“แต่... ท่านราชครูก็ยำเกรงเขาอยู่บางส่วน ใต้เท้าว่าควรให้เกียรติเขาหน่อย ไปดูสักหน่อย? เขื่อนแตกครั้งนี้ คาดว่าต้องมีคนตายไม่น้อย” อาฟาเกลี้ยกล่อม “ไปเปยอะไร? ไม่ไป! ข้าไม่ได้ทำให้คนตายสักหน่อย” ถงจื่อหยาไม่พอใจ “เจ้าพาสองคนไปดู เขาอย่างมากก็ไม่พอใจนิดหน่อย จะทำอะไรข้าได้?”อาฟาเห็นว่าเกลี้ยกล่อมไม่ได้ผล จึงได้แต่รับคำ “ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”อาฟาพาผู้ติดตามสองคนออกประตู เชียนอวี่นั่งยองหลบฝนอยู่ด้านหน้า รอจนหงุดหงิดแล้ว เมื่อเห็นประตูเปิดออกจึงผุดลุกขึ้น นางไม่รู้จักถงจื่อหยา นึกว่าอาฟาก็คือถงจื่อหยา จึงเดินไปทำความเคารพ “คำนับใต้เท้าถง”อาฟามองนางแวบหนึ่ง เอ่ย “ใต้เท้าถงไม่สบาย ให้ข้าไปแทน”เชียนอวี่ผงะ “ไม่ทราบท่านคือ?”“มิจำเป็นต้องถาม ไปเถอะ” อาฟาเอ่ยเรียบ“แต่ท่านอ๋องบอกแล้วว่าต้องเชิญใต้เท้าถงไป” เชียนอวี่พลันรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก จึงแสดงอารมณ์โกรธออกมาจากใบหน้า“ใต้เท้าถงก็บอกแล้วว่าให้ข้าไปก็พอ เจ้าเป็นคนมาเชิญกระมัง? มีคนไปก็พอ เจ้าจะเรื่องมากทำไม?”“นี่จะได้อย่างไร? ท่านอ๋องต้องมีเรื่องสำคัญอยากถามใต้เท้าถง...”อาฟาระเบิดอารมณ์ทันที “ข้าว่าเหตุใดเจ้าจึงไม่รู้จั
เมื่อได้ยินคำพูดของเชียนอวี่ ใต้เท้าหลี่ก็ขมวดคิ้วและเอ่ยด้วยโทสะ “ส่งขี้ข้ามาจะทำอะไรได้?! คนของกรมโยธาล่ะ? คนของกรมโยธาอยู่ที่ไหน? มาแล้วหรือยัง?!”เนื่องจากเมื่อครู่ใต้เท้าหลี่เดินเร็วจึงหกล้มหลายหน ยังไม่ทันได้ทำแผล ใบหน้าจึงมีเลือด ยามนี้บันดาลโทสะ ใบหน้าจึงยิ่งดุดันมีมือปราบเดินมาเอ่ย “ใต้เท้า เสนาบดีกรมโยธาใต้เท้าเฉินป่วยฉับพลันเสียชีวิต เกรงว่าโรคจะแพร่ไปทั้งจวนจึงเผาศพแล้วขอรับ”ใต้เท้าหลี่ผงะ จากนั้นก็แค่นเสียงหัวเราะ “ป่วยฉับพลันเสียชีวิต? ตายแล้วหรือหนีไปแล้ว?”“นี่... ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ” มือปราบเอ่ยใต้เท้าเหลียงรองเสนาบดีกรมคลังมาถึง เขากระหืดกระหอบเอ่ย “ใต้เท้าหลี่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? เขื่อนที่เพิ่งสร้างเสร็จบอกจะแตกก็แตกได้อย่างไร?”“ข้าก็อยากถามเรื่องนี้กับท่านอยู่พอดี จากที่ข้ารู้มา กรมคลังกับกรมโยธาตรวจสอบรับด้วยกัน ตอนที่ตรวจสอบไม่ได้ดูอย่างละเอียดหรือ?” ใต้เท้าหลี่มองตาขวางและถามใต้เท้าเหลียงยิ้มขม “ใต้เท้าหลี่ก็ใช่จะไม่รู้ ข้าอยู่ในกรมคลังเฉกเช่นอากาศธาตุ ใต้เท้าถงเป็นคนตรวจสอบด้วยตัวเอง ข้าไม่เคยเห็นมีแต่ภาพแบบและการใช้วัสดุด้วยซ้ำ!”“แม่งเอ๊ย
เขาแค่นเสียง “หญิงไร้ยางอาย หญิงเช่นนี้ให้ข้าเปล่า ๆ ข้ายังไม่เอาเลย!”“คิดมากไปแล้ว มิมีผู้ใดอยากให้ท่านเปล่า ๆ หรอก” เชียนอวี่เอ่ยชืด ๆถงจื่อหยาแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็สั่งให้คนเตรียมรถม้า เชียนอวี่เอ่ย “มิจำเป็น ข้าขี่ม้ามา ใต้เท้าถงขี่ม้าตัวเดียวกับข้าก็ได้”ถงจื่อหยาบันดาลโทสะ “ข้างนอกฝนตกหนักออกอย่างนั้น เจ้าจะให้ข้าขี่ม้าไปหรือ? แล้วยังต้องขี่กับหญิงเยี่ยงชายเช่นเจ้า? เจ้าเห็นข้าเป็นใคร? เจ้าเป็นแค่คนต้อยต่ำ แต่ข้าสูงส่งเทียมฟ้า”เชียนอวี่อดทนต่อความวู่วามที่อยากจะผลัวะเขาหนัก ๆ จูงม้ามา พลิกตัวขึ้นหลังม้า ตามด้วยโน้มตัวลงมือฉุดแขนของถงจื่อหยาขึ้นมาทั้งอย่างนั้นถงจื่อหยาตกใจรีบจับแขนเสื้อของเชียนอวี่เอาไว้พร้อมก่นด่ายกใหญ่ แต่เสียงลมดังเกินไป เชียนอวี่จึงถือเสียว่าไม่ได้ยินถ้อยคำของเขาเมื่อถึงริมกำแพงกั้นน้ำ เชียนอวี่ก็ลากเขาไปถึงตรงหน้าใต้เท้าหลี่ ใต้เท้าหลี่ยังมิทันเอ่ยปาก ถงจื่อหยาก็ตบหน้าไปฉาดหนึ่งแล้วใต้เท้าหลี่เอียงศีรษะไปด้านหนึ่ง ก่อนจะหันมาจ้องถงจื่อหยาถงจื่อหยาถุยและกล่าววาจาหยามเหยียด “ทำไม? ยังคิดจะตอบโต้หรือ? เจ้าตีสิ ตี ตีสิ...”เชียนอวี่หวดหมัดใส่เขา ต
กระบี่เย็นเฉียบสัมผัสคอของเขา น้ำฝนซัดสาดลงมากระทบกับตัวกระบี่เป็นละอองกระเด็นใส่ใบหน้าของเขาเขาเห็นศพเกลื่อนพื้นก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า ท่าทางอ่อนลงมากทันที “ข้า...ต้องกลับไปดู จำไม่ค่อยได้แล้ว”“ใต้เท้าหลี่ อย่าถ่วงเวลาอีกเลย สถานการณ์คับขัน!” ใต้เท้าหลี่ร้อนใจจนเดินวนไปวนมาครั้นเชียนอวี่ยกกระบี่ขึ้นเล็กน้อย คอของถงจื่อหยาก็มีเลือดซึมออกมา ถงจื่อหยารู้สึกเจ็บแล้วจึงรีบพูด “ได้ ได้ ข้าพูด วางกระบี่ลงก่อน!”มือของเชียนอวี่ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย “พูด!”ถงจื่อหยายกมือขึ้นแล้วรีบพูด “ได้ ได้ นอกจากตรงนี้ สันเขื่อนด้านล่างลงไปอีกสิบห้าลี้ทำจากทรายปนเศษหินหมด มีแต่ข้างนอกที่ใช้หินกรวดกับอิฐ ดินเหนียวก็ไม่พอ ดังนั้น...”ใต้เท้าหลี่โกรธจนลมออกหู “ใต้เท้าถง จากที่ข้ารู้มา การสร้างสันเขื่อนนี้ใช้เงินถึงสามแสนตำลึงเต็ม ๆ สามแสนตำลึง เอามาซื้อทรายกับเศษหินหรือ? พวกเราต่างรู้ว่าเขื่อนต้องใช้อิฐ หินกรวด และทรายร่วมกับดินเหนียวจึงจะสร้างได้แข็งแรง นี่คือเรื่องชีวิตคน ท่านรู้หรือไม่?!”“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ข้าแค่ดูแลเงิน ไม่เคยเข้าร่วมกับการก่อสร้างเสียหน่อย นี่คืองานของกรมโยธา” ถงจื่อหยายังปา
คนข้างตัวมู่หรงฉิงเทียนทำงานว่องไวมาก เพียงครึ่งชั่วยามก็เตรียมของที่นางต้องการครบแล้วนางหลบทำระเบิดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งตอนนี้นางกำลังห่วงเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือข้างนอกฝนตกหนักปานนั้น จะวางระเบิดไว้ใต้หินใหญ่ประตูน้ำได้อย่างไร?นอกเสียจากหาคนจำนวนหนึ่งมามัดระเบิดกับตัวพวกเขา ใช้เรือส่งไป จากนั้นก็จุดชนวน แต่หากทำเช่นนี้... คนพวกนี้ก็จะไม่รอดใครจะยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อระเบิดประตูน้ำกัน?นางยอม แต่นางคนเดียวระเบิดไม่ได้ นางประมาณคร่าว ๆ ต้องมีคนแบกระเบิดอย่างน้อยสี่คน จึงจะระเบิดประตูน้ำสำเร็จเมื่อนางบอกเรื่องนี้กับใต้เท้าหลี่ ใต้เท้าหลี่ก็เงียบไปพักหนึ่ง “ข้าไปเอง!”“ไม่!” เชียนอวี่คัดค้านทันใด “ข้าไป!”“ไม่อนุญาต!” ใต้เท้าหลี่ค้านเสียงแข็ง “เจ้ามีวรยุทธ์ สามารถสร้างความผาสุกให้กับราชสำนัก ที่ไร้ประโยชน์คือบัณฑิต หากข้าตายแล้ว ย่อมมีผู้มีความสามารถมาเป็นผู้ว่าการเมืองหลวงแทน”เชียนอวี่ตาแดง “ไม่ อย่างไรข้าก็ตัวคนเดียว ตายแล้วไม่มีใครเสียดาย ใต้เท้ายังมีบุพการีต้องดูแล ต้องเป็นข้าไป”“ใครบอกว่าเจ้าตายแล้วไม่มีคนเสียดาย? ข้าคือผู้บังคับบัญชาของเจ้า คำสั่งของข้า เจ้าต้องปฏิบัติ
เขาให้เชียนอวี่เตรียมระเบิดให้พร้อม สวมชุดกันฝนตัวใหญ่ และหมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่“ท่านอ๋อง ท่านทำเช่นนี้จะอันตรายมากนะเพคะ” เชียนอวี่พูดสู้เขาไม่ได้ จึงได้แต่เตือนอีกมู่หรงฉิงเทียนมัดสิ่งของติดกับตัวเรียบร้อย “ข้าย่อมมีความมั่นใจ”มั่นใจ? ไม่! แต่หากมองทั้งแคว้นต้าโจว ผู้ที่มีวิชาตัวเบายอดเยี่ยมที่สุด นอกจากเขาก็มีเพียงไม่กี่คนหากเป็นแต่ก่อน เขาจะมีความมั่นใจมากกว่านี้ แต่... ร่างกายในยามนี้มีปัญหา โดยเฉพาะเวลาออกแรง เขามักรู้สึกว่าเลือดลมติดขัด คาดว่าอาจเกี่ยวกับวิญญาณมังกรถูกทำลายการบรรเทาภัยพิบัติ ที่ต้องแย่งชิงคือเวลา เขาจะล่าช้าไม่ได้ฮุ่ยอวิ่นเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ แทบจะหมดเรี่ยวแรง เขาอุ้มคนห้าสิบแปดคนขึ้นมา แต่ที่ยังมีชีวิตอยู่กลับมีแค่สิบเจ็ดคนเท่านั้นใจของเขาทั้งโกรธแค้นและเสียใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขาคือคนที่เคยผ่านสนามรบ เห็นการเกิดการตายจนเคยชิน แต่... นั่นมันไม่เหมือนกันทหารออกรบเตรียมตัวพลีชีพแล้ว การพลีชีพของพวกเขาคือเกียรติยศ เพราะพวกเขาประสบความสำเร็จในคุณค่าการดำรงอยู่ของพวกเขาแต่ชาวบ้านตาสีตาสาเหล่านี้มีผู้ใดที่มิใช่ผู้บริสุทธิ์? พวกเขายังอยู่ในความฝันก็ต้อ
คนบนฝั่งมองไม่เห็นเขา ที่นี่มิอาจจุดตะบันไฟ การส่องสว่างจากกู้ภัยล้วนแล้วแต่อาศัยแสงจากโคมไฟอันน้อยนิดแม้จะเป็นเชียนอวี่ที่ขี่ม้าเรียบชายฝั่งตามเรือไปก็มองไม่เห็นเหมือนกัน ได้แต่มองเงาราง ๆ นางเป็นห่วงมาก เพราะนางไม่ค่อยได้เห็นวรยุทธ์สมัยโบราณของจริงสักเท่าไร นางคิดว่าคนเพียงคนเดียวไม่สามารถโยนระเบิดสี่ลูกได้ในเวลาเดียวกัน เพราะก้อนหินแต่ละก้อนห่างกันประมาณหนึ่ง จะต้องเป็นความเร็วแบบอัศจรรย์ถึงจะทำได้ อีกอย่าง ระเบิดที่ทำจากดินปืนชนิดนี้จะมีอานุภาพรุนแรง แค่โยนไปก็ระเบิด เซ่อเจิ้งอ๋องจะออกมาอย่างปลอดภัยได้หรือไม่? เขาจะโดนหินที่แตกตัวจากการระเบิดหรือไม่? ต่อให้เขากระโดดลงน้ำทันที แต่เนื่องจากประตูน้ำถูกระเบิดเปิดออก น้ำจะหลากลงที่ต่ำ เขาต้องถูกน้ำพัดไปแน่หลังจากฮุ่ยอวิ่นสงบสติได้แล้วก็วิเคราะห์ความร้ายแรงของเรื่องเช่นนี้ เขาขี่ม้ากวดเชียนอวี่ ใบหน้ารับกับลมฝน เอ่ย “เจ้าบอกข้ามา ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุดคืออะไร?”เชียนอวี่หันไปมองเขา บนใบหน้าแยกแยะไม่ออกว่าเป็นน้ำฝนหรือน้ำตา แต่เสียงกลับสั่นเครือผิดปกติ “ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุด ก็คือกลับมาไม่ได้ และประตูน้ำก็ระเบิดไม่สำเร็จ”“เจ
จ่านเหยียนนอนอยู่ในดอกบัวราวกับปุยนุ่น ตกอยู่บนภูเขา“คุณหนูใหญ่!” ในโสตได้ยินเสียงร้องไห้ของอาเสอจ่านเหยียนลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแอ มองอาเสอด้วยใบหน้าซีดเซียวแล้วยิ้ม “ข้าเคยบอกแล้ว งูคือสัตว์เลือดเย็น ไม่ควรมีน้ำตา”“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” อาเสอไม่มีต่อมน้ำตา ก็ไม่รู้ว่าน้ำตาออกมาจากทางไหน เช็ดอย่างไรก็เช็ดไม่หมดสี่คนที่เหลือก็มองจ่านเหยียนด้วยใบหน้ากังวลเหมือนกันจ่านเหยียนพรูลมทีหนึ่ง เสียงเนิบนาบมาก “ข้ารู้สึกง่วง ๆ เหนื่อย ๆ นอนสักตื่นก็หายแล้ว”“ห้ามนอนนะ ห้ามนอน!” อาเสอตบแก้มนาง คิดแล้วจึงเอานิ้วจิ้มไปที่จุดตันเถียนจ่านเหยียนดึงมือของนางไว้ “ไม่ เจ้าคือปีศาจงู มุกวิญญาณของเจ้าไม่เหมาะกับข้า ข้าไม่เป็นไร แค่เสียพลังชั่วคราว อีกสี่สิบเก้าวันก็ปลอดภัยแล้ว”“จริงหรือ?” อาเสอถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจ่านเหยียนมองไปทางฟางจี้จื่อแล้วคลี่ยิ้มตรงมุมปากอย่างอิดโรย “ฟางจี้จื่อ เจ้าอยากฆ่าข้ามาตลอด ตอนนี้ เจ้าสามารถทำอย่างที่หวังได้แล้ว”ฟางจี้จื่อส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่อยากฆ่าท่านแล้ว และจะขัดขวางทุกคนที่จะฆ่าท่านอย่างสุดความสามารถด้วย”จ่านเหยียนหัวเราะ “เช่นนี้ ข้าถือว่าปราบพยศข
ไม่นานเรื่องที่จ่านเหยียนพังตำหนักชิงหนิงก็ดังกระฉ่อนไปทั่ววังหลวงจงเสี้ยนไทฮองไทเฮากริ้วหนัก แต่นางไม่ได้ทำอะไร การที่หลงจ่านเหยียนกล้าพังตำหนักชิงหนิง เป็นการพิสูจน์แล้วว่าวันนี้มิอาจเทียบวันวานนึกถึงตอนที่นางเข้าวังใหม่ ๆ แล้วมาคารวะ ใจเสาะขี้กลัวปานนั้น แม้แต่คุกเข่าก็ยังถลาลงไปกับพื้น ชวนให้คนตลกขบขันใครจะคิด วันนี้นางกลับกล้าพังตำหนักชิงหนิง?ดูท่านางคงบรรลุข้อตกลงบางอย่างกับเซ่อเจิ้งอ๋องแล้ว มิเช่นนั้น ด้วยเบื้องหลังของฐานะนาง นางจะไม่กล้าทำเช่นนี้เด็ดขาดหากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นที่พังตำหนักชิงหนิงในวันนี้ก็คงเป็นแผนการของเซ่อเจิ้งอ๋องเหมือนกันเขาจะทำอะไร?ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ถงจื่อหยาเกิดเรื่อง โจมตีสกุลถงต่อ?“หย่าจู้ เจ้าเห็นว่าอย่างไร?” ไทฮองไทเฮาถามหมัวมัวด้านข้างหย่าจู้คิดแล้วจึงเอ่ย “หลงจ่านเหยียนผู้นี้เหนือความคาดหมายอยู่บ้างจริง ๆ ก่อนหน้านี้แทรกแซงเรื่องของหยวนผินยังพอพูดได้ว่าอยากได้หน้า แต่การพังตำหนักชิงหนิงนี้ เรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องที่สตรีผู้หนึ่งจะทำได้ โดยเฉพาะนางที่เป็นสตรีเช่นนี้เพคะ”“พูดอีกอย่างหนึ่ง เจ้าคิดว่าเซ่อเจิ้งอ๋องคือผู้บงการหรือ?”“ยาก
นางทิ้งมือทั้งสองลง จากนั้นก็ค่อย ๆ หลับตาอาเสอตกใจ ยื่นมือออกไปทดสอบลมหายใจของนางฉับพลัน จากนั้นก็เงยหน้ามองจ่านเหยียนอย่างตกตะลึงจ่านเหยียนเอ่ยเสียงหนัก “ปกป้องหัวใจของนางก่อน”ถงไทเฮาหัวเราะเสียงเย็น ในดวงตามีความกระหยิ่มยิ้มย่องและสาแก่ใจ “นางตายแน่”อาเสออุ้มจิ้นหรูเข้าไปในตำหนัก แต่ช้าไป นางมิอาจช่วยไว้ได้จ่านเหยียนลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวกับอาหู “รอพวกเราออกไปแล้วก็พังตำหนักชิงหนิงเสีย”อาหูฉายรอยยิ้มหนาวเหน็บ “เพคะ!”“หลงจ่านเหยียน เจ้าน่าจะรู้นะ ภัยเกิดจากปาก ต่อให้วันนี้เจ้าพังตำหนักชิงหนิงของข้าไม่ได้ ข้าก็บันทึกแค้นนี้เอาไว้แล้ว” ถงไทเฮาเอ่ยข่มขู่จ่านเหยียนยิ้มระรื่น “วางใจ ไม่ว่าเรื่องใดที่ลงมือได้ ข้าจะไม่เปลืองน้ำลายเด็ดขาด”ผ่านไปพักหนึ่ง อาเสออุ้มจิ้นหรูออกมาแล้วพยักหน้ากับจ่านเหยียน “กลับไปเถอะ!”จ่านเหยียนเดินตามอาเสอออกไป จากนั้นก็หันมาสั่งกับอาหู “พังตำหนักชิงหนิงแล้วไปพาอาถงกับอาเถี่ยออกมาจากห้องมืดเถอะ”“รับบัญชา!” อาหูขานรับอย่างเริงร่าสวรรค์รู้ นางเห็นจิ้นหรูมีเลือดเต็มตัวแล้วอยากฆ่านางอัปลักษณ์ผู้นี้แค่ไหน หากติดตามนายที่เอาแต่พูดเรื่องคุณธรรมจริยธ
จ่านเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือด้วยท่าทางผ่อนคลาย นั่นคือตำแหน่งที่ถงไทเฮานั่งยามมีนางสนมมาเข้าเฝ้านางเอ่ยกับอาเสอและอาหู “ค้นตำหนักชิงหนิงให้ทั่ว ข้าต้องพบจิ้นหรู”“ช้าก่อน!” ถงไทเฮามองจ่านเหยียนแบบคล้ายยิ้มแต่มิได้ยิ้ม “น้องหญิงตั้งใจจะมาอาละวาดที่นี่หรือ? คิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่?”จ่านเหยียนโบกมือ “เรื่องอาละวาดต้องอาละวาดแน่แล้ว สำหรับผลที่จะตามมา ยังไม่มีเวลาคิดจริง ๆ และไม่คิดจะคิดด้วย”อาเสอและอาหูได้ยินคำนี้ของจ่านเหยียนก็ยิ้มร้ายกับถงไทเฮา จากนั้นก็จะเข้าไปค้นทันทีทันใดนั้นก็มีองครักษ์สิบกว่าคนออกมาขวางอาหูกับอาเสอปีศาจสองตนนี้เอาไว้มีหรือเหล่าองครักษ์จะเห็นพวกนางอยู่ในสายตา ผู้ที่อยู่ข้างหน้าคือหัวหน้าองครักษ์ของตำหนักชิงหนิง เขาตวาดกับอาเสอและอาหู “พวกเจ้ากล้าเหิมเกริมในตำหนักชิงหนิงหรือ?! อย่าหาว่าข้าลงมือไม่ยั้งไมตรีก็แล้วกัน!”กระบี่ยาวชี้มาทางอาเสอด้วยความเร็วยิ่ง ปลายกระบี่มาพร้อมกับคมกระบี่ อาเสอเคยเห็นอาซานแสดงฝีมือมาก่อน แม้เขาจะมีฝีมือด้อยกว่าอาซาน แต่ก็นับว่าเป็นยอดฝีมือชั้นนำแล้วกระบี่ของเขาเร็วนั้นไม่ผิด กลับไม่ส่งผลกระทบซึ่งเป็นการไม่เกรงใจอาเสอใ
ส่วนกัวอวี้นึกว่าจ่านเหยียนซื้อตัวองครักษ์ในวัง ดังนั้นองครักษ์จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับการเดินออกไปของพวกนาง“เข้าไปเถอะ!” อาเสอไม่อยากพูดมาก เดินฉับเข้าไปอย่างเร่งรีบจี๋เสียงกับหรูอี้เพิ่งเรียกกับพู่หยกไปสองสามที เห็นพู่หยกไม่มีปฏิกิริยายังนึกว่าไม่ได้ผล ใครจะรู้พอหันกลับไปก็เห็นจ่านเหยียนกับพวกอาเสอยืนอยู่หน้าห้องแล้ว“คุณหนูใหญ่! ทรงเสด็จกลับมาก็ดีแล้วเพคะ!” จี๋เสียงกับหรูอี้ปรี่ไปหา พูดน้ำเสียงสะอื้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” กัวอวี้รีบถามจี๋เสียงสะอึกสะอื้น “เป็นเช่นนี้ วันนี้ตอนกลางวันมีคนมาจากตำหนักถงไทเฮาเชิญจิ้นหรูกูกูไป แต่ไม่กลับมาสักที อาถงจึงให้พวกบ่าวสองคนไปถาม แต่พอไปถึงนอกตำหนักชิงหนิง หรูหัวกูกูก็ไม่ให้เข้า ซ้ำยังไล่พวกบ่าวออกมา เพียงแต่... เพียงแต่บ่าวได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากในตำหนัก ถึงไม่ยืนยันว่าใช่เสียงร้องของจิ้นหรูกูกูจริงหรือไม่ แต่ฟังแล้วเหมือนมาก ตอนหลังอาถงกับอาเถี่ยก็ไปหา แต่ก็ไม่กลับมา...”จี๋เสียงเหม่อลอย แม้พูดไม่ปะติดปะต่อ แต่ก็ยังอธิบายเรื่องราวชัดเจน“คุณหนูใหญ่ ถงไทเฮาให้จิ้นหรูไป จะเกิดอะไรหรือไม่เพคะ?” กัวอวี้ถามจ่านเหยียนนึกถึงเรื่องข
ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั
ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต
จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย
ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร
หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ