ภายใต้ท้องฟ้ายามพลบค่ำเริ่มมีแสงจันทร์สาดส่อง พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงแสบตา กลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นที่สูง เปลวเพลิงไหม้โหมแผดเผาเรือนชานทางด้านหลัง เกิดเสียงดังเปรียะๆ เศษไม้ติดไฟกระจัดกระจาย เกิดเป็นประกายแปลบปลาบปลิวว่อนในอากาศแสงแดงฉานและเสียงดังรวมถึงความร้อนที่แผ่ซ่านล้วนแล้วแต่น่ากลัวอย่างมากบ่าวรับใช้พากันวิ่งวุ่นวาย เกิดเป็นความโกลาหล หลายคนอุ้มถังไม้ใส่น้ำสาดโครมๆ เข้าเปลวไฟอย่างบ้าคลั่ง หลายคนเอาผ้าชุบน้ำเข้าไปกระหน่ำตีในพื้นที่ที่พอเอื้อมถึงได้ทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยงบริเวณเรือนหลักด้านหน้า รีบพาวิ่งกรูเข้ามาดูอย่างตกอกตกใจจุดที่ไฟไหม้คือเรือนหลังของเซียวหงเย่ ในเรือนนี้ล้วนเป็นที่อยู่ของอนุคนงามเพลิงร้อนลุกลามโหมกระหน่ำอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มาถึงเรือนหลักของเซียวหงเย่ชายหนุ่มเบิกตาโพลง เขาหันไปทางเซียวอี้ถัง “ท่านพ่อ ในเรือนหลักของข้ามีคลังเงินส่วนตัวอยู่ขอรับ”คนฟังพลันตกใจ แต่คนพูดไม่อาจรอแล้ว เซียวหงเย่รีบวิ่งฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปทันที “เงินข้า...”ความโกลาหลพลันวุ่นวายมากกว่าเดิมเซียวอี้ถังกับเซียวฮูหยินตะโกนก้อง “เย่เอ๋อร์...”ใช้เวลาหลายชั่วยาม ครึ่งค่อนคืนเลยทีเดี
ติงยวี่ถิงมองสายตาของเหล่าสตรีอย่างเข้าอกเข้าใจ เพราะตัวนางเองตอนมองสามีก็มีสายตาหื่นกระหายเช่นกัน ในขณะที่เซียวหงเย่กลับขนลุกชูชัน รู้สึกคล้ายเนื้อบนเขียงกำลังจะถูกแล่แล้วจับโยนให้นกแร้งทุ้มทึ้งอย่างไรอย่างนั้น ถึงเขาจะหล่อเหลา เอาใจเก่งและแซ่บสะท้านเกินต้าน แต่ก็มีเรี่ยวแรงเรื่องบนเตียงไว้ทำกับภรรยาแค่คนเดียว ไม่ได้อยากเสียวกับผู้หญิงอื่นไปทั่วหรอกนะ ยุคสมัยนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสและยารักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งสองคนพากันเดินเข้ามาหันหน้าไปทางทิศเหนือ เห็นเป็นนายท่านเซียวนั่งอยู่นิ่งๆ ท่าทางเคร่งขรึมเย็นชา แววตาดุดันกดข่มผู้คน รอบกายแผ่ซ่านรัศมีน่าเกรงขาม บุคลิกเปี่ยมอำนาจบารมีของผู้มีอันจะกิน“มาแล้วหรือเย่เอ๋อร์...”นายท่านเซียวเอ่ยเนิบช้าทักทายบุตรชายเสียงเรียบ ปรายตามองติงยวี่ถิงด้วยสายตาเย็นเยียบ“เจ้าพานางมาด้วยเหตุใด? ไสหัวออกไป!”หูย! น่ากลัว...หญิงสาวคิดอย่างตื่นตระหนกเป็นที่สุด เอื้อมมือตนไปจับมือของสามีเบาๆ เอาอย่างไรดี? หากเป็นเมื่อก่อน ติงยวี่ถิงคนเก่าย่อมพุ่งตัวเข้าไปชี้หน้าด่าทอและปะทะคารมอย่างดุเดือดไร้ความเคารพ ไม่แปลกที่ผู้อาวุโสจะเกลียด แต่ถิงถิงคนนี้ไ
ใช้เวลาเดินทางนานถึงครึ่งเดือน ในที่สุดรถม้าจากเมืองหลวงก็ถึงเมืองจินโจวเมื่อสายสีทองจากทิศตะวันตกลดลง อันบ่งบอกเวลาพลบค่ำก็เห็นคฤหาสน์ที่ยิ่งใหญ่ของสกุลเซียวติงยวี่ถิงรู้สึกตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นจนตัวสั่นนิดๆ เพราะเท่าที่จำได้นายท่านสกุลเซียวเป็นบุรุษที่น่ากลัวมาก ก่อนนี้เพราะมีนายท่านติง บิดาของร่างเก่า จึงพอบรรเทาบรรยากาศตึงเครียดอันน่ากลัวยามที่ต้องเจรจาต่อรองกันตอนนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีบิดาและสกุลหนุนหลังนี่นาเซียวหงเย่เองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน ตาเฒ่าผู้นั้น แค่มองตายังขาสั่น ทั้งบ้าอำนาจไม่เปิดโอกาสให้คนโต้แย้งตอนนั้นร่างเก่าพลาดท่าเสียทีให้ติงยวี่ถิง ก่อนที่ชื่อเสียงจะมัวหมองจนกระทบการค้าจึงจัดการเกี่ยวดอง และอาจเพราะสกุลติงยังมีผลประโยชน์ร่วมกัน จึงแต่งงานฟ้าแลบ ต่อมายังใช้อำนาจหย่าให้แบบฟ้าผ่า จัดการเบ็ดเสร็จ เด็ดขาดไปหมด ไม่มีใครสามารถทัดทานได้สักคน“มีคนบอกว่าใต้หล้าแห่งนี้ บุรุษที่น่ายำเกรงที่สุดคือองค์ชายสี่เจิ้งจื่อหมิง แล้วเหตุใดพวกเราถึงไม่กลัวพระองค์” ติงยวี่ถิงถามอย่างสงสัยในตัวเอง“เพราะพระองค์เป็นสามีของสหายเจ้าอย่างไรเล่า ทุกคราที่พวกเราได้สิทธิ์พบพระพักตร์ล้วนมี
คนฟังพยักหน้ารับทราบ “เช่นนั้น เรื่องของติงยวี่ถิง ช่างก่อนเถอะ สกุลเหวินกับสกุลไป๋สัญญาเกี่ยวดองกันแท้ๆ เห็นได้ชัดว่าหักหลังสกุลเซียว แต่ท่านกลับยังใจเย็นอยู่ได้”“เจ้าอย่าโง่ไปหน่อยเลย” เซียวอี้ถังยกมือลูบเครา เอ่ยอย่างไม่หยี่ระ “ไม่มีสกุลเหวินก็ยังมีสกุลอื่นที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่จินโจวแต่ยังมีหยางโจว เยี่ยนจิน จงซาน ซิวโจว” อำนาจหนุนหลังที่ทายาทผู้สืบทอดสกุลคนสำคัญต้องมี เซียวอี้ถังล้วนจัดการให้บุตรชายได้อย่างดีไร้ที่ติไม่กี่วันต่อมา สกุลเซียวพลันคึกคัก คุณหนูงดงามจากสกุลร่ำรวยของเมืองต่างๆ ตบเท้าเข้ามาพำนักคับคั่ง เนื่องจากได้รับเทียบเชิญเชื่อมสัมพันธ์ทางการค้าอันยิ่งใหญ่ เรียกได้ว่ามีครบทุกตำแหน่งหลังเรือนให้คุณชายเซียว ทั้งฮูหยินเอก ฮูหยินรอง ฮูหยินสามสี่ห้า สตรีทุกนาง ล้วนเต็มใจใช้สามีร่วมกัน ช่วยมิได้ที่เขาทั้งรูปงามร่ำรวยนี่นา จดหมายเรียกตัวเซียวหงเย่กลับจินโจวถูกส่งไปทันทีเช่นกันเมื่อมวลบุปผางดงามละลานตา แผ่ซ่านกลิ่นอายสูงส่งของผู้มั่งคั่งเสริมอำนาจบารมี ต่างกรีดกรายเฉิดฉายไปทั่วสกุลเซียว ผู้ที่รู้สึกแสบตาจนร้อนผ่าวจึงมิอาจยั้งใจอนุเจีย หนึ่งในสาวงามหลังเรือนขอ
“นึกว่าชอบปีนหน้าต่าง ประตูก็มี ไม่เปิดเข้ามาดีๆ”ชายหนุ่มมุ่นคิ้ว “นั่นสิ!” ชั่วครู่พลันยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ปีนหน้าต่างเข้ามาแอบกินภรรยามันตื่นเต้นเร้าใจดีนะ”หญิงสาวเห็นด้วย “ใช่จริงๆ นั่นแหละ” ความรู้สึกตื่นเต้นเร้าอารมณ์ทำให้คนรู้สึกอัศจรรย์ หาใดเปรียบ ยิ่งกระตุ้นแรงปรารถนาเกินหยั่งนั่นแล “เอาล่ะ พวกเราเตรียมตัวเดินทางไปจินโจวกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปเปิดตัวให้ทุกคนรับรู้ ภรรยาของเซียวหงเย่ มีเพียงติงยวี่ถิงเท่านั้น” “อื้ม...”“แต่ว่า...” ดวงตาเซียวหงเย่ทอประกายลึกล้ำ “ก่อนเดินทางจัดหนักจัดเต็มสักหน่อย เผื่อมีเด็กน้อยรอเกิด เจ้ารู้ดี ข้าพร้อมเป็นพ่อของลูกในท้องเจ้าแล้วนะ”ติงยวี่ถิงร้องฮึ “ข้าพร้อมเป็นแม่ของลูกมากกว่าอีก”ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง “อ้อ...จริงหรือน้องหญิงผิง”“จริงสิอาโยว...”ร่างอรชรอ้อนแอ้นถูกรวบเข้าวงแขนอันแสนอบอุ่น เซียวหงเย่จรดปลายจมูกโด่งสันกับแก้มนุ่มหอม “อื้อ! อาโยว หอมซะแรง” ติงยวี่ถิงหน้าเบี้ยวตาปิด“ข้าชอบนะ ถึงเจ้าจะตัวผอมแต่แก้มกลมมาก”หญิงสาวทำท่าอมลมจนแก้มป่อง “แบบนี้รึ?”“อืม...” “เขาเรียกว่าแก้มเต็มไม่ใช่แก้มกลม”“เหมือนกันนั่นแหละ จะหอมให้แก
“ได้อย่างไร ตอนไหน” เซียวหงเย่ถามอย่างตื่นเต้นติงยวี่ถิงเอียงหน้าเล็กน้อย ยกกำปั้นขึ้นระดับสายตา ทำท่าเลียนแบบเขาอย่างน่ารัก “แบบนี้ไง โฮมรัน!”ดวงตาบุรุษเบิกกว้างอีกครั้ง “ข้าทำแบบนั้นเหรอ เผลอพลั้งปากไป ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ”“ตอนนั้นท่านเท่ห์มากเลยน๊า ดูดีที่หนึ่ง ข้าทึ่งไปเลย นี่มิใช่การพบรักแบบปกติแต่เป็นการพบรักแบบมีมิติขั้นสุด”เสียงหัวเราะดังลั่นเกิดขึ้นทันที บรรยากาศแสนดีอบอวลทั่วห้องนอน จากนั้นกลับค่อยๆ เงียบหายไป กลายเป็นเสียงหอบกระเส่าและครวญครางอย่างสุขสมแทน เซียวหงเย่ที่คิดประโยคมากมายหมายงอนง้อขอแต่งงานกลับไม่ได้พูดอะไรเท่าใด เพราะติงยวี่ถิงใช้จุมพิตปิดปาก ไม่อยากเสียเวลาคุยภาษาใดนอกจากภาษารักห้องนอนยังคงอุ่นร้อนจนสามวันสามคืนผ่านพ้นทำเอาคนสามคนนอกห้องนอนได้แต่ร้องโอ้ ออกมา เสี่ยวจิง เจียวมิ่งและจินอีต๋า ต่างรำพึงรำพันคล้ายคลึงกันว่ารู้สึกเหมือนคอยเฝ้ารอรับใช้คู่แต่งงานให้เข้าหออย่างราบรื่น ช่างรู้สึกชื่นมื่นยิ่งนัก ทั้งน้ำร้อน น้ำอุ่น และผ้าหมาด ตลับขี้ผึ้ง ทุกสิ่งล้วนถูกจัดเตรียมเอาไว้พร้อมถังไม้เล็กๆ ตลอดเวลา รวมถึงอาหารเพิ่มพลังและยาบำรุงร่างกาย นอกจากผู้ใหญ่สามคน