Share

บทที่ 4

Penulis: คุณชายสายฝน
เจียงซู่รู้ดีว่าเฉินเหยาฉินคลั่งไคล้การมีหลานชายมากแค่ไหน และเธอไม่อยากถูกจับตาดูแม้กระทั่งตอนนอน

“แม่คะ ที่นี่อยู่ไกลจากบริษัท ต้องตื่นเช้าทุกวัน เดี๋ยวจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนของอาเหย่เอานะคะ”

ตอนนี้ลูกชายคือทั้งชีวิตของเวินเหยาฉิน เจียงซู่จึงใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์ในการต่อรอง

เป็นไปตามแผน เวินเหยาฉินมีสีหน้าลังเลขึ้นมาทันที

โจวซือเหย่หันมามองเธอด้วยสายตาขรึมเล็กน้อย เธอช่างฉลาดในการใช้เขาเป็นโล่กำบังจริง ๆ

เจียงซู่รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างจากสายตาของเขาที่มองมา แต่เธอเลือกที่จะเพิกเฉยเหมือนที่เขาทำเมื่อครู่

เรื่องที่จะให้กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้จึงหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้น แต่แม่สามีผู้แสนดีของเธอไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ โดยการลงมือจัดแจงให้แม่บ้านอู๋ย้ายจากบ้านใหญ่มาอยู่กับพวกเขา

เจียงซู่พยายามจะลองปฏิเสธอีกครั้ง แต่มันไม่เป็นผล เวินเหยาฉินมีท่าทีเด็ดขาด และตัดสินใจทันที

“ป้าอู๋คะ ฉันหิวแล้ว เมื่อไหร่จะเริ่มทานข้าวคะ? ”

เมื่อเสียงพูดจบ ร่างเพรียวบางของหญิงสาวคนหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เธอคือโจวหว่านซิน น้องสาวของโจวซือเหย่

เมื่อเจ้าของร่างเพรียวบางนั้นเห็นพวกเขาทั้งสอง ก็กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“พี่ชาย พี่สะใภ้”

โจวซือเหย่พยักหน้าตอบกลับพร้อมกับพูดว่า “กลับมาแล้ว”

เจียงซู่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางบนใบหน้า

โจวหว่านซินปีนี้อายุครบสิบหกปีบริบูรณ์ เธอเป็นน้องเล็กสุดของตระกูลโจว และเป็นลูกสาวคนสุดท้องของพ่อโจวซือเหย่ด้วย ซึ่งนั่นทำให้เธอเป็นที่รักและเอ็นดูของทุกคนในบ้าน

เวินเหยาฉินสั่งให้แม่บ้านยกอาหารมา

ณ โต๊ะทานอาหาร โจวหว่านซินเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนไร้เดียงว่า “ซ้อคะ วันศุกร์นี้ที่โรงเรียนหนูมีประชุมผู้ปกครอง ซ้อมาช่วยหนูได้ไหมคะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น มือของเจียงซู่ที่กำลังคีบอาหารอยู่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง

โจวหว่านซินหน้าตาไม่ค่อยเหมือนโจวซือเหย่สักเท่าไหร่ เพราะโจวหว่านซินหน้าออกไปทางแม่ ส่วนโจวซือเหย่หน้าออกไปทางพ่อเสียมากกว่า แต่ทั้งคู่ได้รับยีนส์ดวงตาของพ่อสามี นามว่า โจวผิงคาง มาเหมือนกัน

ถึงอย่างนั้น ดวงตาของทั้งคู่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ดวงตาของโจวซือเหย่จะดูมีความเยือกเย็น ไร้อารมณ์ ส่วนดวงตาของอีกคนที่กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่ตอนนี้ กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ ทำให้รู้สึกเข้าถึงได้ง่าย

แต่เจียงซู่รู้ดีว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่อีกคนสร้างขึ้น

เจียงซู่ปฏิเสธว่า “วันศุกร์นี้พี่ต้องไปทำงาน ซินซินให้คุณแม่ไปแทนแล้วกันนะ”

แต่โจวหว่านซินกลับไม่ยอม เธอหันไปหาโจวซือเหย่พร้อมกับทำปากจู๋พูดอ้อนวอน “พี่ชาย พี่รักหนูที่สุดเลยใช่ไหมคะ ให้หนูยืมซ้อมาอยู่กับหนูสักวันหนึ่งได้ไหมคะ”

เจียงซู่หันไปมองโจวซือเหย่ เธอหวังว่าเขาจะช่วยเธอปฏิเสธ แต่แล้วความหวังของเธอก็สลายไปในพริบตา

โจวซือเหย่ยังไม่ทันได้ปริปากพูด เวินเหยาฉินก็ได้ตัดสินใจแทนเขาเรียบร้อยว่า “ในเมื่อซินซินอยากให้เจียงซู่ไป งั้นวันศุกร์นี้ก็ไม่ต้องไปทำงานละกัน”

ประโยคนี้คือเวินเหยาฉินพูดกับเจียงซู่

ขอเพียงแค่โจวหว่านซินขอ เวินเหยาฉินก็พร้อมจะทำตามใจลูกสาวได้ทุกอย่าง

ส่วนโจวซือเหย่นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบราวกับว่าเรื่องเล็กน้อยแบบนี้เขาไม่อยากจะเสียน้ำลายเข้าไปพูดด้วย

ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังคงไม่มีสิทธิ์มีเสียงใด ๆ ในบ้าน แม้แต่เรื่องของตัวเอง เธอก็ยังไม่มีสิทธิตัดสินใจ

ทันใดนั้นเอง เจียงซู่ก็รู้สึกว่าอาหารเริ่มฝืดคอเหลือเกิน

มื้อเที่ยงนี้ช่างไร้รสชาติสิ้นดี

...........

หลังจากออกมาจากบ้านใหญ่ ระหว่างทางกลับบริษัท เจียงซู่อดไม่ได้ที่จะพูดความคิดของเธอออกมา

“ประชุมผู้ปกครองนั้น ฉันไม่อยากไป”

โจวซือเหย่ตอบกลับว่า “ลางานหนึ่งวัน ไม่หักเงินเดือนคุณหรอก”

เขาคิดว่าเธอกลัวถูกหักเงินเดือน?

เจียงซู่ยังคงพูดคำเดิม “โจวซือเหย่ ฉันไม่อยากไป”

เพราะความดื้อดึงของเธอ ทำให้โจวซือเหย่ถึงกับหันมามองด้วยความไม่เข้าใจ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของคุณนะ”

ก็เพราะว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกนี่แหละ เธอถึงไม่อยากไปอีก

โจวซือเหย่พูดเตือนขึ้นมา “หว่านซินชอบคุณมาก อย่าทำให้น้องเสียใจ”

ชอบงั้นเหรอ?

มีแค่คนในครอบครัวเขาที่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น

การเสแสร้งสามารถหลอกลวงคนได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาเป็นคนในครอบครัวที่อยู่ใต้ชายคาบ้านร่วมกันมาเป็นสิบปี ส่วนเธอเป็นแค่คนนอก

ถ้าเจียงซู่บอกว่าโจวหว่านซินมีท่าทีทำตัวเป็นศัตรูต่อเธอ ก็คงไม่มีใครเชื่อ และเธอก็คงถูกมองว่ากำลังสร้างเรื่อง เป็นตัวปัญหาที่คอยยุแยงให้แตกแยก

เจียงซู่ถามขึ้นว่า “โจวซือเหย่ ความคิดเห็นของฉันในสายตาของพวกคุณ มันไม่มีค่าอะไรเลยใช่ไหม? ”

เธอไม่อยากไป ไม่ไปไม่ได้เหรอ?

โจวซือเหย่ขมวดคิ้วกับปฏิกิริยาโต้กลับของเธอ “หว่านซินมองคุณเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว การที่คุณไปงานประชุมผู้ปกครองของหว่านซินมันมีปัญหาตรงไหน? คุณเป็นพี่สะใภ้นะ เรื่องแค่นี้ก็ทำให้ไม่ได้เหรอ? ”

ลองฟังดู คำพูดประโยคนั้นเหมือนกับกำลังบอกเธอว่า เธอเป็นพี่สะใภ้ที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย

เจียงซู่พยายามฝืนยิ้มยกมุมมาก เยาะเย้ยตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันปฏิเสธก็กลายเป็นว่าฉันงี่เง่าไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ? แล้วการที่เวิงอี๋เข้ามาเป็นมือที่สามนี่มันคืออะไร? สำออยหรือเปล่า?”

เมื่อเธอพูดจบประโยค สีหน้าโจวซือเหย่หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเวิงอี๋ คุณจะลากเอาเขามาพูดทำไม”

“คุณไม่รู้เหรอว่าการพูดจาใส่ร้ายคนอื่นมันทำลายชื่อเสียงของคนได้ คุณก็เป็นผู้หญิงนี่ เรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจ? ”

เจียงซู่ “พวกคุณทำได้ แล้วทำไมฉันถึงพูดไม่ได้? ”

โจวซือเหย่ “ผมจะพูดอีกครั้งเดียว ผมกับเวิงอี๋เราไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น และผมก็มองเขาเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเพียงเท่านั้น”

เจียงซู่พูดเยาะเย้ยต่อ “ที่คุณพูดมาคุณเชื่อเองไหม? ”

น้องสาว?

เธอว่าน่าจะเป็นน้องสาวสุดที่รักเสียมากกว่า

การโต้เถียงในครั้งนี้ จบลงโดยไม่มีข้อสรุป

ระหว่างเดินทางกลับบริษัท เจียงซู่ต้องลงจากรถกลางคัน เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอคือใคร

เธอมองดูรถที่ค่อย ๆ แล่นออกไป และได้แต่เยาะเย้ยตัวเองในใจ

ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ หลบซ่อนราวกับขโมย ส่วนคนที่เป็นมือที่สามที่ทุกคนต่างรังเกียจกลับมีสิทธิ์มีเสียงเปิดเผย โอ้อวดได้อย่างไม่อายใคร

โลกนี้มันกลับตาลปัตรไปหมดแล้ว

เรื่องที่เวิงอี๋เป็นผู้ช่วยโจวซือเหย่ราวกับพายุงวงช้าง ที่ใช้เวลาเพียงพริบตาก็แพร่กระจายไปทุกซอกทุกมุมของบริษัท

ทุกคนต่างก็เข้าใจว่า เวิงอี๋คือ ‘ภรรยา’ ของโจวซือเหย่ เป็นนายหญิงของพวกเขา

เจียงซู่ปิดหูของตนเอง ไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกใด ๆ ทั้งสิ้น และดำเนินการส่งมอบงานต่อไป

เธอไม่อยากจะสนใจเรื่องบ้าเหล่านั้น ขอเพียงแค่เธอได้หย่าให้ได้เร็วที่สุดก็พอ

เพียงชั่วพริบตา วันศุกร์ก็มาถึง

เจียงซู่ไม่อยากไปประชุมผู้ปกครองให้โจวหว่านซิน ในวันนั้น เธอจึงจงใจปิดมือถือ และไม่ไปบริษัท

ในเมื่อโจวซือเหย่เป็นคนพูดเองกับปากว่าสามารถลางานได้โดยไม่หักเงินเดือน งั้นเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำร้ายตัวเองด้วยการไปโรงเรียน และเธอเลือกที่จะไปเยี่ยมคุณย่าที่โรงพยาบาลแทน

แต่เธอเหมือนจะประเมินความพยายามของโจวหว่านซินต่ำไปหน่อย เพราะเมื่อไม่สามารถติดต่อเธอได้ โจวหว่านซินก็รีบไปฟ้องโจวซือเหย่ และด้วยความที่เป็นพี่ชายที่แสนดีประดุจเทวดา เขาจึงให้เลขาหลู่มาตามตัวเธอที่โรงพยาบาล

ณ ห้องผู้ป่วย เลขาหลู่เข้ามาพร้อมกับทักทายคุณย่าก่อนตามมารยาท และหลังจากนั้นก็หันมาทางเจียงซู่

“คุณผู้หญิงครับ ท่านประธานให้ผมมารับคุณไปโรงเรียนครับ”

วินาทีที่เลขาหลู่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธอ นั้นก็เป็นวินาทีที่รอยยิ้มบนใบหน้าเธอเลือนหายไปเช่นกัน

กัดไม่ปล่อยเลยนะ

ขนาดเธอหนีมาแล้ว ยังจะตามตัวเธอเจออีก

คุณย่าอี้ไม่เข้าใจจึงถามขึ้นว่า “ไปโรงเรียนทำไมเหรอ? ”

เลขาหลู่ได้ยินดังนั้น จึงอธิบายขึ้น “คุณผู้หญิงต้องไปประชุมผู้ปกครองให้คุณหนูหว่านซินที่โรงเรียนครับ”

ได้ยินดังนั้น คุณย่าก็หันไปบอกเจียงซู่ทันทีว่า “ถ้าอย่างนั้นรีบไปทำธุระให้เสร็จนะ”

ตอนแรกคุณย่ากลัวว่าบ้านตระกูลโจวจะดูถูกเหยียดหยามหลานสาวของเธอ แต่เมื่อได้ยินดังนั้น เหมือนว่าเธอจะคิดมากไปเอง ในเมื่อเจียงซู่สามารถไปงานประชุมผู้ปกครองได้ ก็แสดงว่าคนในบ้านตระกูลโจวยอมรับหลานสาวเธอเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวแล้ว

เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณย่า เธอจึงไม่อยากให้คุณย่าต้องเกิดความกังวล สุดท้าย ทำได้เพียงเดินตามเลขาหลู่ออกไป

โรงเรียนของโจวหว่านซินเป็นโรงเรียนนานาชาติสำหรับคนชนชั้นสูง เด็ก ๆ ที่มาเรียนที่นี่ล้วนมาจากครอบครัวมีฐานะ และมีอำนาจ

ความจริงแล้วเจียงซู่รู้ดีถึงจุดประสงค์อันแท้จริงที่ให้เธอมาที่นี่ว่ามันคืออะไร แต่ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรให้คุณหนูโจวหว่านซินไม่ชอบใจ และเพราะอะไรคุณหนูถึงมองเธอเป็นศัตรูถึงขนาดนี้

แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว การที่คนไม่ชอบขี้หน้าใครสักคนมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลมารองรับ มันก็เหมือนกับการโดนบลู่ลี่ มักจะเลือกรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ไร้ทางสู้เป็นเหยื่อ และเธอก็คือเหยื่อในสายตาของโจวหว่านซิน

ในขณะที่เธอกำลังเดินผ่านสระน้ำ เจียงซู่รู้สึกได้ว่ามีเสียงเคลื่อนไหวที่แผ่วเบาดังขึ้นจากข้างหลังเธอ ดวงตาของเธอหรี่มองด้วยหางตาอย่างระแวดระวัง ก่อนที่เสียงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายจะค่อย ๆ ดังขึ้น เพื่อเข้ามาประชิดตัว แต่เธอหันตัวหลบทันด้วยไหวพริบ ทำให้รอดพ้นจากมือคู่นั้น ที่จงใจยื่นมาผลักเธอ

เธอโชคดีที่หลบจากการซุ่มโจมตีของอีกฝ่ายได้ แต่คนที่จงใจผลักเธอดูเหมือนจะไม่ได้โชคดีอย่างเธอ

เสียงตู้มดังขึ้น

พร้อมกับร่างคนที่ตกลงไปในสระน้ำ

จากนั้นก็มีเสียงอุทานดังขึ้นมาติด ๆ และตามมาด้วยเสียงประณามด้วยความเกรี้ยวกราด “แกผลักคนตกน้ำทำไม? ”

เด็กอายุประมาณสิบหกถึงสิบเจ็ดปี ราว ๆ ห้าถึงหกคนโผล่ออกมา ซึ่งหนึ่งในกลุ่มเด็กนั่นก็มีโจวหว่านซินด้วย
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 100

    เจียงซู่ดันชามโจ๊กทะเลตรงหน้าออกไป “ฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ”โจวซือเหย่มีสีหน้าอึ้งไปเล็กน้อย เขายังคงรอคำขอบคุณจากเจียงซู่ แต่ไม่คิดว่าจะได้คำพูดที่ทำให้เขาอารมณ์เสียป้าเฉินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอแอบชำลืองมองโจวซือเหย่ และพยายามที่จะช่วยคลี่คลาย “คุณผู้หญิงคะ การทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด ๆ ต้องใช้เวลามาก จะไม่ทันอาหารเช้านะคะ”เจียงซู่ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอได้”เมื่อได้ยินดังนั้น ป้าเฉินก็มองไปที่โจวซือเหย่อีกครั้ง แล้วโจวซือเหย่ก็โบกมือให้เธอไปทำเมื่อเห็นเช่นนี้ ป้าเฉินจึงไม่พูดอะไรอีกและรีบไปที่ห้องครัวโจวซือเหย่มองขาที่ยังคงเข้าเฝือกของเธอ “คุณไม่ต้องไปที่ทำงานแล้ว พักรักษาตัวที่บ้านให้ดี พอหายดีแล้ว ถ้ายังอยากทำงานเดิมอยู่ ผมจะจัดหาที่ทำงานใหม่ให้”เขาหมายความว่าไง?เขาคิดว่าการที่เธอมีเพศตรงข้ามอยู่รอบตัวจะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหายใช่ไหม? เขาต้องการที่จะกำจัดคนรอบตัวเธอใช่ไหม?สำหรับพฤติกรรมสองมาตรฐานของเขา เจียงซู่รู้สึกว่ามันน่าขำ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆโจวซือเหย่ “ขอแค่คุณยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน เชื่อฟังและทำตัวดี ๆ ตำแหน่งคุณผู้หญิงโจว

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 99

    โจวซือเหย่คิดว่าการที่เธอแต่งงานกับเขาเป็นการขายตัวหรือไง?เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่?เป็นโสเภณีหรือไง?เจียงซู่กัดฟันกรามแน่น ราวกับได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่แตกสลาย เธอกลืนความปวดร้าวในลำคอ และเบิกตากว้าง พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา“ฉันเสียใจ”เธอเสียใจที่แต่งงานกับเขาเขาจะไม่ชอบเธอก็ได้ แต่เขาไม่ควรเหยียบย่ำหัวใจของเธอแบบนี้เธอเพ้อฝันอยู่ฝ่ายเดียว คิดว่าหยดน้ำจะทำให้หินกร่อนได้ แต่เธอกลับลืมไปว่าหัวใจของเขานั้นแข็งเสียยิ่งกว่าหิน มันทำจากเหล็กกล้าเมื่อเห็นความแตกสลายอย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ โจวซือเหย่ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเจียงซู่พึมพำคำเดิม “ฉันเสียใจ”โจวซือเหย่ไม่เข้าใจว่าความเสียใจของเธอหมายถึงอะไร และเขาก็ไม่สนใจที่จะรู้ด้วย แต่จู่ ๆ เขาก็ผลักเธอล้มลงไปเจียงซู่ที่ตอบสนองช้าไปครึ่งก้าว กว่าจะรู้ตัวว่าเขาจะทำอะไร เขาก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออกแล้ว เธอพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่“ฉันไม่ทำ!”โจวซือเหย่จับข้อมือของเธอตรึงไว้ที่เหนือศีรษะ และใช้ขาอีกข้างล็อกขาเธอที่พยายามขัดขืน“คุณเลิกคิดเรื่องหย่าได้เลย ตระกูลโจวไม่มีทางเกิดเรื่องอื้อฉาวอย่างเรื่องหย่าร้างเด็ดขาด” โจวซื

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 98

    เจียงซู่ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ความทรงจำที่ขาดหายไปของเธอยังคงอยู่ที่ตอนที่เว่ยชิงหางจะไปส่งเธอกลับบ้าน“รุ่นพี่ ขอบคุณที่มาส่งฉันกลับบ้านนะคะ”คำพูดของเจียงซู่ฟังดูติด ๆ ขัดๆ แต่ในมุมมองของโจวซือเหย่ คำพูดเหล่านั้นเหมือนเป็นการออดอ้อนเว่ยชิงหาง“คุณไปกลับก่อนเถอะ อย่าให้โจวซือเหย่เห็น เดี๋ยวเขาจะหาเรื่องคุณ”เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของโจวซือเหย่ก็มืดลง“ทำไมผมต้องหาเรื่องเขาด้วย?”เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้สติที่ขุ่นมัวของเจียงซู่แจ่มชัดขึ้นเล็กน้อย เธอมองไปรอบ ๆ และเพิ่งรู้ตัวว่าเธอนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนใหญ่เจียงซู่ส่ายหัวที่เวียนหัวของเธอ และพูดว่า “ตัวฉันมีกลิ่นเหล้า คืนนี้ฉันจะไปนอนห้องข้าง ๆ”แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีสติสมบูรณ์ครบถ้วน แต่เธอก็ยังจำได้ว่าเขาไม่ชอบกลิ่นเหล้าจากตัวเธอในอดีต ทุกครั้งที่กลับมาจากการเลี้ยงสังสรรค์ เจียงซู่จะแยกห้องนอนกับโจวซือเหย่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขารังเกียจเธอเธอลงจากเตียงกำลังจะจากไป แต่โจวซือเหย่กลับกดไหล่ของเธอไว้ แล้วผลักเธอล้มลงบนเตียงเจียงซู่ยืนไม่มั่นคงอยู่แล้ว การล้มลงบนเตียงอีกครั้ง ทำให้ส

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 97

    “รุ่นน้อง”ในขณะที่เจียงซู่กำลังแหม่อลอย เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นเมื่อรู้สึกตัว เธอก็สบตากับเว่ยชิงหาง“รุ่นพี่”เขาถามว่า “มาทำอะไรที่นี่?”เจียงซู่หลีกเลี่ยงประเด็นหลัก “ออกมาสูดอากาศสักหน่อย คุณล่ะ? มาทำอะไรที่นี่?”เว่ยชิงหาง “เพิ่งคุยงานกับลูกค้าเสร็จ”พูดไป เขาก็มองเข้าไปในรถของเธอ แล้วพูดอีกว่า “คุณยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงขับรถออกมาคนเดียว?”“ขาที่เหยียบคันเร่งยังปกติดี” เจียงซู่ถาม “อีกเดี๋ยวจะยุ่งไหมคะ?”เว่ยชิงหางถาม “คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?”เจียงซู่ “ฉันอยากไปดื่มสักแก้ว คุณอยากไปด้วยกันไหม?”เว่ยชิงหางไม่ได้ขัดจังหวะ “ไปที่ไหน?”จากนั้นพวกเขาไปที่บาร์เงียบ ๆ แห่งหนึ่งแสงในร้านสลัว ๆ ช่วยปกปิดความหม่นหมองและความอ้างว้างในตัวของเจียงซู่เว่ยชิงหางเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี เขาเพียงแค่อยู่เงียบ ๆ เป็นเพื่อนเจียงซู่ไม่ได้มาเพื่อระบายความในใจ ตอนนี้เธอแค่รู้สึกเหงามาก ๆ เท่านั้น อยากมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน ไม่อยากอยู่คนเดียวแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่เว่ยชิงหางก็รู้สึกได้ว่าเจียงซู่อยู่ในอารมณ์ที่เศร้าหมองมากจริง ๆ แล้วตั้งแต่ที่เขารู้จักเธอ เ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 96

    เจียงซู่รู้ดีว่าแม่สามีตั้งใจพูดกระทบเธอมากกว่าในสายตาของแม่สามี เธอไม่ได้ดีไปกว่าคนในตระกูลเล็ก ๆ เลยด้วยซ้ำเวินเหยาฉินตั้งใจจะหนุนหลังโจวหว่านซิน และตั้งใจจะให้เธอยอมจำนนแต่โดยดี แน่นอนว่าต้องกลั่นแกล้งเธออย่างหนักแต่เวินเหยาฉินไม่ได้ลงไม้ลงมือกับเจียงเจียเหวิน เพราะอย่างไรก็เป็นลูกของคนอื่น แต่สำหรับเธอแล้วไม่เหมือนกัน เธอเป็นลูกสะใภ้ที่ถูกต้องตามกฎหมายการที่แม่สามีใช้ให้ลูกสะใภ้ทำอะไร ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาภรรยาหลวงอย่างเธอต้องมาทำหน้าที่ของอนุภรรยา แม้แต่มื้อกลางวัน เธอก็ต้องเป็นคนทำอาหารให้พวกเขาทานด้วยอาการปวดเอวและเจ็บเท้า การถูกกลั่นแกล้งขนาดนี้ ทำให้ใบหน้าของเจียงซู่ซีดลงเล็กน้อยเวินเหยาฉินเห็นท่าทางที่ดูเหมือนคนตายของเธอก็รู้สึกหงุดหงิด และพูดอย่างไม่พอใจว่า “เธอทำหน้าบึ้งให้ใครดู? ฉันใช้ให้เธอปรนนิบัติฉัน แล้วเธอไม่พอใจอีกเหรอ?”เจียงซู่ “เปล่าค่ะ”พอพูดจบ ก็มีเหงื่อเย็น ๆ หยดหนึ่งไหลลงมาจากขมับของเธอพอดีเวินเหยาฉินพูดอย่างรังเกียจว่า “พอแล้ว พอแล้ว ที่นี่ไม่ต้องการเธอแล้ว”แม้ว่าจะไม่ได้มองตรง ๆ แต่เจียงซู่ก็รู้สึกได้ถึงความสะใจของเวิงอี๋เธอเดินลากสังข

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 95

    ความห่วงใยของโจวซือเหย่ก็เหมือนกับอากาศในเดือนมิถุนายน เพราะเมื่อยามหนาวเหน็บก็หนาวเหมือนราวกับน้ำแข็ง แต่เมื่ออบอุ่นก็อบอุ่นจนร้อนซึ่งสามารถแผดเผาได้ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินกว่าคนปกติจะรับไหวอาหารถูกยกขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ตอนที่โจวซือเหย่อุ้มเธอลงมา คุณป้าเฉินแอบยิ้มอย่างโล่งใจไหน ๆ ก็มาถึงโต๊ะแล้ว เจียงซู่ก็ไม่อยากทำให้เสียเปล่า“ซินซินยังเด็กอยู่ คุณเป็นพี่สะใภ้ ก็ควรจะทนกับเธอหน่อย”คำพูดนั้นทำให้มือเจียงซู่ที่กำลังจับตะเกียบชะงักไปทันที เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองเขาแสงไฟนุ่มนวลคลอร่างเขา ทำให้เสี้ยวหน้าคมเข้มดูอบอุ่นขึ้นมาบ้าง แต่สำหรับเธอมันกลับไม่เหลือความรู้สึกอบอุ่นใด ๆ อาหารในปากพลันจืดชืดลงทันทีเขารู้ดีอยู่แล้วว่าใครผิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปกป้องอยู่ดี เขาจะไร้ความยุติธรรม เพียงแต่หัวใจมันลำเอียงนั้นเองเจียงซู่วางตะเกียบลง เช็ดปากเบา ๆ “ฉันอิ่มแล้ว”โจวซือเหย่มองอาหารที่แทบไม่ถูกแตะต้อง เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจียงซู่ก็เรียกป้าเฉินให้มาช่วยพยุงขึ้นไปบนห้องเสียแล้วป้าเฉินมองชายหนุ่มที่เอาแต่เงียบด้วยความหงุดหงิด ในสายจาของป้าเฉินรู้สึกว่าโจวซือเหย่ยังไม่รู้จัก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status