Share

ตอนที่  6 เข้าเฝ้าฮ่องเต้

last update Dernière mise à jour: 2024-11-28 02:11:05

 

จวนสกุลว่าน

“เยว่เฟยเจ้าเองก็หายดีแล้วฝ่าบาททรงถามพ่อหลายคราแล้ว ถ้าอย่างไรเจ้าก็หาโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์สักหน่อย ฝ่่าบาทจะได้ลดความกังวลลง”

“ฝ่าบาทหรือเจ้าคะท่านพ่อ”

“ใช่ เจ้าแปลกใจอันใด เดิมทีเจ้าก็เป็นหลานรักของฝ่าบาทมีผู้ใดในต้าหยวนนี้จะมิรู้บ้าง”

“เจ้าค่ะ”

ห้องของเยว่เฟย

“เข้าเฝ้างั้นหรือ เช่นนั้นต้องทำอย่างไรบ้างต้องถอนสายบัวหรือไม่”

“คุณหนูจะนำสายบัวไปถวายฝ่าบาทด้วยเหตุใดเจ้าคะ พระองค์คงไม่โปรดนักหรอกเจ้าค่ะ”

“ไม่ใช่เสี่ยวชิง เฮ้อ…ข้า คือว่าเจ้าเคยเข้าเฝ้าหรือไม่ ข้าลืมวิธีถวายบังคมไปสิ้นแล้ว”

""หา อะไรนะเจ้าคะ""

ทั้งเสี่ยวชิงและอี้ฝูต่างก็แปลกใจเมื่อได้ยินคำกล่าวของคุณหนูที่เอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ราวกับสารภาพผิด

“เสี่ยวชิง สอนข้าหน่อยสิ”

“สะ สอนหรือเจ้าคะ”

“ใช่ สอนข้าทีสิ เวลาเข้าเฝ้าข้าจะได้ไม่ทำผิดพลาดจนถูกสั่งทำโทษ”

“ท่านเป็นถึงท่านหญิงเชียวนะนะเจ้าคะคุณหนู ให้บ่าวสอนเช่นนี้...”

“ตกลงจะไม่สอนใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าจะไปฟ้องแม่นม”

“อ๊ะ!! สอนเจ้าค่ะ สอน…”

เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจและทำให้คนทั้งจวนงุนงงสงสัยกับพฤติกรรมที่แปลกไปของท่านหญิงเพราะก่อนเข้าเฝ้าเพียงสองวันนางไม่ออกไปเที่ยวเล่นดังที่เคยเป็น หอคณิกาชายที่เคยไปบ่อย ๆ ก็ไม่เยื้องกรายเข้าไปใกล้ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดปกติยิ่งนัก

 และสิ่งที่ทำให้ซูหลิง อนุซูอยู่ไม่สุขอีกอย่างนั้นก็คือจู่ ๆ ว่านเยว่เฟยก็ลุกขึ้นมาเขียนหนังสืออ่านตำราและขลุกตัวอยู่แต่ในห้องหนังสือของจวนจนมืดทุกวัน

“ท่านแม่ ไหนท่านบอกว่าพี่ใหญ่นางเป็นคนไม่ได้เรื่องอย่างไรเล่าเจ้าคะ สองวันมานี้ข่าวลือของนางร่ำลือทั้งเมืองหลวงว่านางเปลี่ยนไปแล้ว นี่ยังจะสั่งซื้อของที่ทั้งถูกและคุณภาพดีมาให้ห้องเครื่องในจวนอีก ทุกคนต่างเริ่มชื่นชมนางเสียยกใหญ่แล้ว”

“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน นังอสรพิษน้อยนี่เข้าใจยากอยู่แล้วเราต้องใจเย็น ๆ สักหน่อย ตอนนี้นางยังไม่แผลงฤทธิ์กับเราก็ถือว่าดีเท่าใดแล้ว เจ้าก็อย่าพึ่งไปหาเรื่องนางเข้าก็แล้วกัน”

“ข้าน่ะหรือเจ้าคะทำเช่นนั้น นางต่างหากที่…นั่นสิท่านแม่ ตั้งแต่นางหายป่วยข้าเองก็พบปะนางน้อยมากเลยเจ้าค่ะ”

“นั่นแหละที่แม่รู้สึกแปลกใจจนน่ากลัวว่านางคงกำลังคิดแผนการร้ายอันใดอยู่กันแน่ เราต้องระวังเอาไว้เผื่อว่านางนึกอยากจะแก้แค้นขึ้นมา….”

“ท่านแม่!!”

“เอาเถอะ ๆ เจ้าไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้ท่านพ่อจะเข้าวังกับนางแต่เช้าแม่จะต้องเตรียมชุดให้พ่อเจ้า”

“เจ้าค่ะ 

วังหลวง 

“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”

ว่านเยว่เฟยเงยหน้าขึ้นมองโอรสสวรรค์ที่เคยได้อ่านแค่ในนิยายแต่บัดนี้ตรงหน้านางในตอนนี้คือฮ่องเต้แห่งต้าหยวน เยว่เฟยรู้สึกสั่นไปทั้งตัวเพราะความตื่นเต้น

“เยว่เฟยเจ้าลุกขึ้นเถอะ ยังไม่รีบจัดเก้าอี้ให้ท่านหญิงอีกงั้นหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เชิญเก้าอี้”

“เอ่อ…”

“อะไรกันเยว่เฟย นับตั้งแต่เจ้าหายป่วยดูท่าทางเจ้าเหมือนกับยังไม่ค่อยดีขึ้นเลยนะ เฉินกงกงเจ้ารีบไปตามหมอหลวงมาดูอาการท่านหญิงหน่อยเร็วเข้า”

“มะ ไม่ต้องเพคะฝ่าบาท คือว่าหม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกเหนื่อยแล้วก็…ตื่นเต้นเล็กน้อยเท่านั้นเพคะ”

“องค์รัชทายาทเสด็จ”

เยว่เฟยถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงประกาศ นางตื่นตระหนกแม้แต่เฉินกงกงเองก็ยังแปลกใจซึ่งปกตินางกับองค์ชายรัชทายาทนั้นสนิทกันมากที่สุด

“ถวายบังคมเสด็จพ่อ”

“รัชทายาท เจ้ารีบร้อนมาที่นี่มีเรื่องด่วนอันใดหรือ”

“เปล่าพ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงได้ยินว่าเยว่เฟยเข้าวังก็เลยรีบมาหานางเห็นน้องแปดบอกว่าวันก่อนอาการนางดีขึ้นมากแล้ว เยว่เฟยเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง”

“หมะ หม่อมฉันถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ”

“หยางลั่ว” องค์รัชทายาทแห่งต้าหยวนถึงกับแปลกใจในท่าทีของเยว่เฟย เขาหันไปมองพระพักตร์ของฝ่าบาทที่แปลกใจไม่แพ้กัน 

“อะไรกันญาติผู้น้องปกติเจ้าก็เพียงทักทายข้า ไม่เห็นจำเป็นต้องคำนับเต็มพิธีการเช่นนี้นี่ รีบลุกขึ้นมาเถอะเฉินกงกงเร็วเข้า”

องค์ชายสั่งให้เฉินกงกงพยุงนางลุกไปนั่งที่เก้าอี้ ท่าทางของเยว่เฟยแปลกไปจนทั้งคู่รู้สึกราวกับนางมิใช่ว่านเยว่เฟยที่มั่นใจและดื้อดึงคนเดิม

“อาการของเจ้าดีขึ้นแล้วงั้นหรือ”

“ทูล…เอ่อ…”

“เยว่เฟย เจ้ามักจะเรียกข้าว่าญาติผู้พี่ เรียกเช่นเดิมน่ะดีแล้วอย่าทำเช่นนี้เลยข้ารู้สึกไม่คุ้นชิน เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าหายดีแล้วจริง ๆ น่ะ”

“ญาติผู้พี่ หม่อมฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วเพคะขอบคุณที่ทรงไถ่ถาม”

“เสด็จพ่อ…”

องค์รัชทายาทหันไปขอความเห็นฝ่าบาทเพราะเขาเริ่มแปลกใจกับท่าทีที่แปลกไปของญาติผู้น้องตรงหน้าที่ประหม่าจนเริ่มทำตัวไม่ถูก หากเขามองไม่ผิดนางตัวสั่นนิด ๆ เมื่อคุยกับเขาซึ่งว่านเยว่เฟยไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน

“อืม คงต้องใช้เวลาสักพักน่ะ เยว่เฟยเจ้าแน่ใจนะว่าจะไม่ให้ท่านหมอมาดูอาการหน่อย”

“ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ เพคะฝ่าบาท ที่หม่อมฉันมาเข้าเฝ้าในวันนี้นอกจากรายงานเรื่องอาการป่วยแล้วยังมีอีกเรื่องที่อยากทูลพระองค์เพคะ”

“หืม ไหนเจ้าลองว่ามาสิ”

เยว่เฟยใช้เวลาเข้าเฝ้าฝ่าบาทและองค์รัชทายาทอยู่ร่วมครึ่งชั่วยาม สิ่งที่นางพูดและปรึกษาเป็นเรื่องที่แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่คาดคิดว่าจะออกมาจากความคิดของนาง แม้แต่เฉินกงกงยังขยี้ตาบ่อย ๆ เพื่อมองให้ชัด ๆ ว่าผู้ที่กำลังพูดเรื่องสำคัญนี้คือ “ท่านหญิงว่าน” ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าสตรีน่ารังเกียจผู้นั้นจริง ๆ 

“ญาติผู้น้อง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะใส่ใจรายละเอียดถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังคิดการรอบและป้องกันความวุ่นวายได้รอบด้าน เสด็จพ่อ ลูกเห็นด้วยกับวิธีที่เยว่เฟยเสนอมาพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม นับเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมข้าเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์เช่นนี้ เยว่เฟยเจ้าตกน้ำเกือบเอาชีวิตไม่รอดครั้งนี้คงได้รับพรจากสวรรค์มาสินะ”

“พระองค์ทรงล้อหม่อมฉันเล่นแล้วเพคะ เป็นเพราะบารมีของฝ่าบาทและญาติผู้พี่ต่างหากเยว่เฟยจึงรอดปลอดภัยเพคะ”

“พูดได้ดี ฮ่า ๆ นี่สิถึงจะเหมือนเยว่เฟยของข้าหน่อย ไปเถอะออกไปเดินเล่นกัน รัชทายาทเจ้าก็ไปด้วยสิจะได้หารือเรื่องนี้และเริ่มทำได้เลย”

“พ่ะย่ะค่ะ ลูกรู้สึกตื่นเต้นและแทบจะทนรอไม่ไหวแล้วกับแผนการที่จะได้ลงมือทำพ่ะย่ะค่ะ”

“ไปเถอะ มาเยว่เฟย”

“เพคะฝ่าบาท”

อุทยานหลวง

“นับว่าสิ่งที่เจ้าร่ำเรียนมาไม่เสียหลาย ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ เหตุใดจึงยอมปล่อยให้ผู้อื่นดูถูกเจ้าอยู่นานเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่เจ้ามิได้มีความรู้ที่ด้อยกว่าผู้อื่นเลย คิดว่าแม่ของเจ้าเอง ก็คงจะคิดเช่นเดียวกัน”

“ฝ่าบาททรงประเมินหม่อมฉันสูงเกินไปเพคะ หม่อมฉันก็เพียงแค่นึกออกเท่านั้นมิได้ใช้วิชาใดเลย อีกทั้งญาติผู้พี่เองก็ทรงเก่งกาจและมีความสามารถสูง หม่อมฉันเพียงแค่เลียนแบบพระองค์เท่านั้น”

“ฮ่า ๆ เจ้านี่ยิ่งพูดยิ่งถูกใจข้านัก อ้าวนั่นจื่อหรงนี่!! เขาจะไปที่ใด กงกงเจ้าไปเรียกเขามาดื่มชาด้วยกันก่อนสิ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

องค์ชายแปดที่พึ่งกลับมาจากนอกวังหอบบางอย่างกลับมาพร้อมกับหมอหลวงของในวัง เขายืนสั่งการสักครู่และเดินมาที่ศาลากลางอุทยานหลวง ว่านเยว่เฟยมิใคร่อยากพบเขามากนักจึงรีบยกน้ำชาและดื่มโดยไม่มองหน้าเขา องค์รัชทายาทลอบสังเกตอาการของญาติผู้น้องจึงกระซิบถาม

“เยว่เฟยเจ้าเป็นอันใดไป ปกติเจ้าชอบอยู่ใกล้ ๆ จื่อหรงมิใช่หรือเหตุเอาแต่หลบหน้าเขาเล่า”

“ญาติผู้พี่ ช่วยข้าทีสิเพคะ”

“ช่วยอันใด”

“ฝ่าบาทหม่อมฉันรู้สึกปวดท้อง วันนี้คงต้องขอตัวทูลลาก่อนเอาไว้วันหลังหม่อมฉันจะแวะมาเยี่ยมพระองค์ใหม่นะเพคะ”

“อ้าว ข้าพึ่งจะเรียกจื่อหรงมาดื่มชาด้วยกันเหตุใดเจ้ารีบกลับเล่า นี่โอกาสดีเชียวนะเจ้าจะยอมพลาดหรือเยว่เฟย”

“หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายจริง ๆ เพคะ ท่านหมอเองก็เตือนว่าช่วงนี้อย่าต้องลมมากนักเพราะสุขภาพยังไม่ค่อยแข็งแรง”

“เอ่อ ได้สิ รัชทายาทเช่นนั้นเจ้าก็ไปส่งนางเถอะ”

เยว่เฟยพยักหน้าเชิงขอร้องหยางลั่ว เขาจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นมาพยุงนางและพาเดินออกไปทันที ฮ่าวจื่อหรงหลังจากสั่งงานหมอหลวงเสร็จแล้วจึงเดินมายังศาลาแต่เขาเห็นว่าว่านเยว่เฟยกับองค์รัชทายาทเดินกลับออกไปเสียแล้วจึงนึกแปลกใจ

“ถวายบังคมเสด็จพ่อ”

“มาสินั่งก่อน อ้อ นั่นเยว่เฟยนางรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงให้ลั่วเอ๋อร์เดินไปส่งน่ะ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

จื่อหรงยืนมองเยว่เฟยที่รีบเดินกลับไปด้วยความรีบร้อนราวกับหนีบางอย่าง ซึ่งเขาลอบคิดในใจ

“คงมิได้จงใจหลบหน้าข้าหรอกกระมังว่านเยว่เฟย”

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ข้าน่ะหรือสตรีน่ารังเกียจแห่งต้าหยวน   ตอนพิเศษ 6 (ตอนจบ)

    “ลู่หนิงลี่” ผลักประตูเข้ามาโดยพลการ หมอฮ่าวและเยว่เฟยที่อยู่ในห้องหันมาและจื่อหรงก็ดึงคู่หมั้นของเขามาใกล้ ๆ ทันที“หนิงลี่ เธอมาทำอะไรที่นี่ พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าหากไม่มีธุระก็ไม่ต้องมา”“พี่จื่อหรง พี่จะแต่งงานกับ...เธองั้นเหรอ”“ใช่ มีอะไรน่าตกใจกันล่ะ”“แล้วฉันล่ะ ฉันละคะพี่เอาฉันไปไว้ที่ไหนพี่จื่อหรงทั้ง ๆ ที่คุณพ่อของพี่ก็บอกว่าเรา…”“แต่พี่ก็บอกคุณพ่อไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอ พูดต่อหน้าเธอด้วยและวันนั้นเราก็คุยกันจบแล้ว คุณพ่อเธอก็รับรู้แล้วคุณพ่อพี่ก็เช่นกันดังนั้นระหว่างเราไม่มีอะไรเกินกว่าคำว่าคนรู้จัก”“แต่ว่าฉันรักพี่นะคะ”“ตายจริงใครมาวิ่งตามผู้ชายถึงที่นี่ล่ะเนี่ยเสียงดังออกไปถึงข้างนอก อ้อ เธออีกแล้วเหรอหนิงลี่”“พี่ชิงอัน!! ฉันเป็นน้องพี่นะ”ชื่อที่ถูกเรียกทำให้ว่านเยว่เฟยหันไปมองทันที “ลู่ชิงอัน” ในชุดกาวน์สีขาวเดินมามองหน้าผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าประตูและหันเอาแฟ้มมาวางที่โต๊ะของจื่อหรง“พี่หรงนี่รายงานที่ขอไปวันก่อน ไม่มีอะไรผิดปกติวางใจได้ เธอคือ…ว่าที่พี่สะใภ้ของน้องเหรอ”“ใช่แล้วชิงอัน จริงสิเยว่เฟยนี่ลู่ชิงอัน เจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ในโรงพยาบาลนี้”“อะไรนะ

  • ข้าน่ะหรือสตรีน่ารังเกียจแห่งต้าหยวน   ตอนพิเศษที่ 5

    คอนโดเยว่เฟย “คุณพักที่นี่เหรอ”“ค่ะ ฉันซื้อเอาไว้ตอนที่แม่เสียเมื่อหลายปีก่อน”“หรูจริง ๆ ด้วยแฮะ”“คุณหมอคงไม่รังเกียจคนว่างงานที่เอาแต่เขียนนิยายอย่างฉันหรอกใช่ไหมคะ”“คุณเคยเป็นหมอมาก่อนนี่ หมอศัลยกรรมสมองคนเก่งของโรงพยาบาลชื่อดังเสียด้วยทำไมคุณถึงลาออกล่ะ”“คุณสืบประวัติฉันเหรอคะ อยากโดนลงโทษเหรอคะคุณหมอ”“ไม่ใช่นะ ผมก็แค่… คุ้นชื่อคุณก็เลยไปสืบดูเท่านั้น ทำไมคุณถึงลาออกแล้วไปเป็นแอร์โฮสเตสละครับ”“อืม คงเพราะอยากจะพบคุณมั้งคะ สวรรค์คงจะกำหนดเอาไว้แบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว”“เยว่เฟย คำพูดของคุณทำไมดูโบราณจังเลยล่ะ”“อะไรนะ โบราณงั้นเหรอคะ”“ใช่ ผมว่าจะถามมานานแล้วแต่…”“เจ้าคือบุปผาในฤดู…”“เดี๋ยว!! อย่าพึ่งพูด”“หมอคะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่า แต่ผมเคยได้ยินประโยคนี้”“อะไรนะคะ”ว่านเยว่เฟยมองดูฮ่าวจื่อหรงที่ยืนขึ้นและจับเธอเอาไว้พร้อมกับสบตาเธออีกครั้ง“เจ้าคือบุปผาในฤดูใบไม้ผลิสำหรับข้าเสมอ เยว่เฟยของข้า”ว่านเยว่เฟยยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อมองไปที่เขาอีกครั้ง ฮ่าวจื่อหรงเองก็เผลอร้องไห้ออกมาเช่นกันโดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจแต่เขารู้สึกว่าประโยคนี้ควรจะพูดตอนนี้กับเธอคนนี้เพียงคนเดียว“

  • ข้าน่ะหรือสตรีน่ารังเกียจแห่งต้าหยวน   ตอนพิเศษที่ 4

    เธอขยับหนีเขาไม่ได้ ราวกับร่างกายถูกสะกดเอาไว้ให้หยุดนิ่งและเมื่อเขาเริ่มโน้มตัวเข้ามาใกล้ เธอก็เผลอตัวยื่นหน้าขึ้นไปรับสัมผัสที่คุ้นเคยเพราะในชาติก่อนว่านเยว่เฟยและท่านอ๋องฮ่าวจื่อหรงมักจะแสดงความรักต่อกันตลอดเวลาที่มีโอกาส ตลอดเวลาที่แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันมาเกือบหกสิบปี พวกเขารักกันจนลมหายใจสุดท้ายจริง ๆ“อือ…อ๊ะ หมอคะ”แทนที่เขาจะหยุดแต่กลับเลือกที่จะดันตัวเธอเข้าไปในห้องข้างในและเริ่มยกตัวเธอเข้าไปวางที่เตียงของเขา เสียงหายใจหอบถี่เพราะความตื่นเต้นจนเธอเองก็รู้สึกได้เพราะเธอเองก็เป็นเหมือนกับเขา“ว่านเยว่เฟย คุณเป็นแม่มดเหรอ”“คะ? คุณหมอคุณพูดอะไรนะคะ ฉัน…อื้อ”เธอกำต้นแขนเขาแน่น หมอฮ่าวยังสวมชุดกาวน์สีขาวอยู่ตอนที่วิ่งตามเธอออกมาจากโรงพยาบาลและตอนนี้ก็กำลังจูบเธออย่างกระหายและกำลังซึมซับบางอย่างพร้อมกับความสับสนของเขาที่เริ่มคลี่คลายเมื่อได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง“เยว่เฟย”“จื่อหรง…”“คุณต้องการผมหรือเปล่า”“ฉัน…”“เยว่เฟย ผมถามคุณว่า….”“อย่าถามอีกเลยค่ะ ฉันเป็นของคุณ… มาโดยตลอด”เสื้อกาวน์สีขาวและเสื้อโค้ชของเธอถูกโยนทิ้งไปคนละทาง ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เ

  • ข้าน่ะหรือสตรีน่ารังเกียจแห่งต้าหยวน   ตอนพิเศษที่ 3

    ว่านเยว่เฟยมองสบตาเขา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเธอจึงขยับหน้าเข้าไปใกล้เขาโดยไม่รู้ตัว ฮ่าวจื่อหรงเองก็ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างให้ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนกับคนไข้ของตัวเอง เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ทาบปิดกันสนิทและเริ่มขยับเข้าหากันอย่างเผลอตัว ภาพในหัวก็เกิดขึ้นในสมองของหมอฮ่าวทันที“เจ้าคือบุปผาในฤดูใบไม้ผลิสำหรับข้าเสมอ… เยว่เฟยของข้า”“อ๊ะ!!”ว่านเยว่เฟยตกใจเมื่อคุณหมอฮ่าวถอยออกและกึ่งผลักเธอออกมาทันทีด้วยท่าทางที่ตกใจเมื่อหันมามองหน้าเธอชัด ๆ อีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองและทำไมถึงได้เห็นภาพแบบนั้นในหัวเวลาที่เขาจูบเธอ และนี่เป็นสิ่งที่หมอไม่ควรทำกับคนไข้ของตัวเอง“ผม… ผมขอโทษ ขอตัวก่อน”“คุณ…”เยว่เฟยไม่ร้องตามเขาแม้ว่าอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สัมผัสจากริมฝีปากนั้นคุ้นเคยจนทำให้เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวที่จดจำเขาได้ไม่มีวันลืม“จื่อหรง… ท่านช่างใจร้ายนัก เหตุใดต้องปล่อยข้าเอาไว้เช่นนี้ หากรู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้ข้าไม่ตามท่านมาหรอกคนใจร้าย ฮือ…”“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!”ฮ่าวจื่อหรงยืนหน้าแดงอยู่ที่หน้าห้องคนไข้พิเศษของเขา สิ่งที่เขาเห็นตอน

  • ข้าน่ะหรือสตรีน่ารังเกียจแห่งต้าหยวน    ตอนพิเศษที่ 2

    แววตาของเธอรื้นไปด้วยน้ำตาทันที ไม่ใช่เพราะยังปรับแสงไม่ได้แต่เพราะชื่อที่พึ่งจะได้ยิน เธอพยายามลุกขึ้นมาและมองเขาใกล้ ๆ ชัด ๆ อีกครั้ง คุณหมอเห็นว่าเธอพยายามจะลุกขึ้นมาซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดที่คนไข้จะสามารถลุกขึ้นมาได้ทั้ง ๆ ที่หมดสติไปหลายวันอีกทั้งเธอยังบาดเจ็บตามตัวอยู่หลายแห่ง“คุณค่อย ๆ ลุกอย่าพึ่งรีบร้อน…คนไข้ครับ นี่คุณทำอะไร”“จะ…จื่อ…คุณ…. ชื่อ….”สายตาที่หันมามองสบตาเธอนั้นนิ่งไป และเมื่อทั้งคู่สบตากันก็เหมือนจะมีบางอย่างทำให้คุณหมอฮ่าวหยุดนิ่งไปเช่นกัน ทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเธอแบบนี้ และรู้สึกเหมือนกับเคยรู้จักเธอมาก่อนทั้ง ๆ ที่เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอเธอแน่ ๆ“ตอนนี้คนไข้รู้สึกยังไงบ้างครับ”“จื่อ.... หรง”หมอฮ่าวชะงักไปเมื่อเธอเรียกชื่อเขาเฉย ๆ อย่างคนคุ้นเคย เขาหันไปขมวดคิ้วและมองเธออีกครั้งด้วยความแปลกใจกึ่งสงสัย สีหน้าของเธอซีดเซียวแต่ยังคงสวยมาก ๆ เพราะเธอเป็นแอร์โฮสเตสละมั้งถึงได้มีหน้าตาที่สวยแม้แต่ตอนที่ป่วยก็ยังดูสวยอยู่“คุณ รู้จักผมเหรอครับ”เพียงคำถามนั้นก็ทำเอาเธอปากสั่นและน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาไม่หยุดจนเขาตกใจ กล่องทิชชูถูกยกมาวางที่ตรงหน้าและเขาก็รี

  • ข้าน่ะหรือสตรีน่ารังเกียจแห่งต้าหยวน   ตอนพิเศษที่ 1 กลับมาอีกครั้ง

    โรงพยาบาล ติ๊ด ติ๊ด….. เสียงของใครคนหนึ่งที่คุยกับคนอีกหนึ่งหรือสองคนไม่แน่ใจเพราะสติที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เสียงที่ดังขึ้นมาแม้ว่าจะจับใจความอะไรไม่ได้แม้ว่าหูจะเริ่มได้ยินเสียงที่ชัดขึ้นแต่ร่างกายกลับยังไม่ตอบสนองอย่างที่ต้องการ เมื่อค่อย ๆ เริ่มหายใจ ลมเย็น ๆ ที่อยู่ปลายจมูกก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ต้องพยายามขนาดนั้น แม้ว่าจะมองไม่เห็นตัวคนพูดแต่เสียงที่เริ่มชัดขึ้นก็ทำให้ร่างที่นอนอยู่ค่อย ๆ กะพริบตาขึ้น ราวกับหลับไปนานแสนนานและแสงที่เริ่มไม่คุ้นเคยนี้ก็ทำให้ “ว่านเยว่เฟย” หลับตาลงไปอีกครั้ง “ข้าอยู่ที่ไหน เกิดใหม่อีกแล้วงั้นหรือ ท่านพี่ท่านพาข้ามาที่ใดข้าไม่อยากจากท่านไป นานเหลือเกินแล้วที่เราจากกัน แม้จะเพียงแค่ปีเดียวที่ท่านด่วนจากไปแต่ข้าไม่มีทางลืมท่าน จื่อหรง…พาข้าไปกับท่านด้วย” “เยว่เฟยยอดรักของข้า อีกไม่นานเราจะได้พบกัน…อีกครั้ง” “อย่าไปเพคะท่านพี่ รอข้าก่อนฮ่าวจื่อหรง อย่าไป!! รอข้าก่อน” “รอ…รอก่อน…หรง…จื่อหรง” เสียงงึมงำนั้นเรียกความสนใจของพยาบาลสาวที่กำลังปรับเครื่องช่วยหายใจอยู่ เมื่อคนไข้มีการตอบสนองเธอจึงเรียกคุณหมอทันที “คุณหมอคะ ดูเหมือนว่าคนไข้จะมีการตอบสนอ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status