สถานที่: คฤหาสน์คุโรซาวะ – เวลา 14:48 น.บ่ายวันหนึ่ง ที่ควรสงบเหมือนทุกวันในรั้วคฤหาสน์มาเฟีย…แต่ทันใดนั้น—เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มก็ดังขึ้นจากรั้วหน้าวรู๊มมมมมมมมมมมมมมมม—!!เสียงท่อแต่งของมอเตอร์ไซค์สไตล์คัสตอมกระแทกโสตประสาทอย่างจังรถยนต์กันกระสุนของแก๊งคุโรซาวะที่จอดอยู่เรียงรายถึงกับสั่นสะเทือนเล็กน้อยตามจังหวะเบรกหัวทิ่มของขบวนชายหนุ่มที่ขี่นำ ถอดหมวกกันน็อกอย่างช้าๆผมสีเงินซีดถูกลมตีปลิวพลิ้วเบาๆ เหมือนฉากเปิดตัวของวายร้ายที่สาวๆ พร้อมจะตกหลุมรักในทันทีนัยน์ตาสีอำพันทอแสงแหลมคม—เหมือนเหยี่ยวที่มองเป้าหมายแม้จะอยู่ไกลหลายไมล์ซัน… เดินอย่างไม่เร่งรีบ ท่ามกลางสายตาระแวดระวังของบอดี้การ์ดเกือบสิบชีวิตเขายกมือขึ้นเหมือนจะบอกว่า ‘ใจเย็น’แต่รอยยิ้มบางบนใบหน้านั้น… กลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังบอกว่า ‘ถ้ายิงมา… ฉันจะสวนหมด’เสียงกระซิบของคนเฝ้าระวังดังในวิทยุ:“บุคคลตรงหน้า…คือ ‘วายุ ซัน’ หัวหน้าแก๊งวายุ ย้ำ—หัวหน้าแก๊งวายุ กำลังเข้าพื้นที่!!”💥 [Flashback สั้น]📍 หลายปีก่อน - ในวงล้อมการฝึกงานของโลกใต้ดินเรย์จิ และ ซัน เคยยืนเคียงข้างกัน—ไม่ใช่เพราะศรัทธา แต่เพราะผลประโยช
ในร้านราเมนญี่ปุ่นบรรยากาศอบอุ่นกลางเมือง โต๊ะไม้สีเข้มเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นน้ำซุปทงคตสึหอมฉุยลอยอ้อยอิ่งไปทั่วโต๊ะริมหน้าต่างที่ห่างจากลูกค้าคนอื่น ถูกจองไว้ล่วงหน้าโดยชายในชุดดำขรึม ผู้ที่ใครในร้านต่างเหลียวมองอย่างไม่กล้าเข้าใกล้—แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว“นี่มันอะไรกันฟะ…”ฉันมองกระจกในร้านราเมนร้านโปรดของตัวเอง พลางพึมพำเบาๆฉันนั่งอยู่ริมหน้าต่างโต๊ะสองที่ (บวกอีกหนึ่งจานชามสำหรับหมา)ใส่เสื้อฮู้ดตัวเก่ง ผูกผมลวกๆ แบบเนิร์ดประจำตัวแต่ปัญหาคือ—ไอ้คนตรงข้ามฉันน่ะ… แม่งแต่งตัวหล่อจัดเต็มระดับพระเอกซีรีส์มาเฟียเวอร์ชั่นดาร์ก!!เรย์จิในชุดเชิ้ตดำ กางเกงสเลคเรียบกริบ เสื้อนอกตัวบางพาดไหล่นั่งไขว่ห้าง… กำลังเปิดเมนูราเมนเหมือนกำลังประชุมกับแก๊งมาเฟียในร้านชิลล์ๆและที่ข้างเก้าอี้ของฉัน—เจ้าหมาชิบะอินุตัวกลมที่ชื่อ ไทกะนั่งอย่างสง่างาม (?) พิงขาฉันอยู่มีจานอาหารหมาพิเศษของทางร้านอยู่ตรงหน้าพร้อมถ้วยน้ำ และพนักงานสาวที่ถ่ายรูปรัวๆ เพราะ “คุณหมาน่ารักมากกกก!”“โฮ่ง~”มันหันมามองฉันแล้วกระดิกหาง เหมือนจะบอกว่า“เธอนี่โชคดีจริงๆ ที่มีเจ้าของอย่างเรย์จิ พามาเดทด้วย!”เงียบบบบ!!
ลมบนยอดเขายังคงพัดเอื่อยเบา เย็นเฉียบแต่ไม่หนาวเกินใจจะทนแสงไฟจากเมืองเบื้องล่างยังส่องสว่างราวกับโลกทั้งใบไม่มีคำว่าหลับใหลมือของเขายังคงกุมมือฉันไว้แน่น—อุ่น... และมั่นคงและฉัน... ก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ถอย... ไม่หนีทั้งที่ควรจะวิ่งหนีไปให้ไกลแต่กลับอยากอยู่ใกล้เขาอีกนิดเดียวแค่... อีกนิดเดียวก็ยังดี“หนาวเหรอ?”เสียงเขาดังขึ้นเบาๆ ข้างหูฉันสะดุ้งเล็กน้อย สั่นนิดหน่อย ไม่แน่ใจว่าหนาว หรือหัวใจมันเต้นแรงจนร่างกายเบาหวิว“อืม… นิดหน่อย” ฉันตอบกลับเสียงเบาทันใดนั้น—ฟึ่บเขาถอดเสื้อสูทนอกของตัวเอง แล้วเอามาคลุมบ่าฉันไว้อย่างเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร… แค่ทำแค่นั้น…แค่นั้นจริงๆแต่กลับทำให้ใจฉัน... เหมือนจะหลอมละลาย ฉันหันไปมองเขาช้าๆ แล้วก็พบว่าเขามองฉันอยู่ก่อนแล้ว…สายตาคมคู่นั้น ไม่แข็ง ไม่เย็นชา และไม่น่ากลัวเหมือนตอนเจอกันครั้งแรกมันดูอ่อนโยน...และจริงใจจนฉันรู้สึกว่าโลกทั้งใบเงียบไปเลยเรายืนใกล้กันแค่คืบเดียว ไม่รู้ว่าฉันขยับไปหาเขา หรือเขาขยับเข้ามาใกล้ฉันแต่เมื่อระยะห่างนั้นแคบลงจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น...ตุบๆ อยู่ข้างหูเขาก็เอ่ยออกมาช้าๆ นุ่มนวลและจริงจัง“ขอโทษนะ…
หลังจากคืนนั้น...ฉันกับอัยย์ก็ไม่ได้กลับไปที่คอนโดของตัวเองอีกเลยเรย์จิเหมือนตัดสินใจไปแล้วแบบไม่ถามใครเขาสั่งลูกน้องหน้าโหดของเขา—ซึ่งโหดจนแค่เดินเฉียดก็กลั้นหายใจแล้ว ไปขนของทั้งหมดของฉันกับอัยย์มาไว้ที่คฤหาสน์หลังโตของเขาเรียบร้อยฉัน... นอนกับเรย์จิในห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีเจ้าหมาไทกะตัวแสบจอมขโมยหมอนนอนด้วยส่วนอัยย์—นางก็โดนจัดให้นอนห้องติดกับไอ้คิน (แบบบังเอิญ... ที่ตั้งใจมากกกก)และจากประสบการณ์การสังเกตมาหลายวันฉันขอยืนยัน ณ จุดนี้ว่าสองคนนี้... ต้องมีซัมติงกันแน่นอน!!! 😏ชีวิตในคฤหาสน์...หรูหราอย่างกับหลุดเข้ามาอยู่ในซีรีส์เกาหลีตระกูลมาเฟียระดับเวิลด์คลาสฉันกับอัยย์แทบไม่ต้องทำอะไรเดินไปทางไหนก็มีแม่บ้านคอยรับใช้ หันไปอีกมุมก็เจอบอดี้การ์ดที่หน้าตาเหมือนหลุดออกมาจากเกม GTA คอยยืนขรึมๆ กันเป็นแพ็คฉันใช้ชีวิตอย่างกับ ‘ควีนแห่งโลกมาเฟีย’ในห้องนอนมีเครื่องเกมทุกเครื่องที่เคยฝันถึงคอมพิวเตอร์สเปกเทพสำหรับทำงานชุดนอนผ้านุ่มระดับพรีเมียม และหมอนที่นุ่มกว่าชีวิตฉันทั้งชีวิตรวมกัน...คือถ้าจะให้ออกจากที่นี่ตอนนี้คงต้องลากฉันไปทั้งเตียงแต่ในวันที่ชีวิตกำลังชิลๆ อย่างบ้าคล
🌙 ค่ำคืนนั้น... อากาศเย็นลงเล็กน้อยลมพัดเอื่อยๆ ผ่านม่านหน้าต่างที่เปิดอยู่อัยย์เดินกลับขึ้นห้องเงียบๆ หลังเพิ่งคุยกับมินาเอะเสร็จ...เรื่องแม่ของเรย์จิ ที่ทำเพื่อนของเธอเครียดจนน้ำตาแทบจะไหลและพอคุยจบแล้ว… อัยย์ก็เผลอบ่นออกมาทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งง่วง ในคราวเดียวกันแต่เพียงไม่ถึงสิบนาทีต่อมา—เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาก็อก... ก็อก...อัยย์ชะงัก เงยหน้าจากมือถือ แล้วเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย...และภาพที่เธอเห็นตรงหน้าก็ทำให้เธอต้องหยุดนิ่งไปทันทีคิน ยืนอยู่ตรงนั้นในมือถือกล่องข้าวสีเรียบๆ กล่องหนึ่ง“นี่นาย… มาทำไม” เธอขมวดคิ้ว แต่ถามเสียงเบากว่าปกติ“เธอบ่นว่าหิว” คินพูดเสียงเรียบ แล้วยื่นกล่องข้าวให้เธอ“ฉันแค่…จำได้เฉยๆ”อัยย์ชะงักไปไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาหวานหรือทำให้ใจละลายแต่เพราะคำพูดของเขา... ไม่เคยหวานเลยและนั่นแหละ...ที่ทำให้หัวใจของเธอสะดุดมากกว่าเดิม🥣สุดท้าย—เธอก็ต้องยอมให้เขาเข้ามานั่งในห้องและตอนนี้ทั้งสองคนก็กำลังนั่ง ‘กินข้าวด้วยกัน’ แบบงงๆคินนั่งพิงขอบโซฟาด้วยท่าทางสบายๆมือหนึ่งถือแก้วกาแฟร้อน อีกมือวางไว้บนเข่าข้างหน้าเขามีกล่องขนมเล็
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า ลอดผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ บรรยากาศเย็นสบายชวนให้อยากหลับต่อแต่สิ่งที่ทำให้อัยย์ต้องค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา...คือวงแขนของใครบางคนที่ยังโอบรอบเอวเธอไว้แน่นไม่ปล่อยร่างกายของเธอแนบชิดอยู่ในอ้อมอกของเขา แผ่นอกอุ่นแน่นที่เธอนอนซุกหน้าอยู่…กลิ่นกายเขาอ่อนๆ ยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกและที่สำคัญที่สุดคือ—ทั้งเธอและเขา… เปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนนั้นอัยย์ตัวแข็งทื่อทันทีหัวใจเต้นแรงเหมือนจะหนีออกจากอกแขนแกร่งของคินพาดอยู่บนเอวเธอมือของเขายังกุมมือเธอไว้แน่น…แน่นในแบบที่เหมือนกลัวว่าเธอจะหายไป ถ้าเผลอหลับอีกครั้งเสียงลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ ช้า… อบอุ่น… และใกล้มาก มากจนเธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นเบาๆ เคล้าไปกับของตัวเองอัยย์รู้สึกเหมือนทั้งร่างจะระเบิด ไม่ใช่เพราะตกใจแต่เพราะความเขินมันพุ่งจนแทบกลายเป็นไอ!!!นี่เรานอนแบบนี้กับเขาทั้งคืนเลยเหรอ!?โอ๊ยยยย… แค่คิดก็หน้าร้อนจนแทบระเบิดเป็นพลุ!เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสายตาเธอเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้าของเขา ใบหน้าหล่อเข้มที่ดูสงบขณะหลับ ขนตาเรียงสวย ริมฝีปากนิ่งเฉย และแววตาที่ยังปิดอยู่เขาหล่อชะมัด...ยิ่งนอน
บ้านไม้โบราณหลังใหญ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนชาเขียวขจี แม้จะผ่านกาลเวลามาหลายสิบปี แต่ทุกเส้นสายของสถาปัตยกรรมยังถูกดูแลไว้ราวกับหยุดเวลาเอาไว้ที่วันแรกกลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบชาถูกต้มจนเดือดเบาๆ คลุ้งไปทั่วห้องชายชราร่างผอม ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยนั่งอยู่หลังชุดน้ำชา มือที่เคยแน่นิ่งกลับสั่นเล็กน้อยขณะรินชา แต่เสียงของเขายังคงราบเรียบ แม้จะฟังดูคล้ายกับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่“...ไม่คิดเลยนะ ว่าแกจะยอมกลับมาเหยียบที่นี่อีก”น้ำเสียงแหบพร่า แฝงทั้งแปลกใจและไม่ไว้ใจ ขณะที่ชายอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ยกถ้วยชาขึ้นมาหมุนเบาๆ ในมือเขาเป็นชายหนุ่มในชุดเชิ้ตสีดำสนิท ติดกระดุมเรียบร้อยถึงลำคอ ราวกับจงใจปิดทุกความรู้สึกไว้ใต้ความสุภาพแต่แค่สบตา... ก็รู้ได้ทันทีว่า‘สุภาพ’ ไม่ได้แปลว่า ‘ปลอดภัย’ดวงตาสีเทาน้ำเงิน ของเขาดูจะขัดกับบรรยากาศสงบสุขของห้องเพราะในแววตาคู่นั้น... มีรอยยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนงูเห่า—เงียบ แต่พร้อมฉกเสมอซันชายหนุ่มผู้หายสาบสูญจากวงการมาเฟียไปนานเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาวันนี้... เขากลับมาแล้วพร้อมกับลมหายใจของสายลมแปลกประหลาด ที่ไม่ได้หอบเพียงความคิดถึง...แต่หอบภัยมาด้วย
☀️ เช้าวันนั้นแสงแดดอ่อนส่องลอดผ่านใบไม้ในสวนหน้าคฤหาสน์ แสงและเงาเล่นล้อกันบนทางเดินโรยกรวดเล็กๆ อากาศเย็นกำลังดี เหมาะกับการพาหมาเดินเล่น...และเหมาะกับใครบางคน ที่ต้องการ ‘เฝ้ามอง’ บางอย่างฉันจูงสายจูงของไทกะ เจ้าหมาตัวเล็กเดินส่ายหางไปมา ดูเหมือนจะอารมณ์ดี ...แต่ดวงตากลมแหลมนั้นกลับกวาดมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง เหมือนมันรู้ดีว่า โลกของเจ้านายตัวเอง…ไม่เคย ‘ปลอดภัยจริงๆ’“เราจะไปคาเฟ่นะ ไทกะ”ฉันยิ้มให้กับท่าทางกล้าหาญเกินตัวของเจ้าตัวจิ๋ว มือหนึ่งถือสายจูง อีกมือเปิดประตูเล็กข้างรั้วคฤหาสน์ เดินออกมายังถนนด้านข้าง... ที่มีร้านกาแฟเปิดใหม่ตั้งอยู่🌿 คาเฟ่ริมรั้วร้านตกแต่งสไตล์มินิมอล เรียบง่าย แต่สบายตา มีโต๊ะไม้สีอ่อนตั้งอยู่ตรงสวนหย่อมด้านหลัง พร้อมเสียงนกเบาๆ กับกลิ่นหอมของกาแฟที่ลอยมาในอากาศฉันสั่งกาแฟร้อนหนึ่งแก้ว แล้วเลือกโต๊ะเงียบๆ มุมสวน ไทกะนั่งข้างเก้าอี้อย่างสงบ แต่หางยังไม่หยุดกระดิก ตาเจ้าตัวยังจับจ้องคนเดินผ่านไปมา ไม่วางใจใครง่ายๆ เลยฉันเปิดไอแพด ตั้งใจจะอ่านมังงะชิลๆ ...แต่ยังไม่ทันได้เลื่อนหน้าแรกของตอนใหม่ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังฉัน เสียงทุ้มต่ำ นุ่มลึก
💘 คฤหาสน์คุโรซาวะ — หนึ่งปีหลังวันหมั้น☀️ เช้าที่แสนสงบเรย์จิ & มินาเอะ...ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่คือ “ผู้สร้างสมดุลใหม่” ให้โลกใต้ดิน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เริ่มต้นจากเกมบังคับ กลายเป็นสงครามหัวใจ และจบด้วยคำสัญญา...ที่ไม่ต้องเปล่งเสียงอีกต่อไปทุกเช้า—เรย์จิจะชงกาแฟให้เธอก่อนที่เธอจะตื่น มินาเอะจะวางแท็บเล็ตไว้ข้างแก้วเขา พร้อมแผนที่ปรับให้เรียบร้อยพวกเขา...พูดน้อยลง แต่เข้าใจกันได้ด้วยการเหลือบตาเพียงครั้งเดียว มือที่เคยประสานเพื่อจับปืน วันนี้ประสานเพื่อ “จับหัวใจของกันและกัน”👑 มินาเอะ — ราชินีของโลกใต้ดิน“มาเฟียควีน” ไม่ใช่คำล้ออีกต่อไป เธอคือหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์หลักขององค์กร นั่งประจำเก้าอี้หัวโต๊ะขององค์กรคุโรซาวะที่เคยสงวนไว้ให้คนเดียวเท่านั้น...เรย์จิเธอสวมสูทเรียบหรู ส้นสูงเฉียบ แววตาคมแต่ยังเปล่งประกายแบบ ‘เนิร์ดตัวจริง’ ที่ใครก็ประมาทไม่ได้แต่วันนี้...เธอมีอำนาจต่อรองเหนือกว่ากระสุน เพราะมินาเอะรู้ว่า ศัตรูไม่ได้แพ้ด้วยปืน ...แต่มักแพ้ให้กับคำพูดที่เขาคิดว่าเราจะไม่กล้าพูด“เราไม่จำเป็นต้องรบกับทุกคนค่ะ ถ้าทำให้เขาอยากอยู่กับเรามากกว่ากลัวเรา”เสียงในห้องประชุมเงียบไป
📍 คฤหาสน์คุโรซาวะ – 6 เดือนหลังสงครามพระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีทองอุ่น ๆ รินลงผ่านกระจกห้องโถงใหญ่ ทอดเงายาวลงบนพื้นไม้ขัดมันอย่างเงียบงาม ด้านหลังคฤหาสน์...สวนถูกเนรมิตขึ้นใหม่เพื่องานสำคัญที่สุด“พิธีหมั้นกลางแจ้ง”ที่ทุกคนร่วมกันเตรียม...เพื่อเธอคนเดียว ลานหญ้าถูกปูด้วยพรมทางเดินสีครีมอ่อน รายล้อมด้วยดอกกุหลาบขาวที่ปลูกลงดินจริงเรียงแถวละเมียดเส้นสายไม้โค้งเป็นซุ้มประดับผ้าโปร่ง และไฟ fairy light ที่เตรียมไว้ส่องเมื่อตะวันตกดิน ทุกอย่างถูกจัดวางด้วยความรัก...ไม่ใช่เพราะพิธี แต่เพราะคนที่ยืนอยู่ในพิธีนี้🎼 เครื่องดนตรีคลอเพลงคลาสสิกบรรเลงเบา ๆโน้ตแต่ละตัว...เรย์จิเคยเลือกมันเองจากร้านแผ่นเสียงเก่า ๆ กลางเมืองและที่ปลายเวที —ไทกะ เจ้าหมาชิบะอินุตัวแสบ ใส่โบว์สีงาช้าง-ทอง ยืนสง่าด้วยแท่นแหวนในปาก (หลังจากถูกมินาเอะ อัยย์ และทีมแม่บ้าน “ต่อรองด้วยขนม 7 แบบ” เกือบครึ่งวัน ถึงจะยอมถือ)...👰🏻♀️ มินาเอะ — ว่าที่เจ้าสาวอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีงาช้างที่แสนเรียบหรู แต่งดงามราวกับภาพฝัน ผมมัดครึ่งคลายลงมาเป็นลอนนุ่ม ประดับด้วยปิ่นเงินรูปผีเสื้อ ใบหน้ามีรอยยิ้มสั่นไหว — ไม่ใ
📍ด้านของซันหลังจากเหตุการณ์ล้อมศูนย์บัญชาการและการเผชิญหน้ากับเรย์จิที่โกดังร้าง ซันถูกปล่อยตัวกลับไป—ไม่ใช่เพราะเรย์จิอ่อนแอ แต่เพราะเขาตัดสินใจ ‘ให้ชีวิตกับความพ่ายแพ้’ มากกว่าความตายไม่กี่วันหลังจากนั้น...มีบางข่าวลือเล่าว่าเขาขึ้นเครื่องไปอิตาลีภายใต้ชื่อปลอม และกลับเข้าสู่วงการมาเฟียระดับนานาชาติ ในเงามืดไม่ได้ใช้ชื่อเดิมไม่ได้ประกาศตัวแต่ทุกเครือข่ายของมาเฟียในยุโรปเริ่มขยับอย่างเงียบ ๆ เหมือนเงาของใครบางคน...กลับมายืนอยู่หลังม่านอีกครั้งจนวันหนึ่ง...เงาก็หายไปไม่มีข่าวไม่มีสัญญาณไม่มีใครรู้ว่า ซันมีชีวิตอยู่ หรือหมดสิ้นจากโลกใบนี้ไปแล้ว“เรย์จิไม่ได้พูดถึงเขาอีกเลย…”แต่บางคืนที่ลมแรง...เขาจะยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงคฤหาสน์ สายตาจ้องไปที่เมืองไกล ๆ เหมือนรอคนที่ไม่มีวันกลับมาอีก🐕🐕🐕🐕🐕🐕ด้านมินาเอะเมื่อสงครามจบลง และคฤหาสน์กลับสู่ความสงบ มินาเอะเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในฐานะคนของตระกูลคุโรซาวะอย่างแท้จริงเธอเข้าคอร์สฝึกฝนกับ แม่ของเรย์จิ — หญิงผู้เป็นดั่งเงาหลังอาณาจักร ระเบียบเข้ม สายตาคม บทเรียนโหดแบบ ‘หากเจอศัตรู เธอจะรอดในหนึ่งวินาทีหรือไม่?’แต่แน่นอน...มินาเอะไม่
เงาไฟสีส้มกะพริบจากโคมไฟสนามลมแรงพัดเส้นสายไฟโยกไปมา เสียง ครืด...ครืด... เหมือนเสียงถอนหายใจของสถานที่ที่เต็มไปด้วยซากสงครามกลิ่นสนิม โลหิต และควันดินปืน ตลบอบอวลในอากาศ ขมคอ...เหมือนความทรงจำที่ไม่สามารถกลืนลงหรือคายทิ้งได้เรย์จิ คุโรซาวะ ยืนอยู่ท่ามกลางเศษกำแพงที่พรุนจากกระสุน แสงกะพริบของไฟสะท้อนลงบนใบหน้าเปื้อนเลือดและเหงื่อมือขวาถือปืน กระบอกยังอุ่นจากการยิงก่อนหน้า เสื้อเชิ้ตสีดำมีรอยเลือดกระจายเป็นวง — ไม่รู้ว่าเป็นของใคร และอาจไม่สำคัญอีกแล้วแววตาเขา...เยือกเย็น ไม่ใช่เพราะไร้อารมณ์แต่เพราะ ต้องทำในสิ่งที่ไม่ควรต้องทำมากที่สุดในชีวิตไม่ไกล ซันยืนพิงเสาเหล็กที่หักโค้ง ใบหน้าซีด แต่ยังยิ้ม ผ้าพันแผลแน่นรอบแขนขวา รอยแตกที่ริมฝีปากยังมีเลือดไหลซึม แต่ดวงตา...ยังเต็มไปด้วยประกายกร้าวที่ไม่ยอมตาย“มาถึงตรงนี้ได้เร็วกว่าที่คิดนะ...เรย์จิ”“คิดจะมาส่งเพื่อนเก่าไปนรกด้วยตัวเองเลยหรือไง?”น้ำเสียงแหบพร่า แต่เจือด้วยรอยล้อเลียนที่แหลมคมจนแทงทะลุทุกเกราะเรย์จิไม่ตอบเขาก้าวเข้ามาทีละก้าว ทีละก้าว ที่เหมือนพาอดีตทุกเสี้ยววินาทีเดินกลับเข้ามาภาพเพื่อนร่วมสนามฝึกภาพคนที่เคยหันหลัง
📍เวลา 06:02 น. — บริเวณโกดังหมายเลข 14, เขตท่าเรือร้างลมทะเลพัดกรูเข้ามาทางหน้าต่างเก่าเสียงคลื่นกระทบท่าเรือดังต่ำ ๆ คล้ายเสียงลมหายใจสุดท้ายของเมืองร้าง บนชั้นสองของโกดัง — ไม่มีใครอยู่ ยกเว้นเขาซันยืนพิงราวเหล็ก ฝ่ามือแตะหน้าต่างที่แตกเป็นรอย มองลงไปเบื้องล่าง — ลูกน้องกว่า 40 คนของเขา กำลังแทรกตัวเข้าตำแหน่งรอบเมืองอย่างเงียบเชียบ ราวกับ "ล้อมศูนย์บัญชาการไว้ในความเงียบ"เป้าหมายของเขา:ไม่ใช่ฆ่า ไม่ใช่เผา แต่คือ “ถล่มศูนย์กลาง” ให้ระบบคุโรซาวะล่มทั้งองค์กร — เหมือนการผลักโดมิโนตัวแรกให้พังตามเป็นเส้น“เริ่มเคลื่อนกำลังได้”เสียงของซันดังขึ้นผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงสั้น หนัก และเด็ดขาด ทันใดนั้น...เงาเคลื่อนไหวของทีมซัน ก็ขยับพรึ่บพร้อมกันทั่วแผนแต่ในขณะเดียวกัน...📍ภายในห้องบัญชาการ – คฤหาสน์คุโรซาวะมินาเอะ ยืนอยู่หน้าหน้าจอหลัก ภาพแผนผังแสดงรูปแบบล้อมรอบของซันแบบชัดเจน —เส้นสีแดงกะพริบรายล้อมศูนย์กลางหลายคนอาจมองว่าเธอกำลังตกอยู่ในวงล้อม แต่แววตาของเธอ...กลับเยือกเย็น และคมเหมือนใบมีด“กับดักล้อมนอก...”“แต่ลืมว่าข้างใน...กำลังรออยู่”เธอแตะปลายนิ้วลงบนแท็บเล็ตเบา ๆ เส
📍ภายในห้องบัญชาการ – เวลา 05:16 น.แสงไฟบนเพดานสลัวลงอัตโนมัติเพื่อไม่รบกวนการทำงานของหน้าจอหลักจอมอนิเตอร์เรียงรายเต็มฝาผนังแสดงข้อมูลแบบ real-time ทั้งจากเส้นทางการขนส่ง โกดัง สัญญาณไวรัส และโค้ดที่เพิ่งถูกเจาะเสียงไซเรนเบา ๆ ยังดังเป็นคลื่นพื้นหลัง กดอารมณ์ในห้องให้ตึงเครียดทันใดนั้น—เสียงมือถือของเรย์จิดังขึ้น หน้าจอแสดง ‘สายตรงจากคิน’พร้อมรหัสภายในพิเศษ เขารับทันทีโดยไม่ต้องพูดคำทัก และเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นทันทีตามสไตล์เจ้าตัว“ได้ตัวแล้ว”“และหมอนั่นพูดทุกอย่างที่เราต้องรู้”เสียงห้าวต่ำของคินฟังนิ่ง แต่จริงจัง“ซันรู้ว่าเราวางกับดัก...แต่มันกำลังจะใช้กับดักนั่น ‘ล้อมพวกเราทั้งหมด’ แทน”ปลายนิ้วของเรย์จิเกร็งแน่นกับขอบโต๊ะไม้ เสียงเขาลดต่ำลงโดยอัตโนมัติ ราวกับแรงดึงดูดของคำที่ได้ยินกำลังหนักขึ้นเรื่อย ๆ“หมอนั่นมันคิดจะล่อเราหลงทิศ…”“แล้วปิดเกมในครั้งเดียว?”...แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยความคิดใด ๆ ต่อไปเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง — ชัดเจน มั่นใจ แต่ทุ้มนุ่มแบบคนที่คิดเสร็จนานแล้ว แค่รอให้คนอื่นทันมินาเอะยืนพิงโต๊ะ มือหนึ่งถือแท็บเล็ต อีกมือไขว้หลัง ใบหน้าเรียบเฉย
ห้องเก็บของหลังคฤหาสน์ – 04:36 น.ไฟเพดานดวงเล็ก ๆ ห้อยจากสายไฟเก่าๆ แสงสีเหลืองส้มอ่อนส่องลงตรงจุดเดียวกลางห้อง — บนร่างของชายคนหนึ่งที่ถูกมัดแน่นกับเก้าอี้เหล็กเสียงหยดน้ำจากท่อแตก “แหมะ…แหมะ…”หยดลงบนพื้นซีเมนต์ทุกสิบวินาที กลายเป็นนาฬิกานับถอยหลังในห้องที่เงียบจนน่ากลัวมิซากิ — หัวหน้าทีม IT ของคุโรซาวะที่เคยได้รับความไว้วางใจสูงสุด กำลังนั่งนิ่งกลางแสงเหงื่อไหลลงข้างแก้มแม้ในห้องที่เย็นจัด มือทั้งสองข้างถูกมัดแน่นที่ด้านหลังของเก้าอี้ บนร่างกายมีรอยฟกช้ำ ที่เริ่มปรากฎขึ้นบนต้นแขนและข้างลำคอจากการดิ้นรนก่อนหน้านี้เสียงฝีเท้า...ใกล้เข้ามา ไม่รีบร้อน ไม่หนัก แต่ทุกก้าวดังชัดเหมือนฝังลงในกระดูกคินเดินเข้าสู่แสงไฟ ชุดยังคงเป็นเสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาใส่ประชุม แต่แขนเสื้อถูกพับขึ้น เผยท่อนแขนเต็มแน่นของนักล่าสายตาเขานิ่ง เงียบ และไม่มีแม้แต่วี่แววของความโกรธ“สวัสดี...มิซากิ”เสียงของคินราบเรียบ แต่ชัดเจนเกินกว่าจะเป็นคำทักทายเขาหย่อนตัวนั่งลงช้า ๆ บนเก้าอี้ตรงข้าม“คิน…ฉัน...ฟะ...ฟังฉันอธิบาย—”ผัวะ!!กำปั้นชกเข้าที่แก้มขวา ไม่แรง แต่เร็ว และ ‘แม่นยำ’ จนใบหน้าของมิซากิสะบัดไปเองตา
ภายในรถหุ้มเกราะสีดำสนิทไฟในรถเปิดเพียงแสงสลัว แผงหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ฉายแผนผังคฤหาสน์คุโรซาวะแบบ 3 มิติบนจอโปร่งใส — แสดงระบบห้องต่าง ๆ เสมือนของจริง ทั้งสายไฟหลัก กล้องวงจรปิด เซิร์ฟเวอร์ ระบบจ่ายพลังงาน และจุดเชื่อมต่อทั้งหมดเสียงฝนกระทบหลังคาโลหะเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ราวกับเสียงนาฬิกาที่นับถอยหลังสู่หายนะ ในอากาศ มีกลิ่นของน้ำมัน ดินปืน และเหงื่อเย็น ๆ ของคนที่อยู่ในสนามรบกลิ่นทั้งหมดผสมกันจนกลายเป็น ‘กลิ่นเฉพาะของสงคราม’ซันนั่งสงบนิ่งอยู่เบาะหลังเสื้อโค้ทสีดำยาวดูหนักอึ้งไปด้วยไอเย็น เขาไม่พูดอะไรในตอนแรก แต่แววตา...เฉียบคม เยือกเย็น และเต็มไปด้วยบางอย่างที่น่ากลัวกว่าอารมณ์โกรธ—คือ ความตั้งใจเบื้องหน้าของเขาแผนผังคฤหาสน์ฉายอยู่บนโต๊ะกลางรถ จุดสีแดง 7 จุดกะพริบอยู่ชัดเจนแต่ละจุด คือ ‘เส้นเลือด’ ที่หล่อเลี้ยงระบบหลักของคุโรซาวะเซิร์ฟเวอร์หลัก ฐานสื่อสาร ระบบพลังงาน ช่องทางข้อมูลลับ โกดังสินค้า บัญชีดำพันธมิตร และ...ห้องบัญชาการ“วันนี้ เราจะไม่ลอบฆ่า”ซันพูดเสียงต่ำ แต่ทุกคำหนักแน่นเหมือนค้อนทุบพื้นหิน“แต่จะเจาะเลือด...ให้มันไหลทั้งระบบ”เขาหยิบเข็มกลัดสีทองขนาดเล็กจากกล่อง
กลางดึก...แสงไฟสลัวสีอำพันจากโคมไฟเพดานกระจายตัวลงบนโต๊ะไม้ยาวกลางห้องผนังห้องทำงานชั้นบนสุดของคฤหาสน์คุโรซาวะถูกปกคลุมด้วยแผนที่ขนาดใหญ่ ข้อมูลจุดต่าง ๆ ถูกไฮไลต์ด้วยสีแดงที่กะพริบเป็นจังหวะเหมือนจังหวะหัวใจของสงครามที่กำลังใกล้เข้ามามินาเอะลากเก้าอี้มานั่งลงตรงโต๊ะด้านข้างเธอสวมเสื้อฮู้ดโอเวอร์ไซซ์สีเทาเข้ม แขนเสื้อยาวเกินข้อมือ เธอพับมันขึ้นครั้งเดียวแล้วไม่สนใจอีก ไทกะ หมาชิบะอินุตัวแสบของเธอ นอนเงียบ ๆ อยู่ข้างตัว ดวงตาสีอำพันของมันจ้องจอแผนที่ด้วยความสงบแต่ตื่นตัวเสียงเรย์จิดังขึ้นเบา ๆ คล้ายจะห้าม“เธอไม่ได้ต้องเข้ามาในห้องวางแผนนี้ก็ได้”แต่มินาเอะเพียงยิ้มบาง ๆ พลางเปิดโน้ตบุ๊กของตัวเองขึ้นมาวางข้างแผนที่หลักแสงจากหน้าจอฉายขึ้นใบหน้าเธอ ทำให้ดวงตากลมที่เคยขี้เล่นบัดนี้ฉายแววเยือกเย็นของคนที่อยู่ใน ‘โหมดคำนวณเต็มรูปแบบ’“ไม่ได้สิ…นายลืมเหรอว่า ฉันน่ะ ‘เล่นเกมอ่านนิสัยบอส’ เป็นงานอดิเรกเลยนะ”เธอตอบขณะพิมพ์รัวบนคีย์บอร์ด ข้อมูลจำนวนมหาศาลไหลผ่านหน้าจอ: เส้นทางรถขนของกลางเมือง กล้องวงจรปิด แหล่งข่าวท้องถิ่น แม้แต่กระแสในโซเชียลแบบที่ไม่มีใครมองว่าสำคัญ — แต่เธอกลับมองเห็น