นางนั้นฐานะเป็นเพียงบุตรสาวของอนุ ถูกปฏิบัติมิต่างจากบ่าวคนหนึ่งในจวน แม้กระทั่งวันหนึ่งพี่สาวต่างมารดาหนีงานแต่ง นางกลายเป็นผู้ที่ต้องก้มหน้ารับผิดชอบเข้าพิธีมงคลนั่นแทน
View Moreบทนำ
ท่ามกลางบรรยากาศอันหรูหราและยิ่งใหญ่ ณ จวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง สถานที่ถูกประดับด้วยผ้าไหมสีแดงสดและดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลิ่นหอมของดอกไม้และเครื่องหอมลอยคลุ้งในอากาศ โคมไฟสีแดงถูกแขวนอยู่ทุกมุม ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงามอลังการสมกับเป็นงานแต่งของบุตรสาวในตระกูลบัณฑิตใหญ่มีชื่อเสียงอย่าง หัวหน้าราชบัณฑิตฝูหยาง
ฝูหรง หญิงสาวผู้งามสง่าในชุดเจ้าสาวสีแดงเลือดนกประดับด้วยลวดลายปักที่ละเอียดอ่อน มือของนางกำลังถือพัดที่ปิดหน้าครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นดวงตาที่สดใสและแฝงด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่นางก้าวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ใจของนางเต้นระรัวทั้งด้วยความตื่นเต้นและความกลัว
แม้วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวในชุดมงคลควรจะดีใจ แต่มันก็มีความกังวลใจอยู่ลึก ๆ เพราะแท้จริงแล้วนางมิใช่คนที่ต้องแต่งงานในวันนี้
ข้าหวังว่าท่านพี่อิงอิงจะไม่โกรธข้าที่ต้องเข้าพิธีแทนนาง
บรรยากาศทุกสิ่งทุกอย่างดูพร้อมสำหรับพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ้าไหมสีแดงถูกแขวนประดับตามทางเดินและกำแพง ลวดลายสีทองที่ประดับอยู่บนผ้าไหมสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยจากเพดาน ทำให้ทั้งห้องโถงดูเปล่งประกาย
ยามรุ่งสางของวันนี้ฝูหรงรีบลุกจากเตียงตั้งแต่ยามยามอิ๋น (03.00 - 04.59 น.) นางรีบลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แม้จะไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่ฝูหรงก็ทำงานราวกับสาวใช้คนหนึ่งในจวน ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็เป็นบุตรสาวคนหนึ่งของเจ้าของจวนแห่งนี้ ร่างบางรีบล้างหน้าเพื่อที่จะไปช่วยพี่สาวแต่งตัว วันนี้เป็นวันสำคัญที่ทุกคนในตระกูลรั่วและตระกูลฝู วันที่ทั้งสองตระกูลบัณฑิตจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันเสียทีหลังจากให้บุตรสาวและบุตรชายหมั้นหมายกันมาหลายปี
มือบางเปิดประตูเรือนนอนออกไปอย่างเงียบเชียบเช่นทุกวัน แต่ก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นมารดาของตนและท่านแม่ใหญ่เดินมุ่งตรงมาทางนี้ มารดาของนางมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง
“ท่านแม่ คารวะแม่ใหญ่” ฝูหรงเร่งเดินข้ามประตูออกไป เมื่อเห็นว่าในกลุ่มคนนั้นมีท่านแม่ใหญ่มาด้วย
“เข้าไปคุยกันข้างใน” ฝูฮูหยินเอ่ยเสียงเรียบ แม้ใบหน้าจะฉายแววกังวลออกมาอย่างชัดเจน
ฝูหรงหวั่นเกรงมิน้อย นางกลัวว่าฮูหยินใหญ่จะหาเรื่องลงโทษอะไรมารดานางอีก “ท่านแม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ”
“เข้าไปด้านในก่อน เดี๋ยวเจ้าก็รู้” ม่านอิ้น จับจูงมือของบุตรสาวด้วยความแผ่วเบาให้เดินตามเข้าไปในเรือนที่ฝูหรงเพิ่งก้าวออกมา
“เรื่องก็เป็นเช่นนี้” ฝูฮูหยินเอ่ยถึงการมาของนางกับอนุของสามี
“ข้า…ข้าต้องแต่งแทนท่านพี่ฝูอิงหรือเจ้าคะ” ฝูหรงหลุดเอ่ยออกมาเสียงดัง นางตกใจไม่น้อยที่แม่ใหญ่บอกว่าพี่สาวของนาง อย่างฝูอิงหายไป
“คงต้องเป็นเจ้าแล้วล่ะฝูหรง ตระกูลฝูมีบุตรสาวเพียงสองคน ในเมื่อฝูอิงหายไป งานแต่งระหว่างสองตระกูลก็คงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้า”
“ตามหาหรือยังเจ้าคะ ท่านพี่จะหายไปเฉย ๆ แบบนี้เป็นไปไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” ก็ในเมื่อพี่สาวของนางและรั่วหยางจิ้นเฝ้ารอวันนี้มาตลอด แล้วพี่สาวของนางจะหนีไปกับชายอื่นได้อย่างไร
“นางทิ้งจดหมายเอาไว้ชัดเจนขนาดนั้น ที่บิดาเจ้าไม่มาสั่งให้เจ้าแต่งงานแทนฝูอิง ก็เพราะอยากให้เรื่องนี้เงียบที่สุด” ฝูฮูหยินหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด เมื่อนางและสาวใช้ขนเครื่องแต่งกายเพื่อที่จะไปช่วยกันแต่งชุดเจ้าสาวให้ฝูอิง แต่เรือนนอนของบุตรสาวของนางกลับว่างเปล่า ทิ้งเอาไว้แค่จดหมายหนึ่งฉบับ มีเพียงข้อความสั้น ๆ ทิ้งเอาไว้ ว่าไม่ต้องตามหา
`ข้าจะไปอยู่กับชายที่ข้ารัก ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ชีวิตข้าย่อมดีกว่าแต่งให้รั่วหยางจิ้น`
ฝูฮูหยินตกใจรีบวิ่งกลับเรือนใหญ่ไปบอกสามีให้รีบตามหาบุตรสาว แต่สามีนางที่รักหน้าตายิ่งกว่าสิ่งใดกลับสั่งให้นางเป็นคนมาบังคับให้บุตรสาวที่เหลืออีกคนแต่งงานแทน ส่วนสหายของสามีนางอย่างรั่วเจิ้นหวิน ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ไม่ว่าอย่างไรงานแต่งในวันนี้จะล้มเลิกไม่ได้เด็ดขาด
“เห็นแก่ตระกูลฝู เห็นแก่หน้าบิดาเจ้าที่ตลอดชีวิตไม่เคยถูกนินทาว่าร้าย หากเรื่องที่ฝูอิงหนีตามชายอื่นไปในวันแต่งงาน บิดาเจ้าคงทุกข์ใจไม่กล้าก้าวขาออกจากจวนอีกเลย เจ้าทนดูดายได้เชียวหรือหรงหรง”
เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยเรียกชื่อที่ไม่เคยเอ่ยเรียกบุตรสาวอีกคนของสามีอย่างรักใคร่ หากสามีนางได้รับผลกระทบแน่นอนว่านางที่เป็นถึงฮูหยินตราตั้งที่ได้รับการยอมรับของฮูหยินทั้งเมืองหลวงย่อมสั่นคลอน
“หรงหรงลูกแม่ เจ้าทำเพื่อท่านพ่อของเจ้าได้หรือไม่ หรือทำเพื่อแม่ก็ได้” ม่านอิ้นรวบมือบุตรสาวเอาไว้แน่นเอ่ยอ้อนวอนให้ฝูหรงยินยอมเข้าพิธีแทนฝูอิงที่หายไป
“เจ้าค่ะ” ฝูหรงก้มหน้าตอบ นางมีทางเลือกอื่นอีกเช่นนั้นหรือ
ฝูหรงยืนอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว ใบหน้าของนางถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสด นางกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่พี่สาวต่างมารดาของนาง ฝูอิง หนีออกจากบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับรั่วหยางจิ้น นางเลือกที่จะหนีไปกับชายคนรัก เลือกที่จะหนีไปในวันแต่งงานมิใช่วันอื่น ก่อนหน้านี้ไม่ไป เลือกที่จะไปวันนี้ เพราะเหตุใด
ผ้าไหมสีแดงถูกแขวนประดับตามทางเดินและกำแพง ลวดลายสีทองที่ประดับอยู่บนผ้าไหมสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยจากเพดาน ทำให้ทั้งห้องโถงดูเปล่งประกาย รั่วหยางจิ้น เจ้าบ่าวในชุดแต่งงานที่งดงามสมฐานะ เขายืนรอเจ้าสาวอย่างสงบแต่ก็มีความสงสัยอยู่ในใจ แม้เขาจะรู้แล้วว่าเจ้าสาวของตนในวันนี้มิใช่คู่หมายที่หมั้นหมายมาตั้งแต่ในวัยเยาว์ แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน อย่างน้อยนางก็ก้มหน้ารับหน้าที่ที่ต้องรักษาหน้าตาของตระกูลและเพื่อปกป้องเกียรติของตระกูล
เช่นเดียวกับเขา
ในขณะที่ฝูหรงกำลังจะก้าวออกจากห้อง หยางจิ้นเดินเข้ามาพร้อมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย เขาเห็นความกล้าหาญในสายตาของฝูหรง และรู้สึกซาบซึ้งในความเสียสละของนาง รั่วหยางจิ้นรู้ว่ามีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว บิดาของเขาและท่านลุงฝู ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมล้มเลิกงานแต่ง
แน่นอนว่ามันเป็นเพราะศักดิ์ศรี เขาเอื้อมมือออกไปรับมือของฝูหรง เมื่อนางวางมือลงมาทาบทับฝ่ามือหนาของเขา รั่วหยางจิ้นรับรู้ได้ว่ามือของนางสั่นไหวไม่น้อย
“ฝูหรง ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะต้องมาแต่งแทนพี่สาวของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังทำเพื่อครอบครัว แต่ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดีที่สุด”
เมื่อทั้งสองเดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วบริเวณ แขกเหรื่อทุกคนต่างยิ้มแย้มและยินดีกับคู่บ่าวสาว ฝูหรงและรั่วหยางจิ้นก้าวขึ้นบนเวทีเพื่อทำพิธีแต่งงาน ทั้งสองนั่งลงบนเบาะผ้าสีแดงและทำพิธีตามประเพณี
“ขอให้คู่บ่าวสาวมีความสุขและเจริญรุ่งเรือง ขอให้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวอยู่กันอย่างมีความรักและความเข้าใจ”
หลังจากพิธีการเสร็จสิ้น ฝูหรงและรั่วหยางจิ้นได้ทำการคารวะบรรพบุรุษและรับพรจากแขกผู้มีเกียรติ ในขณะที่ฝูหรงนั่งอยู่ข้างๆ รั่วหยางจิ้น นางลอบมองใบหน้าของชายหนุ่มที่นางแอบรักมาตลอด ฝูหรงยิ้มอย่างอ่อนโยนแม้ในใจจะสั่นไหว นางเงยหน้ามองหยางจิ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความหวัง
“พี่จิ้น ข้ารู้ว่าพี่อาจจะไม่ได้รักข้า แต่ข้าจะพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด” ข้าจะทำให้พี่เห็นความรักของข้า ฝูหรงมิได้กล่าวประโยคสุดท้ายออกไป แต่นางจะพยายามแสดงให้ชายหนุ่มตรงหน้ามองเห็นความรักที่นางแอบซ่อนเอาไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางปิดบังทุกคนมาตลอดว่ารู้สึกเช่นไรกับคู่หมายของพี่สาวของตน แต่หลังจากนี้ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้นางได้เป็นภรรยาของเขา นางมีสิทธิ์ที่จะรักรั่วหยางจิ้นแล้ว
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือของแขกเหรื่อ มิมีผู้ใดเอ่ยถึงการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวในครั้งนี้เพราะตลอดมามีเพียงข่าวการหมั้นหมายระหว่างตระกูลบัณฑิตใหญ่ แต่ไม่ได้เอ่ยว่าเป็นบุตรชายหรือบุตรสาวคนใดที่จะได้แต่งงานกัน ก็น่าแปลกไม่น้อยเพราะปกติจะต้องเอ่ยถึงว่าผู้ใดหมั้นหมายกับผู้ใด เมื่อถามก็บอกเพียงว่าเมื่อถึงวันแต่งก็รู้เอง ทำให้ชาวเมืองก็คาดเดากันอย่างตื่นเต้น รองานแต่งครั้งนี้กันอย่างใจจดใจจ่อว่าเจ้าสาวจะเป็นผู้ใด คุณหนูฝูอิงบุตรสาวฮูหยินเอกหรือฝูหรงบุตรสาวของอนุ
เมื่อเห็นว่าคนที่เข้าพิธีเป็นฝูหรงบุตรสาวของอนุ แขกเหรื่อก็ยิ่งเลื่อมใสหัวหน้าบัณฑิตฝูหยางมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ถือศักดิ์เรื่องบุตรฮูหยินเอกหรือบุตรอนุ ยอมให้บุตรสาวอนุแต่งมากับลูกศิษย์คนโปรด
ฝูหรงและหยางจิ้นจึงเข้าสู่พิธีแต่งงานอย่างสมบูรณ์ แต่ในใจของฝูหรง นางรู้ดีว่าที่รั่วหยางจิ้นไม่ยกเลิกงานแต่งที่เจ้าสาวมิใช่คนเดิมเพราะสิ่งใด แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร นางยินดีในการแต่งงานครั้งนี้ โอกาสที่นางไม่คิดว่าจะมีวันเกิดขึ้น แต่นางจะใช้โอกาสที่ได้รับให้ดีที่สุด
ฝูหรงไม่รู้เลยว่าเมื่อวันหนึ่งเมื่อฝูอิง พี่สาวต่างมารดาของนางกลับมา นางต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ยากจะหลีกเลี่ยง
“น้องหญิง ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรักหยางจิ้นจริง ๆ ข้าขอโทษที่ทิ้งให้เจ้าแต่งแทนข้า แต่ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว ข้าต้องการเขาคืน คืนเขาให้ข้าเถอะ” นางอ้อนวอนทั้งน้ำตาขอคนรักคืนจากน้องสาวต่างมารดา
“พี่อิงอิง ข้ารู้ว่าพี่กับเขารักกันมาก่อน แต่ข้าตอนนี้คือภรรยาของเขา ท่านกลายเป็นเพียงพี่สาวของภรรยาของรั่วหยางจิ้น หากท่านอยากได้เขาคืนก็ไปบอกเขาเองเถิดมิใช่มาบอกข้า”
บทที่ 19ในห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างอบอุ่น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้อบอวลอยู่ในอากาศ หญิงสาวยืนอยู่กลางห้องด้วยท่าทางสุภาพอ่อนโยน นางสวมชุดกระโปรงยาวสีอ่อน ผมเรียบหรูถูกจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ในมือของนางถือถาดชาที่มีกาน้ำชาและถ้วยชาสองใบฝูหรงเดินอย่างเงียบๆ เข้าหามารดาของสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน หญิงชราเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเมื่อนางค่อยๆ วางถาดชาลงบนโต๊ะ“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าชงชามะลิให้ท่าน หวังว่าท่านจะชอบ” นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและนอบน้อม จากนั้นค่อยๆ เทชาใส่ถ้วย ยื่นให้มารดาสามีด้วยสองมือรั่วฮูหยินรับถ้วยชามาอย่างไม่คาดคิด ใบหน้าของนางแสดงความสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มบางๆ “ขอบใจนะ ช่างเอาใจใส่จริงๆ เด็ก ๆ ในจวนไปไหนหรือถึงให้เจ้ามารินน้ำชาเช่นนี้”
บทที่ 18หลังจากคุยกันวันนั้นสองพี่น้องตระกูลฝูก็แทบไม่ได้เจอหน้ากันอีก หนึ่งคนรู้สึกผิดที่กดดันให้พี่สาวลำบากใจ ส่วนอีกคนไม่อยากเห็นหน้าน้องสาวที่ไม่ต้องการ“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” สามีอย่างรั่วหยางจิ้นได้แต่มองภรรยาของตนอย่างสงสัย ภรรยาของเขาช่วงนี้เหมือนคิดอะไรอยู่ตลอด ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้เพราะขนาดเขาดึงอีกฝ่ายมากอดและเกือบจะดึงเชือกผูกเสื้อของหญิงสาวออกแล้ว เจ้าตัวก็ยังเหม่อไปที่ไหนก็ไม่รู้“หรงหรง” ท่าทางตกใจของฝูหรงที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกถอดเสื้อไปนั้นยิ่งทำให้รั่วหยางจิ้นกังวล “เป็นอะไร” คำถามซ้ำ ที่รู้ดีว่าภรรยาของตนคงไม่ตอบอะไรนอกจากคำว่าไม่เป็นไรยังถูกเอ่ยอยู่เรื่อย ๆ“ห้ามตอบว่าไม่เป็นอะไร”
บทที่ 17 ฝูหรงนั่งอยู่ในห้องนอนที่อบอุ่นมารดาของสามีนางสั่งให้คนจุดเตาในเรือนนี้ห้ามขาด การเป็นที่รักของคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในจวนมันดีเยี่ยงนี้นี่เอง แม้ตอนอยู่จวนสกุลฝูนางจะทำตัวดีเพียงใดก็ยังอยู่อย่างแร้นแค้น บิดาไม่เคยสนใจว่านางกับมารดาจะอยู่เช่นไร มือบางหวีผมด้วยหวีที่ทำจากไม้หอม ทุกครั้งที่หวีลูบผ่านเส้นผม ผมของนางก็ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมา นางเตรียมตัวให้ดูงดงามที่สุดเพื่อต้อนรับการกลับมาของสามี อย่างรั่วหยางจิ้น ซึ่งคาดว่าจะกลับถึงจวนในไม่ช้า นางจึงกลับเรือนมาทำผมใหม่ในขณะที่มือหนึ่งถือหวีไม้อย่างพิถีพิถัน อีกมือหนึ่งค่อย ๆ ลูบผมยาวสลวยสีดำขลับ ปล่อยผมลงมาระบายรอบตัวกระจกสะท้อนภาพของหญิงสาวที่ดูอ่อนหวานและอ่อนโยน เสียงหวีที่ลูบผ่านผมเบาและต่อเนื่อง คล้ายกับการปลอบประโลมใจ นางหลับตาลงเล็กน้อย รู้สึกถึงความผ่อนคลายและความสุขในช่วงเวลาส่วนตัวนี้ ใบหน้าของนางยิ้มแย้มเบา ๆ สะท้อนถึงควา
บทที่ 16 ฝูหรงเดินกลับเรือนนอนของตนด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ในระหว่างที่เดินออกมา นางเห็นบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกของเรือนรับรองมองนางด้วยแววตาสงสาร เสียงการคุยกันระหว่างนางกับพี่สาวคงจะดังออกมาจนคนด้านนอกได้ยินกันหมดร่างบางทรุดตัวลงนั่งหน้ากระจกทองเหลืองใบใหญ่ที่สามีของนางเพิ่งซื้อมา แม้นางจะรู้ว่าข้าวของพวกนี้รั่วหยางจิ้นคงจะตระเตรียมเอาไว้ให้ฮูหยินที่ต้องแต่งกับเขาอย่างฝูอิงฝูหรงค่อย ๆ ดึงปิ่นปักผมออกจากม้วยผมของตนเอง นางยกยิ้มมองใบหน้าของตนที่สะท้อนผ่านกระจก นางก้มมองรอยแผลเป็นที่หลังมือของตน แผลนี้ทำให้นางได้รักรั่วหยางจิ้น และแผลนี้เองก็ทำให้นางมองเห็นธาตุแท้ที่อยู่ในใจคนฝูอิงยกเสื้อชุดใหม่ให้นาง แต่ชุดนั้นมันกลับขาดเป็นทางยาว ในตอนแรกนางคิดว่าพี่สาวคงไม่ทันเห็นว่าชุดนี้ขาดถึงได้มอบให้นาง นางน
บทที่ 15หลังจากสองพ่อลูกลุกไปบรรยากาศบนโต๊ะก็ไม่เหมือนเดิม ที่จริงมันไม่เหมือนเดิมตั้งแต่มีฝูอิงเข้ามาแล้ว“ท่านแม่กับหรงหรงกินกันต่อไปเถอะนะเจ้าคะ ข้าจะกลับเรือนแล้ว” ฝูอิงที่ลุกขึ้นทันทีที่สองพ่อลูกเดินไปถึงกับทำให้ฮูหยินแห่งตระกูลรั่วหายใจแรงอย่างไม่พอใจ“ท่านแม่เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”“ไม่เป็นอะไรหรอกหรงหรง พี่สาวเราเขาเป็นคนนิสัยอย่างไรหรือ” และทั้ง ๆ ที่คำถามนั้นเอ่ยถามออกไปเพื่อจะช่วยเหลือฝูหรงแต่หญิงสาวกลับคิดไปไกลแล้วว่าท่านแม่อาจจะคิดจัดการเรื่องค้างคาให้จบให้สิ้นสักที“ท่านพี่หรือเจ้าคะ ก็ใจดีไม่เคยแกล้งอะไรข้าเลยสักครั้ง ท่านแม่ก็รู้ว่าข้าเป็นบุตรของอ
บทที่ 14เรื่องราวระหว่างลูกสะใภ้กับพี่สาวของนางถูกเล่าให้กับแม่สามีฟังโดยสาวใช้อย่างชิงอี้“เจ้าก็จับตาดูเอาไว้ก่อนแล้วกัน น่าสงสารหรงหรงนางเป็นเด็กหัวอ่อน และพอดูจากวันนี้ฝูอิงก็เป็นสตรีที่ร้ายกาจกว่าที่เคยรู้” คนเป็นแม่อยากจะเอ่ยออกไปด้วยซ้ำว่านี่คงเป็นบุญของตระกูลรั่วขนาดไหนที่ไม่ได้ฝูอิงมาเป็นสะใภ้แต่เป็นฝูหรงแทนแม้ว่าฝูหรงจะเป็นเพียงบุตรสาวของอนุแต่กิริยาท่าทางรวมถึงความรู้หญิงสาวก็มีอย่างที่คุณหนูทั่ว ๆ ไปควรจะมี แค่นี้คนเป็นแม่ก็พอใจแล้วกลัวอย่างเดียวจะเสียรู้พี่สาวที่เจ้าเล่ห์เข้าสักวันฝูอิงก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ให้มารดาของตน อาศัยความสนิทสนมมาขออยู่ในจวนของอดีตคู่หมาย แต่เมื่อนึกถึงนิสัยที่ผ่านมาของฮูหยินตระกูลฝูแล้วก็ไม่แปลกใจเท่าไร เพราะมักจะทำอะไรขัดหูขัดตาใครต่อใค
บทที่ 13ฝูอิงไม่ได้โง่คำพูดของมารดาของรั่วหยางจิ้นนั้นหญิงสาวล้วนเข้าใจดี ยิ่งได้ยินก็ยิ่งรู้ว่าหนทางจะกลับเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลนี้อีกครั้งไม่ง่าย ขนาดบิดาที่ให้กำเนิดยังโกรธที่นางหนีไปกับชายอีกคน ทางตระกูลรั่วนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำจะไม่โกรธเลยหรือคงเป็นไปไม่ได้แต่คนอย่างฝูอิงไม่สนใจหรอก ทั้งตำแหน่งสะใภ้ ทั้งตำแหน่งฮูหยินของท่านเจ้าเมืองทุกอย่างมันเป็นที่ของนางตั้งแต่แรกอยู่แล้วจะเอาคืนก็ต้องได้ และหากไม่ได้มาง่าย ๆ ก็ต้องบังคับเอามาในเมื่อตอนนี้มันไม่เหลือหนทางให้ย้อนกลับแล้วถึงจะคิดเช่นนั้นแต่ข่าวลือที่มารดาของรั่วหยางจิ้นได้ยินมาก็ถือว่าเป็นปัญหา ฝูอิงไม่รู้หรอกว่าฮูหยินแห่งจวนตระกูลรั่วไปได้ยินข่าวอะไรมาบ้าง แต่เพียงแค่ปฏิเสธเอาไว้ใครจะทำอะไรนางได้ หญิงสาวคิดอย่างย่ามใจในเมื่อคนที่รู้เรื่องจริงก็คงมีเพียงแค่ตระกูลคหบดีของม่อซื่อที่เมืองเฉินเท่านั้น
บทที่ 12“อ้าวหรงหรง พี่ไม่เห็นเจ้าเสียหลายวันเลยนะ” ฝูหรงยิ้มรับคำทักทายของพี่สาวอย่างไม่เต็มที่นัก ที่อีกฝ่ายไม่พบเจอก็เพราะหญิงสาวหลีกเลี่ยงที่จะเจอ อีกไม่นานก็จะต้องย้ายไปจวนเจ้าเมืองแล้ว เมื่อคืนสามีก็บอกกับนางว่าไม่ต้องกังวลหรือคิดมากอะไร สงสัยสิ่งใดให้ถาม แต่นางหรือจะกล้าแต่สำหรับคนที่มาอยู่ในที่ของคนอื่น จะไม่คิดได้หรือ ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้หญิงสาวเลือกที่จะไม่พบเจอกับพี่สาวของนางไปเลยดีที่สุด“แล้วนี่เจ้าจะไปไหนหรือ” แม้จะไม่อยากบอกแต่ออกมาขนาดนี้แล้ว “ข้าจะไปซื้อชุดใหม่เจ้าค่ะท่านพี่” ฝูหรงไม่ได้บอกออกไปหรอกว่านางจำใจต้องออกไปซื้อชุดใหม่เพราะทั้งแม่สามีและสามีอย่างรั่วหยางจิ้นบังคับนาง ด้วยคำพูดและเหตุผลท
บทที่ 11รั่วหยางจิ้นยังคงกลับมาช้าเหมือนปกติ แต่วันนี้ก่อนที่เขาจะถึงเรือนตน ฝูอิงก็เดินเข้ามาทักเขาเอาไว้เสียก่อน“ท่านพี่กลับมืดค่ำจังเลยนะเจ้าคะ” นางปั้นเสียงหวานเอ่ยทักชายหนุ่มทำเพียงแค่ปรายตามอง วันนี้เขากลับเร็วกว่าปกติและหวังว่าจะได้พูดคุยกับภรรยาไม่ได้อยากมาเสียเวลากับอดีตคู่หมายอย่างฝูอิง แต่ดูเหมือนนางจะเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วที่จะทำให้ทุกกคนเข้าใจผิดหญิงสาวดี ๆ ที่ไหนจะแต่งตัวเช่นนี้ออกมานอกเรือนกัน เสื้อผ้าที่บางเบาน้อยชิ้น จะนอนยังไม่แต่งขนาดนี้เลยกระมัง ชายหนุ่มไม่เพียงไม่สนใจจะตอบคำถาม เขายังเดินหนีจนหญิงสาวต้องเดินตามฝูอิงตั้งใจจะล้มแล้วให้อีกฝ่ายช่วยรับ อย่างไรรั่วหยางจิ้นก็เป็นชายหนุ่มจะปฏิเสธการช่วยเหลือนางเชียวหรือ แต่สิ่งที่หญิงสาวคิดกลับผิดแผนไปหมด เมื่อตอนที่นา
Comments