ด้วยความมั่นใจ
ประชาสัมพันธ์สาวต่อโทรศัพท์สายตรงไปยังหน้าห้องของคุณนครินทร์อีกครั้งแต่ก็ได้รับการปฏิเสธมาอย่างเดิมอีกทั้งตอนนี้คุณนครินทร์เพิ่งเข้ามีประชุมจึงไม่สามารถมารับสายหรือมาคุยเป็นการส่วนตัวได้
“มันไม่ได้ผลหรอกคะน้อง พี่บอกเลขาของเขาไปแล้ว”
“แต่พี่ยังไม่ได้คุยกับคุณนครินทร์เลยนะคะ”
“ตอนนี้คุณนครินทร์กำลังประชุมอยู่น่ะและเลขาก็เป็นคนที่รู้เรื่องของเจ้านายมากที่สุด”
“แล้วหนูจะได้เจอคุณนครินทร์ไหมตอนไหน”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันน้องทิ้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ไว้เดี๋ยวพี่จะเอาไปให้เลขาของคุณนครินทร์เองตกลงไหม”
“ได้ค่ะ”
“แต่หนูขอนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนได้ไหม พี่รู้มั้ยคะว่าคุณนครินทร์เขาจะประชุมเสร็จกี่โมง”
“เรื่องนี้พี่ไม่รู้แต่พี่ว่าน้องอย่ารออยู่ที่นี่เลยนะ ที่นี่มันไม่ใช่ที่สำหรับเด็กใครเดินผ่านไปผ่านมาเขาจะมองไม่ดีเอานะเพราะนี่มันเป็นเวลาเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“แต่หนูอยากเจอคุณนครินทร์จริงๆ นะคะพี่ให้หนูนั่งรอตรงนั้นก็ได้หนูจะอยู่เงียบๆ และไม่รบกวนใครค่ะ” เด็กสาวพยายามร้องขอเพราะเธอมีเรื่องสำคัญที่จะมาบอกผู้ชายที่ชื่อนครินทร์มากๆ และเธอมีแค่โอกาสนี้โอกาสเดียวเท่านั้น
“พี่คะให้หนูกับเพื่อนรอที่นี่นะคะ” เด็กสาวอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกันหรอกขอร้องกับพนักงานประชาสัมพันธ์ของตึกใหญ่
“น้องคะพี่ว่ากลับไปก่อนดีกว่านะ”
“หนูขอร้องนะคะพี่”
ประชาสัมพันธ์สาวถอนหายใจอย่างหนักใจหนึ่งก็รู้สึกเห็นใจเด็กสาวทั้งสองคนแต่ถ้าเธอยอมให้เด็กนักเรียนมานั่งรอก็กลัวจะเกิดปัญหาเพราะเด็กสาวสองคนยังอยู่ในชุดพละของโรงเรียนและเวลานี้มันก็เป็นเวลาที่เด็กควรจะอยู่ในโรงเรียน
ขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้นชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทางด้านหลังมี
“อะไรหรือเปล่าแหม่ม” เขาถามประชาสัมพันธ์สาวด้วยความคุ้นเคยเพราะตนเองก็เช่าตึกแห่งนี่เป็นออฟฟิศมาหลายปีแล้ว
“คุณรามัญมาก็ดีเลยค่ะ เด็กสองคนนี้จะขอเข้าพบคุณนครินทร์แต่แหม่มโทรไปถามเลขาของคุณนครินทร์แล้ว เธอบอกว่าไม่ได้นัดใครไว้และตอนนี้คุณนครินทร์ก็ยังประชุมอยู่ค่ะ”
“หนูสองคนมาหาคุณนครินทร์เหรอมีธุระอะไรกับเขา” รามัญหันมาถามเด็กสาวสองคนที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
“คุณลุงรู้จักคุณนครินทร์เหรอคะ”
“เดี๋ยวๆ อย่างเรียกว่าลุงสิ ฉันไม่ได้อายุเยอะขนาดนั้น หนูสองคนมาคุยกับฉันตรงนี้ก่อน” ชายหนุ่มพาเด็กสาวทั้งสองคนมานั่งโซฟารับแขกของตึกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
“เอาล่ะมีเรื่องอะไรถึงอยากเจอกับคุณนครินทร์”
“คุณลุงรู้จักคุณพ่อใช่ไหม”
“อะไรนะ เมื่อกี้หนูเรียกคุณนครินทร์ว่าอะไรนะ ฉันได้ยินไม่ถนัด”
“พ่อค่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หนูเป็นลูกของพ่อนครินทร์จริงๆ”
“แต่ฉันรู้จักคุณนครินทร์มานานเกือบยี่สิบปีแล้วและก็รู้จักกับลูกสาวของเขาดีด้วย”
“ก็นั่นมันลูกสาวที่คุณลุงรู้จักนี่คะ แต่หนูก็เป็นลูกอีกคนหนึ่งของพ่อ”
“ฉันว่าก่อนที่เราจะเคลียร์กันเรื่องพ่อของหนูเรามาเคลียร์เรื่องของเรากันก่อนดีไหม”
“เคลียร์เรื่องอะไรคะ” เด็กสาวถามด้วยความสงสัยเพราะเธอกับเขาก็เพิ่งเจอกันครั้งแรก
“ก็เรื่องที่หนูเรียกฉันว่าลุงยังไงล่ะ ต่อไปนี้หนูห้ามเรียกฉันว่าลุงเด็ดขาด”
“แล้วจะให้หนูเรียกคุณว่าอะไรล่ะคะ เรียกพี่เหรอ” เด็กสาวมองดูด้วยสายตาแล้วเดาว่าเขาน่าจะอายุมากกว่าเธอหลายปีมากๆ
“ไม่ขนาดนั้นหรอกเรียกแค่อาก็พอ ถ้าหลุดเรียกว่าลุงมาอีกฉันจะไม่ช่วยหนูตกลงไหม”
“ตกลงค่ะคุณอา”
“แล้วคุณอาชื่ออะไรคะ” เด็กสาวอีกคนหนึ่งถาม
“ฉันชื่อรามัญ หนูสองคนเรียกว่าอารามก็ได้” ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างเป็นกันเองเพราะเห็นว่าเด็กสาวสองคนค่อนข้างจะเครียดและดูเป็นกังวลมาก
“ได้ค่ะอาราม” เด็กสาวสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ทีนี้หนูสองคนแนะนำตัวให้อารู้จักว่าว่าหนูเป็นใคร ชื่ออะไรและมาจากไหน” รามัญอยากรู้ข้อมูลของเด็กสาวสองคนนี้ก่อนที่จะคุยเรื่องของคุณนครินทร์
“ไม่ค่ะ”“ทำไมล่ะ ไหนบอกมีคนมาจีบเยอะ” รามัญแอบยิ้มเมื่อรู้ว่าหญิงสาวยังไม่คบกับผู้ชายคนไหน“ก็หนูยังไม่เจอคนที่ถูกใจค่ะ อีกอย่างตอนนี้หนูก็กำลังปรับตัว เลยคิดว่าจะตั้งใจเรียนไปก่อนส่วนเรื่องแฟนค่อยว่ากันอีกที”“เพื่อนกลุ่มหนูมีแฟนกันหรือยังล่ะ”“มีแฟนแล้วสองคนยังโสดสองคนค่ะ แต่เพื่อนในห้องหนูก็มีแฟนกันเยอะเลยนะคะอารามบางคนก็มีแฟนเป็นรุ่นพี่ต่างคณะค่ะบางคนก็มีแฟนที่ทำงานแล้ว”“แล้วผู้ชายที่มาจีบหนูเขาอยู่คณะอะไร”“ก็มีหลายคณะค่ะ มีเดือนคณะวิศวะด้วยนะคะ”“แสดงว่าต้องหล่อมากๆ เลยสิ”“ใช่ค่ะหล่อมากสาวๆ กรี๊ดเต็มเลยแต่หนูไม่ชอบคนที่เป็นจุดเด่นแบบนั้นหรอกค่ะเพราะหนูก็ไม่อยากผู้หญิงคนอื่นมองแฟนหนูหรอกค่ะ”“แสดงว่าถ้ามีแฟนนี่ต้องขี้หึงมากๆ เลยใช่ไหม”“หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะเพราะยังไม่เคยมีแฟนสักทีอารามคิดว่าอายุอย่างหนูมีแฟนได้ไหม”“ได้สิ จริงๆ แล้วจะมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่ก็ไม่มีใครกำหนดไว้หรอกนะ ถ้าการมีแฟนแล้วไม่ทำให้เราเสียการเรียน”“อารามมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่คะ”“อามีแฟนคนแรกตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วล่ะ”“แล้วตอนนี้ยังคบกับแฟนคนแรกอยู่ไหม”“เลิกไปนานแล้วล่ะ ป่านนี้เขาคงแต่งงานมีครอบครัวไปแล
ริณเรณูมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงเวลาตีสองครึ่ง หญิงสาวอยากจะโทรศัพท์ไปถามรามัญเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ชายที่เธอเห็นเดินควงไปกับแพรวาที่หน้าผับนั้นใช่ชายหนุ่มหรือเปล่าแต่ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ เพราะดึกขนาดนี้มันเป็นเวลาส่วนตัว เธอลังเลแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้กับตัวเองก่อนและคิดว่าพรุ่งนี้จะแกล้งโทรศัพท์ไปชวนเขาคุยและถ้ามีโอกาสก็จะถามเขาเรื่องนี้หญิงสาวรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของชายหนุ่มและจะเสียมารยาทมากถ้าหากไปถามเขาแบบนั้น แต่เธอก็ทนไม่ได้ที่เห็นคนที่ตนเองรักออกไปกับผู้หญิงคนอื่นและผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกับเธอริณเรณูเคยคิดว่าตนเองกับรามัญมีความแตกต่างระหว่างอายุและเขาคงไม่สนใจจะมองเด็กที่อายุห่างกันสิบกว่าปีอย่างเธอแต่ในเมื่อเขาไปกับเพื่อนเธอได้นั่นก็หมายความว่าเรื่องของอายุไม่ใช่อุปสรรคอะไรเลยหญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อนว่ารามัญมีแฟนหรือคบผู้หญิงคนไหนเพราะตลอดระยะเวลาที่รู้จักกับเขาสามปีกว่าชายหนุ่มก็ไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนไหนมันเลยทำให้ริณเรณูรู้สึกดีมากๆ เหมือนกับเขามีแค่เธอคนเดียวแต่เมื่อเห็นเขามีคนอื่นเธอก็รู้สึกใจหายเป็นอย่างมาก ริณเรณูคิดว่าจะเก็บ
เปิดเทอมได้สองเดือนแล้วตอนนี้ริณเรณูปรับตัวกับการเรียนและการใช้ชีวิตในกรุงเทพได้ดีขึ้น หญิงสาวไม่มีปัญหาในเรื่องการเรียนเลยเพราะตอนเรียนมัธยมเธอก็ตั้งใจเรียนมาตลอดเมื่อมีพื้นฐานแน่นการเรียนต่อก็เป็นเรื่องไม่ยากเลยตอนนี้หญิงสาวมีเพื่อนสนิทอยู่สามคนคือวรัญญาหรือกอหญ้า มาริษาหรือเมย์และการ์ตูนหรือเขมจิราซึ่งคนสุดท้ายนั้นมาจากต่างจังหวัดเหมือนกับริณเรณูทั้งสองจึงสนิทกันมากกว่าเพื่อนที่เหลือ“เย็นนี้การ์ตูนจะไปติวกับพวกเราที่หอของเมย์ไหม” ริณเรณูถามเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินออกจากห้องไปแล้ว“ไปสิแต่พรุ่งนี้ไปไม่ได้นะ”“ทำไมล่ะการ์ตูนพรุ่งนี้วันศุกร์นะ พวกเราว่าจะติวกันดึกเลยริณว่าจะมานอนค้างที่ห้องเมย์ด้วย”“ก็การ์ตูนต้องไปทำงานพิเศษ”“แต่ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วนะ ถ้าไปทำงานจะมีเวลาอ่านหนังสือเหรอ” วรัญญาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ลูกค้าเยอะถ้าไม่ไปก็เสียดายเงิน แต่สัปดาห์หน้าคงจะหยุด” เขมจิราทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งเพื่อเป็นรายได้พิเศษระหว่างเรียน ที่เธอทำงานแบบนี้ไม่ใช่เพราะขัดสนแต่เพราะอยากมีเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยมากขึ้นตามอย่างเพื่อนบางคนในห้องเรียน“การ์
เช้าวันต่อมารามัญก็มารับริณเรณูตามที่ได้ตกลงกันไว้ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านสวัสดีทักทายคุณย่านารีอย่างคุ้นเคย“ย่าฝากด้วยนะราม หาคอนโดที่มันดูปลอดภัยและอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยให้หนูริณด้วยเรื่องราคาย่าไม่เกี่ยงเลย”“ได้ครับคุณย่า วันนี้ผมคงไปหาข้อมูลแล้วจะรวบรวมมาให้คุณย่าอีกทีนะครับ”“รามไม่ต้องกังวลเรื่องราคานะแพงแค่ไหนย่าก็จ่ายได้”“คุณย่าคะถ้าคอนโดมันแพงมากจริงๆ หนูยอมนั่งรถไปกลับก็ได้ค่ะ”“แต่มันจะไม่สะดวกเอานะลูกย่ามาคิดดูแล้วการที่หนูจะต้องตื่นเช้าไปเรียนและกลับมาบ้านมืดค่ำมันจะทำให้หนูไม่มีเวลาพักผ่อนเลย” “ผมเห็นด้วยกับความคิดของคุณย่านะ ครับมหาวิทยาลัยของริณอยู่ค่อนข้างไกล ถ้าเดินทางไปกลับก็คงจะเหนื่อยมากๆ”“ตอนแรกย่าก็อยากให้เขาขับรถไปเรียนนะ แต่ริณก็บอกว่าขับรถไม่เป็นและไม่ค่อยคุ้นกับถนนกรุงเทพ แต่ย่าว่ายังไงหนูริณต้องฝึกขับรถไว้เอาไว้ช่วงปิดเทอมหนูไปเรียนขับรถนะ”“ถ้าไม่อยากไปเรียนขับรถจะให้อาช่วยสอนก็ได้นะ”“หนูไม่รบกวนอารามขนาดนั้นหรอกค่ะ ตอนนี้หนูยังไม่คิดถึงการขับรถ หนูใจไม่กล้าพอค่ะ ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ค่อยว่ากัน”“ถ้าหนูไปอยู่คอนโดแล้วหนูจะไปเรียนยังไง ย่าลืมคิดเรื่อง
“ย่าว่าหนูลองโทรไปถามพ่อหนูสิลูก พ่อเขารู้จักคนเยอะน่าจะพอมีใครที่มีคอนโดใกล้ๆ แถวนั้นอยู่บ้าง”“ค่ะคุณย่า”ริณเรณูออกมาโทรศัพท์ไปหาคุณนครินทร์และบอกถึงเรื่องที่ตนเองคุยกับคุณย่านารีให้ท่านทราบ“เดี๋ยวพ่อจะให้คนของพ่อจัดการเรื่องที่ให้นะ”“นานไหมคะกว่าจะรู้เรื่อง”“พ่อไม่แน่ใจเลย อีกสองอาทิตย์ใช่ไหมที่หนูจะต้องไปเรียน”“ค่ะพ่อ”“คุณพ่อค่ะหนูให้อารามช่วยหาด้วยได้ไหมคะ อารามบอกว่าเขาคุ้นเคยกับบริเวณนั้นดี”“นั้นสิพ่อลืมไปเลยว่ารามเขาพักอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น แต่หนูลองโทรไปถามเขาก่อนนะว่าเขาว่างหรือเปล่า ช่วงนี้งานเขาค่อนข้างยุ่งเหมือนกัน”“ได้ค่ะคุณพ่อ”เมื่อวางสายจากนครินทร์แล้วหญิงสาวก็โทรไปหารามัญเพื่อบอกข่าวดีว่าตอนนี้คุณย่าและบิดาของเธออนุญาตให้ออกไปอยู่ข้างนอกได้แล้วแม้จะเป็นแค่ช่วงเปิดเทอมก็ตาม“คุณพ่อกับคุณย่าบอกว่าให้หนูออกไปอยู่ข้างนอกได้แล้วค่ะ แต่อยากให้อยู่คอนโดมากกว่า อารามพอจะมีที่ไหนแนะนำบ้างคะ”“มีหลายที่เลยนะ แต่ไม่รู้จะถูกใจหนูหรือเปล่า”“หนูขออยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนะคะ เอาแบบเดินทางสะดวกค่ะ”“แล้วจะไปเรียนยังไง”“รถเมล์หรือรถไฟฟ้าก็ได้ค่ะ”“จะสะดวกเหรอ”“ตอนแรกคุณย่า
การมาอยู่กับครอบครัวใหม่ของบิดานั้นไม่ง่ายสำหรับริณเรณูเลยเพราะหญิงสาวต้องปรับตัวอีกมากแต่ก็ไม่ยากเกินไปเพราะในทุกครั้งที่มีปัญหาหรือรู้สึกอึดอัดจะมีรามัญคอยพูดให้กำลังใจและบางครั้งเขาก็มารับเธอออกไปข้างนอกคุณศิตาที่เหมือนจะยอมรับเธอมาเป็นลูกเลี้ยงได้ แต่พอลับหลังคุณนครินทร์และคุณย่านารีเธอก็มักจะพูดกระแนะกระแหนและเปรียบเทียบริณเรณูกับลูกสาวของตนเองอยู่เสมอ แต่ริณเรณูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากถ้าเธอเลี่ยงได้เธอก็เลี่ยงที่จะเจอหญิงสาวคิดว่าถ้าเปิดเทอมตนเองจะขออนุญาตคุณย่านารีไปอยู่ที่หอพักเพราะน่าจะสะดวกมากกว่าการอยู่ที่บ้าน อีกทั้งระยะทางจากบ้านของเธอไปมหาวิทยาลัยก็ค่อนข้างไกล เธอไม่ค่อยชินกับเส้นทางในกรุงเทพถ้าหากจะต้องนั่งรถเมล์ไปเองในทุกๆ เช้าก็คงจะเหนื่อยจนเกินไป ส่วนรวิตากับเธอไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่เพราะหญิงสาวมักจะออกไปเที่ยวนอกบ้านกับเพื่อนเสมอคนที่เธอพูดคุยด้วยมากที่สุดก็จะมีคุณย่านารีกับมาวินน้องชายที่ดูเหมือนจะสนิทกับเธอมากกว่าพี่สาวแท้ๆ ของตนเองตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณสองสัปดาห์ก็จะถึงวันเปิดเทอมวันนี้คุณย่านารีเลยเรียกหลานสาวทั้งสองคนเขามาคุยในห้องเพราะอยากจะมอบของรางว
Komen