Share

บทที่ 3

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“กบฏ ไม่ตายดี!”

“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”

ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...

ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดี

บัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้า

หันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”

นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”

นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้น

บ้านอื่นสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนปิดปากเงียบโดยพร้อมเพรียงกัน

นางหยางฟังไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดเรื่องใด แต่นางอ่านคำตำหนิและรังเกียจภายในสายตาของซูหัวหลินออก หดบ่าผอมบางไม่กล้าเปล่งเสียง ดึงลูกชายลูกสาวตัวน้อย ก้มหน้าออกแรงลากเกวียนอยู่ข้างหลัง

กู้หว่านเยว่อารมณ์ไม่ดีแล้ว “มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ก็โขกศีรษะตายไปเสียเลย ยามท่านอยู่ดีกินดีในจวนอ๋อง เหตุใดถึงไม่แม้แต่จะผายลมเล่า?”

ยามอ่านหนังสือก็รู้แล้วว่าสกุลซูไม่สามัคคีกัน คิดไม่ถึงเพียงถูกยึดทรัพย์ คนเหล่านี้ก็ไม่มีความอดทนหลงเหลือแล้ว

หวังจะประคับประคองช่วยเหลือกันกับคนเช่นนี้ระหว่างถูกเนรเทศ ยังมิสู้แตกหักไปเสียเลย

“เจ้าเจ้าเจ้า หลานสะใภ้ เหตุใดเจ้าพูดกับผู้อาวุโสเช่นนี้?”

ซูหัวหลินเห็นว่าบ้านสามไม่มีคน ถึงกล้าบ่นออกมา คิดไม่ถึงกู้หว่านเยว่ที่มีรูปร่างบอบบาง ถึงขั้นหาญกล้าทะเลาะกับเขา?

ยังอยากพูดอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าก็เคาะไม้เท้า โศกเศร้าเสียใจมาก “เงียบให้หมด ตกระกำลำบากแล้วครอบครัวก็ควรรวมใจเป็นหนึ่ง ใครยังทะเลาะกันข้าจะไม่ละเว้นแล้ว!”

บ้านมารดากู้หว่านเยว่คือจวนโหว นางยังมีประโยชน์

.......

ณ เนินเขาสิบลี้นอกเมือง

ภายใต้แสงตะวันแผดเผา คนหนึ่งกลุ่มเข็นเกวียนหนึ่งคันออกจากประตูเมืองอยู่ไกลๆ บ้างก็สวมชุดนักโทษ บ้างก็สวมเสื้อผ้าสกปรกมอมแมม สีหน้าด้านชา มีทั้งคนชราทั้งเด็ก คนกลุ่มนี้ก็คือสกุลซูทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ถูกเนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า

ที่แห่งนี้คือสถานที่ส่งตัวนักโทษถูกเนรเทศ มีญาติจำนวนมากมารวมกันอยู่ที่นี่เพื่อร่ำลา ในมือญาติล้วนถือห่อสัมภาระทั้งใหญ่ทั้งเล็ก หวังให้คนในครอบครัวดีขึ้นบ้างระหว่างเดินทาง

สำหรับเรื่องนี้นักการในศาลาว่าการยอมหลับตาข้างลืมตาข้าง

นักโทษที่ถูกเนรเทศล้วนเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวย แม้ถูกลงโทษทั้งตระกูล แต่มีญาติและสหายเดินทางมาหา พวกเขาสามารถอาศัยโอกาสนี้หาประโยชน์ให้ตนเองได้

สกุลซูเองก็มีญาติฝ่ายหญิงมาถึงไม่น้อยแล้ว

บ้านมารดาของบ้านใหญ่สกุลจิน และบ้านสี่สกุลหลิว ล้วนส่งอาหารและเสื้อผ้าบางส่วนมา

พี่ใหญ่บ้านมารดาของบ้านรองสกุลเฉียนยังเป็นขุนนางอยู่ในราชสำนัก แม้คนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ของที่ส่งมามากที่สุด สัมภาระราวๆ สี่ห้าห่อใหญ่ ไว้หน้านางเฉียนอย่างเพียงพอ แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็มองนางสูงขึ้นแวบหนึ่ง

มีเพียงบ้านสามโดดเดี่ยวอ้างว้าง ไม่มีใครมาเยี่ยมแม้แต่คนเดียว

“ฮึ นางหยางนั้นช่างเถอะ บิดามารดาพี่ชายนางล้วนตายทั้งหมดแล้ว แต่เกิดอันใดขึ้นกับหลานสะใภ้คนนี้ เป็นถึงคุณหนูจวนโหวเชียวนะ ถึงขั้นไม่มาบอกลาแม้แต่คนเดียว”

สายตาแต่ละคนล้วนตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่ ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ขมวดคิ้ว

ทันใดนั้น นางจินเปิดปากตะโกนออกมา

“พวกเจ้าดู นั่นมิใช่รถม้าของจวนโหวหรือ?”

รถม้าของจวนโหวก็มาแล้ว นั่นต้องนำของมาไม่น้อยเป็นแน่ คิ้วของฮูหยินผู้เฒ่าคลายออกแล้ว

เพียงแต่รถม้าจอดอยู่ตรงหน้า คนบนรถม้ากลับไม่ทำแม้แต่ลงมา เพียงแหวกชายผ้าพูดอย่างเสแสร้ง

“หว่านเยว่เอ๋ย แต่งงานออกจากเรือนก็ต้องติดตามสามี บัดนี้เจ้าเป็นหญิงออกเรือนแล้ว ไม่เกี่ยวอันใดกับจวนโหวแม้แต่น้อย ข้าใจดีมีเมตตา เห็นแก่เจ้าที่เป็นบุตรีของท่านโหว นำของกินมาให้เล็กน้อย หวังว่าภายภาคหน้าเจ้าจะไม่กลับมาตอแย”

พูดจบ ยิ้มดูเบาทีหนึ่ง โยนหมั่นโถวสองสามลูกลงจากรถม้า

ทุกคนล้วนตะลึงงันอยู่กับที่ เห็นใจ เยาะหยัน สายตาหลากอารมณ์ล้วนตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่

กู้หว่านเยว่เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว สีหน้ากลับเรียบเฉยมาก นางจำได้ว่านี่ก็คืออนุที่คอยเป่าหูบิดาชั่ว ยิ้มเย็นทีหนึ่ง ทันใดนั้นเบี่ยงตัวขึ้นไปลากนางลงจากรถม้า

ถัดมาปลดปิ่นทอง กำไลหยก ต่างหูทับทิมออกจากตัวนางอย่างว่องไว...

ฝ่ายอนุร้องอุทานเสียงหลง “นางแพศยากู้หว่านเยว่ เจ้ากล้าแย่งของของข้าอย่างนั้นหรือ?!”

กู้หว่านเยว่ตบนางหนึ่งฉาด ตบจนนางเงียบเสียงลงไป

“อนุก็คือนางแพศยา เจ้าต่างหากเป็นนางแพศยา ของเหล่านี้ล้วนใช้สินเดิมของท่านแม่ข้าซื้อมา ข้าเพียงนำกลับมาก็เท่านั้นและกลับไปบอกท่านโหวของเจ้าด้วยว่า นับแต่นี้ไป ข้าและจวนโหวไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตัดขาดความสัมพันธ์ใช่หรือไม่ นางแทบทนรอไม่ไหวแล้ว!

เงินทองของมีค่าของจวนโหวล้วนอยู่ในมือนาง ใครมีชีวิตดีกว่ายังต้องรอดู

“เจ้าเจ้าเจ้า เจ้าเสียสติไปแล้ว!” อนุเห็นกู้หว่านเยว่กำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ แม้เป้าหมายสำเร็จแล้ว แต่กลับโมโหจนกระอักเลือด หนีตะลีตะลานจากไป

“หลานสะใภ้ สะใภ้ไม่มีไร้มารดาก็เท่ากับไร้ที่พึ่ง ภายภาคหน้าเจ้าก็ลำบากแล้วล่ะ” นางหลิวบ้านสี่พูดประชด

ยังหลงคิดว่าจวนโหวนำของกินมาให้เสียอีก ปรากฏว่า...ฮึ!

ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็มิอาจข่มตนได้แล้ว ถลึงตาใส่กู้หว่านเยว่แวบหนึ่ง

นางจินมีสีหน้ารู้สึกผิด หากมิใช่นางร้องตะโกนเสียงดัง ทุกคนก็คงไม่หันมาสนใจ นางพูดตะกุกตะกัก “หลานสะใภ้ ข้าขอโทษ...”

ยังไม่รอให้นางพูดจนจบ พี่ใหญ่ซูหัวหยางก็ถลึงตาใส่นางสีหน้าบึ้งตึงหนึ่งปราด “อย่าไปทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าที่นั่น รีบมาถือของ บ้านมารดาส่งของมาเพียงเท่านี้ แต่งกับเจ้าโดยเสียเปล่าจริงๆ”

นางจินฝืนส่งยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา หดบ่าเดินตามไป ซูหรานหร่านมองกู้หว่านเยว่อย่างเห็นใจแวบหนึ่ง แต่ไม่กล้าพูดปลอบ วิ่งเหยาะๆ ไปช่วยมารดาถือของ

ผิดกับนางหยางที่ถูมือแล้วถูมืออีก หยิบหมั่นโถวบนพื้นขึ้นมา มองนางอย่างระแวดระวัง “หว่านเยว่ อย่า อย่าเสียใจ...”

กู้หว่านเยว่รู้สึกอบอุ่นในใจ แม่สามีโง่สติไม่ดี จิตใจกลับดีมาก

“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร ข้าไปดูบาดแผลของท่านพี่ก่อนนะเจ้าคะ”

ซูจิ่งสิงเข้าวังถูกสั่งโบย ลงโทษโบยนี้มิได้ตีที่บั้นท้าย แต่ตีที่กระดูกสันหลังส่วนเอว ส่งผลให้พิการได้

ดังนั้นเขาขยับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงนอนบนกระดานไม้บนเกวียน

กู้หว่านเยว่เองก็คร้านจะเสแสร้ง หยิบยาจินชวงรักษาแผลออกมาหนึ่งขวด โรยลงบนบาดแผลของเขา

ซูจิ่งสิงลืมตาขึ้นมาในทันใด

แหม ชายคนนี้สัญชาตญาณแข็งแกร่งมากทีเดียว

“ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องกลัว ข้ามาเพื่อใส่ยาให้ท่าน”

ซูจิ่งสิงเห็นว่าเป็นนางก็วางใจแล้ว ถ้อยคำเมื่อครู่ของคนจวนโหว เขาเองก็ได้ยินแล้ว สายตาเผยแววรู้สึกผิด

“ขอโทษ ทำเจ้าเดือดร้อนแล้ว”

เดือดร้อน? ไม่จำเป็น จวนโหวอยากเตะนางออกมาตั้งแต่แรกแล้ว

ทว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่ไม่อยากพูด นางตรวจอาการบาดเจ็บของซูจิ่งสิงอย่างตั้งใจ

แย่แล้ว บาดแผลนี้ร้ายแรงกว่าที่นางคิดไว้ กระดูกสันหลังส่วนเอวล้วนหักอย่างสมบูรณ์ ภายภาคหน้าไม่ต้องพูดเรื่องอย่างว่า แม้แต่ยืนก็ลำบาก...

ฮ่องเต้ชั่วคนนี้ นี่คือความสุขอีกครึ่งชีวิตของนางเชียวนะ บัดนี้หนีไปยังทันหรือไม่?

สายตาซูจิ่งสิงซับซ้อน “ข้ายังสามารถลุกขึ้นได้หรือไม่?”

สีหน้ากู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์ “พูดยาก”

หากมีอาคารทางการแพทย์ ก็สามารถรักษาได้

“ติ๊ง ระบบเชื่อมต่อกับเจ้าของร่างสำเร็จ ยินดีกับเจ้าของร่าง เปิดใช้งานอาคารทางการแพทย์ที่เพิ่งสร้างใหม่สำเร็จแล้ว”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (9)
goodnovel comment avatar
วีระวุฒิ ประจันบาน
น่าติดตามมาก
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
ติดตามต่อคะ
goodnovel comment avatar
Charnyuth Techa
ขยายตัวอักษรให้หน่อยครับ อายุมากแล้วอ่านตัวเล็กลำบากครับ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1768

    ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่คนทั้งสองกล่าวนั้นพอจะมีมูล และอาจเป็นไปได้จริง ๆ “ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าหมอเทวดาเผยศิษย์น้องของท่านอยู่ที่ใด?”เป่ยหมิงโยวหลานประสานมือคารวะพลางเอ่ยถาม เขาเร่งรีบที่จะรักษาอาการป่วยของเสด็จแม่ มิเช่นนั้นคงไม่เสียเวลามาพูดคุยกับนักต้มตุ๋นผู้นี้หมอเทวดาเผยกระแอมเบา ๆ แล้วลูบเคราของตน“ท่านหมายถึงศิษย์น้องของข้าผู้นี้น่ะหรือ ศิษย์น้องของข้าเขาพเนจรไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตามร่องรอยได้ยาก แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแต่ว่านะ ข้าเห็นท่าทางของท่านดูเหมือนอยากจะพบเขาจากใจจริง ข้าลองช่วยท่านติดต่อเขาดูก็ได้”เขาก็คิดไม่ถึงว่ายาเซินถุ่ยเติงเหยี่ยนของเขาจะมีสรรพคุณถึงเพียงนี้ ทำให้ทั้งสองคนนี้ท้องเสียได้เช่นนั้นก็ถือเป็นการชดเชยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกเขาก็แล้วกัน“ท่านพูดจริงหรือ?”เป่ยหมิงโยวหลานประสานมือคารวะพลางเอ่ยขึ้น“หากผู้อาวุโสสามารถช่วยตามหาหมอเทวดาเผยได้ ข้าน้อยจะมอบรางวัลตอบแทนให้ท่านอย่างงาม ซาบซึ้งในบุญคุณนี้อย่างหาที่สุดมิได้”“รางวัลตอบแทนไม่ต้องหรอก เมื่อครู่ท่านก็ให้ข้าไปแล้วมิใช่หรือ”หมอเทวดาเผยไม่เคยให้ความสำคัญกับชื่อเสียงลาภ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1767

    “เจ้าเป็นศิษย์ของตาเฒ่าจอมหลอกลวงผู้นี้หรือ?”ถังซือมองเผยหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า ดีจริง ๆ เจ้าคนหลอกลวงมาคนเดียวยังไม่พอ ยังมีพรรคพวกมาอีกเป็นโขยงไม่นึกเลยว่าตาเฒ่าหลอกลวงผู้นี้จะเป็นคนมีอิทธิพล พรรคพวกบางคนในกลุ่มนี้ถึงกับสวมชุดเกราะอีกด้วย“ศิษย์ข้า ช่วยข้าด้วย!” หมอเทวดาเผยคร่ำครวญเผยหยวนจนปัญญา “ท่านอาจารย์ ท่านไปก่อเรื่องอะไรมาอีกแล้ว?”“พวกเขาโดนพิษจากก๊าซในหนองน้ำ ข้าอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือพวกเขา แต่พวกเขากลับกล่าวหาว่าข้าเป็นคนหลอกลวง” หมอเทวดาเผยกล่าวเสียงแผ่วเบา “ข้าก็ไม่ได้หลอกพวกเขาสักหน่อย พิษข้าก็แก้ให้แล้ว เพียงแต่ขายยาปลอมให้พวกเขาไปเท่านั้นเอง”เผยหยวน นี่เรียกว่าไม่ได้หลอกลวงได้ด้วยหรือ?หมอเทวดาเผยเบ้ปาก เขาก็ไม่ได้อยากหลอกลวงใครนะ แต่พอเขาบอกว่าเขาสามารถใช้นิ้วเพียงไม่กี่นิ้วก็แก้พิษให้พวกเขาได้แล้ว พวกเขากลับไม่เชื่อ ดึงดันจะให้เขาเอายาออกมาให้ได้นี่มิใช่การเสนอตัวมาให้โดนหลอกเองหรอกหรือ?เขาจนปัญญา จึงได้แต่ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ ปั้นยาเซินถุ่ยเติงเหยี่ยนขึ้นมาสองสามเม็ด แล้วยื่นให้พวกเขาอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้อาบน้ำมานานเกินไปกระมังพอพวกเขากินเข้าไปก

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1766

    ไม่รู้ว่าเหล่าสหายที่อยู่ในต้าฉี ตอนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง“น้องเล็ก การเดินทัพของวันพรุ่งนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าไปพักผ่อนเสีย”จงหลี่เดินเข้ามาพลางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสีหน้าอ่อนโยนเมื่อเห็นดวงตาของน้องเล็กเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย บนใบหน้าของเขาก็แสดงความเจ็บปวดใจออกมา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“อย่าหักโหมเกินไปนัก”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จก็เรียบร้อยแล้ว”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แม้ว่านางจะเหนื่อยล้า ทว่ากลับรู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่าวันรุ่งขึ้น กองทัพใหญ่ยังคงมุ่งหน้าไปยังเมืองอื่น ๆ ต่อไปหน่วยลาดตระเวนของแคว้นเป่ยตี้ที่อยู่ในตงโจวนั้น แทบจะถอนกำลังออกไปจนหมดแล้ว ส่วนน้อยที่เหลืออยู่ก็วิ่งหนีกันแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางการยึดคืนเมืองเหล่านี้ จึงราบรื่นเป็นพิเศษ ขณะเข้าเมือง กู้หว่านเยว่ก็พลันได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังมาจากข้างหน้า“ข้าว่าตาเฒ่า เจ้าเลวเกินไปแล้ว เหตุใดจึงนำยาปลอมมาหลอกพวกเราล่ะ?!”“ใช่แล้ว รีบคืนเงินให้พวกเราเดี๋ยวนี้!”เสียงสองเสียงดังขึ้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงของตาเฒ่า“ยาปลอมอะไรกัน? นี่คือยาจริง พวกเจ้าดูไม่เป็นเองต่างหาก มีตาแต่ห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1765

    “ใส่ใจให้มากหน่อย ดูว่ามีข่าวคราวของหมอเทวดาเผยหรือไม่ เรื่องซุบซิบนินทาพวกนี้ ฟังให้น้อยลงหน่อย”เป่ยหมิงโยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“อ้อ” ถังซือพยักหน้าด้วยความหดหู่ นี่เขาถูกรังเกียจแล้วหรือ?กลางโรงน้ำชา การซุบซิบนินทาของคนเหล่านั้นยังคงดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อน โดยไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเจ้าตัวก็นั่งอยู่ข้าง ๆ พวกเขา“คนกลุ่มนี้พูดจาเหลวไหลสิ้นดี ไม่มีอะไรเป็นความจริงเลยสักประโยคเดียว”เสียงห้าว ๆ ดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นคนของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงที่เดินทางมาถึงที่นี่เช่นกัน หลังจากที่พวกเขาจัดการกลุ่มทหารรับจ้างเสินสุ่ยแล้ว ก็เดินทางมายังเมืองศูนย์กลางเพื่อรับภารกิจไม่คิดเลยว่า จะมาได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาเข้าพอดีลั่วหรงมองพวกเขาอย่างเห็นใจ แม้ว่าท่านจะเป็นถึงองค์ชายหลาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็คงไม่มีวันได้หัวใจของหว่านเยว่ไปครอง“หัวหน้า คนที่ประกาศภารกิจดูเหมือนจะอยู่ทางนั้น” หลันเตี๋ยชี้ไปยังบุรุษอาภรณ์สีเขียวที่สวมหน้ากากคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง“ไป พวกเราไปกันเถอะ”ลั่วหรงพยักหน้า พาคนของตนมาอยู่ตรงหน้าเป่ยหมิงโยวหลาน...ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่ยังไม่รู้ว่า เรื่องเ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1764

    ...กู้หว่านเยว่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากศึกที่เมืองปิงเสวี่ยเพียงครั้งเดียว ภายในเวลาไม่กี่วัน ก็แพร่สะพัดไปทั่วที่ราบแห่งความโกลาหล“ได้ยินข่าวแล้วหรือไม่? ตงโจวมีองค์หญิงน้อยท่านหนึ่งปรากฏตัว ตีเมืองข่าหลอแตกไปแล้ว”ในเมืองศูนย์กลางที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของที่ราบแห่งความโกลาหล ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสนทนากันอย่างออกรสในโรงน้ำชาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้“จะไม่ได้ยินได้อย่างไร? หลังจากนั้นองค์ชายห้าแห่งแคว้นเป่ยตี้ยังยกทัพไปล้อมเมือง เจ้าทายสิว่าผลเป็นอย่างไร องค์หญิงน้อยท่านนั้น ใช้กำลังพลแค่ห้าพันนาย ก็สามารถเอาชนะกองทัพนับแสนของข่าปัวได้”“เรื่องนี้เจ้าคงยังไม่รู้กระมัง เป็นเพราะว่าองค์หญิงน้อยมีดินปืนอยู่ในครอบครอง ได้ยินมาว่าในวันเปิดศึกนั้น มีป้อมปืนตั้งอยู่บนกำแพงเมืองปิงเสวี่ย ขอเพียงมีคนกล้าเข้าใกล้ประตูเมืองปิงเสวี่ย กระสุนจากป้อมปืนก็จะระเบิดคนผู้นั้นจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี” ชายผู้หนึ่งในกลุ่มบรรยายด้วยความตื่นเต้นตอนที่เมืองปิงเสวี่ยเปิดศึก เขาบังเอิญติดอยู่ในเมืองพอดีเดิมทีคิดว่าโชคไม่ดี คงจะต้องเสียชีวิตในศึกครั้งใหญ่นี้เสียแล้วไม่คิดเลยว่าจะได

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1763

    “สั่งการลงไป บอกให้ทุกคนออกไปเก็บกวาดสนามรบ”“คืนนี้ ปูนบำเหน็จแก่ทั้งสามกองทัพ!”ดวงตาของกู้หว่านเยว่ทอประกายไม่นานนัก การสู้รบในวันนี้ก็จะแพร่สะพัดไปทั่วที่ราบแห่งความโกลาหลก่อนที่ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าจะมาถึง พวกเขาต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่“พ่ะย่ะค่ะ!”บนใบหน้าของทุกคนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่สุขใจได้มากเท่าตอนนี้ประตูเมืองเปิดออก พวกเขาก็ทยอยกันออกไปเก็บกวาดสนามรบในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บจนถึงกระดูก มหาสงครามอันยิ่งใหญ่และยืดเยื้อยาวนานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ได้เปิดฉากขึ้นแล้วยามค่ำคืน ทหารทั้งสามเหล่าทัพได้แบ่งปันสุราและเนื้อสัตว์ รวมถึงอาหาร นำมากินดื่มกันกู้หว่านเยว่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง เริ่มเขียนแผนการ การตั้งมั่นอยู่ในเมืองปิงเสวี่ย ไม่ใช่หนทางที่ยั่งยืน นางได้ปรึกษากับจงหลี่ไว้แล้วว่า จะนำทัพไปยึดดินแดนตงโจวกลับคืนมาก่อน จากนั้นจึงค่อยย้ายเมืองหลวงไปตั้งไว้ที่เมืองจ่าวเจ๋อของตงโจวด้วยประสบการณ์ในการปกครองเจดีย์หนิงกู่มาก่อน ทำให้นางเชี่ยวชาญขึ้นมากก่อนนอน กู้หว่านเยว่ได้ไปเติมเสบียงในยุ้งฉางใหญ่ ๆ แต่ละแห่งของเมืองปิงเสวี่ยจนเต็มเสบียงเหล่านี้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status