 Mag-log in
Mag-log in
สามวันต่อมาเมืองอวิ๋น ตำบลซาซีกู่ โฮมสเตย์อวิ๋นเหย่ในสวนที่ปลูกต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด อาหยวนนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นแลบลิ้นออกมา เสี่ยวอันหนิงมือซ้ายถือกล่องเครื่องสำอางสำหรับเด็ก มือขวาถือพัฟแป้งเล็ก ๆ กำลังช่วยอาหยวนแต่งหน้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสี่ยวเนี่ยนอันนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ข้าง ๆ คนเดียว ก้มหน้าตั้งอกตั้งใจเล่นรูบิคของเขาในห้องครัวมีกลิ่นหอมของอาหารลอยออกมาเวินจิ่งซีกำลังทำอาหารซ่งหลานอินผลักเปิดประตูไม้โบราณของสวนจากด้านนอก หันกลับไปปิดประตูไม้อีกครั้ง แล้วลงกลอนไม้เสี่ยวเนี่ยนอันได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ก็เงยหน้าขึ้นซ่งหลานอินเดินเข้ามา ขยี้หัวของเขา “เล่นรูบิคอีกแล้วเหรอ?”“อืม!” เสี่ยวเนี่ยนอันมองซ่งหลานอิน ดวงตาสดใส “ผมต่อครบหกด้าน เร็วที่สุดใช้เวลาสามนาทีแล้วครับ”รูบิคเป็นของที่ฟู่ซือเหยียนซื้อให้และฟู่ซือเหยียนก็เป็นคนสอนเสี่ยวเนี่ยนอันเล่นด้วย“เก่งมาก!” ซ่งหลานอินพูดว่า “ถ้าพ่อของเธอรู้ว่าเธอเก่งขนาดนี้แล้ว ต้องดีใจมากแน่ ๆ”เสี่ยวเนี่ยนอันจ้องมองเธอ “น้าซ่ง ช่วงนี้น้ากับพ่อได้ติดต่อกันไหมครับ?”“ติดต่อสิ” ซ่งหลานอินแสร้งพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ช่วงนี
ไม่ใช่การซักถาม แต่เป็นการกล่าวถึงความจริงเจียงหมี่รั่วยกมือขึ้นช่วยเขาถอดเสื้อสูท หันหลังเดินไปที่ราวแขวนเสื้อ ยกมือขึ้นแขวนเสื้อสูท “พี่ชิงซูมีบุญคุณกับฉัน จิ้นเชวี่ย ฉันทนดูคุณบีบคั้นเธอจนตายไม่ได้”“คุณไม่กลัวผมโกรธเหรอ?”เสียงของผู้ชายคนนั้นเย็นชา แววตาที่จ้องมองเธอปราศจากอารมณ์ใด ๆ ราวกับมองคนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งที่ในท้องของเธอมีลูกของเขาอยู่แท้ ๆ!“ฉันกลัวคุณโกรธ แต่จิ้นเชวี่ย ฉันกลัวว่าคุณจะเสียใจมากกว่า พี่ชิงซูไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เห็นภายนอก จริง ๆ แล้วเธอหัวแข็งมาก เธอไม่เต็มใจที่จะอยู่ข้างกายคุณ คุณใช้ทุกวิธีเพื่อบีบบังคับเธอ ถ้าเธอทนจนถึงที่สุด ก็จะเลือกความตายเพื่อปลดปล่อยตัวเอง!”เจียงหมี่รั่วหันกลับมา มองจิ้นเชวี่ย “ฉันรักคุณ แม้จะรู้ว่าคุณมองฉันเป็นแค่เครื่องมือผลิตลูก ฉันก็ไม่เคยเสียใจหรือเสียดาย จิ้นเชวี่ย คุณจะกลัวอะไร? คุณยังมีลูกคนนี้นะ! นี่คือลูกของคุณกับพี่ชิงซู ขอแค่เด็กคนนี้เกิดมาอย่างปลอดภัย ความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณก็จะไม่มีวันตัดขาด ทำไมคุณต้องรีบร้อนในตอนนี้ด้วย!”จิ้นเชวี่ยมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกว่าเธอรู้วิธีเอาใจเขาดีมากจริง ๆ แล้ว ตอ
ในความมืดมิด รถฮัมเมอร์สีดำแล่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วฟ้าฝนไม่เป็นใจ ประเทศเอ็นเป็นประเทศในเขตร้อนตอนที่ใกล้จะถึงสนามบิน ก็เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างรุนแรงทัศนวิสัยต่ำมาก ที่ปัดน้ำฝนกวัดไกว่อย่างบ้าคลั่งหัวใจของเสิ่นชิงซูเต้นเร็วมาก ร่างกายเกร็งแน่นโม่ไป๋คอยปลอบเธออยู่ตลอดรถขับเข้าไปในสนามบินเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ลำหนึ่งเตรียมพร้อมไว้แล้ว รอเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นโม่ไป๋จอดรถ “คุณรอผมแป๊บหนึ่ง ผมไปเอาเสื้อกันฝน เดี๋ยวกลับมา”“ค่ะ!”โม่ไป๋ลงจากรถ วิ่งฝ่าม่านฝนเข้าไปบนเครื่องบินมีนักบินสองคนโม่ไป๋หยิบเสื้อกันฝนแล้วรีบวิ่งกลับมา เปิดประตูรถฮัมเมอร์ฝั่งข้างคนขับพอประตูรถเปิดออก พายุฝนก็พัดกระหน่ำเข้ามาในรถเสิ่นชิงซูสะดุ้งเฮือกในความมืดมิด เสื้อกันฝนตัวหนึ่งคลุมลงบนร่างของเธอ ปกคลุมร่างกายที่เกร็งและสั่นเทาเล็กน้อยของเธอไว้ผู้ชายคนนั้นช่วยเธอใส่เสื้อกันฝน อุ้มเธอขึ้น แล้วหันหลังวิ่งก้าวยาว ๆ ไปยังเฮลิคอปเตอร์นักบินคนหนึ่งวิ่งมาสมทบกับพวกเขาขึ้นเครื่องบินแล้ว โม่ไป๋วางเสิ่นชิงซูลงบนที่นั่ง“เราขึ้นมาบนเครื่องบินแล้วครับ”ในน้ำเสียงของโม่ไป๋มีความอ่อนโยนเผยออกมาโดย
ตรงหน้าของเสิ่นชิงซูมืดสนิท เธอถูกเจียงหมี่รั่วพยุงเดินไปข้างหน้าดวงตามองไม่เห็น ตลอดทางจากชั้นสองลงมาชั้นหนึ่ง เดินสะดุดไปมา เกือบจะล้มลงหลายครั้งโชคดีที่เจียงหมี่รั่วพยุงเธอไว้ได้ทันจนกระทั่งมาถึงประตูข้างสวนหลังบ้าน เจียงหมี่รั่วเปิดประตู แล้วผลักเธอไปข้างหน้า...เสิ่นชิงซูชะงักไป ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็มีคนพยุงเธอจากด้านหลังแขนที่แข็งแรงและทรงพลังของผู้ชายรับเธอไว้ เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะ “ประธานเสิ่น ผมเองครับ”โม่ไป๋!เสิ่นชิงซูประหลาดใจอย่างมาก “คุณมาได้ยังไง?”“พี่ชิงซูมองไม่เห็นแล้ว” เจียงหมี่รั่วพูดเสียงร้อนรน “น่าจะเป็นปัญหาของยาจีนพวกนั้น คุณรีบพาเธอไปก่อน กลับถึงประเทศแล้วค่อยว่ากัน”“ครับ”ผู้ชายคนนั้นย่อตัวลง อุ้มเสิ่นชิงซูขึ้นมาในความมืดมิด ดวงตาเรียวยาวของผู้ชายคนนั้นมองไปยังเจียงหมี่รั่ว “ขอบคุณนะ ดูแลตัวเองด้วย”“รีบไปเถอะค่ะ” เจียงหมี่รั่วมองพวกเขา น้ำตาคลอเบ้า “พี่ชิงซู ถ้าเราได้เจอกันอีก หวังว่าครั้งหน้าพี่ยังจะยอมให้ฉันเรียกพี่ว่าพี่สาวนะคะ”เสิ่นชิงซูมองไม่เห็น ทำได้เพียง ‘มอง’ ไปยังเจียงหมี่รั่วตามทิศทางของเสียง เธอพูดว่า “หมี่รั่ว เธอไป
เสิ่นชิงซูถอยหลัง อยากจะหนี แต่จิ้นเชวี่ยไม่ให้โอกาสเธอทหารรับจ้างสองคนพุ่งเข้ามา ล็อกแขนของเสิ่นชิงซูไว้ ควบคุมไม่ให้เธอดิ้นรนยาจีนชามนั้นจิ้นเชวี่ยเป็นคนกรอกเข้าปากเสิ่นชิงซูด้วยตัวเองเสิ่นชิงซูอาเจียนออกมาเกินครึ่ง จิ้นเชวี่ยขว้างชามลงบนพื้น...หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ “เสียของไปไม่เป็นไร พรุ่งนี้ยังมีอีก”เสิ่นชิงซูจ้องเขา ไม่ด่าไม่โกรธเธอเพียงแค่ยิ้มอย่างเย็นชารอยยิ้มของเธอกระตุ้นจิ้นเชวี่ยจิ้นเชวี่ยบีบคางเธอ กัดฟันถามเธอว่า “คุณหัวเราะอะไร?”เสิ่นชิงซูไม่พูดยิ่งเธอเป็นแบบนี้ จิ้นเชวี่ยก็ยิ่งโมโห!“อาซู อยู่ข้างกายผมมันทำให้คุณรังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ?”“ใช่” เสิ่นชิงซูตอบอย่างหนักแน่นจิ้นเชวี่ยหัวเราะ“ไม่เป็นไร อีกไม่นานคุณก็จะไม่คิดแบบนี้แล้ว”ในใจของเสิ่นชิงซูรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ไร้ขอบเขตเธอไม่รู้ว่ายาที่จิ้นเชวี่ยให้เธอกินเป็นยาอะไรบ้างแต่เธอรู้ว่าจิ้นเชวี่ยจะไม่ปล่อยให้เธอตายง่าย ๆเขาจะใช้วิธีที่เขาคิดว่าเป็นความรักทรมานเธอไปเรื่อย ๆนั่นมันคือนรกบนดินในที่สุดเธอก็กลายเป็นแม่จิ้นคนที่สองเสิ่นชิงซูหลับตาลงในใจมีความสิ้นหวังและความกลัว
เวินจิ่งซีชะงักไป มองซ่งหลานอินด้วยแววตาพิจารณา “คุณรู้ได้ยังไง?”“ก่อนหน้านี้เสิ่นชิงซูติดต่อฉันมาเป็นการส่วนตัว”เวินจิ่งซีประหลาดใจอย่างมาก “อาซูเป็นฝ่ายติดต่อคุณเหรอ?”“ใช่ค่ะ” ซ่งหลานอินพูด “เธอบอกว่าตอนนี้สภาพของจิ้นเชวี่ยค่อนข้างหัวรั้น ช่วงนี้เธอเจอเรื่องบางอย่าง เธอรู้สึกว่าจิ้นเชวี่ยจะไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ ดังนั้น เธอเลยจ้างฉันกลับมาเพื่อช่วยพวกคุณดูแลเด็กทั้งสองคน”“หมายความว่ายังไง?” เวินจิ่งซีรีบถามต่อ “คุณจะบอกว่าอาซูรู้ว่าตัวเองกำลังจะเจอกับอันตรายเหรอ?”ซ่งหลานอินพยักหน้า “ตั้งแต่ลูกอมซานจาห่อนั้นของจิ้นเชวี่ย อาซูก็คอยระวังจิ้นเชวี่ยมาตลอด เธอรู้ว่าเพราะเรื่องของฟู่ซือเหยียน จิ้นเชวี่ยอาจจะพาลโกรธเกลียดเด็กทั้งสองคนไปด้วย ดังนั้นเธอจึงคิดว่าถ้าการยอมของเธอสามารถแลกกับความปลอดภัยของเด็กทั้งสองคนได้ เธอก็ยินดีที่จะเสี่ยงด้วยตัวเอง”“อะไรคือเสี่ยงด้วยตัวเอง?” เวินจิ่งซีร้อนใจจนตาแดง “ตกลงอาซูจะทำอะไรกันแน่?”“เธอมีแผนของตัวเอง ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำคือร่วมมือกับฉัน คนของจิ้นเชวี่ยคอยจับตาดูเด็กทั้งสองคนอยู่ตลอดเวลา เราต้องหาวิธีพาเด็ก ๆ ไปยังที่ปลอดภัยก่อน”“หลังจาก








