กู้หว่านเยว่พยักหน้า ส่งสัญญาณบอกให้เขาใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งวู่วามตอนนี้นางต้องสืบความลับของห้องปรุงพิษนี้ให้กระจ่างเสียก่อน“ท่านผู้กล้าทั้งสอง คำถามที่พวกท่านต้องการถาม ข้าน้อยได้ตอบไปหมดแล้ว จะปล่อยพวกเราไปได้หรือยัง?”ชายคนนั้นคุกเข่าลง อ้อนวอนทั้งสองคน“พวกเราล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ เดิมทีพวกเราเป็นเพียงชาวบ้านที่ขุดเหมืองอยู่ข้างนอก แต่กลับถูกจับมาโดยไร้เหตุผลไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้วขอรับ”พวกเขาไม่อยากตายอยู่ที่นี่ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพ่อแม่ลูกเมียที่บ้านยังรอพวกเขาอยู่หรือไม่ แต่พวกเขาก็ยังอยากกลับไปดูสักหน่อย“วางใจเถอะ ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าหรอก”กู้หว่านเยว่เป็นคนรักษาสัญญา นางเคยบอกไว้ว่าขอเพียงคนเหล่านี้ตอบคำถามดี ๆ นางก็จะไม่ฆ่าพวกเขาในเวลานี้ ย่อมไม่มีทางผิดคำพูดของตนเอง“หากพวกเจ้าเชื่อใจข้า ข้าก็จะพาพวกเจ้าออกไปด้วยกัน”การถูกคุมขังอยู่ในสถานที่ที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเช่นนี้ ช่างน่าสงสารจริง ๆ หากกู้หว่านเยว่ไม่พบเจอพวกเขาก็แล้วไป แต่เมื่อได้พบแล้ว ก็ตั้งใจจะยื่นมือช่วยเหลือชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เหล่านี้“จริงหรือ ท่านยินดีช่วยพวกเราออกไปจริง ๆ หรือขอรับ?”คนเหล่าน
“เจ้า...” เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี่คือผู้หญิงคนหนึ่งภายในห้องปรุงพิษไม่มีคนงานเหมืองที่เป็นผู้หญิง“ใครก็ได้!”เขารีบลุกขึ้นยืนอย่างระแวดระวังทันที ทั้งสามคนยังไม่ทันได้เอ่ยปาก กู้หว่านเยว่ที่อยู่ตรงข้ามก็มาถึงตรงหน้าเขาในชั่วพริบตา แล้วหักคอของเขาโดยตรง“อึก...” เขาทำได้เพียงส่งเสียงลมหายใจออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรงเสียงนั้นทำให้อีกคนตกใจ ทว่าเขาตายเร็วกว่าคนก่อนหน้าด้วยซ้ำ แม้แต่ใบหน้าของกู้หว่านเยว่ก็ยังไม่ได้เห็น ก็ถูกปลิดชีพไปแล้วกู้หว่านเยว่เช็ดมือ สายตาเลื่อนผ่านร่างไร้วิญญาณทั้งสองไปโดยปราศจากความใจอ่อนระหว่างทางที่นางมา ก็เห็นโครงกระดูกจำนวนไม่น้อย ล้วนเป็นของคนงานเหมืองผู้บริสุทธิ์คนของห้องปรุงพิษแห่งนี้ ไม่ควรค่าแก่ความเห็นใจเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนถูกจัดการแล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปมองเอกสารและขวดยาที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นหนังสือนางเดินเข้าไปหยิบออกมาเล่มหนึ่ง จากนั้นเปิดดูคร่าว ๆ สิ่งที่เขียนอยู่ข้างในนั้น ถ้าไม่ใช่เรื่องการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับแมลงพิษสังหารคนอย่างราชาแมงป่องพิษ ก็เป็นยาต้องห้ามชนิดต่าง ๆ เช่
แม้แต่หน่วยลาดตระเวน ก็ไม่สามารถเข้าใกล้ถ้ำมากเกินไปได้ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นในทันทีว่าถ้ำเกิดไฟไหม้กว่าจะมองเห็นควันดำลอยออกมาจากในถ้ำ ก็สายเกินไปเสียแล้ว“แย่แล้ว ยังมีท่านผู้ใหญ่อีกสองท่านอยู่ในถ้ำนี้ ยังไม่ได้ออกมา!”“สองคนนั่นตายไปก็ไม่น่าเสียดาย แต่ตอนนี้ห้องปรุงพิษถูกไฟไหม้ การศึกษาค้นคว้าและข้อมูลข้างในถูกทำลายจนหมดสิ้น พวกเราจะไปรายงานราชินีได้อย่างไร?”หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนแสดงสีหน้าย่ำแย่พวกเขาล้วนเป็นทหารส่วนพระองค์ของราชินี ย่อมรู้ดีว่าสิ่งของในห้องปรุงพิษนี้มีความสำคัญเพียงใด“ห้องปรุงพิษไม่มีทางลุกไหม้ขึ้นมาเองโดยไม่มีสาเหตุ ต้องมีคนบุกรุกเข้ามาแน่ ๆ !”หัวหน้าหน่วยหรี่ตาลง ในใจพลันปรากฏลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาแวบหนึ่ง“ท่านวูเหมิงเล่า?”“วันนี้เป็นวันแต่งงานของท่านวูเหมิง เขาลาหยุดไปแล้ว จึงยังไม่ได้กลับมาขอรับ”“คราวนี้เรื่องแย่แล้ว” หัวหน้าจึงตัดสินใจทันที “พวกเจ้ารีบไปปิดทางออกทุกทาง ห้ามใครออกไปเด็ดขาด ส่วนคนที่เหลือไปดับไฟกับข้า ช่วยอะไรได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น”“ขอรับ”หัวหน้านึกอะไรขึ้นมาได้ จึงสั่งต่อว่า“ไปสั่งหน่วยลาดตระเวนอื่น ๆ ให
หลังจากเปิดห้องขังที่อยู่โดยรอบทุกห้องแล้ว กู้หว่านเยว่ก็อาศัยช่วงชุลมุน หายวับเข้าไปในมิติทันทีเมื่อนางออกมาจากมิติอีกครั้ง ก็ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว“วูเหมิง?!”ชวีเฟิงร้องเสียงหลง เขาเพิ่งจะพาท่านผู้เฒ่าทั้งสองของสกุลชวีออกมาจากคุกใต้ดิน ก็เหลือบไปเห็นวูเหมิงยืนอยู่ตรงหน้าท่ามกลางความตื่นตระหนก ก็รีบชักอาวุธออกมาทันที“เสี่ยวเฟิง ระวังนะ” นายท่านชวีกล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง ส่วนนายหญิงชวีก็แสดงสีหน้าวิตกกังวลเต็มเปี่ยม“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวพวกท่านวิ่งหนีไปเลยนะขอรับ”ชวีเฟิงกล่าวเสียงเบา ๆ “วูเหมิง” หันศีรษะกลับมา เลิกคิ้วเล็กน้อย “เจอพ่อแม่เจ้าแล้วหรือ? ถ้าเช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”น้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้...“พระมเหสี?” ชวีเฟิงเอ่ยถามอย่างลองเชิงจนปัญญาจริง ๆ “วูเหมิง” ที่อยู่ตรงหน้าช่างเหมือนจริงเหลือเกิน แม้กระทั่งแววตาดูแคลนและความหยิ่งผยองบนใบหน้าก็เหมือนจริงอย่างยิ่ง“อืม ข้าเอง”กู้หว่านเยว่พยักหน้าเล็กน้อยชวีเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก “เป็นท่านก็ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ เมื่อครู่ข้าน้อยยังคิดว่าเจ้าวูเหมิงนั่นตื่นแล้ว ตกใจหมดเลย”วูเหมิงเป็
คนของหน่วยลาดตระเวนก็ไม่ได้สงสัยอะไร พอเดินมาถึงตรงหัวมุม กู้หว่านเยว่ถึงได้เดินแยกไปอีกทาง นางต้องการจะเก็บผลึกสีน้ำเงินในบริเวณนี้ไป“ระบบ เตรียมคลังสำหรับเก็บผลึก”กู้หว่านเยว่แจ้งระบบเสียงหนึ่ง ตามด้วยเสียง “ติ๊ด ๆ ๆ ” ดังขึ้นในหัว นางก็เคลื่อนไหวด้วยจิต ผลึกที่เห็นในทุกที่ที่นางผ่านไปก็ถูกเก็บเข้าไปในคลังจากนั้นก็ถือโอกาสวางเพลิงอีกครั้ง เพื่อสร้างความโกลาหลไม่นานนัก ทั่วทั้งถ้ำเหมืองเบื้องล่างก็ตกอยู่ในสภาพจลาจล ควันไฟหนาทึบลอยคลุ้งไปทั่ว“แย่แล้ว ไฟไหม้ ไฟไหม้แล้ว!”เมื่อเห็นสถานการณ์ไฟลุกลามข้างใน แม้แต่คนของหน่วยลาดตระเวนก็กังวลว่าจะต้องมาทิ้งชีวิตน้อย ๆ ไว้ที่นี่ ต่างก็พยายามวิ่งหนีออกไปข้างนอกกู้หว่านเยว่เห็นว่าสถานการณ์ความวุ่นวายถูกสร้างขึ้นมาพอสมควรแล้ว จึงเข้าไปในมิติเพื่อเปลี่ยนกลับเป็นชุดของตนเอง พร้อมกับโยนวูเหมิงทิ้งไปจากนั้น นางก็เทเลพอร์ตไปยังปากถ้ำ แล้วหยิบปืนพ่นไฟกระบอกหนึ่งออกมาจากในมิติทุกที่ที่ปืนพ่นไฟผ่านไป แมงมุมที่เกาะกลุ่มกันอย่างหนาแน่นเหล่านั้นก็ล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านนางบุกนำหน้าไปเพื่อเปิดทาง จัดการเผาแมงมุมในอุโมงค์ใต้ดินจนหมดสิ้นทุกครั
“ใต้เท้า ไฟรุนแรงขนาดนี้ ดับไม่ทันแล้วขอรับ อีกอย่างห้องปรุงพิษก็ถูกไฟไหม้ไปหมดแล้ว”“อะไรนะ ห้องปรุงพิษถูกเผาแล้วหรือ?”สีหน้าของวูเหมิงเปลี่ยนไปอย่างมาก แทบจะกระโดดขึ้นมาในทันทีใบหน้าของเขาซีดเผือด ไม่สนใจจะพูดคุยกับหน่วยลาดตระเวนอีกต่อไป รีบเดินโซซัดโซเซไปยังทิศทางของห้องปรุงพิษพอเขาได้เห็นห้องปรุงพิษที่กลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน เขาก็ตกตะลึงจนตาค้าง“ของล่ะ ของที่อยู่ข้างในล่ะ?”ข้างในยังมีไฟลุกไหม้อยู่ วูเหมิงก็พุ่งเข้าไปโดยตรง โชคดีที่คนที่ตามมาขวางไว้ได้ทัน“ไม่ ของที่ข้าศึกษาค้นคว้ามานานขนาดนี้ หยาดเหงื่อแรงกายทั้งหมดของข้าสูญเปล่าหมดแล้ว!”วูเหมิงแสดงสีหน้าราวกับแตกสลายเขาได้รับคำสั่งจากราชินี ให้มาทำการศึกษาค้นคว้าที่นี่ เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วภายในห้องปรุงพิษแห่งนี้ มีหลายสิ่งที่เป็นผลงานจากการศึกษาค้นคว้าทั้งวันทั้งคืนของเขา แต่ตอนนี้กลับมอดไหม้ไปในกองเพลิงจนไม่เหลือซากเขาไม่เพียงแต่กังวลว่าราชินีหนานเจียงจะตำหนิเขา แต่ยังเจ็บปวดใจยิ่งกว่าที่ความพยายามทั้งหมดของเขาสูญเปล่าไปอย่างสิ้นเชิง“ใต้เท้า ท่านเข้าไปไม่ได้นะขอรับ ข้างในไฟรุนแรงเกินไป ถ้าท่านเข้าไป ก็จะออกม
“ท่านพี่หญิง เพื่อช่วยพวกท่าน เกือบจะต้องแต่งงานกับวูเหมิงแล้ว ตอนนี้นางยังรอพวกท่านอยู่ที่บ้าน หากพวกท่านไม่อยากให้นางเป็นห่วง ก็ตามข้ามาดี ๆ เถิด”“เจ้า!”นายท่านชวีหมดหนทางแล้ว นายหญิงชวีจึงเกลี้ยกล่อม “ลูกพูดถูกแล้ว รีบกลับบ้านกันเถิด”“ที่เขาทำไปก็เพื่อช่วยพวกเราเช่นกัน”“กว่าพวกเราจะหนีออกมาจากสถานที่บ้า ๆ นั่นได้ ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือกลับบ้านก่อน”“ก็ได้” นายท่านชวีพยักหน้าอย่างจนใจ“ตามข้ามา”ชวีเฟิงพาทั้งสองคนกลับไปยังสถานที่ที่เขากับกู้หว่านเยว่ผูกม้าไว้ก่อนหน้านี้สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ กู้หว่านเยว่กลับมารออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว“พระมเหสี?”ชวีเฟิงวิ่งเข้าไปข้างหน้าด้วยความตกตะลึง“เหตุใดท่านจึงมาถึงเร็วกว่าพวกเราเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ?”กู้หว่านเยว่อารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย เมื่อครู่นี้ นางเก็บผลึกสีน้ำเงินข้างล่างไปจนหมดเกลี้ยงแล้วคราวนี้ได้รับผลเก็บเกี่ยวไม่น้อยเลยทีเดียวอีกทั้งยังได้ศาสตร์ศพพิษนั่นมาอีก สามารถนำไปศึกษาค้นคว้าให้ดีได้“ข้าใช้ทางลัดออกมา ก็เลยเร็วกว่าพวกเจ้าหน่อย ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน พวกเรารีบไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่พลิกตัวขึ้นม้า“พวกคนงานเหมื
“เสี่ยวเฟิง เจ้ายังจะไปสมคบคิดกับคนของต้าฉีอีกหรือ?”สีหน้านายท่านชวีโกรธจัดอิงตามการมองของเขา น่าจะฉวยโอกาสนี้จับตัวกู้หว่านเยว่เอาไว้ใช้ข่มขู่ต้าฉี เพื่อให้พวกเขาถอนทัพ“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่หญิง”ชวีเฟิงพูดด้วยท่าทางจริงจัง“ไม่ว่าพวกท่านสามารถเข้าใจได้หรือไม่ ข้าก็ไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้ว จะต้องไปขอรับ”เขาสั่ง “หลังข้าจากไปแล้ว หวังว่าพวกท่านจะพาคนในตระกูลลี้ภัยไปในทันที ข้าจะเอาชีวิตรอดกลับมาขอรับ”“ขวับ!”นายท่านชวีเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองเขานายหญิงชวีน้ำตาไหล “เสี่ยวเฟิง เจ้าจะต้องกลับมานะ”“เสี่ยวเฟิง พี่หญิงเข้าใจเจ้า” ชวีอวี้ตบบ่าชวีเฟิงเบาๆ พลางพูดเสียงอ่อนโยนนอกจากเอาชีวิตรอดกลับมา น้องเล็กยังต้องการสร้างเส้นทางที่แตกต่างออกไปให้สกุลชวีอีกด้วย“รีบกลับมา”“ขอรับ...”กู้หว่านเยว่รอที่หน้าประตูนานราวครึ่งก้านธูปแล้ว ชวีเฟิงจึงออกมาเขาหดหู่ใจอย่างมาก สีหน้าลังเล“เสียใจภายหลังตอนนี้ก็สายไปแล้ว รีบไปเถอะ”“ฮองเฮาเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อยไม่ได้เสียใจภายหลัง”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น เขาไม่สมควรเสียใจภายหลังจริงนั่นล่ะ ต่อให้บิดาไม่เข้าใจเขา แต่เขาก็อยากมีชีวิตอยู่ อยาก
ชิงเยี่ยนตกใจ“องค์หญิงน้อย ท่านรู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”นางจะกลับไปกอบกู้แคว้นตงโจว นางรู้หรือไม่ว่ามีถูกอิทธิพลเท่าไรที่กำลังจ้องเนื้อก้อนโตอย่างแคว้นตงโจว?นั่นไม่ใช่คนแค่ไม่กี่คน แต่มีหลายสิบแคว้นที่กำลังยื้อแย่งกันเขารู้ว่าองค์หญิงน้อยเก่งมาก แต่อาศัยองค์หญิงน้อยที่เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง หลังจากกลับไป เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพลิกสถานการณ์ มีแต่จะไปรนหาที่ตายเท่านั้น“ไม่ ข้าตอบตกลงไม่ได้”ชิงเยี่ยนส่ายศีรษะปฏิเสธโดยตรง“ก่อนที่จะมาต้าฉี ข้าเคยสัญญากับฝ่าบาทว่าจะปกป้องท่านเขาหวังว่าท่านจะสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุขและปลอดภัย อย่ากลับไปสถานที่แห่งนั้นอีกถ้าหากข้าพาท่านกลับไป ไม่เท่ากับขัดต่อเจตนารมณ์ของฝ่าบาทหรอกหรือ?”เขาจงรักภักดีต่อจงหลี่มาก ไม่มีทางขัดต่อเจตนาของเขากู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ทั้งที่รู้ว่าพี่ใหญ่ข้าตกอยู่ในอันตราย ข้าจะสามารถอยู่ต้าฉีอย่างสบายใจได้อย่างไร? ถ้าหากเจ้าไม่พาข้าไป ข้าคิดหาวิธีข้ามป่าซิงโตวเองก็ได้”อย่างไรนางก็มีเฮลิคอปเตอร์ ก็แค่ลำบากเพิ่มอีกนิดหน่อย“องค์หญิงน้อย?”ชิงเยี่ยนตะลึงกับความเด็ดเดี่ยวของกู้
ชิงเยี่ยนร้องไห้สะอึกสะอื้น “ถ้าหากฝ่าบาทได้เห็นท่านกลายเป็นพระมเหสีของต้าฉี มีลูกแล้วด้วย และยังมีความสุขเช่นนี้ เขาต้องดีใจมากแน่นอน”“แต่น่าเสียดาย ตอนที่ข้าออกมา ล่มสลายของตงโจวกำลังใกล้เข้ามาแล้วตอนนี้ ไม่รู้ว่าฝ่าบาทยังมีชีวิตหรือไม่”อย่างไรก็ยังอายุน้อยเขาพูดมาถึงตรงนี้ก็เสียงสั่นจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง พลันหันไปกระโจนใส่หมอน ก็เริ่มร้องไห้เสียงดังในใจกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน แม้นางกับจงหลี่เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่จงหลี่ได้มอบความรักของพี่น้องให้นางมากมายเขาพยายามปกป้องนางอย่างเต็มที่ เป็นพี่ชายที่น่านับถือในใจของนางตอนนี้ได้ยินว่าพี่ชายเป็นตายไม่รู้ จิตใจของนางจะสงบได้อย่างไร?กู้หว่านเยว่เดินออกจากห้องอย่างเหม่อลอยซูจิ่งสิงสามารถเข้าใจอารมณ์ในตอนนี้ของนาง จึงอยู่ข้างกายนางด้วยความเป็นห่วงไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จู่ๆ กู้หว่านเยว่ก็หันกลับมามองซูจิ่งสิง“ท่านพี่ ข้าอยากไปพื้นที่ราบแห่งความโกลาหล”นางกล่าวอย่างจริงจัง“ข้าอยากไปช่วยพี่ใหญ่”นางรู้ การตัดสินใจนี้ของนางค่อนข้างเหลวไหล ตอนที่เดินออกมา นางก็กำลังคิดเรื่องนี้แต่นางไม่สามารถมองดูพี่ใหญ่ตกอ
ซูจิ่งสิงทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่างคำพูดของชิงเยี่ยนฟังดูสมเหตุสมผลจริงๆในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าต้าฉีไม่เคยคิดจะบุกโจมตีแคว้นตงโจว ในยุคสถาปนาแคว้น ก็เพราะการรุกรานอย่างต่อเนื่องของผู้ลี้ภัยที่ชายแดน จึงมีการส่งทหารไปเพียงแต่คนที่พวกเขาส่งไปสืบข่าวเกี่ยวกับตงโจว สุดท้ายกลับมาอย่างไร้ผลงานไม่ว่าพวกเขาจะค้นหาตามชายป่าผืนนั้นอย่างไร ก็ไม่พบร่องรอยของแคว้นตงโจวด้วยเห็นนี้ แคว้นตงโจวจึงกลายเป็นสิ่งลึกลับในใจพวกเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่เคยมีฮ่องเต้องค์ใดเอ่ยปากจะบุกโจมตีตงโจวอีกมาลองคิดดูตอนนี้ คนของพวกเขาไม่เคยเข้าไปค้นหาในส่วนลึกของป่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าข้ามป่าแล้ว แล้วจะหาร่องรอยของแคว้นตงโจวเจอได้อย่างไร?“ในเมื่อแคว้นตงโจวกับต้าฉีมีป่าซิงโตวที่ห่างกันหมื่นลี้คั่นกลาง แล้วพวกเจ้ากลับไปได้อย่างไร?”กู้หว่านเยว่ยังคงมีข้อสงสัยมากมายครั้งก่อน จงหลี่น่าจะมาจากแคว้นตงโจว หลังจากนั้นเขาก็กลับแคว้นตงโจวนี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาน่าจะมียานพาหนะที่ใช้เดินทางกลับ“มันคืออินทรีสิงโต”ชิงเยี่ยนกล่าวแนะนำ “อินทรีสิงห์โตคือคืนนกชนิดหนึ่งในพื้นที่ราบแห่งความโกลาหล พวกมันมีห
“ข้าคิดถึงเมียของข้าแล้ว”“เจ้ายังมีเมีย ที่บ้านข้ามีแค่สุนัขตัวเดียว”มีคนร้องไห้ฮือ ๆ“เจ้าผอมลง”ซูจิ่งสิงปล่อยคนในอ้อมแขน ก้มหน้าจ้องนาง ใช้มือใหญ่เสยปอยผมที่ขมับออกไปข้างๆ อย่างอ่อนโยน“ลำบากแล้ว”สายตาของเขาปวดใจไปหนานเจียงครานี้ เริ่มที่เขาควรนำทัพด้วยตัวเอง แต่เพราะเพิ่งก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ได้ไม่นาน และมีภัยพิบัติมากมายในหลายสถานที่รอให้เขาจัดการ เขาไม่สามารถแยกตัวออกไปได้เลยและในเมื่อบอกว่าจะมอบอำนาจทางทหารให้กู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงก็จะไม่ปล่อยให้นางมีแต่ชื่อ“ใช่แล้ว พี่ใหญ่ล่ะ?”กู้หว่านเยว่นึกถึงเนื้อหาที่ซูจิ่งสิงพูดถึงในจดหมาย อารมณ์ที่หวานชื่นประหม่าขึ้นมาทันที“อาจจะเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่แล้ว”ซูจิ่งสิงก็ไม่ได้ปิดบัง เขาจับมือของนางปีนขึ้นม้าตัวเอง แล้วมุ่งไปข้างหน้า“เรื่องนี้ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดไม่กี่คำ รอหลังจากถึงเมืองหลวง ข้าพาเจ้าไปพบคนคนหนึ่ง”“ใคร?”“ผู้ติดตามของพี่ใหญ่เจ้า”“ได้”กู้หว่านเยว่พยักหน้าหลังจากนั้นสามวัน ทุกคนเดินทางมาถึงเมืองหลวงมอบรางวัลให้แม่ทัพที่มีผลงานครั้งนี้ตามระเบียบ และตบรางวัลให้สามเหล่าทัพตามความดีความชอบหลังจากชั
หากกู้หว่านเยว่ไม่ได้คำนึงถึงขบวนที่อยู่ข้างหลัง นางถึงขั้นอยากเอาเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ในมิติออกมา และนั่งเฮลิคอปเตอร์กลับไปพบซูจิ่งสิงที่เมืองหลวงโดยตรง“ใช่ อีกสองวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว”เกาเจี้ยนร่วมวงสนทนากับกู้หว่านเยว่อย่างมีไม่บ่อยนักเขาก็ไม่ได้เจอลั่วยางมาสักพักแล้ว ไม่รู้ว่าช่วงนี้ลั่วยางทำงานในกองหมอหลวงเป็นอย่างไรบ้าง มีหนุ่มหล่อตาบอดคนไหน ฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่ไปจีบนางหรือไม่แต่ว่าเขาค่อนข้างเชื่อใจลั่วยางจู่ๆ เวลานี้เขาก็รู้สึกว่าการมีคนรักที่มุ่งมั่นในหน้าที่การงานเป็นเรื่องที่ดีอย่างไรอย่างเช่นเขาไม่อยู่เป็นเวลานาน แต่เขากลับไม่กังวลว่าข้างกายลั่วยางจะมีคนอื่นรายล้อม แค่คิดก็รู้ว่าด้วยนิสัยของลั่วยาง ช่วงนี้ถ้าไม่เอาแต่หมกตัวอ่านตำราแพทย์อยู่ในสำนักหมอหลวง ก็ไปศึกษาอาการป่วยไม่มีเวลาไปเที่ยวสนุกแน่นอนเกาเจี้ยนหัวเราะคนเดียวระหว่างที่พวกเขากำลังเร่งเดินทาง ตอนนี้เองที่ทุกคนพบว่าฝั่งตรงข้ามของถนนมีหนึ่งคนหนึ่งม้ากำลังวิ่งเข้ามา“ใครกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ วิ่งสวนทางกับพวกเรา ไม่รู้หรือว่าเห็นทัพใหญ่ต้องหลบ?”เกาเจี้ยนขมวดคิ้วพึมพำเมื่อเห็นหนึ่งคนหนึ่งม้าเข
กู้หว่านเยว่มองดูมงกุฎดอกไม้ในมือ มีรอยยิ้มที่งดงามปรากฏบนใบหน้านางสวมมงกุฎดอกไม้บนศีรษะ ดวงตาโค้งงอ“ขอบคุณ”“ไม่ต้องเกรงใจ” ชวีอวี้ส่ายศีรษะนางรู้ว่ากู้หว่านเยว่ต้องไปวันนี้แล้ว ดังนั้นหลังจากมอบมงกุฎดอกไม้ให้นาง ก็หลบไปยืนที่ข้างถนนอย่างรู้ตัวแล้ว“ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ เทพธิดาไหมจะคุ้มครองท่านแน่นอน”“ได้”นี่คือเจตนาดีที่กู้หว่านเยว่รู้สึกได้ไม่บ่อยในหนานเจียงนางถอดมงกุฎดอกไม้ที่อยู่เหนือศีรษะลงมาดูอย่างละเอียด จากนั้นฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนสนใจ นำมงกุฎดอกไม้เข้าไปเก็บรักษาในมิติ เวลานี้ ภายในเมืองหลวงร่างเงาที่สวมเพ้ามังกรสีเหลืองสดกำลังเดินไปเดินมาในตำหนักอย่างร้อนใจ“ทัพใหญ่ถึงไหนแล้ว ใกล้จะถึงเมืองหลวงหรือยัง?”ซูจื่อชิงที่เพิ่งแต่งงานเสร็จร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก“พี่ใหญ่ จะเร็วเช่นนั้นที่ไหนล่ะ ทัพใหญ่มาจากหนานเจียงต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน ลองคำนวณเวลาดู นี่เพิ่งจะผ่านไปสิบวันเอง อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกห้าวัน พี่สะใภ้ใหญ่จึงจะมาถึง”เขาส่ายศีรษะปกติพี่ใหญ่สุขุมใจเย็น ไม่ว่าเรื่องการปกครองจะยากแค่ไหน เขาก็สามารถสงบไม่แสดงอารมณ์ใดๆแต่หลังจากไ
ทันใดนั้นนางก็กระอักเลือดออกมา ก่อนจะล้มลงไปบนพื้น เพียงเสี้ยววินาทีก็สิ้นลมหายใจ เกาเจี้ยนรุดหน้าเข้าไปตรวจสอบ หลังจากนั้นก็หันไปพยักหน้าให้กับกู้หว่านเยว่ “นางตายแล้ว” “เผาเถอะ” กู้หว่านเยว่กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ ตอนอยู่ไม่ทำความดี ตายไปก็คงกลายเป็นเพียงกองปุ๋ย “ขอรับ” เกาเจี้ยนชำเลืองมองเฟิ่งอู๋ชีแวบหนึ่ง ดูเหมือนเฟิ่งอู๋ชีจะไม่สนใจจริง ๆ สายตาไร้เยื่อใย เงียบตลอดจนถึงตอนนี้ กู้หว่านเยว่มองไปยังรูปปั้นเทพธิดาไหมอ้วนฉุองค์นั้น “นี่คือเทพธิดาไหมที่ชาวหนานเจียงอย่างพวกเจ้าเอ่ยถึงสินะ?” “ถูกต้อง” เฟิ่งอู๋ชีพยักหน้าเล็กน้อย สายตาที่มองรูปปั้นของเทพธิดาไหมนั้นแฝงไปด้วยความหวาดกลัว “พวกเราจะจัดเทศกาลไหว้เทพธิดาไหมทุกปี ขอให้เทพธิดาไหมคุ้มครองพวกเรา ให้ฟ้าฝนตกตามฤดูกาล ธรรมเนียมนี้ได้รับการปฏิบัติสืบทอดมาหลายพันปีแล้ว” กู้หว่านเยว่พยักหน้า แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมหนานเจียงจะต้องเชื่อเทพธิดาไหม แต่ด้วยความเคารพ นางยังกราบไหว้รูปปั้นเทพธิดาไหมก่อนออกเดินทาง ฮองเฮาหนานเจียงสิ้นพระชนม์แล้ว ราชวงศ์ที่เหลือยู่ก็เป็นเพียงกองทราย เวลาสั้น ๆ เพียงสองวัน ทุกอย่างก็กระจ่า
น้ำเสียงของเฟิ่งอู๋ชีปนสะอื้นเล็กน้อย เขาพยายามควบคุมอารมณ์อย่างมาก นี่คือเรื่องที่ซ่อนอยู่ภายในใจและไม่มีใครรู้ ตั้งแต่ที่เขาจำความได้ ก็ไม่เคยได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่เลยสักวัน ยามที่เขาร้องไห้ ฮองเฮาหนานเจียงทำได้แค่ผลักไสเขาอย่างเบื่อหน่าย ยามเขาบาดเจ็บ สิ่งที่ได้รับมีเพียงแค่ความเย็นชา เขาเคยคิดว่า เป็นเพราะท่านแม่ครองตำแหน่งฮองเฮาอยู่ จึงทำได้เพียงหักห้ามความรู้สึก กระทั่งเห็นนางแสดงออกที่แตกต่างอย่างชัดเจนกับเฟิ่งหมิงกวง แต่เฟิ่งหมิงกวงไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องชาย การมีอยู่ของเขา สำหรับฮองเฮาหนานเจียงแล้ว ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ไม่อยากเอ่ยถึง สู้องค์ชายที่ไม่ใช่บุตรชายของนางแท้ ๆ ก็ไม่ได้ ภายใต้คำถามของเฟิ่งอู๋ชี เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของฮองเฮาหนานเจียงเปลี่ยนไป แสดงออกถึงความรู้สึกผิดที่ถูกปลดปล่อยออกมา “หากเลือกได้ ข้าไม่ให้เจ้าเกิดมาเสียดีกว่า” นางโพล่งออกไป ราวกับรู้ว่าจะไม่มีชีวิตยืนยาว จึงอยากพูดความในใจ “เจ้ารู้หรือไหมว่าข้าเกลียดเจ้ามากเพียงใด?” “ทุกครั้งที่เห็นใบหน้าของเจ้า ก็มักจะนึกถึงผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยสนใจเจ้า” นัยน์ตาของนางเย็นยะเยือก
“ลูกทรพี คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าพาคนอื่นมาถึงที่นี่ เทพธิดาไหมลงโทษเจ้าอย่างแน่นอน” เกาเจี้ยนที่กำลังร้อนใจโฉบบินมาตรงหน้า “หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว ท่านหมดหนทางหนีแล้ว เหตุใดยังไม่ยอมแพ้อีก” นัยน์ตาของฮองเฮาหนานเจียงเลื่อนมาหยุดตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ “เจ้าคือพระมเหสีแห่งต้าฉีสินะ เจ้าไม่เหมือนสักนิด” กู้หหว่านเยว่เลิกคิ้วสูง ฮองเฮาหนานเจียงมองพิจารณานาง ในขณะเดียวกันนางเองก็มองพิจารณาคนที่อยู่ตรงข้ามด้วย “ท่านไม่เหมือนกับที่ข้าคิดไว้เช่นกัน” นางคิดว่าฮองเฮาหนานเจียงจะเป็นสตรีที่มักใหญ่ใฝ่สูง ใบหน้าคงเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาดและเจ้าแผนการ แต่เวลานี้กลับพบว่ารูปร่างของฮองเฮาหนานเจียงดูอ่อนแอมาก หากไม่ใช่เพราะเห็นสายตาที่เฉลียวฉลาดคู่นั้น ก็คงคิดไม่ถึงว่านางจะเป็นคนทะเยอทะยานเช่นนี้ “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร คำกล่าวนี้ฮองเฮาทรงเข้าใจเป็นอย่างดี บัดนี้หนานเจียงพ่ายแพ้ ข้าเองก็ตกอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว จะฆ่าจะแกงยังไงก็แล้วแต่พวกเจ้าเถอะ” ฮองเฮาหนานเจียงหลับตาก่อนหมุนตัวกลับไปคุกเข่าตรงหน้าของเทพธิดาไหม ปากขยับบ่นพึมพำ กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟัง ซึ่งโดยส่วนใ