Share

บทที่ 2

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”

“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”

ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”

หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”

ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญ

ทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อย

มองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหัก

ถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง

“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”

“ไม่ได้!”

สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอาย

ฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื้อ เจ้าอย่าทำเกินเลยไปนัก ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็เกือบจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน”

“แต่พวกเจ้ากลับดูแคลนข้า”

เจียงเต๋อจื้อถูกจี้ใจดำ เขาเคยสู่ขอบุตรีของฮูหยินผู้เฒ่าซูหวู่อวิ๋น เพียงเพื่อปีนป่ายเกาะกิ่งสูงเฉกเช่นจวนอ๋องนี้ ใครจะรู้ว่าจวนอ๋องกลับปฏิเสธเขาแล้ว!

วันนี้เขามาเพื่อลบล้างความอับอายนี้

เจียงเต๋อจื้อขยับขึ้นไปจับบุตรีคนเล็กของบ้านใหญ่สกุลซูซูหรานหร่าน ต้องการถกชุดกระโปรงของนางลง

“อย่านะ! ท่านพ่อท่านแม่ท่านพี่ช่วยข้าด้วย...”

“ข้าจะสู้ตายกับพวกเจ้า!”

ฝ่ายชายของบ้านใหญ่ยกเก้าอี้ปรี่ถลาเข้าไป แต่กลับถูกทหารหลวงขวางไว้ ทำได้เพียงมองซูหร่านหรานถูกหยามเกียรติตาแดงก่ำ

ในช่วงเวลาสำคัญนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกมาและยื่นมือออกไป หักข้อมือเจียงเต๋อจื้อโดยตรง

“บัดซบ เจ้าเป็นใครกัน?” หน้าตานับว่างดงามมาก?

“ย่าของเจ้า ชายาเจิ้นเป่ยอ๋อง!”

กู้หว่านเยว่กำลังแทะน่องไก่หนึ่งชิ้น ท่าทางไม่เรียบร้อย เผยความโอหังอย่างเห็นได้ชัด “เจียงเต๋อจื้อ ฝ่าบาทให้เจ้ายึดทรัพย์ มิได้ให้เจ้าสร้างความอับอายให้ญาติของท่านอ๋อง หากเจ้าอาจหาญฝ่าฝืนราชโองการ ทุกคนในจวนอ๋องเราก็ขอพังพินาศไปพร้อมเจ้า!”

ซูหรานหร่านที่มีคราบน้ำตาเกลื่อนหน้ารีบยกแจกันดอกไม้ ยืนเคียงข้างกู้หว่านเยว่

คนของบ้านอื่น ๆ ก็ยกขึ้นมาด้วย คนของบ้านรองเชื่องช้าอยู่ครู่หนึ่ง มีเพียงครอบครัวของบ้านสี่แสร้งประคองฮูหยินผู้เฒ่า มิได้ลุกขึ้นยืนไปด้วยกัน

แต่นี่ก็เพียงพอให้เจียงเต๋อจื้อสั่นสะท้านแล้ว มองกู้หว่านเยว่อย่างขุ่นเคืองแวบหนึ่ง ระบายโทสะทั้งหมดลงบนตัวผู้อยู่ใต้อาณัติ

“ยังเหม่ออันใดอยู่อีก ไปยึดของให้หมด เหล็กแม้แผ่นเดียวก็อย่าให้เหลือ!”

สกุลซูทำกิจการมานับร้อยปี เงินทองของมีค่าในคลังต้องมีไม่น้อย จะได้อาศัยโอกาสนี้ตักตวงผลประโยชน์ให้ตนเอง

ส่วนกู้หว่านเยว่หรือ ก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว ระหว่างทางถูกเนรเทศยังมีวิธีจัดการนาง

เจียงเต๋อจื้อผลิยิ้ม รอสมบัติถูกยกมาวางตรงหน้า

แต่ใครรู้ ทหารหลวงที่มายึดทรัพย์เพิ่งเข้าเรือนได้ไม่นาน ก็ต้องวิ่งออกมาอย่างตกตะลึงรับมือไม่ทัน

“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว ไฟไหม้คลังแล้ว!”

“เปลวเพลิงใหญ่เกินไป พวกผู้น้อยไม่สามารถเข้าไปได้”

“นอกจากคลังเก็บของ เรือนทุกหลัง ห้องครัว ยุ้งฉางก็ล้วนไหม้ทั้งหมดแล้ว...”

“...”

“ไม่นะ สมบัติของข้า!” เจียงเต๋อจื้อเบิกตากว้างมองเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำ ผลักทุกคนออกพุ่งกระโจนเข้าไปอย่างมิอาจหักใจ ต้องการช่วงชิงสมบัติออกมาสักเล็กน้อย

ถูกเปลวเพลิงบังคับให้ถอยกลับ หนีตะลีตะลานออกมา

เห็นว่าไม่สามารถหาผลประโยชน์ได้แม้แต่น้อย เขาโมโหจนตัวสั่น ชาไปหมดทั้งตัว

ไม่รู้เลยว่านี่ก็คือฝีมือของกู้หว่านเยว่ เพราะนางกังวลว่าคนยึดทรัพย์ค้นหาเงินไม่พบ แล้วจะลงโทษซูจิ่งสิงข้อห้าโยกย้ายทรัพย์สิน จึงวางเพลิงเผาคลังจนมอดไหม้

“เหตุใดจู่ๆ ไฟก็ไหม้ พวกเจ้าตั้งใจวางเพลิงใช่หรือไม่!” เจียงเต๋อจื้อบันดาลโทสะใส่ทุกคนในจวนอ๋อง

ทุกคนตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม “ใต้เท้าปรักปรำแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเราไหนเลยจะมีเวลาไปวางเพลิง?”

เจียงเต๋อจื้อก็รู้ว่าพวกเขามิได้ทำ แต่เพราะไม่ได้แม้เหมาเดียว ทำให้เขาโมโหจนปวดแปลบไปหมดทุกส่วน

ขณะเดียวกัน เสียงตะโกนก็ดังขึ้นที่ภายนอกประตู “ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”

ซูจิ่งสิงสีหน้าซีดเผือด ถูกประคองลงจากม้า เพียงผ่านเข้าจวน ก็เกือบล้มลงกับพื้น

“ท่านอ๋อง ท่านกลับมาเสียที”

ทุกคนในจวนอ๋องล้วนหันมองเขา รีบถลันเข้าไปต้องการคำอธิบาย ถามไถ่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ไม่สนใจว่าเขาได้รับโทษถูกโบยจนใกล้ตายแล้ว

มีเพียงมารดาแท้ๆ สมองไม่ดีนางหยางและกู้หว่านเยว่ขยับขึ้นไปตรวจอาการของเขา โชคดีที่ก่อนหน้านี้กินยาถอนพิษ นับว่ารักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ขาทั้งสองข้างของเขานี้...

“ท่านอ๋อง ขาของท่านยังมีความรู้สึกอยู่หรือไม่?”

ซูจิ่งสิงสติเลือนราง เจ็บปวดจนพูดไม่ออกแม้คำเดียว

เพื่อมิให้ราษฎรของต้าฉีต้องลำบากเพราะสงคราม เขาเลือกกล้ำกลืนฝืนทน

แต่คิดไม่ถึง วิธีการของฮ่องเต้ร้ายกาจถึงเพียงนี้ ทีแรกสั่งโบยเขาหนึ่งร้อยไม้ ถัดมาสั่งกรอกสุราพิษให้เขา

คิดถึงถ้อยคำของกู้หว่านเยว่ในตอนเช้า หรือนางรู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะเกิดเรื่องใดขึ้น?

“ซูจิ่งสิงเจ้ามาถูกเวลายิ่งนัก ว่าเจ้าสั่งให้คนเผาจวนใช่หรือไม่?!”

เจียงเต๋อจื้อกำลังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ หยิบแส้ฟาดลงบนตัวซูจิ่งสิง คนเพิ่งถูกลงทัณฑ์มา ไหนเลยจะทนรับไหว ร่างกายกระตุกอย่างเจ็บปวด

นางหยางร้อนใจเข้าไปจับเขาไว้ “ไป เจ้าไป...”

ทว่าเจียงเต๋อจื้อจะยอมเลิกราได้อย่างไร เขาเห็นซูจิ่งสิงอยู่เหนือกว่าจนคุ้นชินแล้ว วันนี้เห็นเขาหมดอำนาจ ลำพองใจอยู่ภายในใจไม่รู้ตั้งเท่าใด ฟาดแส้แรงขึ้นเรื่อย ๆ

หยางซื่อเห็นลูกชายเจ็บปวดจนเหงื่อผุดทั่วทั้งสรรพางค์กาย เดินวนไปมาอยู่กับที่อย่างรับมือไม่ทัน ทันใดนั้นร่างกายหยุดชะงัก หันเข้าหาเจียงเต๋อจื้อแล้วคุกเข่าลงไป “ขอร้องท่าน อย่า อย่าตีอาจิ่ง เขาเจ็บ เขาเจ็บ...”

“ท่านแม่ ลุกขึ้น...”

ซูจิ่งสิงจับแขนนางหยาง แววตาเยียบเย็น แม้ว่าต้องกลายเป็นนักโทษ แต่ความน่าเกรงขามที่หลงเหลือจากสนามรบยังทำให้เจียงเต๋อจื้อกริ่งเกรงตกใจได้ดังเดิม

ไม่รอให้เจียงเต๋อจื้อไหวตัวทัน กู้หว่านเยว่ถลันขึ้นมาจากทางด้านข้าง จับคอเสื้อเหวี่ยงหมัดทีหนึ่ง ต่อยสันจมูกของเขาจนหัก

“โอ๊ย ช่วยด้วย!”

เจียงเต๋อจื้อร้องโอดครวญ พยายามดิ้นหนี คนบอบบางอ่อนแอเฉกเช่นกู้หว่านเยว่กลับมีแรงมากจนคนตกใจ หักแขนทั้งสองข้างของเขาอย่างแรง ต่อยจนฟันหน้าของเขาร่วงทั้งแถว

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้ารังแกคนของข้ากู้หว่านเยว่ ใครมอบความกล้าให้เจ้า!”

ต่อยเสร็จ รังเกียจมือตนเองสกปรก โยนเขาทิ้งทันที

กระแทกกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ถลันเข้ามาพอดี

“ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้ว วังหลวงถูกปล้น ฝ่าบาทรับสั่งให้ท่านเข้าวังด่วน!”

หา?

คนยึดทรัพย์ถูกตีแสกหน้าแล้ว วังหลวงยังจะถูกปล้นทรัพย์สินอีกหรือ?

เจียงเต๋อจื้อโมโหจนกระอักเลือด รีบเดินทางเข้าวัง ก่อนจากไปยังพูดทิ้งท้ายไว้ให้กู้หว่านเยว่หนึ่งประโยค ไม่มีวันปล่อยให้นางอยู่อย่างเป็นสุข!

ส่วนพวกที่เหลือล้วนตกตะลึงเพราะวรยุทธ์ของกู้หว่านเยว่ กลืนน้ำลายแล้วก็กลืนน้ำลายอีก ขยับออกห่างจากนางเงียบๆ

เว้นเสียแต่ซูจิ่งสิง สายตายามสบมองนางเปี่ยมไปด้วยความซับซ้อน ครู่ถัดมาก็หมดสติไป

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ก็ร้องตะโกนเสียงดัง

“จัดเรียงแถวนับจำนวน เตรียมตัวออกเดินทาง”

ชายถูกเนรเทศล้วนต้องถูกตีตรวนที่คอ หญิงล่ามโซ่ที่ขาป้องกันการหลบหนี นักโทษทำผิดร้ายแรงยังต้องสักอักษรคำว่าทาสลงบนหน้า

สกุลซูเพียงถูกลดฐานะเป็นสามัญชน ไปเริ่มชีวิตใหม่ที่หนิงกู่ถ่า มิใช่นักโทษ ดังนั้นจึงไม่ต้องถูกลงทัณฑ์เหล่านี้

ถัดจากเสียงคร่ำครวญ ประตูบานใหญ่ถูกปิดป้ายผนึกไว้ แผ่นป้ายสีแดงอมทองร่วงหล่นลงพื้น จวนเจิ้นเป่ยอ๋องล่มสลายแล้ว

ทว่านี่ยังไม่พอ เพียงก้าวพ้นประตู ทุกคนก็ถูกราษฎรล้อมเอาไว้
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (4)
goodnovel comment avatar
Kunticha
น่าอ่านสนุกดี
goodnovel comment avatar
Wiphawee
สนุกค่ะน่าติดตามขอบคุณมาก
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกมากค่ะขอบคุณที่เขียนนิยายให้อ่านสนุกสนุกแบบนี้ขอบคุณมากๆค่ะ
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1990  

    นางพูดอ้อม ๆ “จู่ ๆ เด็กสองคนนี้ก็แยกจากกัน เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ชินนะสิเจ้าคะ เช่นนั้นก็ เช่นนั้นก็ให้เหวินน้อยของเราเข้าวังไปด้วย....” แม้ว่าซุนเหวินจะเป็นเด็กโง่เขลา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรสาว ฮูหยินซุนยังอยากพยายามช่วยเหลืออยู่ดี กู้หว่านเยว่มองไปทางจี้เยว่ “เจ้าชอบเล่นกับซุนเหวินหรือไม่?” จี้เยว่ดูจะสับสนเล็กน้อย นางรู้ว่าซุนเหวินเป็นใคร เป็นพี่หญิงเหวิน “พี่หญิงเหวินเหยียบกระต่ายข้าตายไปหนึ่งตัว” ดวงตาของนางแดงก่ำ กู้หว่านเยว่เอื้อมมือออกไปลูบศีรษะของจี้เยว่อย่างอ่อนโยน “อย่าเสียใจไปเลย ข้ามีวิธีช่วยชีวิตกระต่ายตัวนั้น วันหน้าข้าจะพากระต่ายตัวนั้นไปคืนเจ้าดีหรือไม่?” จี้เยว่พยักหน้า “อื้อ!” ฮูหยินซุนที่อยู่ข้างกายถึงกับเหงื่อออกเปียกชุ่ม “เหอะ ๆ คงเป็นเพราะเด็ก ๆ เล่นซน ไม่ระวังเลยออกแรงเกินไปหน่อย” ครั้นนึกถึงความไม่เอาไหนของบุตรสาวของตน บางทีอาจจะแอบทำเรื่องโหดร้ายอย่างเหยียบกระต่ายของน้องเยว่จนตายก็ได้ ทันทีที่เงยหน้า ก็เห็นองครักษ์สองคนเฝ้าอยู่นอกจวนแล้ว ในมือถือหอกกันทุกคน สีหน้าตึงเครียด หากมีสิ่งใดผิดปกติคงจะพุ่งเข้ามาทันที ฮูหยินซุนไม่กล้าพูดจ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1989  

    “มัวยืนอึ้งอะไรอยู่อีก? รีบอุ้มคุณหนูออกไปสิ ปล่อยให้พูดจาเพ้อเจ้อจนคนในวังมาได้ยินเข้า จะรอรับโทษอย่างนั้นหรือ?” ฮูหยินซุนโบกมือไล่อย่างขุ่นเคือง บุตรสาวผู้ไม่เอาไหน เวลานี้ทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย หากนางฉลาดกว่านี้ คงหาโอกาสตีสนิทกับยัยบ๊องผู้นั้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้ประโยชน์ ถูกพาตัวเข้าไปในวังด้วยก็ได้ ร้องไห้ไปจะมีประโยชน์อะไร? มีแต่จะทำให้คนในวังไม่พอใจ คิดว่าบุตรสาวของสกุลซุนไม่รู้ความ สาวใช้จึงเดินรุดหน้า อุ้มซุนเหวินไปตำหนักหลัง ใบหน้าเล็ก ๆ ของซุนเหวินแสดงสีหน้าตื่นตระหนกราวกับฟ้าถล่มก็มิปาน ไม่นานก็ถูกพาออกไป ฮูหยินซุนลุกขึ้นยืน จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ทางครู่หนึ่ง จากนั้นก็พาคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ ครั้งนี้กู้หว่านเยว่ออกนอกวังอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้ใครนัก เมื่อรถม้าหยุดลงนอกจวนซุน คนที่เดินเข้ามาต้อนรับก็มีแต่คนของสกุลซุน ฮูหยินซุนเห็นเสลี่ยงปักษาของพระมเหสีแต่ไกล รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก รีบรุดหน้า แล้วคุกเข่ากราบหัวโขกดินด้วยความเคารพ “ข้านางซุนของเข้าเฝ้าพระมเหสีเจ้าค่ะ ขอให้พระมเหสีมีพระชนม์ยืนนานหมื่น ๆ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1988  

    จ้านจ้านกลอกตาเล็กน้อย “นี่มันขนมของเด็ก ข้าไม่กินแล้ว เจ้ากินเถอะ” จี้เยว่ยังคงดื้อดึง “อร่อย ให้พี่ชายกิน” จ้านจ้านไม่ต้องการ เขาไม่ได้พูดโกหก เขาไม่กินอมยิ้มมานานมากแล้ว ป้ายางเคยบอกว่า กินอมยิ้มเยอะจะทำให้ฟันจะผุง่าย เขาจึงไม่กิน แต่จี้เยว่ก็เหมือนปลาสเตอร์เหนียวหนึบ หากเขาไม่ยอม นางก็จะตามติดเขา และมองเขาด้วยสายตาไร้เดียงสา อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ช่างเถอะๆ ข้ากินหนึ่งเม็ดก็ได้” จ้านจ้านยอมแพ้ กู้หว่านเยว่มองการกระทำของเด็กทั้งสองคนอยู่ข้าง ๆ และคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู ไม่นาน เสียงของชิงเหลียนก็ดังเข้ามาจากด้านนอก “พระมเหสี คนของจวนซุนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่พยักหน้า เมื่อวานก็มีคนจากสกุลซุนมาหา บอกว่าพวกเขาจะพาจี้เยว่เข้าวัง วันนี้ตั้งใจจะมาเก็บข้าวของของจี้เยว่ ภายในจวนซุน มีเด็กสาวที่ดูโตกว่าหน่อยจำนวนหนึ่งกำลังจับกลุ่มคุยกัน “เมื่อวานคนในวังบอกว่าจะพายัยบ๊องผู้นั้นเข้าไปอยู่ในวัง” เหตุใดโชคชะตาของยัยบ๊องถึงได้ดียิ่งนัก?” คนที่พูดคือคุณหนูใหญ่ของสกุลซุน ปีนี้อายุหกขวบกว่าแล้ว นางคอยติดตามอยู่ข้างกายของฮูหยินซุน ได้รับการอบรมสั่งสอนจนฉลาดปราดเปรื่อง เวลา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1987  

    เช่นนั้นแม้แต่ปรมาจารย์แพทย์ก็ยังทำไม่ได้ ดูท่าทางสถานการณ์ของซูจิ่นเอ๋อร์คงจะเข้าขั้นวิกฤตเสียแล้ว ซูจิ่นเอ๋อร์เห็นกู้หว่านเยว่เงียบไป ก็แทบจะร่ำไห้ด้วยความร้อนใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านกำลังจะบอกข้าว่าข้าจะมีบุตรไม่ได้ตลอดชีวิตใช่หรือไม่เจ้าคะ?” กู้หว่านเยว่รีบเอ่ย “อย่าพูดจาเหลวไหล” ซูจิ่นเอ๋อร์เองก็ไม่อยากมองโลกในแง่ร้าย แต่นางกลัวจริง ๆ กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดอยู่ครึ่งวัน อาการป่วยนี้ไม่ใช่โรคที่จะรักษาให้หายขาดในทันที จะรีบร้อนไม่ได้ “เอาอย่างนี้ ข้ามีธุระต้องออกนอกวัง เจ้าอยู่รอข้าในวังไปก่อน รอให้ข้าจัดการธุระเสร็จแล้วค่อยกลับมาตรวจชีพจรให้เจ้า ดูว่าเจ้าเป็นอะไร” ซูจิ่นเอ๋อร์ร้อนใจอยู่ภายใน อย่าว่าแต่ครึ่งวันเลย แม้แต่เสี้ยววินาทีนางก็รอไม่ได้ แต่ในเมื่อพี่สะใภ้ใหญ่มีธุระก็คงห้ามอะไรไม่ได้ จึงฝืนใจพยักหน้า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไปจัดการธุระของท่านก่อนเถอะ ข้าจะรอท่านเสร็จธุระอยู่ในวัง” กู้หว่านเยว่เอ่ยโน้มน้าว “เจ้าอย่ากังวลไปเลย เรื่องมีบุตรเราบังคับกันไม่ได้ ยิ่งเครียดยิ่งมียาก” “เจ้าค่ะ” ซูจิ่นเอ๋อร์เหม่อลอย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจฟัง หลังจากที่พบว่าตัวเองมีบุต

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1986  

    ชิงเหลียนอุ้มเด็กน้อยออกไป เมื่อถึงเวลานอนในยามค่ำคืน กู้หว่านเยว่สั่งให้คนอุ้มจ้านจ้านเข้ามา ทั้งสามคนนอนพูดคุยอยู่บนเตียงเดียวกัน กู้หว่านเยว่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่ราบแห่งความโกลาหลให้จ้านจ้านฟัง จ้านจ้านที่ดูเหมือนจะตั้งใจฟังเรื่องเล่า ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา กู้หว่านเยว่ตบหลังของจ้านจ้านเบา ๆ สายตาอบอุ่น “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ากลับมาแล้ว เรานำเรื่องนี้ไปหารือกับพี่สะใภ้ของเจ้าก่อนดีหรือไม่?” ภายในตำหนักของซูจิ่นเอ๋อร์ นางหยางคว้ามือของนาง แล้วทอดถอนใจ ในระหว่างการสนทนาเมื่อครู่นั้น ซูจื่อชิงได้เอ่ยถึงการตั้งครรภ์ของเมี่ยชิงหว่าน สีหน้าของซูจิ่นเอ๋อร์ดูไม่ดีนัก นางหยางผู้เป็นมารดาเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ามีทักษะการแพทย์สูง ไม่แน่อาจจะมีวิธีการก็ได้” นัยน์ตาของซูจิ่นเอ๋อร์ฉายแววสับสน “แต่ปรมาจารย์แพทย์กล่าวไว้ว่าร่างกายของนางไม่ค่อยแข็งแรง การตั้งครรภ์ยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก” นางอยากให้กู้หว่านเยว่ตรวจอาการให้นาง แต่ก็กลัวว่าจะผิดหวัง หากแม้แต่พี่สะใภ้ใหญ่ยังหาวิธีให้ไม่ได้ เกรงว่านางคงมีลูกของตัวเองไม่ได้ไปตลอดชีวิต “ท่านแม่ ข้

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1985

    ซูจิ่งสิงนับญาติแล้ว ก็คือคนของราชวงศ์ต่อให้พูดว่าภายในใจของเขาเห็นนางหยางและซูจิ้งเป็นบิดามารดา ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบซูจิ้งล้วนคิดว่าขุนนางและกษัตริย์แตกต่างกันมารยาทพิธีการต้องครบถ้วน ถึงจะสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายาวนานมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้สกุลซูดียิ่งขึ้นอีกด้วย“ท่านปู่ ท่านมานั่งเถอะ” จ้านจ้านสืบเท้าขึ้นมา จูงซูจิ้งไปนั่งซูจิ้งพยักหน้ายิ้มๆ หยิบขนมถังหูลู่ออกจากอกหนึ่งไม้“ให้เจ้า ปู่ซื้อมาจากนอกวัง”“ว้าว ขนมถังหูลู่นี่นา ขอบคุณท่านปู่มากขอรับ”จ้านจ้านดีใจอย่างมาก เขาออกจากวังน้อยมาก ดังนั้นจึงอยากกินของนอกวังยิ่งนัก“กินช้าหน่อย ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก” ใบหน้าซูจิ้งประดับยิ้ม มองดูแล้วรักเอ็นดูจ้านจ้านอย่างแท้จริงกู้หว่านเยว่กวาดตามองโดยรอบ “ใช่แล้ว เหตุใดไม่พาชิงหว่านเข้าวังเล่า?”หลังชิงหว่านแต่งงานกับจื่อชิงแล้ว ก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเขานางหยางยิ้มไม่หุบ ใบหน้าซูจื่อชิงสะท้อนแววเขินอาย “ชิงหว่านตั้งครรภ์ ตอนนี้หกเดือนแล้ว ร่างกายกำลังหนัก กลัวเกิดข้อผิดพลาดอันใด ข้าจึงส่งคนไปแจ้งข่าวนาง รอข้ากลับจวนแล้ว จะพูดกับนางด้วยตนเอง พรุ่งนี้ค่อยพานางมาพบ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status