Share

โลกใบใหม่ 2

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-25 19:15:12

ณ แคว้นหลิวอวิ๋น จวนเจ้าเมืองตระกูลหลี่

ยามจื่อ*เรือนชิงหวา

'อึก'

หายใจไม่ออก หญิงสาวดิ้นพล่านพยายามหลุดออกจากมือเรียวที่กำอยู่รอบคอของนาง ปากเล็กอ้ากว้างเพื่อสูดอากาศหายใจ แต่ก็ไม่สำเร็จ สองมือน้อยๆ ยกขึ้นผลักสตรีที่อยู่ด้านบนลำตัวอย่างสุดแรง นางพยายามส่งสายตาเว้าวอน หวาดกลัว ท้อแท้ และสิ้นหวัง แต่ที่มากกว่านั้นคือความไม่เข้าใจ เหตุใดสตรีนางนี้ถึงต้องการให้นางตาย หัวใจดวงเล็กๆ เจ็บแปลบเหลือแสน พวงแก้มทั้งสองข้างเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา

"นางสารเลว ทำไมไม่ตายๆ ไปสักที เลี้ยงเจ้าไปก็เสียข้าวสุก แพศยาไร้ค่าอย่างเจ้า ควรจะตายๆ ไปซะ! " เสียงแหลมสูงดังขึ้นราวกับคนไร้สติอยู่ข้างหูของสาวน้อย ใบหน้าที่เคยอ่อนหวาน เคยมองนางด้วยความอ่อนโยน ยามนี้กลับบิดเบี้ยวจนไม่เหลือเค้าความงามอีกต่อไป

หลี่หลิงเฟิ่งเด็กสาวอายุราวๆ สิบสองสิบสามปีไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน ก่อนหน้านี้เด็กสาวก็ป่วยติดเตียงมาสามวันเนื่องจากถูกผลักตกน้ำ กำลังอันน้อยนิดไหนเลยอาจหาญสู้กับหญิงผู้มีเรี่่ยวแรงเต็มเปี่ยมนี้ได้ นางได้แต่หวังว่าเสี่ยวเซียงสาวใช้คนสนิทจะเข้ามาพบและดึงสตรีเสียสติผู้นี้ออกไปเสีย

"ฮ่าๆๆ เจ้าควรจะไปอยู่ในปรโลกตั้งนานแล้ว ข้าทนเลี้ยงดูเจ้ามาเพื่อหวังพึ่งพา แต่เจ้ามันก็แค่สวะที่ถูกทิ้ง ฮ่าๆๆๆๆ " เสียงหัวเราะของแม่สามราวกับคนบ้าและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ใช่แล้ว สตรีคลุ้มคลั่งคนนี้คืออนุสาม มารดาแท้ๆ ของนางนั่นเอง มารดาที่กำลังสังหารบุตรสาวในอุทร

'ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงฆ่าข้า ท่านเกลียดข้านักหรือ'นางอยากถามออกไปเหลือเกิน แต่นางไม่สามารถพูดออกไปได้ ได้แต่มองมารดาอย่างท้อแท้

'ทรมานเหลือเกิน ความหวังของข้าไม่คงเหลืออีกแล้ว' ดวงตาบวมเป่งเหลือกตามองมุ้งเก่าสกปรก รอบๆมุ้งมีรูที่ขาดผ่านรอยปะชุนนับครั้งไม่ถ้วนเหล่านั้นก็ให้ขมขื่นในใจ ชีวิตคุณหนูห้าในจวนเจ้าเมืองย่ำแย่ยิ่งกว่าสาวใช้ส่วนตัวของพี่ใหญ่เสียอีก

ผู้คนในจวนนี้มีใครบ้างไม่อยากให้นางตาย แม้กระทั่งผู้ให้กำเนิดที่นางหลงคิดไปว่ารักนางยังต้องการที่จะสังหารนาง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนางไร้พลังยุทธ์ เป็นตัวไร้ค่าของตระกูล เหมือนขยะที่รอวันย่อยสลาย หลี่หลิงเฟิ่งน้ำตารินไหลไม่ขาดสาย ไม่นานร่างกายของนางก็กระตุกไม่หยุด หนังตาหนักอึ้งค่อยๆ ปิดลงช้าๆ 

"เจ้าไม่ต้องห่วงไป เจ้าล่วงหน้าไปก่อน ข้าจะไม่รอให้เจ้าต้องอยู่อย่างเดียวดายในปรโลกแน่" น้ำตามากมายหยดลงบนใบหน้าหลี่หลิงเฟิ่ง ทว่ามือที่กำรอบคอของนางไม่ได้ผ่อนแรงลงแม้แต่น้อย

'หากข้าตาย ทุกคนคงจะสมปรารถนา ตัวขยะอย่างข้าอยู่ไปก็มีแต่ทำให้ตระกูลต้องอับอาย' เด็กสาวไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไปแล้ว นางฝืนไม่ไหวแล้ว สติสุดท้ายดับวูบสู่ความเวิ้งว้างอันมืดมิด

" เฟิ่งเอ๋อร่์ ฮึก ไม่ต้องกลัวนะลูก อีกไม่นานแม่จะตามเจ้าไปแล้ว" เสียงร่ำไห้ของอนุสามครวญครางอย่างสิ้นหวัง นางเดินไปจับเชือกใต้ขื่อคานใกล้ปลายเตียง เอี้ยวศรีษะหันกลับมามองเด็กสาวผอมบางที่นอนอยู่บนเตียงเป็นครั้งสุดท้าย รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นอีกครั้ง สองขาก้าวขึ้นบนตั่งช้าๆ มือเรียวกำเชือกไว้แน่น สองตาพลันว่างเปล่าราวกับปล่อยวางทุกอย่าง ขาเตะตั่งให้ล้มลงเบาๆ ร่างของสตรีที่่เคยงดงามดิ้นอยู่สองสามครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป

'ข้าขอโทษ'

เปรี้ยง!

ท้องฟ้ามืดครึ้มยามราตรี มองไม่เห็นดวงดาว หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มมือข้างหนึ่งถือโคมไฟ อีกข้างถือถังน้ำ สองเท้าเร่งรีบกลับเรือนด้วยกลัวฝนจะตกลงมา

"เสี่ยวเซียงนั่นเจ้ากำลังจะไปไหน" เสียงนุ่มนวลด้านหลังดังขึ้นแผ่วเบา เสี่ยงเซียงหันไปมองพบว่าเป็นหญิงหน้าตาสะอาดสะอ้านนางหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้

"พี่จิ่นอวี้ ข้ามาตักน้ำไปเช็ดตัวให้คุณหนูห้า ท่านมีธุระเร่งด่วนอะไรหรือ" สาวใช้นามจิ่นอวี้ผู้นี้เป็นสาวใช้ข้างกายอนุสาม เสี่ยวเซียงมองนางยิ้มๆ หยุดยืนรอนางให้เดินไปพร้อมกัน ถ้านางเดาไม่ผิดฮูหยินต้องอยู่ที่เรือนคุณหนูห้าแน่ๆ

"ข้าตามไปรับใช้ฮูหยิน เจ้าไปพร้อมกับข้าเลยแล้วกัน" จิ่นอวี้ปรายมองเสี่ยงเซียงอย่างเฉยชา เดินนำหน้ามุ่งไปเรือนชิงหวา

"ฮูหยิน คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ เมื่อสักครู่บ่าวไปห้องครัวได้หมั่นโถวมาสองลูก คุณหนูรองท้องไปก่อนนะเจ้าคะ" เสี่ยวเซียงเดินขึ้นไปบนเรือนพร้อมผลักประตูออก หยิบห่อหมั่นโถวออกมาจากแขนเสื้อ ทันทีที่หันหน้าไปมองในห้องนอน ข้าวของที่อยู่ในมือทั้งสองข้างก็หล่นลงบนพื้นกระจัดกระจาย หน้าตาตื่นตระหนก ร่างกายอ่อนแรงทรุดลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

กรี๊ดดดดด

"ฮูหยิน! " จิ่นอวี้ที่ยืนนิ่งค้างอยู่ด้านนอกประตูรีบเร่งเข้าไปหาเจ้านาย พลางหันหน้าไปมองเสี่ยวเซียงอย่างเกรี้ยวกราด

"เร็วเข้า รีบดึงฮูหยินลงมา! " เสียงตะโกนที่ดังลั่นของสาวใช้ทั้งสอง พลันปลุกให้ผู้คนในจวนสะดุ้งตื่น ทั้งหมดรีบเร่งมาทางเรือนชิงหวาอย่างตื่นตกใจ เสี่ยวเซียงที่โดนจิ่นอวี้ตะคอกใส่พลันได้สติ สองขาน้อยๆ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเดินไปเบื้องหน้าอนุสามอย่างหวาดกลัว ขาทั้งสองข้างสั่นไม่หยุด มือยื่นออกไปจับตัวเย็นเฉียบของอนุสาม ทั้งสองค่อยๆ ดึงร่างที่ตัวเริ่มเย็นของผู้เป็นนายลงมา

"ฮือ ฮูหยิน ท่านไม่น่าด่วนจากไปเช่นนี้เลย ไยท่านใจร้ายทิ้งคุณหนูกับบ่าวไว้เพียงลำพัง" จิ่นอวี้ร่ำไห้ราวจะขาดใจข้างศพเจ้านาย

"คุณหนู คุณหนูเล่า" เสี่ยวเซียงพลันได้สติรีบวิ่งตรงไปที่เตียงนอน ฉับพลันเสียงร้องไห้ของนางก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

"ฮือๆๆๆ คุณหนู...ฟื้นสิเจ้าคะ...อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว...ข้ากลัว...ฮึก" เสียงร้องไห้คร่ำครวญของสาวใช้ดังอยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าเด็กสาวบนเตียงจะตื่นขึ้นมา สาวใช้ครวญครางจนลำคอแหบแห้ง มือเล็กๆ หยาบกระด้างเขย่าตัวนางไปมาไม่หยุด แรงเขย่าของเสี่ยวเซียงหนักหน่วงจนทำให้เธอเวียนหัว หลี่หลิงเฟิ่งขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ค่อยๆเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้ง จนดวงตาสองคู่สบประสานกัน

"คุณ...คุณหนู...คุณหนูฟื้นแล้ว ฮือๆๆๆๆๆ " เสี่ยวเซียงที่กำลังร่ำไห้พลันชะงักเงยหน้าขึ้นสบตากับหลี่หลิงเฟิ่ง เมื่อเห็นว่าสาวน้อยฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ทั้งตกใจระคนดีใจ ร้องไห้หนักกว่าเดิม

"เงียบ! " หลี่หลิงเฟิ่งตลาดเสียงดัง แต่เสียงที่เปล่งออกไปนั้นแหบแห้ง ซ้ำร้ายยังเบาเหมือนยุง แต่ถึงกระนั้นก็มีรังสีเย็นชาแผ่ออกมา ทำให้รอบด้านรู้สึกหนาวยะเยือก เสี่ยวเซียงรีบหุบปากฉับก้มหน้ากลั้นเสียงสะอื้นทันควัน

หลี่หลิงเฟิ่งมองสำรวจไปรอบๆ ห้อง เห็นข้าวของเก่าๆ กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้นเต็มไปหมด ราวกับบุคคลในห้องได้ผ่านการต่อสู้กันมา มุ้งหมอนโทรมๆ เสื้อผ้าสีหม่นก่ำคร่ำครึไม่รู้ว่าผ่านการใช้งานมากี่ปีแล้ว ทั่วทั้งห้องเหมือนสิ่งที่ปล่อยถูกทิ้งร้างมาแล้วหลายสิบปี ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไม่มีฝุ่นและหยากไย่ เธอคงคิดว่าอยู่ในบ้านร้าง สุดท้ายสายตาของนางมาตกอยู่ที่หญิงสาวเจ้าของเสียงที่น่ารำคาญและแรงโคนั่น นางเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักใช้ได้คนหนึ่ง อายุราวสิบสามสิบสี่ แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งที่ทำให้เธอสับสนงุนงงคือคนพวกนี้เป็นใคร และ...

เธออยู่ที่ไหน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ชายาอสรพิษ   อันตรายมาเยือน

    หุบเขาหยกขาวมิใช่ชื่อที่คนในแผ่นดินไร้ขอบกล่าวถึงด้วยความยินดี ถึงแม้จะมีคำว่า “หยก” และ “ขาว” อันดูสูงส่งบริสุทธิ์อยู่ในชื่อ แต่มันกลับเป็นสถานที่ที่ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นนภายังไม่กล้าย่างเท้าเข้าไปลึกเกินสามลี้ที่แห่งนั้นคือเส้นแบ่งระหว่าง ความรุ่งโรจน์กับความตาย และในยามฤดูหนาวเช่นนี้ หิมะที่ปกคลุมมันก็ไม่ต่างจากผืนผ้าสะอาดที่กลบศพเน่าเปื่อยไว้ใต้รากไม้หลี่หลิงเฟิ่งเคลื่อนกายอย่างเงียบงัน ลมหายใจเป็นไอขาวราวควันจาง กลีบหิมะโปรยปรายแตะใบหน้าของนางแล้วละลายหายอย่างไม่ทันรู้สึกเย็น แต่ความเย็นกลับฝังลึกอยู่ในอกอย่างไม่ทราบสาเหตุไฉนที่นี่จึงมีหิมะตก น่าแปลกหลี่หลิงเฟิ่งเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางแคบ ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างหน้าผาสูงชันและป่ารกเรื้อ นางอยู่คนเดียว ไร้ผู้ติดตาม ไร้เสียงสนทนา มีเพียงเสียงฝีเท้าของตนที่ก้าวลงบนก้อนกรวด กับเสียงใบไม้เสียดสีกันจากกระแสลมที่ไม่หยุดนิ่ง“เงียบเกินไป…” นางพึมพำกับตัวเองนางชะลอฝีเท้า สายตามองไปรอบกาย แผ่กระจิตออกไปสำรวจ ทว่าไม่สิ่งมีชีวิตสักตัวในระแวกนี้เลยบนข้อมือข้างซ้ายของนาง มีกำไลสีแดงเข้มรูปวงแหวนมันวาวประดับอยู่ นุ่มนิ่มสิ่งมีชีวิตรูปร่

  • ชายาอสรพิษ   ภัยเงียบ

    ท้องฟ้าสีดำสนิทปราศจากแสงจันทร์และดวงดารา สายลมหนาวพัดผ่านไปทั่วอาณาเขต เงามืดเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบบนหลังคาโม่จื่อหลิงยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสูงสุดของหอสิบทิศ ดวงตาคมกริบทอดมองไปยังเมืองที่แผ่กว้างออกไปสุดสายตา ลางสังหรณ์บางอย่างบีบคั้นหัวใจของเขา คล้ายกับว่ามีพายุที่มองไม่เห็นกำลังพัดโหมเข้ามาและแล้ว...ตูม!เสียงระเบิดดังสนั่นทำลายความเงียบงันของค่ำคืน แสงเพลิงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เสียงร้องของผู้คนปะปนกับเสียงอาวุธกระทบกันดังไปทั่วบริเวณ"ในที่สุด พวกมันก็มาจนได้ คนที่ควรมาก็มาแล้ว" โม่จื่อหลิงกระซิบกับตัวเอง ดวงตาของเขาเย็นเยียบไร้ซึ่งความหวาดหวั่นชายในชุดดำจำนวนมากพุ่งทะยานเข้ามาภายในหอสิบทิศ ราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก พวกมันเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบ รวดเร็ว และโหดเหี้ยม"นายท่าน! หอสิบทิศถูกจู่โจม!" หนึ่งในลูกน้องของเขารีบวิ่งเข้ามารายงาน "พวกมันมีกำลังพลมหาศาล และมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงอยู่ด้วย!"โม่จื่อหลิงกวาดตามองไปรอบ ๆ แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้เป้าหมายของพวกมัน คือ สังหารเขาเสียงกระบี่ปะทะกันดังกึกก้อง ลูกธนูเพลิงถูกยิงเ

  • ชายาอสรพิษ   เบื้องหลังที่ทับซ้อน

    ในโรงน้ำชาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เสียงผู้คนกระซิบกระซาบมิขาดสาย ข่าวการแตกหักของตระกูลหนานและตระกูลหลินแพร่กระจายราวเพลิงลามป่า“ได้ยินมาว่า เจ้าสาวหายตัวไปหลังจากถูกพวกโจรลักพาตัว แต่จู่ ๆ นางกลับมาเองอย่างไร้รอยแผล”“แล้วนางก็ปฏิเสธการแต่งงานทันที! ข้ารู้สึกเหมือนเรื่องนี้มีอะไรมากกว่านั้น”“หรือว่านางมิได้ถูกลักพาตัว แต่ไปด้วยความยินยอมเอง”เสียงพูดคุยนั้นกระทบถึงหูโม่จื่อหลิง เขานั่งเงียบอยู่มุมหนึ่ง สวมอาภรณ์ธรรมดาไม่สะดุดตา เขามองภาพของเจ้าสาวตระกูลหลินจากที่ไกลๆ เหมือนกับภาพจากมือสอดแนมของหอสิบทิศไม่ผิดเพี้ยนในภาพนั้น หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่ในสวนของตระกูลหลิน ใบหน้าเรียบสงบ ผมที่เคยสลวยถูกรวบไว้ลวก ๆ ราวผู้ที่เพิ่งผ่านบางสิ่งบางอย่างมา อย่างเช่นเหตุการณ์เฉียดตายภายในเรือนรับรองของตระกูลเป่ย หลี่หลิงเฟิ่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ไม้แกะสลัก นางจิบชาหอมกรุ่นอย่างใจเย็น ขณะที่สายตาเหลือบไปทางกลุ่มสาวใช้ที่กำลังสนทนากันอย่างออกรส“ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไรกันแน่” สาวใช้คนหนึ่งกล่าวพลางส่ายหน้า “อยู่ดี ๆ เจ้าสาวของตระกูลหลินก็กลับไปโดยไม่กล่าวอะไรเลย เมื่อตระกูลหนาน

  • ชายาอสรพิษ   ผ้าแพร

    สองวันหลังจากโม่จื่อหลิงจากไป แสงอรุณในจวนตระกูลเป่ยคล้ายหม่นลงกว่าทุกวัน ลมเหนือพัดเอื่อยเฉื่อยประหนึ่งพาเอากลิ่นของบางสิ่งจากอดีตย้อนกลับมาและหลี่หลิงเฟิ่งรับรู้มันตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่ตื่นขึ้นณ ห้องคุณชายสาม นางยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงไม้แกะสลัก มือหนึ่งแตะที่ชีพจรของเป่ยเฉินหลงที่ยังคงหลับใหล ลมหายใจของเขาราบเรียบขึ้นเล็กน้อย แต่กลิ่นพลังปราณยังขุ่นมัวไม่เสื่อมคลายทว่าสิ่งที่ทำให้นางกังวล ไม่ใช่สภาพของเขา แต่เป็นเงาที่ค่อย ๆ เริ่มเผยตัวนางใช้เวลาทุกวินาทีอย่างแยบคาย เฝ้าสังเกตความผิดปกติของคนในจวน เฝ้าฟังเสียงก้าวเท้าที่ไม่ได้ยินจากทหารยาม และเฝ้ารอสิ่งที่แน่ใจว่ายังไม่สิ้นสุด อย่างการลอบสังหาร“ครั้งก่อนเจ้ามาเพื่อวางยา” นางกระซิบ ขณะบดสมุนไพร “ครั้งนี้ เจ้าจะเอาอะไรมาทิ้งร่องรอยอีกล่ะ”ระหว่างที่ปลายนิ้วนางบรรจงหยดยาแยกพิษใส่ถ้วยสมุนไพร กลิ่นหนึ่งก็ลอยเข้าจมูก กลิ่นหอมจาง ๆ ไม่ใช่จากยา ไม่ใช่จากดอกไม้ในสวน ทว่าเป็นกลิ่นที่คุ้นอย่างน่ากลัวจนรู้สึกขนลุกกลิ่นเช่นนี้ นางเคยได้กลิ่นมันในความฝันในชาติก่อนตอนอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฝันที่ไม่มีใบหน้ามีเพียงเสียงร้องไห้ของเด็กหญิง กลิ่น

  • ชายาอสรพิษ   เงามืด

    *ขอเปลี่ยนจากตำหนักเทพธิดา เป็นตำหนักธิดาสวรรค์*คำพูดของหลี่หลิงเฟิ่งดุจสายฟ้าฟาดลงบนผิวน้ำอันสงบนิ่ง เงาสะท้อนแห่งศรัทธาที่เหล่าผู้อาวุโสเคยยึดมั่นภักดี เริ่มแตกร้าว เทพธิดาแห่งตำหนักธิดาสวรรค์มิได้ตอบกลับทันที นางยืนนิ่งราวรูปสลักกลางห้อง ศูนย์รวมแห่งความเคารพที่เคยเปล่งประกายความสง่างามไร้ราคี บัดนี้กลับถูกความเงียบห่มคลุมราวหมอกหนาอาภรณ์ขาวสะอาดที่เคยดั่งแสงจันทร์เหนือเมฆ บัดนี้ดูซีดหม่นลงในสายตาของหลายคน ม่านผ้าบางเบาที่บดบังใบหน้างดงามพลิ้วไหวไปตามแรงลมเบา ดวงตาเรียวยาวใต้ผืนผ้าทอแสงแข็งกร้าว เงาที่เคยสงบ บัดนี้กลับเจือความตึงเครียดแนบแน่นฝ่ามือเรียวงามของนางละจากจุดชีพจรของเป่ยเฉินหลง ราวกับตัดขาดพันธะบางอย่างที่มองไม่เห็น“หากพวกท่านเห็นว่า ตำหนักธิดาสวรรค์ไม่ควรข้องเกี่ยว ข้าย่อมถอย” เสียงของนางยังคงอ่อนหวานดั่งระฆังเงิน ทว่าในห้วงลึกของถ้อยคำกลับมีความเยียบเย็นที่ทำให้ผู้ฟังขนลุก “ข้ามิเคยยัดเยียดตนเข้าสู่ที่ที่ผู้คนไม่ต้อนรับ ข้าเพียงทำตามวิถีที่ควรจะเป็น หากพวกท่านมิอาจวางใจ ข้าย่อมไม่อยู่ให้เป็นภาระใจผู้ใด” แม้ถ้อยคำจะฟังดูอ่อนโยนสงบเสงี่ยม ทว่าแรงสะท้อนกลับตึงเครียดเ

  • ชายาอสรพิษ   พบศัตรูบนทางแคบ

    ปัง!เสียงเปิดประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมกับเสียงฝีเท้าเร่งรีบที่ก้าวเข้ามาในห้อง"เกิดอะไรขึ้น!?" เสียงอันทรงอำนาจของบุรุษวัยกลางคนดังขึ้นหลี่หลิงเฟิ่งเงยหน้าขึ้นก็พบว่าชายวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรากำลังมองนางด้วยสายตาคมกริบ ด้านหลังของเขามีชายชราผู้อาวุโสหลายคนยืนเรียงราย สีหน้าทุกคนล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยและวิตกกังวล"ท่านพ่อ!" ผู้อาวุโสเป่ยรีบคารวะชายผู้นั้น "นางผู้นี้เป็นหมอที่สามารถตรวจพบพิษของเฉินหลง และตอนนี้กำลังรักษาเขาอยู่ขอรับ""พิษรึ" ประมุขเป่ยขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ "เจ้ากำลังจะบอกว่าเฉินหลงถูกพิษ ไม่ใช่ต้องคำสาปอย่างที่เราคิดมาโดยตลอดรึ"หลี่หลิงเฟิ่งไม่แปลกใจต่อปฏิกิริยานั้น นางจ้องประมุขเป่ยด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง "ถูกต้อง"บรรยากาศในห้องหนักอึ้งขึ้นมาทันที ผู้อาวุโสหลายคนหันมองหน้ากันอย่างลังเล ทว่าเมื่อเห็นโม่จื่อหลิงในห้องก็ไม่กล้าปริปากเสียมารยาทต่อหลี่หลิงเฟิ่ง"หากเป็นเช่นนั้น หมายความว่าที่ผ่านมามีคนจงใจปกปิดเรื่องนี้" ผู้อาวุโสเป่ยคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลี่หลิงเฟิ่งตอบ "ข้าไม่อาจกล่าวเช่นนั้นได้ แต่สิ่งที่ข้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status