Share

บทที่ 9

Penulis: คุณชายสายฝน
คำพูดที่ดูเหมือนจะปกป้องของเวิงอี๋ ในสายตาของเจียงซู่ มันเป็นเพียงการยั่วยุเท่านั้น ราวกับว่าเธอใจกว้างและเห็นอกเห็นใจมากแค่ไหน

ตัวเจียงซู่เองยังไม่ได้พูดอะไร แต่ไต้ซานเหอกลับรู้สึกคลื่นไส้กับท่าทางที่เสแสร้งของเธอ

เธอกำลังจะอ้าปาก แต่ถูกเจียงซู่ดึงไว้ก่อน “ผู้ช่วยเวิง ฉันจำได้ว่าบัวขาวไม่ได้เติบโตในเรือนกระจกนะ”

เวิงอี๋ได้ยินดังนั้นก็ทำหน้างงงัน “พี่เจียง พี่หมายความว่ายังไงคะ?”

เจียงซู่พูดว่า “ในเมื่อคุณอยากเลี้ยงดอกไม้นี้ ทำไมไม่ศึกษาลักษณะนิสัยล่วงหน้าล่ะคะ สุดท้ายอย่าให้มันตายล่ะ”

ชัดเจนว่าดอกไม้ที่ว่าไม่ใช่ดอกไม้จริง ๆ แต่เธอกำลังพูดในเชิงเปรียบเทียบ

คนอื่น ๆ ที่อยู่ในที่นั้นก็ไม่ใช่คนโง่ ย่อมเข้าใจว่าเจียงซู่กำลังว่าเธอเป็นดอกบัวขาว(ผู้หญิงเจ้าเล่ห์)

เวิงอี๋ทำหน้าน้อยอกน้อยใจ “พี่เจียง พี่มีอคติอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?”

เจียงซู่โยนคำถามกลับไป “ทำไมฉันถึงต้องมีอคติกับเธอด้วยล่ะ?”

เวิงอี๋ไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่กลับหันไปมองโจวซือเหย่ “พี่ซือเหย่ พี่เจียงดูเหมือนจะเข้าใจฉันผิดไปแล้วนะ”

คิ้วของโจวซือเหย่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “เจียงซู่ คุณเลิกงี่เง่าได้ไหม?”

มันน่าสนุกตรงไหน?

จริง ๆ แล้วเจียงซู่ชอบฟังเขาเรียกชื่อเธอมาก เพราะเมื่อคำสองคำนี้ออกมาจากปากเขา เธอก็จะรู้สึกใกล้ชิดราวกับว่าเขาอมเธอไว้ในปาก

แต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินอีกครั้ง กลับเหลือเพียงแค่การข่มขู่

ความสนิทสนมที่เธอคิดเองเออเอง ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงการหลอกตัวเองเท่านั้น

เจียงซู่มองไปที่เขา สัมผัสได้ถึงคำเตือน ก็รู้สึกหมดแรง

การที่เธอประชดประชันแบบนี้มีความหมายอะไร ก็แค่การข่มขู่ด้วยวาจาเท่านั้น แถมยังทำให้เวิงอี๋หัวเราะเยาะเธออีกด้วย

เจียงซู่ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดในใจ เปลี่ยนเรื่องพูด “ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ คืนนี้กลับบ้านเร็ว ๆ หน่อยนะ”

เธอรู้ว่าตอนนี้เธอไม่สามารถเรียกเขากลับมาได้ และก็เธอไม่จำเป็นต้องขายหน้าอีกต่อไป

พูดจบ เธอก็พาไต้ซานเหอเดินจากไปก่อน

ขณะที่เวิงอี๋จ้องมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของเธอ แววตาก็ฉายแววแห่งความได้ใจ แต่พออ้าปากอีกครั้งกลับเป็นดอกบัวขาวที่อ่อนแอ

“พี่ซือเหย่ ในเมื่อพี่เจียงมีเรื่องจะคุยกับพี่ งั้นพี่ก็กลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันเรียกแท็กซี่หาพี่สาวเองได้”

ดูเหมือนคำว่าพี่สาวจะกระตุ้นเส้นประสาทบางเส้นของโจวซือเหย่ เขากะพริบตาและพูดอีกครั้งว่า “พี่จะไปกับเธอด้วย”

ได้ยินดังนั้น เวิงอี๋ก็แอบแสยะยิ้มที่มุมปาก

หลังออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ขึ้นรถของไต้ซานเหอ

เนื่องจากอัดอั้นมาตลอดทาง ในที่สุดไต้ซานเหอก็ระเบิดอารมณ์สบถด่าออกมา “อี๋ นังดอกบัวขาวจริง ๆ ยาเร่งอาเจียนยังไม่มีฤทธิ์เท่ามันเลย ถ้าฉันไม่มารยาทดี ฉันคงอ้วกใส่หน้ามันไปแล้ว”

“โชคดีที่ฉันยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง ไม่อย่างนั้นฉันต้องให้มันจ่ายค่าอาหารให้ฉันแน่! ด้วงขี้ควายใส่หน้ากากจริง ๆ หน้าไม่อายเลย! ฉันว่าตาของโจวซือเหย่คงถูกอุจจาระบังไว้แน่ ๆ สงสัยเป็นพวกเดียวกัน กลิ่นเหม็นเหมือนกัน...”

ปากเล็ก ๆ ของไต้ซานเหอพูดพล่ามไม่หยุด ราวกับปืนกลที่กระสุนเต็มแม็ก ยิงกราดไปทั่ว

แต่พอด่าได้ครึ่งทางก็หุบปากกะทันหัน แล้วหันไปมองเจียงซู่ “เอ่อ โจวซือเหย่ก็ไม่ได้เป็นอุจจาระไปซะทั้งหมดหรอกนะ...”

เพราะยังไงโจวซือเหย่ก็ยังเป็นผู้ชายของเพื่อนสนิทเธอ

ถ้าเขาเป็นอุจจาระ แล้วเจียงซู่ล่ะเป็นอะไร?

เจียงซู่ไม่ได้ปกป้องเขาเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ “แกวิจารณ์ได้ถูกต้องแล้ว”

โจวซือเหย่คืออุจจาระ แต่เธอไม่ต้องการเป็นสุนัขอีกต่อไปแล้ว

ไต้ซานเหอ “...”

เจียงซู่รับฟังอย่างใจเย็นจนเธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

เจียงซู่ถามว่า “แกช่วยพิมพ์ข้อตกลงหย่าให้ฉันอีกชุดได้ไหม?”

ไต้ซานเหอไม่ได้ถามเหตุผล แต่พยักหน้าทันที “ได้เลย”

เจียงซู่ไปที่สำนักงานทนายความพร้อมกับเธอ แล้วกลับบ้านพร้อมกับข้อตกลงหย่าชุดใหม่

เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอจะเรียกเขากลับมาได้ตอนที่โรงพยาบาลได้ จึงให้เวลาเขาได้ตั้งหลักบ้าง แต่โจวซือเหย่กลับไม่ไว้หน้าเธอเลย

เธอรอตั้งแต่เช้าจนค่ำ ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าร่างกายจะอ่อนแอมากและอยากพักผ่อนแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ยังคงอดทนรอ

เธอคิดว่าโจวซือเหย่รู้ว่าเธอมีเรื่องจะคุยด้วย น่าจะกลับบ้านเร็ว แต่ความรอคอยของเธอถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องผิดหวังอย่างแน่นอน

เจียงซู่ไม่เพียงแต่รอโจวซือเหย่ที่ไม่กลับมาตลอดทั้งคืน และยังได้รับภาพกอดกันอย่างอบอุ่นของเขากับเวิงอี๋อีกด้วย

รูปภาพนั้นถูกส่งมาจากเวิงอี๋

เวิงอี๋ตาแดงก่ำซบอยู่ในอ้อมกอดของโจวซือเหย่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมุมกล้องหรือเปล่า เจียงซู่พบว่าโจวซือเหย่เองก็ดูเหมือนจะมีน้ำตาซึม

มองดูภาพถ่ายที่ทั้งสองคนแนบชิดกัน เจียงซู่ก็รู้สึกเจ็บแปลบตรงอกเหมือนกล้ามเนื้อกระตุก ลำคอแน่น และรู้สึกหายใจไม่ออก

เขารักเธอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?

แล้วภรรยาอย่างเธอเป็นอะไรกันแน่?

ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมีข้อความเข้ามา และยังคงเป็นเวิงอี๋

[ขโมย! ถ้ามียางอาย ก็รีบหย่ากับซือเหย่ซะ!]

คำว่าขโมย ดูเหมือนจะปักลงกลางใจของเจียงซู่ และฝังรากลึก

เจียงซู่รู้สึกขมขื่นในใจ ที่จริงแล้วเธอรู้ดีว่าการแต่งงานห้าปีนี้ของเธอเป็นการขโมยมา

ถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ เธอคงไม่มีทางได้แต่งงานกับโจวซือเหย่ที่อยู่ห่างไกลเกินเอื้อม พวกเขาไม่ใช่คนในโลกเดียวกันด้วยซ้ำ

ทั้งหมดนี้เหมือนฝันสลาย ตอนนี้ได้เวลาที่ทุกสิ่งอย่างจะกลับคืนสู่เจ้าของเดิมแล้ว

นาฬิกาดังติ๊กต๊อก ๆ เวลาผ่านไปทีละนาที เจียงซู่ยังคงไม่ได้ยินเสียงรถที่คุ้นเคยดังมาจากชั้นล่าง ร่างกายที่นั่งอยู่นานก็เริ่มชา

เมื่อมองดูข้อตกลงการหย่าบนโต๊ะกาแฟ เธอก็อดไม่ได้ที่จะโทรไปเร่งรัด

โทรศัพท์ดังอยู่นานแต่ก็ไม่มีคนรับ จนกระทั่งเจียงซู่คิดว่าไม่มีใครรับแล้ว ในที่สุดก็มีคนรับสาย

เจียงซู่อ้าปากถามว่า “อีกนานแค่ไหนคุณจะ...”

แต่คำว่ากลับบ้านกลับจุกอยู่ในคอทันที เพราะเธอได้ยินเสียงผู้หญิงที่ฟังดูชวนให้คิดลึก

“ซือเหย่ ฉันเจ็บ...”

เสียงกรอบแกรบดังเคล้ากับเสียงปลอบโยนของโจวซือเหย่ “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็เสร็จ...”

โครม! ในหูมีเสียงดังอื้อ เลือดในร่างกายของเจียงซู่แข็งตัวในทันที ใบหน้าซีดเผือดแทบไร้สีเลือด

ชายหญิงอยู่กันสองต่อสองกลางดึกดื่น เมื่อนึกถึงความเร่าร้อนของโจวซือเหย่บนเตียงในยามปกติ เธอยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก

“อดทนหน่อยนะ...”

คำคำนี้เหมือนกับคาถาพันธนาการวนเวียนอยู่ในหูของเจียงซู่ไม่หยุด ดวงตาของเธอเริ่มร้อนผ่าว น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงมา แล้วก็หายไปในความมืดมิดในยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว

เธอคิดว่าเธอพร้อมที่จะถอนตัวแล้ว แต่เธอก็ยังประเมินหัวใจตัวเองต่ำไป
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 100

    เจียงซู่ดันชามโจ๊กทะเลตรงหน้าออกไป “ฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ”โจวซือเหย่มีสีหน้าอึ้งไปเล็กน้อย เขายังคงรอคำขอบคุณจากเจียงซู่ แต่ไม่คิดว่าจะได้คำพูดที่ทำให้เขาอารมณ์เสียป้าเฉินได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอแอบชำลืองมองโจวซือเหย่ และพยายามที่จะช่วยคลี่คลาย “คุณผู้หญิงคะ การทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด ๆ ต้องใช้เวลามาก จะไม่ทันอาหารเช้านะคะ”เจียงซู่ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรอได้”เมื่อได้ยินดังนั้น ป้าเฉินก็มองไปที่โจวซือเหย่อีกครั้ง แล้วโจวซือเหย่ก็โบกมือให้เธอไปทำเมื่อเห็นเช่นนี้ ป้าเฉินจึงไม่พูดอะไรอีกและรีบไปที่ห้องครัวโจวซือเหย่มองขาที่ยังคงเข้าเฝือกของเธอ “คุณไม่ต้องไปที่ทำงานแล้ว พักรักษาตัวที่บ้านให้ดี พอหายดีแล้ว ถ้ายังอยากทำงานเดิมอยู่ ผมจะจัดหาที่ทำงานใหม่ให้”เขาหมายความว่าไง?เขาคิดว่าการที่เธอมีเพศตรงข้ามอยู่รอบตัวจะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหายใช่ไหม? เขาต้องการที่จะกำจัดคนรอบตัวเธอใช่ไหม?สำหรับพฤติกรรมสองมาตรฐานของเขา เจียงซู่รู้สึกว่ามันน่าขำ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆโจวซือเหย่ “ขอแค่คุณยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน เชื่อฟังและทำตัวดี ๆ ตำแหน่งคุณผู้หญิงโจว

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 99

    โจวซือเหย่คิดว่าการที่เธอแต่งงานกับเขาเป็นการขายตัวหรือไง?เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่?เป็นโสเภณีหรือไง?เจียงซู่กัดฟันกรามแน่น ราวกับได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่แตกสลาย เธอกลืนความปวดร้าวในลำคอ และเบิกตากว้าง พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา“ฉันเสียใจ”เธอเสียใจที่แต่งงานกับเขาเขาจะไม่ชอบเธอก็ได้ แต่เขาไม่ควรเหยียบย่ำหัวใจของเธอแบบนี้เธอเพ้อฝันอยู่ฝ่ายเดียว คิดว่าหยดน้ำจะทำให้หินกร่อนได้ แต่เธอกลับลืมไปว่าหัวใจของเขานั้นแข็งเสียยิ่งกว่าหิน มันทำจากเหล็กกล้าเมื่อเห็นความแตกสลายอย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ โจวซือเหย่ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเจียงซู่พึมพำคำเดิม “ฉันเสียใจ”โจวซือเหย่ไม่เข้าใจว่าความเสียใจของเธอหมายถึงอะไร และเขาก็ไม่สนใจที่จะรู้ด้วย แต่จู่ ๆ เขาก็ผลักเธอล้มลงไปเจียงซู่ที่ตอบสนองช้าไปครึ่งก้าว กว่าจะรู้ตัวว่าเขาจะทำอะไร เขาก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออกแล้ว เธอพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่“ฉันไม่ทำ!”โจวซือเหย่จับข้อมือของเธอตรึงไว้ที่เหนือศีรษะ และใช้ขาอีกข้างล็อกขาเธอที่พยายามขัดขืน“คุณเลิกคิดเรื่องหย่าได้เลย ตระกูลโจวไม่มีทางเกิดเรื่องอื้อฉาวอย่างเรื่องหย่าร้างเด็ดขาด” โจวซื

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 98

    เจียงซู่ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ความทรงจำที่ขาดหายไปของเธอยังคงอยู่ที่ตอนที่เว่ยชิงหางจะไปส่งเธอกลับบ้าน“รุ่นพี่ ขอบคุณที่มาส่งฉันกลับบ้านนะคะ”คำพูดของเจียงซู่ฟังดูติด ๆ ขัดๆ แต่ในมุมมองของโจวซือเหย่ คำพูดเหล่านั้นเหมือนเป็นการออดอ้อนเว่ยชิงหาง“คุณไปกลับก่อนเถอะ อย่าให้โจวซือเหย่เห็น เดี๋ยวเขาจะหาเรื่องคุณ”เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของโจวซือเหย่ก็มืดลง“ทำไมผมต้องหาเรื่องเขาด้วย?”เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้สติที่ขุ่นมัวของเจียงซู่แจ่มชัดขึ้นเล็กน้อย เธอมองไปรอบ ๆ และเพิ่งรู้ตัวว่าเธอนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนใหญ่เจียงซู่ส่ายหัวที่เวียนหัวของเธอ และพูดว่า “ตัวฉันมีกลิ่นเหล้า คืนนี้ฉันจะไปนอนห้องข้าง ๆ”แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีสติสมบูรณ์ครบถ้วน แต่เธอก็ยังจำได้ว่าเขาไม่ชอบกลิ่นเหล้าจากตัวเธอในอดีต ทุกครั้งที่กลับมาจากการเลี้ยงสังสรรค์ เจียงซู่จะแยกห้องนอนกับโจวซือเหย่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขารังเกียจเธอเธอลงจากเตียงกำลังจะจากไป แต่โจวซือเหย่กลับกดไหล่ของเธอไว้ แล้วผลักเธอล้มลงบนเตียงเจียงซู่ยืนไม่มั่นคงอยู่แล้ว การล้มลงบนเตียงอีกครั้ง ทำให้ส

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 97

    “รุ่นน้อง”ในขณะที่เจียงซู่กำลังแหม่อลอย เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นเมื่อรู้สึกตัว เธอก็สบตากับเว่ยชิงหาง“รุ่นพี่”เขาถามว่า “มาทำอะไรที่นี่?”เจียงซู่หลีกเลี่ยงประเด็นหลัก “ออกมาสูดอากาศสักหน่อย คุณล่ะ? มาทำอะไรที่นี่?”เว่ยชิงหาง “เพิ่งคุยงานกับลูกค้าเสร็จ”พูดไป เขาก็มองเข้าไปในรถของเธอ แล้วพูดอีกว่า “คุณยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงขับรถออกมาคนเดียว?”“ขาที่เหยียบคันเร่งยังปกติดี” เจียงซู่ถาม “อีกเดี๋ยวจะยุ่งไหมคะ?”เว่ยชิงหางถาม “คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?”เจียงซู่ “ฉันอยากไปดื่มสักแก้ว คุณอยากไปด้วยกันไหม?”เว่ยชิงหางไม่ได้ขัดจังหวะ “ไปที่ไหน?”จากนั้นพวกเขาไปที่บาร์เงียบ ๆ แห่งหนึ่งแสงในร้านสลัว ๆ ช่วยปกปิดความหม่นหมองและความอ้างว้างในตัวของเจียงซู่เว่ยชิงหางเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี เขาเพียงแค่อยู่เงียบ ๆ เป็นเพื่อนเจียงซู่ไม่ได้มาเพื่อระบายความในใจ ตอนนี้เธอแค่รู้สึกเหงามาก ๆ เท่านั้น อยากมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน ไม่อยากอยู่คนเดียวแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่เว่ยชิงหางก็รู้สึกได้ว่าเจียงซู่อยู่ในอารมณ์ที่เศร้าหมองมากจริง ๆ แล้วตั้งแต่ที่เขารู้จักเธอ เ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 96

    เจียงซู่รู้ดีว่าแม่สามีตั้งใจพูดกระทบเธอมากกว่าในสายตาของแม่สามี เธอไม่ได้ดีไปกว่าคนในตระกูลเล็ก ๆ เลยด้วยซ้ำเวินเหยาฉินตั้งใจจะหนุนหลังโจวหว่านซิน และตั้งใจจะให้เธอยอมจำนนแต่โดยดี แน่นอนว่าต้องกลั่นแกล้งเธออย่างหนักแต่เวินเหยาฉินไม่ได้ลงไม้ลงมือกับเจียงเจียเหวิน เพราะอย่างไรก็เป็นลูกของคนอื่น แต่สำหรับเธอแล้วไม่เหมือนกัน เธอเป็นลูกสะใภ้ที่ถูกต้องตามกฎหมายการที่แม่สามีใช้ให้ลูกสะใภ้ทำอะไร ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาภรรยาหลวงอย่างเธอต้องมาทำหน้าที่ของอนุภรรยา แม้แต่มื้อกลางวัน เธอก็ต้องเป็นคนทำอาหารให้พวกเขาทานด้วยอาการปวดเอวและเจ็บเท้า การถูกกลั่นแกล้งขนาดนี้ ทำให้ใบหน้าของเจียงซู่ซีดลงเล็กน้อยเวินเหยาฉินเห็นท่าทางที่ดูเหมือนคนตายของเธอก็รู้สึกหงุดหงิด และพูดอย่างไม่พอใจว่า “เธอทำหน้าบึ้งให้ใครดู? ฉันใช้ให้เธอปรนนิบัติฉัน แล้วเธอไม่พอใจอีกเหรอ?”เจียงซู่ “เปล่าค่ะ”พอพูดจบ ก็มีเหงื่อเย็น ๆ หยดหนึ่งไหลลงมาจากขมับของเธอพอดีเวินเหยาฉินพูดอย่างรังเกียจว่า “พอแล้ว พอแล้ว ที่นี่ไม่ต้องการเธอแล้ว”แม้ว่าจะไม่ได้มองตรง ๆ แต่เจียงซู่ก็รู้สึกได้ถึงความสะใจของเวิงอี๋เธอเดินลากสังข

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 95

    ความห่วงใยของโจวซือเหย่ก็เหมือนกับอากาศในเดือนมิถุนายน เพราะเมื่อยามหนาวเหน็บก็หนาวเหมือนราวกับน้ำแข็ง แต่เมื่ออบอุ่นก็อบอุ่นจนร้อนซึ่งสามารถแผดเผาได้ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินกว่าคนปกติจะรับไหวอาหารถูกยกขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ตอนที่โจวซือเหย่อุ้มเธอลงมา คุณป้าเฉินแอบยิ้มอย่างโล่งใจไหน ๆ ก็มาถึงโต๊ะแล้ว เจียงซู่ก็ไม่อยากทำให้เสียเปล่า“ซินซินยังเด็กอยู่ คุณเป็นพี่สะใภ้ ก็ควรจะทนกับเธอหน่อย”คำพูดนั้นทำให้มือเจียงซู่ที่กำลังจับตะเกียบชะงักไปทันที เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองเขาแสงไฟนุ่มนวลคลอร่างเขา ทำให้เสี้ยวหน้าคมเข้มดูอบอุ่นขึ้นมาบ้าง แต่สำหรับเธอมันกลับไม่เหลือความรู้สึกอบอุ่นใด ๆ อาหารในปากพลันจืดชืดลงทันทีเขารู้ดีอยู่แล้วว่าใครผิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปกป้องอยู่ดี เขาจะไร้ความยุติธรรม เพียงแต่หัวใจมันลำเอียงนั้นเองเจียงซู่วางตะเกียบลง เช็ดปากเบา ๆ “ฉันอิ่มแล้ว”โจวซือเหย่มองอาหารที่แทบไม่ถูกแตะต้อง เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจียงซู่ก็เรียกป้าเฉินให้มาช่วยพยุงขึ้นไปบนห้องเสียแล้วป้าเฉินมองชายหนุ่มที่เอาแต่เงียบด้วยความหงุดหงิด ในสายจาของป้าเฉินรู้สึกว่าโจวซือเหย่ยังไม่รู้จัก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status