ในวันแต่งงานปานิศาจับได้ว่าเจ้าบ่าวของเธอแอบมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิท ที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาว หญิงสาวจึงทิ้งทุกอย่าง เป็นเจ้าสาวครึ่งทางดีกว่าไปให้สุดทางพร้อมกับความเจ็บปวด
ดูเพิ่มเติมปานิศายืนค้างอยู่กับที่ เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องที่ทางโรงแรมจัดไว้เป็นห้องพัก ภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เธอช็อคจนสิ้นสติ
"อือ...เบา ๆ สิคะ เดี๋ยวเจ้าสาวของคุณก็ได้ยินกันพอดี" ปากร้องห้ามแต่ช่วงล่างกับส่ายร่อนรอรับการเติมเต็มของเขา
เพียะ เพียะ
ฝ่ามือของชายหนุ่ม ฟาดลงบนปั้นท้ายที่ส่ายร่อนอย่างมันมือ
"คุณน่ากินขนาดนี้ใครจะอดใจไหว อย่าใส่ชุดนี้มาให้เห็นอีกนะผมหวง"
"อื้อ...อ๊ะ ๆ ๆ ๆ หวงอะไรคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย"
"ไม่ได้เป็นเหรอ แล้วแบบนี้เรียกว่าอะไร" พูดพร้อมกับอัดกระแทกแก่นกายเข้าไปในช่องทางรักของคนที่ยืนในท่าโกงโค้งจนมิดโคน
"อ้าย เบา ๆ สิคะ แพมเสียวไปหมดแล้วค่ะ" แพมหรือภีรณีส่ายก้น เมื่อคนที่อยู่ด้านหลังกระแทกแท่งร้อนเข้าใส่ไม่ยั้ง ปากร้องห้ามแต่การกระทำกลับสวนทางกัน ท่าทางของหญิงสาว ยิ่งทำให้คนที่อยู่ด้านหลังฮึกเหิม ศราวุธในชุดเจ้าบ่าว กำลังบรรเลงเพลงรักกับเพื่อนเจ้าสาวในห้องพักแขกของโรงแรม อย่างเร่าร้อนถึงพริกถึงขิง สองคนนี้มีความสัมพันธ์กันมาสักพักนึกแล้ว เพราะภีรณีเป็นเพื่อนสนิทกับปานิศาเจ้าสาวในคืนนี้
มือบางกำเข้าหากันแน่น ภาพตรงหน้าทำให้เจ็บจนเข้ากระดูกดำ อยากจะเข้าไปฆ่าคนทั้งสองให้ตายไปพร้อม ๆ กัน แต่ก็ต้องฝืนเอาไว้ ทำแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนรอบข้างก็เตือนเธอแล้วว่าศราวุธเป็นคนเจ้าชู้ เธอเองที่ดือรั้นและดึงดันจะแต่งงานกับเขา
"เด็กดื้อต้องโดนอะไรครับ" ศราวุธถามคนที่อยู่ใต้ร่าง
"โดนอะไรคะ โดนแบบนี้หรือเปล่า อ่า...แพมชอบจังเลยค่ะ" พูดพร้อมกับเด้งบั้นท้ายขึ้นมารับการเติมเต็มของเขา
"ซี๊ด...อ่า...ผมก็ชอบครับแพม อ่าหอยคุณดูดจนผมเสียวไปหมดแล้ว"
"อ้ายยย...ผัวขาแพมจะเสร็จแล้วค่ะ" ถ้อยคำหยาบโลนที่คนในห้องพูดคุยกัน ทำให้ปานิศาคลื่นไส้จนแทบอาเจียนออกมา เธอรักผู้ชายคนนี้ได้ยัง
หญิงสาวในชุดเจ้าสาววิ่งออกไปทันที เมื่อฝืนอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ไหว เธอเห็นศราวุธหายไปนาน เลยขึ้นมาดูเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะไม่สบาย แต่ภาพที่เธอเห็นคืออะไร ภีรณีกับศราวุธกำลังเล่นรักกัน ทุเรศสิ้นดี ศราวุธกำลังเข้าพิธีแต่งงานกับเธอ เขาทำแบบนี้ได้ยังไง
"โอ้ย!" ปานิศาร้องลั่นเมื่อชนกับใครบางคน จนเสียหลักล้ม ดีที่ได้แขนของเขาประคองช่วงเอวเอาไว้ จึงไปหงายลงพื้น
"เป็นอะไรไหมคุณ วิ่งหนีอะไรมาครับ" เตวิทย์ถาม เขายังประคองเธอไว้ในอ้อมแขนอยู่อย่างนั้น
"คุณเต!" ตากลมโตมองหน้าคนที่กอดเธอไว้ ดีใจที่เจอเขา
"ครับ...ผมเอง" เตวิทย์ตั้งสติแล้วปล่อยคนในอ้อมแขนลงพื้น เธอใส่รองเท้าส้นสูง แถมกระโปรงที่ใส่ก็รุ่มราม วิ่งมาแบบนี้ดีแค่ไหนที่ไม่สะดุดล้ม
"ปลื้มเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ" เมื่อมองหน้า
ชัด ๆ จึงเห็นว่าปานิศาร้องไห้"คุณเตพาฉันไปจากที่นี่นะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว" พูดพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาเป็นสาย
"คุณปลื้ม เกิดอะไรขึ้นครับ คุณเป็นอะไร" เตวิทย์ถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเจ้าสาวร้องไห้จนตาแดงก่ำ เขามาร่วมแสดงความยินดีงานแต่งของเธอตามคำเชิญ แต่เพราะบางอย่างที่ติดอยู่ในใจ จึงทำให้เขามาช้า
"ไปกันเถอะค่ะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ขอร้องนะคะพาฉันไปให้พ้นจากตรงนี้ที" ขอร้องเขาทั้งน้ำตา เธอคงไม่มีหน้ากลับเข้าไปในงานอีกแล้ว เจ้าบ่าวกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท ทำเรื่องระยำลับหลังเธอ
"จะไปได้ยังไงครับ นี่งานแต่งงานของคุณนะ" ถึงแม้จะไม่รู้ว่าปานิศาเจอกับอะไรมา แต่เธอกำลังเป็นเจ้าสาว นอกจากเธอแล้วในงานยังมีผู้ใหญ่และแขกอีกมากมาย ถ้าเขาทำตามที่เธอบอกคนที่อยู่ข้างหลังจะเป็นอย่างไร
"พาฉันไปนะคะ ฉันขอร้อง" ปานิศาไม่รอช้า ตรงเข้าไปคว้าแขนเตวิทย์ มองเขาด้วยสายตาขอร้อง เธอต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
"ปล่อยครับคุณปลื้ม คุณจะทำแบบนี้ได้ยังไง คุณกำลังเป็นเจ้าสาวนะ ถ้าคุณหายไปแม่กับพี่ชายของคุณจะเอาหน้าไปไว้ไหน ไหนจะผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าบ่าวอีก คิดดี ๆ สิครับ มีปัญหาอะไรครับบอกผมได้ไหม" เตวิทย์พยายามหว่านล้อมและเตือนสติ แต่ปานิศาไม่สนใจ มือบางจับลงที่แขนของเขา เตวิทย์คือที่พึ่งเดียวของเธอ เธอไม่อยากกลับเข้าไปในงาน วิวาห์ล่มก็ดีกว่าต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
เตวิทย์มองหน้าหญิงสาวแล้วถอนหายใจออกมา ใจจริงเขาก็อยากทำอย่างนั้น เขาไม่อยากให้งานแต่งงานเกิดขึ้นตั้งแต่แรก เพราะรู้จักนิสัยของศราวุธเป็นอย่างดี และที่สำคัญคนที่กำลังขอร้องให้เขาพาเธอหนี มีผลกับความรู้สึกและหัวใจของเขาไม่น้อย ที่เขามาช้าไม่ใช่ติดงาน แต่เขาไม่อยากมาต่างหาก เพราะยังทำใจไม่ได้ที่ต้องเสียเธอไป เขาแอบชอบเธอจนถึงขั้นตกหลุมรัก แต่ปานิศาไม่เคยสนใจเขาเลยสักนิด มีโอกาสพบกัน และทำงานด้วยกันบ่อยครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา เพราะในใจของเธอมีแค่ศราวุธคนเดียวเท่านั้น
"คุณจะไม่เสียใจใช่ไหม" เตวิทย์ถามเพื่อความมั่นใจ ปานิศาพยักหน้าเป็นคำตอบ คำถามของเขาคงหมายถึงสิ่งที่เธอกำลังทำในตอนนี้ ไปจากศราวุธคือสิ่งที่ดีที่สุด เธอไม่มีวันเสียใจแน่นอน
มือหนาคว้าลงที่ข้อมือบาง เมื่อเธอพยักหน้ารับ ความหมายของคำถามของเขาก็คือ เธอไม่เสียใจที่ตัดสินใจไปกับเขาใช่ไหม เพราะหลังจากนี้เขาจะต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่เรื่องที่พาเจ้าสาวหนีไปจากงานแต่งงาน แต่เขาต้องทำทุกอย่าง เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเธอ
ปานิศาปาดน้ำตาออกจากหน้า เมื่อเตวิทย์เคลื่อนรถออกจากโรงแรม พรุ่งนี้เรื่องที่เธอหนีงานแต่งคงเป็นข่าวหน้าหนึ่ง วิวาห์ล่มเพราะเจ้าสาวหายตัวไป แม่และพี่ชายคงอับอายไม่น้อย ถึงจะเสียใจที่หนีปัญหา แต่มันคือทางออกที่ดีที่สุด ออกมาจากงานตัวเปล่า มือถือและกระเป๋าสตางค์อยู่ในห้องที่เตรียมไว้เป็นห้องหอ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็พากันไหลออกมา ไม่ได้เจ็บที่ถูกนอกใจ แต่เจ็บที่เป็นควายให้สองคนนั้นหลอกอยู่ตั้งนาน เพื่อนที่แสนดีกับว่าที่สามีสุดที่รัก พวกเขาทำได้อย่างไร
เตวิทย์ปรายตามองคนที่นั่งข้าง ๆ แล้วหันไปสนใจกับท้องถนน รถน้อยถนนโล่งจึงขับได้อย่างคล่องตัว ยังไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้อยู่ที่ไหน รู้เพียงแต่ว่าเขาจะทำตามหัวใจตัวเอง เหตุการณ์ครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ กามเทพจงใจโยนเธอใส่อ้อมแขนของเขา
หลังทานอาหารกลางวัน ร่วมกับครอบครัวปานิศา เตวิทย์ก็บอกเรื่องที่กำลังคบกับปานิศา ให้ประภาภรณ์และปฐวีฟัง ทุกคนไม่แปลกใจเพราะรู้อยู่แล้ว ปฐวีดีใจจนออกนอกหน้า เขาเชียร์คู่นี้มานาน เตวิทย์เป็นคนดี เป็นคนที่เหมาะสมกับแก้วตาดวงใจของครอบครัวเขา ปานิศาพาเตวิทย์มานั่งเล่นในห้องพักผ่อน คลอเคลียไม่ห่างกัน เตวิทย์จูบเธอหลายครั้ง จนหญิงสาวอ่อนใจ “ผมมาคิดดูแล้ว เรื่องเป็นแบบนี้ก็ดีนะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น จมูกโด่งเป็นสันไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ของคนที่นั่งอยู่ในอกของเขา “ยังไงคะ” ปานิศาถามเพราะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดเขา “ถ้าคุณไม่หนีออกมา ผมคงไม่มีวันนี้ ถ้าคุณไม่ไปกับผม ผมก็ไม่ได้เป็นแฟนคุณ เพราะคุณไม่เปิดใจให้ผม” นึกแล้วก็น้อยใจ ทำให้สารพัด ดูแลมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่เธอกลับมองข้ามเขา “ตอนนั้นปลื้มตาพร่าเลือนค่ะ เลยมองอะไรชัด” ปาณิศาตอบ ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาสบตากับเขา “แต่ตอนนี้ตาปลื้มบอดสนิทไปแล้ว” พูดพร้อมกับยิ้มหวานให้เขา เตวิทย์ย่นคิ้ว ไม่ทันมุกของเธอ “ทำไมครับ” ถามเพราะไม่เข้าใจ “ความรักทำให้คนตาบอดค่ะ” เตวิทย์
ศราวุธอับอายเพราะจำนนต่อหลักฐาน ปานิศาหนีไปเพราะจับได้ว่าเขามีอะไรกับภีรณี ชายหนุ่มเดินไปที่รถโดยไม่ร่ำลาและไม่ขอโทษปานิศาสักคำ “ไอ้สารเลว” ปฐวีด่าอดีตว่าที่น้องเขย “ขอบคุณ คุณน้ำหวานมากนะคะที่ช่วยปลื้มไว้” ปานิศาไหว้น้ำหวาน ขอบคุณที่น้ำหวานถ่ายคลิปสองคนนั้นไว้ ทำให้เธอมีหลักฐานเล่นงานศราวุธ “หวานเองก็ตกใจมากนะคะ หวานคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคุณปลื้มเลยถ่ายเอาไว้” “คุณหวานจะว่าอะไรไหม ถ้าป้าจะขอให้คุณหวานลบคลิปทิ้ง” คุณประภาภรณ์พูดไม่เต็มเสียงนัก เพราะเกรงใจน้ำหวาน นางไม่อยากให้จองเวรกันอีก ถึงคนภายนอกจะไม่รู้สาเหตุที่วิวาห์ล่ม แต่นางและคนในครอบครัวรู้ แค่นี้ก็พอแล้ว “หวานก็ไม่คิดจะเก็บไว้หรอกค่ะ” น้ำหวานตอบพร้อมกับยิ้มให้คนสูงวัย “แต่ผมต้องการเก็บเอาไว้ครับแม่ คลิปนั่นคือหลักฐานชิ้นเดียว ที่ทำให้ยายปลื้มหลุดพ้นจากคำครหา ผมจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกน้อง อีกอย่างเตวิทย์ก็เป็นคนมีชื่อเสียง ข่าวที่ออกไปกระทบกับธุรกิจของนายเตไม่น้อย ถึงแม่จะไม่เอาเรื่อง แต่อย่างน้อย ๆ ก็ต้องให้บทเรียนสองคนนั้นบ้าง หรือไม่ก็เก็บไว้ เผื่อ
เช้านี้ปาณิศาตื่นสายกว่าทุกวัน เมื่อคืนดื่มกับเตวิทย์มาหลายแก้ว หญิงสาวโทรไปสั่งงานเลขา บอกว่าจะเข้าบริษัทสาย สิ่งที่เลขาตอบกลับมาทำให้เธอหายจากความมึนเมา ศราวุธไปหาเธอที่บริษัท รออยู่พักใหญ่ เมื่อเห็นว่าเธอมาสายจึงกลับออกไป “ก่อนกลับคุณศราวุธบอกว่าตอนบ่ายจะมาใหม่ค่ะ” ปรียานุชรายงานเจ้านาย “เขาบอกหรือเปล่าว่ามีธุระอะไร” บริษัทของเธอไม่ใช่ที่ที่ศราวุธจะเดินเข้าออกได้เหมือนเมื่อก่อน เห็นทีต้องแจ้งกับยามที่หน้าบริษัท ว่าไม่ให้เขาเข้าไปข้างใน “ไม่ได้บอกค่ะ” “คุณนุชแจ้งยามด้านหน้าด้วยนะคะ ว่าปลื้มสั่งไม่ให้ศราวุธเข้าไปในบริษัท” “จะดีเหรอคะคุณปลื้ม นุชกลัวว่า” ปรียานุชลังเล กลัวว่าคำสั่งนี้จะทำให้ศราวุธไม่พอใจ แล้วจะสร้างปัญหาให้ปานิศาภายหลัง “ไม่ต้องกลัวนะคะคุณนุช ศราวุธทำอะไรปลื้มไม่ได้หรอกค่ะ” “ดูแลตัวเองด้วยนะคะ นุชเป็นห่วง” ถึงปานิศาจะมีเตวิทย์ดูแล แต่ปรียานุชก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าศราวุธเอาเรื่องขึ้นมา ปานิศามีแต่เสียกับเสีย “ขอบคุณค่ะ วันนี้ปลื้มเข้าสายนะคะ” พูดจบก็กดวางสาย ก่อนจะเดิน
ปานิศาปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยความสุข เตวิทย์ปฏิบัติต่อเธอเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพียงแต่สถานะเปลี่ยนไป เมื่อตอบรับเขาเป็นแฟนความรู้สึกเธอก็ไม่เหมือนเดิม ประหม่าเขินอาย เวลาที่ถูกเขามองนาน ๆ อาหารมื้อแรกของการเป็นแฟน คือสเต็กเนื้อสันในกึ่งดิบที่เธอทำสุดฝีมือ เตวิทย์ให้เลือกร้านอาหารมากมาย แต่เขากลับพามาที่บ้านของเขา และช่วยทำมื้อเย็น เธอรู้ว่าเขาทำอาหารเก่งกว่า แต่วันนี้เขาอยากชิมฝีมือเธอ จึงได้อาหารหน้าตาประหลาด ที่มาพร้อมกับรสชาติเฝื่อนลิ้น หลังจากทานอาหารเสร็จ เขาพาเธอขึ้นมาดื่มต่อบนชั้นดาดฟ้า ปานิศาดื่มไม่เก่ง เมื่อถูกคะยั้นคะยอจึงดื่มไปสามแก้ว แต่ก็ทำให้มึนได้เหมือนกัน หญิงสาวนอนบนเตียง เตวิทย์ตามมานอนข้าง ๆ แล้ว กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “ค้างกับผมนะ ผมอยากนอนกอดคุณ” เตวิทย์กระซิบชิดใบหู พร้อมกับฝังจมูกลงมาซุกไซ้ ท้ายทอยและไรผม “แล้วนี่ไม่เรียกว่ากอดเหรอคะ” เธอเบี่ยงหน้าหนี เมื่อเขารุกหนักขึ้น ตอนนี้เขากำลังนอนกอดเธออยู่ แล้วจะเอาอะไรอีก “กอดครับแต่กอดคนละแบบ” “เอาเปรียบฉันอีกแล้วนะคะ” “เอาเปรียบที่ไหน
ภีรณีกลับมาที่คอนโดของศราวุธ เมื่อเห็นเขายังนอนอยู่ก็โมโหหนัก แต่ก็พยายามข่มกั้นเอาไว้ ศราวุธคือคนเดียวที่จะทำให้เธอสมหวัง ให้ศราวุธกลับไปคืนดีกับปานิศา เตวิทย์จะได้เป็นของเธอ มือบางลูบไล้ไปตามหน้าอกแน่นหนัน ปลุกคนหลับด้วยวิธีที่ถนัด ศราวุธปรือตาขึ้น เมื่อเห็นภีรณีก็หลับตาต่อ นอนให้เธอจัดการเรื่องที่ค้างคา “ตื่นได้แล้วค่ะที่รัก ปลื้มกลับมาแล้วนะคะ คุณไม่คิดจะไปหาเมียคุณหน่อยเหรอ” ภีรณีกระซิบชิดใบหู “เมียผมก็อยู่นี่ไง” ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงยิ้มด้วยความดีใจ ที่ชนะปานิศาได้ แต่ตอนนี้มันต่างกัน เพราะเธอไม่ต้องการเขาแล้ว “ที่รักขา แพมอยากให้คุณกลับไปหาปลื้ม” คำพูดของภีรณีทำให้ศราวุธขมวดคิ้วมุ่น เขาจบกับปานิศาแล้ว จะให้กลับไปทำไมอีก “ทำไม!” ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ภีรณีบิดปากให้กับคำถามของเขา ‘เพราะฉันเบื่อแกไง’ คิดแต่ไม่ได้พูดออกไป “คุณก็รู้ว่าปลื้มเป็นบ่อเงินบ่อทองของเรา แพมอยากให้คุณกลับไปหาปลื้ม ให้คุณกอบโกยเงินของมันมาให้มากที่สุด เงินที่ได้มาไม่นานก็หมด แพมอยากให้คุณกลับไปง้อมัน มันรักคุณมาก คงยกโทษให้ไม่ยาก”
ทันทีที่ประตูปิดลง ปานิศาก็ผละออกจากอกของเตวิทย์ แต่ก็ช้าไปกว่าแขนแกร่ง ที่กอดเอวบางเอาไว้ แล้วใช้ช่วงตัวดันหญิงสาวให้ล้มลงไปกับโซฟา “คุณเต!” ปานิศากรีดร้องเมื่อร่างใหญ่ทับลงมา “เด็กนิสัยไม่ดี พอหมดประโยชน์ก็เฉดหัวทิ้ง” เตวิทย์ว่าให้แล้วก้มลงมาหาจนริมฝีปากแตะกัน ปานิศายกมือขึ้นมาปิดปากเขาเอาไว้ “ขอโทษที่ขัดจังหวะนะคะ แต่ฉันทนไม่ไหวจริง ๆ” “มาถูกจังหวะเลยครับ ผมกำลังหาวิธีไล่ภีรณีอยู่พอดี” “ไม่จริงมั้ง รอยที่เสื้อเป็นพยานได้” “หึงเหรอ” หัวใจพองโตคับอก แอบคาดหวังว่าจะได้ยินคำตอบที่เกี่ยวกับตัวเอง ปานิศาหึงจนทนไม่ไหว ทำนองนี้ “เปล่าค่ะ” “แล้วที่ทำตอนนั้น” “การแสดงล้วน ๆ” “ว้า...เราก็คิดว่าจะหึงบ้าง รู้อะไรไหมปลื้ม” “อะไรคะ” เธอถามแล้วรอฟังอย่างตั้งใจ “ตอนที่คุณเปิดประตูเข้ามา เห็นภีรณีเดินออกมาจากข้างหลัง ผมตกใจมาก กลัวว่าคุณจะเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ รอยที่เสื้อเป็นอุบัติเหตุ เธอล้มผมเลยเข้าไปประคอง ไม่รู้ด้วยว่ามีรอยที่เสื้อ” เตวิทย์บ
ความคิดเห็น