Share

บทที่ 247

Author: ลิ่วเยว่
ตอนนี้เอง ทหารกองหนุนก็เพิ่งถึง

ใต้เท้าหลี่ผู้ว่าการเมืองหลวงก็มาถึงแล้วเช่นกัน เขาเปียกปอนไปทั้งตัวเหมือนกับมู่หรงฉิงเทียน ผู้ใต้บังคับบัญชาส่งเสื้อและหมวกกันฝนให้เขา ไม่ขอให้กันฝน ขอเพียงสามารถลืมตาท่ามกลางลมพายุฝนกระหน่ำเช่นนี้ได้ก็พอ

“ท่านอ๋อง จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?” ชั่วขณะใต้เท้าหลี่คิดไม่ออก นับจากเขาดำรงตำแหน่ง นี่คืออุทกภัยร้ายแรงที่สุดในเมืองหลวง

“สั่งให้ช่วยคน!” มู่หรงฉิงเทียนบัญชาการทั้งหน้าตาเคร่งเครียด มือหนึ่งลากทหารรักษาการณ์ของเมืองหลวงแล้วสั่งเสียงกร้าว “เร็ว ช่วยได้เท่าไรเท่านั้น เรือไม้ล่ะ? เตรียมแล้วหรือ?!”

“เตรียมแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะลงน้ำเดี๋ยวนี้!” นายทหารผู้นั้นน่าจะถูกคนเรียกตกใจตื่นจากเตียง แต่งตัวไม่เรียบร้อย ผมเผ้ารุงรัง

“ให้ไว!” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ย

บรรดาทหารลงน้ำช่วยคน น้ำเชี่ยวมาก ช่วยคนมือเปล่าเป็นเรื่องลำบากยิ่ง ดังนั้นจึงลากเชือกป่านหลายเส้นมาที่ชายฝั่ง ด้านหนึ่งมัดกับตะขอเหล็กบนฝั่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ผูกติดกับตัวของทหาร

เรือไม้ลำน้อยลงน้ำตามลำดับ แล่นไปทางชาวบ้าน

“เสนาบดีกรมโยธาและเสนาบดีกรมคลังอยู่ที่ไหน?!” มู่หรงฉิงเทียนดวงตาแดงก่ำวาวโรจน์ ตะคอกก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 374

    “ก็จริงเพคะ หากเป็นอาภรณ์ของคุณหนูใหญ่จะไม่ทิ้ง บ่าวเห็นพระองค์สวมกลับมาจากนอกวัง ยังเป็นของที่คนอื่นเคยสวมใส่ ก็ไม่รู้ว่าสะอาดหรือไม่ จึงทิ้งเป็นขยะไปเพคะ” จี๋เสียงเริ่มหน้าซีด รู้สึกว่าครั้งนี้ตัวเองก่อเรื่องใหญ่แล้วจ่านเหยียนพึมพำ “ให้ตายเถอะ ครั้งนี้จะเอาเสด็จย่าที่ไหนไปชดใช้เขาเล่า?”จะให้เสด็จย่าของเขาคลานออกมาจากโลงตัดเย็บให้เขาใหม่ชุดหนึ่งก็ไม่ได้กระมัง?กัวอวี้เห็นจ่านเหยียนหน้าตาตึงเครียด จึงเดินเข้ามาถาม “ทรงเป็นอันใดไปหรือเพคะ?”จี๋เสียงเอ่ยอย่างประหวั่นพรั่นพรึง “กัวกูกู บ่าวทำผิด ทำให้คุณหนูใหญ่กริ้วแล้วเจ้าค่ะ”แต่ไหนแต่ไรมาจี๋เสียงเป็นคนบุ่มบ่าม ทำงานสะเพร่าเสมอ กัวอวี้จึงพูดอย่างหงุดหงิด “เจ้าทำอันใดผิดอีก? ทำปิ่นปักผมของคุณหนูใหญ่หายหรือ? หรือจะเป็นต่างหู? หรืออันใด?”“บ่าวทิ้งอาภรณ์ที่คุณหนูใหญ่สวมกลับมาวันนั้นเจ้าค่ะ” จี๋เสียงเอ่ยอ้อมแอ้มน้ำตาคลอ“อาภรณ์บุรุษนั้นหรือ? คุณหนูใหญ่ตรัสว่าไม่ต้องการแล้วมิใช่หรือ?” วันนั้นกัวอวี้ก็ได้ยินจ่านเหยียนพูดเหมือนกันว่าไม่ต้องการแล้วจ่านเหยียนเท้าหน้าผาก มองกัวอวี้อย่างเศร้าหมอง “เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าชุดนั้นเป็นอย่างไ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 373

    ทั้งสองโต้กันสองสามคำก็เริ่มสงบจิตใจสนทนา“นี่ พูดจริง ๆ นะ ท่านคิดเห็นอย่างไรกับมู่หรงเจี้ยน” จ่านเหยียนใช้ศอกกระทุ้งเขาแล้วถามมู่หรงฉิงเทียนชายตา “เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย?”“ก็คุยกันหน่อย”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะใส่ใจเขามากนะ” มู่หรงฉิงเทียนไม่ตอบแต่ถามกลับจ่านเหยียนยิ้มเอ่ย “ข้าเคยบอกแล้ว เพราะเขาคือฮ่องเต้ ดังนั้นข้าจำเป็นต้องประคับประคองเขา นี่คือเรื่องที่ข้าเคยรับปากกับอดีตฮ่องเต้”“เจ้ากับเขามิได้มีสายใยสามีภรรยา” น้ำเสียงของมู่หรงฉิงเทียนพิลึกเล็กน้อย“แต่ก็มีสถานะสามีภรรยา ตำแหน่งไทเฮายังเป็นพระองค์ที่ประทานให้ หากไม่มีพระองค์ ข้าก็ไม่มีลาภยศสรรเสริญมีอำนาจเรียกลมเรียกฝนในปัจจุบัน ”จ่านเหยียนยิ้มกล่าว“ไสหัวไป!” เขาเตะนางทีหนึ่งจ่านเหยียนเอื้อมมือตีตำแหน่งที่เขาเตะมา “กระโปรงตัวใหม่ ระวังจะทำเปื้อน ท่านที่เป็นอ๋องยากไร้จะชดใช้ไม่ไหว”“ทุเรศสิ้นดี” มู่หรงฉิงเทียนปราดตามองนางด้วยความดูถูก“ท่านสิทุเรศ ท่านดูเสื้อผ้าของท่าน เอาของอาซานมาชัด ๆ สั้นขนาดไหน เท้าเบ้อเร่อโผล่ออกมาแล้ว!” จ่านเหยียนหัวเราะคิก ๆ พลางเตะน่องของเขามู่หรงฉิงเทียนดึงชุดลงมา แต่มันสั้นจริง ๆ จึงคลุม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 372

    ดวงวิญญาณแตกสลายคืออภิมหาสังหารในโลกาเพราะมันหมายถึงทุกสิ่งคืนสู่ความว่างเปล่าและที่นางทำได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือตามหาเขาให้เจอโดยด่วน จากนั้นก็ปราบเขา ช่วยดวงวิญญาณที่เขากลืนกินออกมายามนี้พลังเจ็ดวันของนางสูญไปแล้วกว่าครึ่ง หากตามหาเขาไม่พบในสามวันนี้ นั่นจะต้องดึงเวลาไปหลังสี่สิบวันแล้วมีคทามังกรอยู่ นางกลับไม่กลัวว่าเขาจะโจมตีกลับ ต่อให้เขาโจมตีกลับมาก็ทำร้ายนางมิได้ คทามังกรคือประมุขแห่งมังกร มังกรทุกตนในสี่สมุทรต้องฟังคำสั่งของคทามังกรทั้งสิ้นแน่นอน นอกจากเทพมังกรที่ช่วยผานกู่เบิกฟ้าดินท่านนั้นเพียงแต่นางชอบควบคุมทุกอย่างอยู่ในมือ นางรู้สึกว่าเช่นนี้จึงจะอุ่นใจที่สุด ก็อย่าง... อย่างมู่หรงฉิงเทียนในเวลานี้“ท่านเซียนยังมีเรื่องอื่นในใจหรือ?” พระอาจารย์เป่ากวงถามจ่านเหยียนเงยหน้ามองเขา ตามด้วยปฏิเสธ “ไม่มี”พระอาจารย์เป่ากวงคลี่ยิ้ม “ไม่มีจะดีที่สุด”จ่านเหยียนเห็นดวงตาที่ราวกับมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งก็รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์ “ข้าจะกลับแล้ว”พระอาจารย์เป่ากวงค้อมตัวเล็กน้อย “ส่งท่านเซียน”จ่านเหยียนเดินเร็วมาก พริบตาเดียวชายเสื้อก็หายวับไปนางเพิ่งเดินบนระเบียงทาง

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 371

    จ่านเหยียนยืนอยู่ในลานตำหนักดูทุกคนเก็บกวาดครู่หนึ่ง กัวอวี้จึงเดินมาเอ่ย “ดึกแล้ว คุณหนูใหญ่รีบบรรทมเถอะเพคะ”จ่านเหยียนบิดขี้เกียจพลางแหงนหน้ามองม่านรัตติกาล จันทราทอแสงสุกใสผลุบ ๆ โผล่ ๆ หลังชั้นเมฆ จ่านเหยียนถามกัวอวี้ “พระอาจารย์เป่ากวงอยู่ที่ไหน?”“ยามนี้เกรงแต่จะจำวัดแล้วเพคะ” กัวอวี้ตอบ“มิเป็นไร ข้าจะไปพบเขาหน่อย” จ่านเหยียนเก็บเรื่องเอาไว้ในใจ อยากหาคนระบายสักหน่อยกัวอวี้เอ่ย “เช่นนั้นก็ได้ บ่าวจะไปกับคุณหนูใหญ่ พระอาจารย์กับท่านนักพรตอยู่ที่เรือนรับรองเพคะ” (เรือนสำหรับรับรองราชทูตหรือแขกพิเศษ อยู่ห่างจากวังหลวงมาก จำเป็นต้องเดินเท้าระยะเวลาหนึ่ง)“ไม่ละ เจ้าพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ ข้าอยากเดินคนเดียว เมื่อครู่กินแน่นเกินไป เดินสักหน่อยจะได้ย่อยอาหารด้วย” จ่านเหยียนกล่าวจบก็เดินออกไปข้างนอกกัวอวี้มองเงาหลังของจ่านเหยียน จากหว่างคิ้วของนาง เห็นได้ว่านางมีเรื่องในใจ เพียงแต่ด้วยสถานะของนางไม่สะดวกจะถามพระอาจารย์เป่ากวงยังไม่จำวัด เขาราวกับรู้ล่วงหน้าว่าจ่านเหยียนจะมา ดังนั้นจ่านเหยียนเพิ่งเข้าประตูเรือนรับรอง เขาก็ผลักประตูออกมา“หลวงจีน เจ้ารู้ว่าข้าจะมาหรือ” จ่านเหย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 370

    กล่าวจบ นางก็มองมู่หรงฉิงเทียนแวบหนึ่ง “อาซาน เจ้าว่าใช่หรือไม่?”มู่หรงฉิงเทียนมองนางหน้าเรียบ ๆ ไม่ตอบมู่หรงเจี้ยนอึ้ง นางพูดประโยคนี้ออกมาได้อย่างไร? แม้เสด็จอาจะรู้ดี แต่รู้กับพูดให้ชัดเจนมันไม่เหมือนกันนะเขามองมู่หรงฉิงเทียนอย่างละอายใจทีหนึ่ง เห็นเขาไม่เปลี่ยนสีหน้าจึงเบาใจเล็กน้อย ฉีกยิ้มกล่าวกับจ่านเหยียน “เสด็จแม่ตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนลุกขึ้นยืน “ไทเฮากับฝ่าบาทค่อย ๆ เสวย กระหม่อมรู้สึกเพลีย ๆ อยากกลับไปพักก่อนพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงเจี้ยนลุกขึ้นยืนทันที เพียงแต่คิดว่าเวลานี้มู่หรงฉิงเทียนปลอมตัวเป็นอาซานอยู่ จึงนั่งลงอย่างเก้กัง เอ่ย “อื่ม เจ้าไปเถอะ”มู่หรงฉิงเทียนมองตาขวางจ่านเหยียนทีหนึ่ง “ไทเฮาเสวยน้ำจันทร์ให้มาก น้ำจันทร์นี้ไม่เลว เสวยอย่างไรก็ไม่ตาย”กล่าวจบก็สาวเท้าเดินกลับเข้าระเบียงทางเดินจ่านเหยียนมองเงาหลังเขาอย่างมีความคิด เขาเดินถูก เขารู้ว่าห้องของอาซานอยู่ที่ไหน เขาเคยมาหรือ?มู่หรงเจี้ยนให้คนบนโต๊ะออกไปแล้วถามจ่านเหยียนอย่างกระวนกระวายใจเล็กน้อย “วันนี้เราพูดผิดไปหรือไม่ ดูเหมือนเสด็จอาจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร”จ่านเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 369

    ครั้งนี้มู่หรงฉิงเทียนเงียบไปนานมาก ดื่มสุราติดต่อกันหลายจอก มู่หรงเจี้ยนหวาดกลัวอยู่ในใจ กระทั่งเริ่มเสียใจกับคำกล่าวของตัวเองเมื่อครู่ก็ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปฏิเสธคำกล่าวก่อนหน้าของตัวเอง จู่ ๆ มู่หรงฉิงเทียนก็เอ่ยปากขึ้น“อื่ม มีความคิด ทำตามนี้เถอะ”ราวเมฆดำทะมึนสลายไปจากท้องฟ้า แสงตะวันผ่องอำไพทะลุลงมาเป็นสาย ๆ มู่หรงเจี้ยนรู้สึกว่าสมองสดใสอบอุ่นขึ้นมาทันทีเขาพูดไม่ออกอยู่นาน ได้แต่มองมู่หรงฉิงเทียน มองจ่านเหยียนอยู่อย่างนี้จ่านเหยียนเห็นท่าทางของเขาแล้วจึงกุมหลังมือของเขา “เอาละ ฮ่องเต้ เสวยหน่อยเถอะ”สุราจอกหนึ่งโยนมาที่หลังมือของจ่านเหยียนตรง ๆ จ่านเหยียนหดมือกลับฉับพลัน จอกสุราจึงตกอยู่บนหลังมือของมู่หรงเจี้ยนมู่หรงเจี้ยนตกตะลึงพรึงเพริด หันขวับมองมู่หรงฉิงเทียนอาเสอและคนอื่น ๆ ก็มองมู่หรงฉิงเทียนเหมือนกันจ่านเหยียนจึงได้แต่มองมู่หรงฉิงเทียนด้วยมู่หรงฉิงเทียนเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “บนพระหัตถ์ของพระองค์ ‘ผู้สูงวัย’ มียุงตัวหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”เขาเน้นคำว่า ‘ผู้สูงวัย’ หนัก ๆ เน้นความจริงที่จ่านเหยียนคือเสด็จแม่ของมู่หรงเจี้ยนจ่านเหยียนยังคงรักษาสีหน้าเป็นปกติ “อื่ม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status