โรส สาวสวยแสนเซ็กซี่แต่นิสัยแสนร้ายกาจ ผู้ที่มีความสามารถในการล่อลวงให้หนุ่มๆหลงรักแล้วหักอด แต่กับเขาที่ไม่ว่าเธอจะยั่วเขาขนาดไหนแต่เขาก็ไม่เคยสนใจเธอ มีแต่ร้ายใส่เธอ ไฟ ทนายหนุ่มที่พ่อของโรสไว้ใจให้ช่วยดูแลหญิงสาว ใครๆก็บอกว่าเขาเป็นคนที่แสนดี แต่กับเธอทำไมเขาถึงได้ใจร้ายนัก
View Moreบทที่ 1 กุหลาบกับไฟ
ณ.ผับหรูใจกลางกรุงปารีสที่ตอนนี้เต็มไปด้วยนักท่องราตรียามค่ำคืน ที่กำลังต่างพากันโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเพลงที่ดีเจกำลังเปิดอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะบริเวณกลางเวทีที่ดูจะร้อนระอุที่สุด เพราะมีร่างของหญิงสาวที่สุดจะแสนเซ็กซี่ในชุดเกาะอกสีแดงสดกำลังเต้นโยกย้ายด้วยท่าทางที่สุดแสนจะยั่วยวน ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเรียกเสียงเฮจากบรรดาหนุ่มสาวที่ต่างพากันส่งเสียงเชียร์เธอได้เป็นอย่างดี
“โรเซ่ โร่เซ่ โรเซ่” ยิ่งเสียงเรียกชื่อเธอดังมากเท่าไร หญิงสาวก็ยิ่งเพิ่มความยั่วยวนมากขึ้นเท่านั้น ทำเอาบรรดาหนุ่มๆ ที่อยู่แถวหน้าแทบจะเลือดกำเดาไหลเพราะความเซ็กซี่ของเธอ
โรส หรือที่ทุกคนเรียกด้วยชื่อโรเซ่ เธอคือหญิงสาวชาวไทยที่มีรูปร่างแสนจะเซ็กซี่ อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก ยิ่งรวมกับรูปร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบที่ช่วยส่งเสริมให้เธอดูดียิ่งขึ้น รวมกับหน้าตาที่สวยชนิดที่คนเดินผ่านยังต้องหันมอง ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจของทั้งชายและหญิงได้ไม่ยาก
“ขอบคุณโรเซ่ที่รักของเรา ที่วันนี้ขึ้นมามอบความสุขให้กับพวกเราทุกคนเป็นการส่งท้ายก่อนที่เธอจะกลับประเทศของเธอ” เป็นเสียงของดีเจที่พูดขึ้นช่วงท้ายเพลงก่อนที่เพลงจะจบลง “ฉันหวังว่าเธอจะคิดถึงพวกเราและกลับมาเยี่ยมพวกเราบ่อยๆ นะ ไม่งั้นพวกเราคงคิดถึงเธอแน่ๆ” โรสได้ยินดีเจพูดแบบนั้นเธอเลยเดินไปหาดีเจคนนั้นก่อนจะแย่งไมค์ของดีเจมาพูด
“อย่ามาโกหก พรุ่งนี้พวกนายก็ลืมฉันแล้ว” คำพูดของโรสเรียกเสียงเฮจากคนในร้านได้เป็นอย่างดี
หลังจากจบเพลงโรสก็ลงจากเวทีมานั่งที่โต๊ะของเธอ ที่มีเพื่อนๆ ของเธอนั่งรออยู่
“เซ็กซี่เป็นบ้า เชื่อมั้ยวันนี้ต้องมีผู้ชายกว่าครึ่งร้านที่อยากพาจะเธอกลับบ้าน” หนึ่งในเพื่อนของโรสพูดขึ้น “แต่พวกนั้นก็ต้องผิดหวังเพราะโรเซ่ของเราไม่เคยสนใจใคร” เพื่อนคนเดิมยังพูดต่อ
“ใช่ ยัยนี่เก่งเรื่องทำให้คนอยากแล้วจากไปเป็นที่สุด ฉันล่ะสงสารคนพวกนั้นจริงๆ” เพื่อนอีกคนของเธอพูด
“ถ้าเธอสงสาร ก็เก็บพวกนั้นกลับไปสิฉันยกให้” โรสพูด
“ที่พวกฉันพาเธอมาก็เพราะแบบนั้นนั่นแหละ”
“นี่พวกเธอเห็นฉันเป็นตัวล่อผู้ชายเหรอ” เธอถามแบบไม่ค่อยใส่ใจ
“เอาน่าถือว่าช่วยพวกฉันออมแรง พวกฉันจะได้มีแรงไว้ทำกิจกรรมที่มันสนุกๆ ว่าแต่เธอเถอะไม่สนใจทำบ้างเหรอ”
“ไม่” โรสพูดก่อนจะหยิบกระเป๋าเตรียมตัวที่จะกลับ “พวกเธอทำกันไปเถอะไอ้กิจกรรมอย่างว่า ระวังโรคกับระวังท้องด้วยก็แล้วกัน ฉันกลับก่อนนะเหนื่อยแล้ว” พูดจบโรสก็ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องปล่อยให้เพื่อนๆของเธอสนุกกันต่อ แต่ระหว่างทางเดินที่จะออกจากร้านก็มีหนุ่มๆ เข้ามาชวนเธอให้ไปต่อตลอดทาง แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวังเพราะเธอปฏิเสธไปอย่างไม่ใยดี
วันนี้เพื่อนๆ พาโรสมาเลี้ยงส่งท้ายเพราะพรุ่งนี้เธอต้องกลับประเทศไทยหลังจากที่เรียนจบ เธอถูกพ่อขับไล่ไสส่งมาเรียนที่ฝรั่งเศสตั้งแต่อายุแค่สิบห้า จนตอนนี้เธออายุยี่สิบห้าพร้อมกับจบปริญญาโทเรียบร้อยแล้ว
“ที่บ้านจะเปลี่ยนไปขนาดไหนนะ” เธอคิด เพราะตั้งแต่ที่เธอถูกพ่อส่งมาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่เคยได้กลับไปประเทศไทยอีกเลย
ณ.ห้องทำงานห้องหนึ่งในคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทย มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงโปร่งกำลังเดินด้วยจังหวะมั่นคงตรงมาที่โต๊ะทำงานที่มีชายวัยกลางคนกำลังนั่งทำงานอยู่ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“ท่านเรียกผมเหรอครับ” ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานก่อนจะเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่
“ใช่ นั่งก่อนสิฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ท่านอนุวัตรหรือก็คือท่านที่ชายหนุ่มเอ่อถามบอก ชายหนุ่มจึงนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ทันทีที่ชายหนุ่มนั่งลงท่านก็เริ่มพูดขึ้นทันที
“นายรู้เรื่องที่ลูกสาวฉันจะกลับมาแล้วใช่มั้ย” ท่านอนุวัตรเริ่มเข้าเรื่องทันที
“ทราบแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบ เพราะเขาเองก็ทำงานอยู่ที่นี้ต้องเขาออกบ้านหลังนี้บ่อยๆ เขาจะไม่รู้ข่าวเรื่องการกลับมาของลูกสาวท่านอนุวัตรได้ยังไง เพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาคนที่บ้านต่างวิ่งวุ่นเพราะต้องจัดเตรียมห้องสำหรับคุณหนูของบ้านให้วุ่นวายไปหมด
“ฉันอยากให้นายไปเป็นคนดูแลลูกสาวฉัน” ทันทีที่ท่านพูดจบชายหนุ่มก็มองท่านอนุวัตรด้วยสีหน้าสงสัย
ทำไมเขาต้องไปดูลูกสาวของท่านด้วย ไม่ใช่ว่าเธอมีคนดูแลอยู่แล้วหรอกเหรอ เขาเคยได้ยินว่าป้านวนแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่คือคนที่ดูแลลูกสาวของท่านมาตั้งแต่เธอยังเล็กไม่ใช่เหรอ
“นายสงสัยใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงได้ให้นายไปดูแลลูกสาวฉัน” ดูเหมือนท่านอนุวัตรจะอ่านสีหน้าของชายหนุ่มออก
“ครับ ผมเคยได้ยินว่าป้านวนคือคนที่ดูแลคุณหนูมาตั้งแต่เธอยังเด็ก และป้านวนก็ดูดีใจมากที่คุณหนูจะกลับมา” ชายหนุ่มตอบคำถามตามที่เขาเข้าใจ
“นายรู้ใช่มั้ยว่าฉันเสียภรรยาไปหลังจากที่เธอคลอดลูกสาวฉันได้ไม่นาน” ชายหนุ่มพยักหน้า ท่านอนุวัตรเคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง ภรรยาของท่านเสียชีวิตเพราะว่าท่านป่วยเป็นมะเร็ง ในตอนที่ภรรยาท่านตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเป็นตอนที่ท่านตั้งท้องได้ประมาณสามเดือน แต่ท่านไม่ยอมรับการรักษาเพราะท่านกลัวว่าการรักษาจะกระทบเด็กในครรภ์ ท่านจึงรอให้คลอดลูกก่อนถึงค่อยทำการรักษา ถึงแม้หลังจากที่ท่านคลอดคุณหนูแล้วท่านจะรับการรักษาทันทีแต่อาการของท่านก็ทรุดมากแล้วทำให้การรักษาไม่ค่อยได้ผล ท่านจึงเสียงไปหลังจากคลอดคุณหนูได้แค่สามปี
“ถ้างั้นนายก็คงเคยได้ยินความร้ายกาจของลูกสาวฉันมาบ้างใช่มั้ย” ชายหนุ่มพยักหน้าเขาเองก็เคยพอได้ยินวีรกรรมของลูกสาวท่านมาอยู่บ้าง เห็นว่ามีชอบปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนจนท่านต้องย้ายโรงเรียนให้จนแทบจะย้ายครบทุกโรงเรียนในกรุงเทพแล้ว สุดท้ายท่านเลยต้องส่งไปเรียนที่ฝรั่งเศส
“เพราะว่าเธอขาดแม่ตั้งแต่เด็กฉันเลยตามใจเธอจนกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย อยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากทำอะไรก็ต้องทำ ส่วนนวนเองก็รักคุณหนูของเธอมากจนไม่กล้าจะขัดใจ ส่วนคนอื่นก็ไม่มีใครกล้าขัดใจเธอเพราะกลัวความร้ายกาจของเธอ ถ้าฉันยังให้นวนดูแลต่อในอนาคตต้องเกิดปัญหายิ่งกว่านี้แน่ๆ ฉันเลยอยากให้นายช่วยดูแลเธอหน่อย ด้วยนิสัยอย่างนายน่าจะรับมือกับความร้ายกาจของลูกสาวฉันได้ ถือว่าฉันขอร้องก็ได้นะไฟ” ท่านอนุวัตรเรียกชื่อของชายหนุ่ม พร้อมกับมองเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
ชายหนุ่มใช้เวลาคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบรับคำขอของท่านอนุวัตร
“ครับ” ชายหนุ่มตอบรับ เดิมที่เขาไม่อยากจะตอบรับหน้าที่นี้สักเท่าไร แต่เพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเขาไว้ถ้าไม่ได้ท่านป่านนี้ไม่รู้ว่าเขากับแม่จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
ชายหนุ่มนึกถึงอดีต เขาในวัยสิบห้าปีได้ถูกตำรวจจับข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยคนที่ถูกเขาทำร้ายร่างกายก็คือพ่อเลี้ยงสาระเลวของเขาเอง ในวันนั้นเขากลับบ้านหลังจากที่ทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนเสร็จ เขาเห็นแม่กำลังถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายเพราะแม่ของเขาไม่ยอมให้พ่อเลี้ยงเอาเงินเก็บที่เขาเก็บไว้สำหรับค่าเทอมไปกินเหล้าและเล่นการพนัน ไอ้หมอนั้นเลยทั้งทุบทั้งตีแม่ของเขาจนท่านลงไปนอนกองที่พื้นแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นท่านก็ยังคงกอดกระปุกเงินของเขาไว้แน่นไม่ยอมให้มันเอาไป และภาพนั้นก็ทำให้ความอดทนของเขาที่มีต่อพ่อเลี้ยงหมดลง
เขาเข้าไปผลักพ่อเลี้ยงที่กำลังจะยกเท้ากระทืบแม่ของเขาจนมันล้มลงที่พื้น ก่อนที่เขาจะขึ้นคร่อมมันแล้วกระหน่ำมัดใส่จนมันสลบไปแต่เขาก็ยังไม่หยุดต่อยมัน จนกระทั่งตำรวจที่ได้รับแจ้งความจากชาวบริเวณนั้นมาถึงและได้คุมตัวของเขาไป
แม่ของเขากลัวว่าเขาจะติดคุกจึงได้ติดต่อหาเพื่อนของพ่อแท้ๆ ของเขา ซึ่งก็คือท่านอนุวัตร ท่านอนุวัตรรีบมาที่โรงพักที่เขาถูกคุมตัวอยู่ทันที และช่วยเรื่องคดีของเขาโชคดีที่เขายังเป็นเยาวชนอยู่การจัดการอะไรก็เลยค่อนข้างง่าย และท่านยังช่วยจัดการเรื่องพ่อเลี้ยงสาระเลวของเขาให้มันได้รับโทษอีก นอกจากท่านจะช่วยเขาในเรื่องของคดีในวันนั้นยังไม่พอ ท่านยังช่วยส่งเสียให้เขาได้เรียนนังสือให้งานแม่ของเขาทำ ทำให้เขาได้มีที่อยู่ที่ดีๆ จนกระทั่งวันนี้เขาเรียนจบจนสามารถเปิดบริษัททนายความก็ยังคงได้รับการสนับสนุนจากท่านจนบริษัทของเข้าเติบโตขึ้นมาจนอยู่แถวหน้าของประเทศ
“ฉันขอบใจนายมาก แล้วเรื่องที่ฉันให้นายไปจัดการล่ะ ได้เรื่องมั้ย” ท่านอนุวัตรถามถึงเรื่องที่ดินที่ภูเก็ตที่ให้ชายหนุ่มไปจัดการ ถึงแม้ว่าเขาจะมีบริษัทของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบแต่เขาก็ยังคงทำงานให้ท่านอนุวัตรอยู่เหมือนเดิม
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมส่งเรื่องให้ทนายพัชชาจัดการต่อแล้วครับ“ เขาตอบ
“ดี ขอบใจนายมาก” ท่านอนุวัตรบอก แล้วทั้งสองก็คุยเรื่องงานอื่นๆ กันอีกนาน
ตอนที่ 44 จบเรื่อง และความจริงเรื่องใหม่เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบาๆ ดังสม่ำเสมอ บ่งบอกถึงค่ำคืนที่เงียบสงบไม่ต่างจากหัวใจของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ที่วันนี้เปี่ยมไปด้วยความหวังอีกครั้ง หลังจากที่ไกรสรถูกจับและทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไฟนั่งอยู่หน้าเต็นท์ชั่วคราว ที่พวกชาวบ้านใช้เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมหลักฐานและให้คำปรึกษาทางกฎหมาย เขายังคงสวมผ้าพันแผลที่แขน แม้หมอจะสั่งให้พัก แต่เขากลับเลือกจะใช้เวลาช่วยชาวบ้านยื่นเรื่องฟ้องเพื่อเอาที่ดินคืน“คุณไฟครับ นี่คือรายชื่อเจ้าของที่ดินที่พร้อมจะฟ้องในรอบแรกครับ” ชาวบ้านคนหนึ่งยื่นแฟ้มมาให้ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม“ดีมากครับ เดี๋ยวผมจะจัดเรียงตามลำดับและแนบคำร้องไว้ให้ทุกคนในวันพรุ่งนี้” ไฟตอบกลับอย่างใจเย็น“ยืนยันตามราคานี้อีกครั้งนะคะ” โรสพูดกับผู้ใหญ่ทองคำ ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านที่มาเจรจาในวันนี้ “ฉันจะซื้อที่พวกคุณในราคาที่มากกว่าตลาดกลางร้อยละห้าสิบ…เพราะมันควรค่ากับชีวิตของทุกคนที่ปกป้องมันไว้”ผู้ใหญ่ทองคำยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้ง เขาไม่คิดว่าสาวสวยจากกรุงเทพฯ ที่ดูภายนอกเหมือนจะเป็นนักธุรกิจเย็นชา จะพูดคำพูดแบบนี้กับเขา“หนูโรส…ขอบใจแทนทุกคนในหมู่บ้า
ตอนที่ 43 รอยแผลและคำว่ารักเสียงฝีเท้าของไฟดังอย่างสม่ำเสมอขณะที่เขาเดินออกจากห้องพักของโรงแรมในเช้าวันถัดมา ใบหน้าของเขานิ่งขรึม ทว่าแววตากลับแฝงไปด้วยความแน่วแน่ เขาสวมเสื้อเกราะใต้เสื้อเชิ้ตเรียบหรู สูทสีน้ำเงินเข้มคลุมทับ ข้างในกระเป๋าเอกสารคือหลักฐานสำคัญที่จะใช้ยื่นฟ้องไกรสรโดยมีธามและแดเนียลเดินเคียงข้าง ลูกน้องของเฟร็ดเดอริกแฝงตัวอยู่รอบบริเวณอย่างแนบเนียน ความเงียบที่ปกคลุมไม่ได้ทำให้ความระแวดระวังของใครลดลง“ระวังตัวด้วย สายบอกว่ามันมาแล้ว”แดเนียลบอก หลังจากที่เขาอ่านข้อความที่ส่งมาในมือถือ สายที่เขาบอกก็คือคนของเฟร็ดเดอริค ที่เขาใช้ให้ไปสืบเรื่องมือปืนการจะจับมือปืนสำหรับเฟร็ดไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเขารู้ตัวมือปืนอยู่แล้ว แต่ไฟต้องการให้มือปืนลงมือ เพราะจะได้มีหลักฐานแน่นหนาพอที่จะจับไกรศรชนิดที่ดิ้นไม่หลุด“ถ้ายัยโรสรู้ว่านายวางแผนแบบนี้ นายได้ถูกด่าแน่”ธามพูดอย่างรู้นิสัยน้องสาวของเขา“ครับ ผมก็คิวว่าน่าจะเป็นแบบนั้น”ไฟตอบ ริมฝีปากเขายกยิ้มขึ้นน้อย ๆ พอพูดถึงโรส เมื่อเช้าโรสจะตามเธอมาให้ได้ แต่ถูกกรห้ามไว้ กรบอกกับหญิงสาวว่าถ้าไม่รออยู่ที่ห้อง เขาจะพาเธอกลับกรุงเทพต่อ
ตอนที่ 42 แผนการและคำว่ารักบรรยากาศภายในห้องนอนเต็มไปด้วยความตึงเครียด หลังจากที่ไฟพาโรสเข้ามาในห้องนอนที่ว่าง เขาก็ไม่พูดอะไร แต่กลับเดินไปนั่งที่ปลายเตียง แล้วถอนหายใจออกมา"เธอมาที่นี่ทำไม โรส" เขาถามเสียงต่ำ โรสยืนหลังตรงก่อนจะตอบคำถาม "ก็มาตามนายไง ใครใช้ให้นายหนีมาหลังจากทำเรื่องพวกนั้นเสร็จ” โรสตอบอย่างกวนๆ“ไม่ตลกโรส ฉันเขียนโน๊ตไว้แล้วไม่ใช่เหรอ เธอไม่เห็นหรือไง” ไฟถาม “ไอ้กระดาษแผ่นนั้นของนายนะเหรอ เห็นสิ” โรสตอบ “แต่ต่อให้เห็นแล้วยังไง ฉันต้องทำตามด้วยเหรอ” “โรส ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันไม่อยากให้เธอมา เพราะว่าที่นี่มันอันตราย” ไฟบอกอย่างโมโห กับความดื้อของหญิงสาว“ใช่ นายก็รู้นี่ว่ามันอันตราย ถ้ารู้ว่ามันอันตรายแล้วนายจะมาทำมัย” โรสเองก็ถามอย่างโมโหเหมือนกัน ไฟถอนหายใจ ดวงตาอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาดื้อรั้นของเธอที่เต็มไปด้วยความห่วงใย "เธอรู้ไหม ว่าฉันไม่เคยกลัวอะไรเท่ากับ กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปอีกแล้ว"โรสเดินเข้าไปหาไฟ แล้วจับมือเขาไว้แน่นก่อนจะพูดความในใจของเธอออกมา "แล้วนายคิดว่าฉันไม่กลัวหรือไง ถ้าฉันต้องนั่งรอฟังข่าวนายอยู่ที่กรุงเทพ ฉันคงจะบ้าตายเพร
ตอนที่ 41 นายกล้าทิ้งฉันเหรอแสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านโปร่งบาง โรสพลิกตัวบนเตียงกว้างอย่างงัวเงีย มือของเธอควานหาความอบอุ่นของร่างที่แบบชิดกับเธอเมื่อคืน แต่แล้วเธอก็ต้องลืมตาขึ้นทันทีเมื่อรู้สึกว่าด้านข้างของเตียงว่างเปล่า"ไฟ" เธอเรียกเสียงเบา ลุกขึ้นนั่งแล้วกวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่ไม่มีแม้เงาของชายหนุ่มที่เมื่อคืนนอนอยู่ข้างเธอโรสลุกขึ้นเพื่อจะแต่งตัวเพราะเธอคิดว่าเขาน่าจะอยู่ที่ข้างนอก แต่ก็พบเสื้อผ้าที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย พร้อมกับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กวางอยู่ด้านบน"ขอโทษที่ออกไปก่อน เรื่องที่ภูเก็ตฉันจะจัดการเอง เธอรอฟังข่าวอยู่ที่นี่" ไฟโรสยืนนิ่งหลังจากที่อ่านข้อความในจดหมายจบ มือของเธอกำกระดาษแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตกใจ ไม่พอใจ และ...เป็นห่วง“หมอนั่นทำอะไร คิดว่าแค่ทิ้งจดหมายไว้แล้วฉันก็จะนั่งรอเฉยๆงั้นเหรอ บ้าไปแล้ว" เธอสบถเบาๆ ก่อนจะรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็วแต่เมื่อเดินออกมาถึงห้องรับแขก โรสก็ต้องชะงักกับภาพที่เห็นตรงหน้า หมอกร หรือพี่กร ญาติผู้พี่ของเธอที่เธอเคารพ กำลังนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา จิบกาแฟอย่างสบายใจ"พี่กร" โรสเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา “ทำไมพี่ถึง
ตอนที่ 40 ลงโทษเด็กดื้อ NCเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงในที่สุดรถของเธอก็จอดนิ่งในอาคารจอดรถแห่งหนึ่งโรสเงยหน้าจากกองเอกสารก่อนจะเปิดประตูเพื่อลงจากรถ แต่ประตูฝั่งของเธอก็ถูกเปิดออกก่อนที่มือของเธอจะถึงที่จับประตูเธอเงยหน้ามองคนที่เปิดประตูให้เธอก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจออกมา เพราะคิดไม่ถึงว่าคนที่เปิดประตูให้เธอจะเป็นเขา“ไฟ” โรสเรียกชื่อของชายหนุ่มด้วยความตกใจชายหนุ่มไม่พูดอะไร เขาก้มลงอุ้มเธอขึ้นพาดบ่าก่อนจะเดินเข้าไปในตัวอาคารทันทีโรสที่พึ่งได้สติเธอมองสำรวจรอบๆ นี่มันไม่ใช่สนามบิน แต่มันเหมือนคอนโดมากกว่า“นี่นายจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันลงนะ” โรสดิ้นพร้อมกับโวยวาย แต่ไฟก็ไม่สนใจยังคงอุ้มเธอขึ้นคอนโดต่อไปทันทีที่เข้ามาในห้องเขาก็โยนเธอลงกับโซฟาอย่างไม่เบา สีหน้าเขาเรียบนิ่งแต่ดวงตานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธอย่างเห็นได้ชัด“นายทำบ้าอะไร” โรสโวยวายขึ้นมาทันที เธอดันตัวลุกขึ้นยื่นก่อนจะเดินมาเผชิญหน้ากับเขา“ฉันเคยบอกเธอแล้วนะ ว่าห้ามไปภูเก็ตคนเดียว ทำไมเธอถึงไม่ฟัง” ไฟพูดเสียงดังเกือบเป็นตะคอกตอนที่แดเนียลสามีของเฟย่าส่งข้อความมาหาเขาบอกว่าโรสขอไปพบเฟย่า เขารู้สึกใจหายกลัวว่าเธอจะทำอะไรบ้าๆ ถ้า
ตอนที่ 39 ผู้ทรงอิทธิพลตัวจริงรถยนต์คันหรูแล่นไปบนถนนโดยมีโรสนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ในมือของเธอถือแฟ้มเอกสาร เธออ่านทวนเอกสารในมืออบย่างตั้งใจ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแผนการใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในภูเก็ตด้วยตัวเองคนเดียวหลังจากทะเลาะกับไฟในบ้านของเขาวันนั้นนี่ก็ผ่านมาแล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์ ที่เธอกับเขาไม่ได้ติดต่อกันเลย เขาไม่ติดต่อมาเธอก็ไม่ติดต่อไป ต่างคนเหมือยต่างหายไปจากชีวิตของกันและกัน แม้กระทั่งเรื่องที่เธอกำลังจะทำวันนี้เธอก็ตัดสินใจเองโดยไม่ได้ปรึกษาเขาวันนี้โรสกำลังไปหาเฟย่า เพื่อนสนิทของริลดาและลาน่า ซึ่งเป็นภรรยาของพี่ธามกับพี่กรพี่ชายทั้งสองของเธอเธอ เพื่อขอความช่วยเหลือในการจัดการกับพวกไกรสร เพราะในภูเก็ตคนที่ได้ชื่อว่าทรงอิทธิพลอย่างแท้จริงคก็คือ พี่น้องริชแมน และวันนี้เธอก็มีนัดกับริชแมนคนน้องนั่นก็คือเฟย่า ความจริงเธออยากเจอคนพี่นะ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เธอจะเจอกับคนนั้นได้ต่อให้จะขอให้พี่ชายเธอช่วยก็ตาม“คุณเฟย่ารออยู่ข้างในค่ะ” เสียงของเลขาที่เปิดประตูให้บอกกับโรส โรสเดินเข้าไปในห้องทำงานของเฟย่า เธอมองสำรวจภายในห้องของเฟย่าที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสบายตา ภายใ
Comments