🌙 ค่ำคืนนั้น... อากาศเย็นลงเล็กน้อยลมพัดเอื่อยๆ ผ่านม่านหน้าต่างที่เปิดอยู่อัยย์เดินกลับขึ้นห้องเงียบๆ หลังเพิ่งคุยกับมินาเอะเสร็จ...เรื่องแม่ของเรย์จิ ที่ทำเพื่อนของเธอเครียดจนน้ำตาแทบจะไหลและพอคุยจบแล้ว… อัยย์ก็เผลอบ่นออกมาทั้งเหนื่อย ทั้งหิว ทั้งง่วง ในคราวเดียวกันแต่เพียงไม่ถึงสิบนาทีต่อมา—เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาก็อก... ก็อก...อัยย์ชะงัก เงยหน้าจากมือถือ แล้วเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย...และภาพที่เธอเห็นตรงหน้าก็ทำให้เธอต้องหยุดนิ่งไปทันทีคิน ยืนอยู่ตรงนั้นในมือถือกล่องข้าวสีเรียบๆ กล่องหนึ่ง“นี่นาย… มาทำไม” เธอขมวดคิ้ว แต่ถามเสียงเบากว่าปกติ“เธอบ่นว่าหิว” คินพูดเสียงเรียบ แล้วยื่นกล่องข้าวให้เธอ“ฉันแค่…จำได้เฉยๆ”อัยย์ชะงักไปไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาหวานหรือทำให้ใจละลายแต่เพราะคำพูดของเขา... ไม่เคยหวานเลยและนั่นแหละ...ที่ทำให้หัวใจของเธอสะดุดมากกว่าเดิม🥣สุดท้าย—เธอก็ต้องยอมให้เขาเข้ามานั่งในห้องและตอนนี้ทั้งสองคนก็กำลังนั่ง ‘กินข้าวด้วยกัน’ แบบงงๆคินนั่งพิงขอบโซฟาด้วยท่าทางสบายๆมือหนึ่งถือแก้วกาแฟร้อน อีกมือวางไว้บนเข่าข้างหน้าเขามีกล่องขนมเล็
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า ลอดผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ บรรยากาศเย็นสบายชวนให้อยากหลับต่อแต่สิ่งที่ทำให้อัยย์ต้องค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา...คือวงแขนของใครบางคนที่ยังโอบรอบเอวเธอไว้แน่นไม่ปล่อยร่างกายของเธอแนบชิดอยู่ในอ้อมอกของเขา แผ่นอกอุ่นแน่นที่เธอนอนซุกหน้าอยู่…กลิ่นกายเขาอ่อนๆ ยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกและที่สำคัญที่สุดคือ—ทั้งเธอและเขา… เปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนนั้นอัยย์ตัวแข็งทื่อทันทีหัวใจเต้นแรงเหมือนจะหนีออกจากอกแขนแกร่งของคินพาดอยู่บนเอวเธอมือของเขายังกุมมือเธอไว้แน่น…แน่นในแบบที่เหมือนกลัวว่าเธอจะหายไป ถ้าเผลอหลับอีกครั้งเสียงลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ ช้า… อบอุ่น… และใกล้มาก มากจนเธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นเบาๆ เคล้าไปกับของตัวเองอัยย์รู้สึกเหมือนทั้งร่างจะระเบิด ไม่ใช่เพราะตกใจแต่เพราะความเขินมันพุ่งจนแทบกลายเป็นไอ!!!นี่เรานอนแบบนี้กับเขาทั้งคืนเลยเหรอ!?โอ๊ยยยย… แค่คิดก็หน้าร้อนจนแทบระเบิดเป็นพลุ!เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสายตาเธอเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้าของเขา ใบหน้าหล่อเข้มที่ดูสงบขณะหลับ ขนตาเรียงสวย ริมฝีปากนิ่งเฉย และแววตาที่ยังปิดอยู่เขาหล่อชะมัด...ยิ่งนอน
บ้านไม้โบราณหลังใหญ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนชาเขียวขจี แม้จะผ่านกาลเวลามาหลายสิบปี แต่ทุกเส้นสายของสถาปัตยกรรมยังถูกดูแลไว้ราวกับหยุดเวลาเอาไว้ที่วันแรกกลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบชาถูกต้มจนเดือดเบาๆ คลุ้งไปทั่วห้องชายชราร่างผอม ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยนั่งอยู่หลังชุดน้ำชา มือที่เคยแน่นิ่งกลับสั่นเล็กน้อยขณะรินชา แต่เสียงของเขายังคงราบเรียบ แม้จะฟังดูคล้ายกับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่“...ไม่คิดเลยนะ ว่าแกจะยอมกลับมาเหยียบที่นี่อีก”น้ำเสียงแหบพร่า แฝงทั้งแปลกใจและไม่ไว้ใจ ขณะที่ชายอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ยกถ้วยชาขึ้นมาหมุนเบาๆ ในมือเขาเป็นชายหนุ่มในชุดเชิ้ตสีดำสนิท ติดกระดุมเรียบร้อยถึงลำคอ ราวกับจงใจปิดทุกความรู้สึกไว้ใต้ความสุภาพแต่แค่สบตา... ก็รู้ได้ทันทีว่า‘สุภาพ’ ไม่ได้แปลว่า ‘ปลอดภัย’ดวงตาสีเทาน้ำเงิน ของเขาดูจะขัดกับบรรยากาศสงบสุขของห้องเพราะในแววตาคู่นั้น... มีรอยยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่เหมือนงูเห่า—เงียบ แต่พร้อมฉกเสมอซันชายหนุ่มผู้หายสาบสูญจากวงการมาเฟียไปนานเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาวันนี้... เขากลับมาแล้วพร้อมกับลมหายใจของสายลมแปลกประหลาด ที่ไม่ได้หอบเพียงความคิดถึง...แต่หอบภัยมาด้วย
☀️ เช้าวันนั้นแสงแดดอ่อนส่องลอดผ่านใบไม้ในสวนหน้าคฤหาสน์ แสงและเงาเล่นล้อกันบนทางเดินโรยกรวดเล็กๆ อากาศเย็นกำลังดี เหมาะกับการพาหมาเดินเล่น...และเหมาะกับใครบางคน ที่ต้องการ ‘เฝ้ามอง’ บางอย่างฉันจูงสายจูงของไทกะ เจ้าหมาตัวเล็กเดินส่ายหางไปมา ดูเหมือนจะอารมณ์ดี ...แต่ดวงตากลมแหลมนั้นกลับกวาดมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง เหมือนมันรู้ดีว่า โลกของเจ้านายตัวเอง…ไม่เคย ‘ปลอดภัยจริงๆ’“เราจะไปคาเฟ่นะ ไทกะ”ฉันยิ้มให้กับท่าทางกล้าหาญเกินตัวของเจ้าตัวจิ๋ว มือหนึ่งถือสายจูง อีกมือเปิดประตูเล็กข้างรั้วคฤหาสน์ เดินออกมายังถนนด้านข้าง... ที่มีร้านกาแฟเปิดใหม่ตั้งอยู่🌿 คาเฟ่ริมรั้วร้านตกแต่งสไตล์มินิมอล เรียบง่าย แต่สบายตา มีโต๊ะไม้สีอ่อนตั้งอยู่ตรงสวนหย่อมด้านหลัง พร้อมเสียงนกเบาๆ กับกลิ่นหอมของกาแฟที่ลอยมาในอากาศฉันสั่งกาแฟร้อนหนึ่งแก้ว แล้วเลือกโต๊ะเงียบๆ มุมสวน ไทกะนั่งข้างเก้าอี้อย่างสงบ แต่หางยังไม่หยุดกระดิก ตาเจ้าตัวยังจับจ้องคนเดินผ่านไปมา ไม่วางใจใครง่ายๆ เลยฉันเปิดไอแพด ตั้งใจจะอ่านมังงะชิลๆ ...แต่ยังไม่ทันได้เลื่อนหน้าแรกของตอนใหม่ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังฉัน เสียงทุ้มต่ำ นุ่มลึก
☀️ วันนี้อากาศดีมาก~อาหารเย็นวันนี้มีแต่เมนูที่ฉันชอบมาก ไม่ว่าจะเป็นหมูสามชั้นย่างหนังกรอบ ต้มแซ่บซี่โครงอ่อน ยำวุ้นเส้นทะเลแซ่บ ไข่เจียวฟูหนานุ่ม เสียงจานช้อนกระทบกันเบาๆ เคล้ากับเสียงหัวเราะคิกคักของฉันกับอัยย์ข้าวก็อร่อย~เพื่อนก็ไม่บ่น~หมาก็เฝ้า~ชีวิตมันควรจะสงบสุขสุดๆ แล้วใช่ไหม!?จนกระทั่ง...“อัยย์ แกลองกินนี่ดิ อร่อยมากกก!”ฉันตักหมูสามชั้นย่างร้อนๆ ราดน้ำจิ้มจัดจ้านลงจานเพื่อนสุดที่รัก ก่อนจะหันไปอีกฝั่ง ที่มีตัวเล็กตัวนึงนั่งมองตาแป๋วอยู่ใต้เก้าอี้“ไทกะ! อย่าจ้องแบบนั้นน่า เดี๋ยวให้กินนะๆ”ฉันหัวเราะเบาๆ ขณะเจ้าหมาตัวจิ๋วกระดิกหางรัว อัยย์เองก็กำลังเคี้ยวข้าวด้วยหน้าตาสุขสงบทุกอย่างดูปกติ…เหมือนวันธรรมดาในโลกที่ปลอดภัยจนกระทั่ง—🚪 “ปัง!”เสียงประตูบ้านเปิดกระแทกอย่างไม่ให้ตั้งตัวทั้งฉัน อัยย์ และแม้แต่ไทกะ... หยุดขยับในเสี้ยววินาทีเดียวกันร่างสูงในชุดสูทสีดำผมยุ่งเล็กน้อยเหมือนเพิ่งออกจากรถแบบไม่หยุดส่องกระจกแต่ที่ชัดที่สุด...คือดวงตาคมกริบที่จ้องตรงมาที่ฉัน“เรย์จิ?”ฉันชะงักช้อนในมือเฮ้ย...นายมาด้วยโหมดมาเฟียพิโรธทำไมวะ!? 😱💥เขาเดินเข้ามาแบบไม่พูดแม้แต่คำ ส
ฉันนั่งอยู่บนเตียง หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ มือกำชายเสื้อแน่นจนชื้นเหงื่อ ขณะที่เรย์จิกำลังปลดเนกไทของเขา…ทีละชั้น…อย่างใจเย็น“เธอไม่ต้องกลัว” เขาพูดเสียงเบา ขณะเดินเข้ามาหาฉันช้าๆ“ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ”“ฉันไม่ได้กลัว…” เสียงของฉันสั่นเล็กน้อย“แต่ฉัน…ไม่เคย”เขาชะงัก ก่อนจะนั่งลงข้างฉันบนเตียง มืออุ่นๆ ของเขาสอดมาใต้มือฉัน กุมไว้แน่น“งั้น… ให้ฉันเป็นคนแรก”ประโยคนั้นแผ่วเบา…แต่ร้อนวาบไปถึงใจริมฝีปากของเขาแนบลงบนหน้าผากฉันอย่างแผ่วเบา แล้วค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมา…จูบลงที่ปลายจมูก และในที่สุด…ริมฝีปากนั้นก็แตะลงที่ริมฝีปากของฉันจูบของเขา…ไม่เร่งเร้า ไม่ดุดัน แค่จูบ…ลึก อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเอ่ยเป็นคำพูดฉันไม่รู้ว่าจูบของคนอื่นเป็นแบบไหนแต่สำหรับเรย์จิ…มันเหมือนกับเขากำลังถ่ายทอด ‘หัวใจ’ ทั้งหมด…มาให้ฉันมือของเขาวางบนหลังฉัน ค่อยๆ ดึงฉันเข้าไปใกล้ กลิ่นหอมจางๆ จากกายเขาแทรกเข้ามาในทุกลมหายใจริมฝีปากที่กดซ้ำอีกครั้ง คราวนี้หนักขึ้น…นุ่มลึกขึ้น… จูบของเขาเปลี่ยนจากคำปลอบโยน…กลายเป็นการขออนุญาตที่ไม่มีคำพูดปลายนิ้วไล้ไปตามแก้มนวลของฉัน เลื่อนต่ำลงมาตามซอกคอ แผ่วเบารา
🌿 ขณะเดียวกัน — ในสวนข้างคฤหาสน์ที่เงียบสงบอัยย์กำลังเดินจูงไทกะไปตามทางเดินหินใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมยามค่ำพัดเบาๆ ทำให้ใบไม้ไหวเหมือนกระซิบ คินเดินตามหลังห่างเพียงไม่กี่ก้าว ไม่มีบทสนทนา ไม่มีคำพูดมีแค่ความเงียบ…และความรู้สึกบางอย่างที่อัยย์รู้สึกได้จากแผ่นหลังเธอทันใดนั้น—“โฮ่ง…” ไทกะเห่าเบา ๆมันเงยหน้าขึ้นมองไปยังชั้นบนของคฤหาสน์อัยย์หันตาม...และคินก็เงยหน้าขึ้นไปในจังหวะเดียวกันเงาสองร่างในห้องของเรย์จิ ทาบซ้อนกันอยู่หลังม่านโปร่งสีขาว ก่อนที่ไฟในห้องจะดับลง...เงียบงันอัยย์กะพริบตาปริบๆแก้มเริ่มร้อนวูบวาบอย่างห้ามไม่ได้ขณะที่คิน…ยกยิ้มมุมปากเบา ๆ อย่างรู้ทันเพื่อนรักของตัวเองนี่ไอ้มาเฟียนั่นกินเพื่อนฉันแล้วสินะ…เธอคิดในใจแทบจะพ่นไฟออกจากหู แต่ปากยังทำเป็นนิ่ง…แม้ใจเต้นแรงกว่าไทกะตอนเห็นแมวและในจังหวะที่เธอกำลังดึงสติ—“ดูเหมือน...เรย์จิจะได้ ‘เมีย’ จริงๆ ซะที”เสียงทุ้มของคินดังขึ้นข้างหลังเธอ น้ำเสียงเรียบ…แต่แฝงรอยหยอกยิ้มแบบโคตรกวน“นี่นาย!! พูดตรงไปแล้ว!”อัยย์หันขวับมา แก้มแดงจัด มือกำเสื้อแน่น“ทำไม? ฉันพูดเรื่องจริง” คินหันมาสบตาเธอ ดวงตาคมเข้ม…มองลึกจนเธอแทบหายใจไม
แสงแดดอ่อนส่องลอดผ้าม่านเข้ามา ฉันรู้สึกได้ถึงไออุ่นบางอย่างที่โอบล้อมอยู่รอบตัว มือที่แนบกับหน้าท้องขยับเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกว่าร่างฉัน…แนบกับร่างของใครอีกคน“อรุณสวัสดิ์” เสียงทุ้มต่ำติดแหบเอ่ยแผ่วเบาข้างหู“เรย์จิ…” ฉันกำลังจะขยับหนี แต่แขนแข็งแรงที่โอบอยู่รอบเอวฉันกลับกระชับแน่น เขากอดฉันจากด้านหลัง แก้มเขาแนบกับเส้นผมฉัน กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเขา…ยังเป็นกลิ่นเดียวกับเมื่อคืน“อยู่เฉยๆ” เขาพูดเสียงนิ่ง“ฉันยังไม่อยากให้เธอลุกไปไหน” ริมฝีปากของเขาแตะแผ่วเบาที่ไหล่ฉันรู้สึกได้ถึงไอร้อนบนผิวที่ยังคงหลงเหลือจากเมื่อคืน จุดรอยแดงบางจุดตามลำคอยังรู้สึกเจ็บเบาๆ“เมื่อคืน…”“เมื่อคืนดีมาก” เขาตัดบทด้วยการจูบที่หลังไหล่ฉัน เสียงของเขาราบเรียบ แต่ร้อนผ่าว“และจะมีอีก…ถ้าเธอยังทำหน้าตาน่ารักแบบนี้ตอนตื่น”“ฉันไม่ได้—”“ชู่ว์…” เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น“อย่าเถียงแต่เช้าเลยนะ”ฉันได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นชัดเจนจากด้านหลัง จังหวะมั่นคงและอบอุ่น“เรย์จิ…”“หืม?”“…เมื่อวาน ฉันไม่ได้ฝันใช่ไหม?”เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพลิกตัวฉันให้หันหน้ามาหา แล้วสบตาฉันในระยะใกล้ชิด“เธอฝันแน่…เพราะความจริงมันหวานกว่
ด้านของซัน| สถานที่ลับแถบชายแดนกลิ่นยาฆ่าเชื้อแรงฉุนแตะจมูกจนแสบจมูกเสียงเครื่องวัดชีพจรดัง ‘ติ๊ก…ตัก… ติ๊ก…ตัก…’ อย่างสม่ำเสมอ ห้องพยาบาลขนาดเล็กในโกดังร้างที่ชายแดนถูกปรับให้กลายเป็นห้องพักฟื้นชั่วคราว แสงไฟฟลูออเรสเซนส์กะพริบแผ่วเบา ทำให้ทั้งห้องดูซีดเซียวเหมือนผู้ป่วยที่นอนอยู่ในนั้นร่างของซันนอนพิงหัวเตียง แขนข้างที่เคยถูกกระสุนเจาะพันผ้าแน่นหนา สีหน้าซีดเผือดจากพิษไข้และบาดแผล เสื้อนอนเปิดแง้มเผยให้เห็นรอยฟกช้ำตลอดลำตัว ราวกับเพิ่งผ่านนรกมาแต่…“ตึก…ตัก… ตึก…ตัก…”หัวใจของเขายังเต้นแรง และแววตาของเขา…ยังสว่างวาบ ไม่ใช่เพราะไฟบนเพดาน แต่เพราะเพลิงแค้นที่ยังเผาอยู่ในอกประตูเหล็กเปิดออก พร้อมเสียงบานพับลั่นเบา ๆชายแว่นในชุดสูทดำก้าวเข้ามาอย่างเงียบกริบ ท่าทางเหมือนคนเคยผ่านการอยู่ใกล้คนอารมณ์อันตรายมาเป็นร้อยรอบ“ร่างกายคุณฟื้นตัวได้เร็วเหมือนเดิมนะครับ” เขารายงานเสียงเรียบ สายตาไม่กล้าประสานตรง“ “แต่…ตอนนี้แก๊งพันธมิตรหลายกลุ่ม เริ่มหันหลังให้เราแล้วครับ”“ข่าวคุณแพ้เรย์จิ...มันแพร่ไปไกลกว่าที่คาด”ซันหัวเราะในลำคอ เสียงแหบแห้ง แต่เย็นเฉียบจนเหงื่อเย็นผุดหลังคอผู้รายงาน“ก็
หนึ่งเดือนผ่านไปบนเกาะคุโรซาวะ เวลาที่เคยเหมือนลอยผ่านอย่างช้า ๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นจังหวะของลมหายใจเพราะทุกเช้า...มีเสียงปืนฝึกทุกเย็น...มีเหงื่อไหลบนแผ่นหลังและทุกค่ำคืน...มีเสียงหัวใจที่เต้นแรงกว่าเก่ามินาเอะ—เด็กสาวจอมเนิร์ดที่คอยเอาแต่จับจอยเกมแทบไม่ยอมออกกำลังกายให้เปลืองพลังงานวันนี้กลับยืนหอบเบา ๆ ในชุดเทรนนิ่งรัดรูป เสื้อพับแขนเอวลอยแนบเข้ากับร่างเพรียวกระชับ ผมถักเปียครึ่งหัวแบบลวก ๆ หยาดเหงื่อไหลซึมตามไรผม...แต่ในแววตาของเธอมีแต่ความมั่นใจปัง! ปัง! ปัง!เสียงกระสุนปลอมจากปืนฝึกดังก้องกลางลานหิน เป้าจำลองตรงต้นไม้เบื้องหน้า...ถูกยิงเข้ากลางจุดทุกนัดอย่างแม่นยำ“เข้ากลางเป้า 6 นัดรวด”เสียงทุ้มของเรย์จิดังขึ้นจากด้านหลัง เขายืนพิงต้นไม้ แขนกอดอก มองเธออย่างเงียบ ๆในดวงตาคมคู่นั้นมีบางอย่างเปลี่ยนไป…บางอย่างที่เรียกว่า ‘ความภูมิใจ’“ถ้าเป็นเกม...เธอคงได้เพอร์เฟกต์คอมโบแล้วล่ะ”มินาเอะหันขวับ ยิ้มกว้างไม่เกรงใจบอสมาเฟียแม้แต่น้อย“ถ้าฉันยิงพลาด…ฉันก็ไม่คู่ควรเป็น ‘เมียบอส’ หรอกเนอะ~”เรย์จิเลิกคิ้วน้อย ๆ รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างห้ามไม่ได้“พูดแบบนี้…ระวังโดนลากไป
ลมทะเลยามเย็นพัดเอื่อยท้องฟ้าสีทองละมุนระบายเส้นขอบฟ้า เงาของคลื่นสะท้อนประกายกับเสี้ยวแสงสุดท้ายเรย์จิมองใบหน้าของมินาเอะเงียบ ๆ ขณะที่เธอยังหลับตาอยู่ หลังจากจูบที่เต็มไปด้วยความแผ่วเบาแต่นุ่มลึก เขาไม่พูดอะไร แค่มองเธออย่างเงียบงัน…ราวกับกำลังจดจำเธอในช่วงเวลานี้เมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอเจอสายตาของเขา นิ่ง ลึก และอบอุ่นเกินกว่าจะต้าน เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอไว้แน่น สอดนิ้วเข้ากับมือเธอช้าๆ“เข้าห้องกันเถอะ...”คำพูดธรรมดา แต่เสียงของเขาทำให้เธอหัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด เธอพยักหน้าเบาๆ…โดยที่รู้ดีว่าการเข้าห้องครั้งนี้ จะไม่มีคำว่า ‘นอน’✩₊˚🧸.⋆☾⋆⁺₊💤✧ห้องพักสว่างด้วยแสงสีส้มจากโคมไฟหัวเตียง ผ้าม่านไหวเบา ๆ รับลมจากทะเล และเสียงคลื่นไกล ๆ …คือเพียงพื้นหลังของค่ำคืนที่กำลังจะเริ่มต้นเรย์จิยืนอยู่ตรงหน้าเธอ มือเขาเอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อของเธออย่างช้า ๆ ไม่มีความเร่งรีบ ไม่มีความหยาบ มีเพียงสายตาที่มองเธอเหมือน…เธอคือสิ่งที่เขาอยากทะนุถนอมที่สุดเมื่อเสื้อเชิ้ตตัวบางของเธอหลุดจากไหล่ เขาก็ก้มลงจูบซอกคอเบา ๆ สัมผัสของเขานุ่ม…แต่แฝงด้วยความวาบหวามที่ทำให้ขาเธอสั่น“ฉันจะไม่รีบ” เขากระซิบ“
เสียงเรือห่างออกไปทีละน้อย ละอองน้ำที่ฟุ้งจากแรงใบพัดยังลอยค้างอยู่กลางอากาศ เหมือนฝันร้ายที่ยังไม่จางแต่สำหรับเรย์จิ…นั่นไม่ใช่ฝันเลยมันคือ “เรื่องจริง” ที่เขาจะไม่ลืม“ซัน…!!”เสียงตะโกนสุดแรงถูกคลื่นแม่น้ำกลืนหายไปอย่างเย็นชาเรย์จิกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นขมับ ดวงตาแดงก่ำ สั่นด้วยโทสะที่ไม่อาจระบาย และความเจ็บที่กัดกินอยู่ข้างในเขาไม่ได้แค่โกรธ—เขาเจ็บ…และเขาแค้นเสียงฝีเท้าดังขึ้นถี่ๆ ก่อนที่คินจะโผล่พรวดเข้ามาทางระเบียง พร้อมลูกน้องอีกสองคนเขาชะงัก เมื่อเห็นเรย์จิยืนอยู่คนเดียว เงียบ…และทรงพลังเหมือนภูเขาที่พร้อมจะถล่ม“บอส…”“เขาหนีไปได้”เสียงเรย์จิพูดเบา แต่เย็นจัด ราวกับถูกกลั่นมาจากก้นบึ้งของความอดกลั้น น้ำเสียงนั้น…เหมือนจะนิ่ง แต่กลับแฝงแรงระเบิดที่ยังไม่ถูกจุด“เขาหนีไปทั้ง ๆ ที่ฉันอยู่ตรงนั้น”“ทั้ง ๆ ที่เธออยู่ตรงนั้น…”คินไม่ตอบ เขาเข้าใจ เพราะถ้าเป็นเขา…เขาก็คงคลั่งเหมือนกัน“ล่าเลยไหมครับ?”คำถามเบา ๆ ถูกเปล่งออกด้วยน้ำเสียงของลูกน้องที่พร้อมลุยทันทีแต่เรย์จิกลับส่ายหน้า ก่อนจะพูดช้า ๆ ลึกและหนักแน่นกว่าคำสั่งใด ๆ“ไม่…ฉันต้องดูแลเธอก่อน”เขาหันกลับเข้าไปใน
ภายในห้องนอนที่มืดสลัว แสงไฟจากโคมข้างเตียงสาดแสงสีอำพันทาบไล้ลงบนร่างหญิงสาวที่กำลังดิ้นรนสุดแรง มินาเอะหอบหายใจถี่ ใบหน้าแดงจัดทั้งจากแรงอารมณ์และความตื่นตระหนกที่เกาะกุมอยู่ในอก เธอผลักอกของซัน ผลักแขน ดันไหล่ แต่ร่างสูงกลับไม่ไหวติงแม้แต่น้อยเสื้อเชิ้ตของเธอหลุดรุ่ยจากไหล่ ผ้าบางๆ แทบไม่เหลือประโยชน์อะไรอีก แขนเสื้อข้างหนึ่งห้อยลงข้างลำตัว เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวละเอียดที่มีรอยแดงจางๆ จากจูบของเขาแทรกอยู่บนพื้นไม้ข้างเตียง บราเซียร์ลูกไม้สีครีมถูกปลดและทิ้งลงอย่างไม่ใยดี แพนตี้ผ้าลูกไม้สีพาสเทลนุ่มนิ่มขยุ้มอยู่ไม่ไกล—ราวกับเป็นหลักฐานของความสิ้นท่าทางกายที่เธอไม่อาจปกป้องไว้ได้อีกต่อไปร่างของซันโน้มลงมาจากด้านบน แขนแข็งแรงยันกับที่นอนข้างศีรษะเธอ แผ่นอกเปลือยเปล่าของเขาแนบชิด เธอได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำ ร้อนแรงและดิบดุดันลมหายใจของเขาเป่ารินอยู่ข้างแก้ม ขณะที่ข้อมือเล็กบางของเธอถูกกดตรึงเหนือศีรษะ—แน่นจนไร้ทางหนี แผ่นหลังของมินาเอะแนบชิดผ้าปูเตียงที่เย็นเยียบ ผิวเปลือยสั่นไหวใต้แรงอารมณ์ที่กำลังก่อตัวเหนือร่างเธอ“ปล่อย…ฉันบอกให้ปล่อย!”เสียงของเธอสั่น เธอดิ้นสุดแรง พยายาม
ถนนเลียบทะเล / เวลา 04:23 น.รถ SUV สีดำพุ่งทะยานนำขบวน เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำ ล้อรถกระแทกพื้นคอนกรีตเก่าอย่างดุดัน ถนนแคบเลียบหน้าผาเต็มไปด้วยหมอกทะเลและกลิ่นไอเค็มจาง ๆ แต่ไม่มีอะไรจะหนาวเหน็บไปกว่าสายตาของชายที่นั่งบนเบาะหน้าเรย์จินั่งนิ่ง แต่ดวงตาคมเฉือนอากาศเหมือนกระสุน เบาะหลัง—ไทกะ ยืนสองขาพาดหน้าต่าง กระจกเป็นฝ้าเพราะลมหายใจร้อนของมัน ร่างเล็กสั่นกระตุกจากแรงเห่า มันพร้อมจะพุ่งตัวออกไป...หากประตูเปิด📲 “บอสครับ! มีรถลาดตระเวนสองคันของแก๊งวายุ สกัดถนนช่วงหน้าผา!”“ไม่หลบใช่ไหม?” เสียงเขานิ่งจนขนลุก“ไม่ครับ...พวกมันหันปืนใส่แล้ว”เรย์จิหรี่ตา แสงไฟหน้ารถสาดไปยังชายสองคนที่ยืนอยู่ท้ายกระบะพร้อมปืนกลที่ติดตั้งขึ้นเขายกวิทยุขึ้นแนบปาก“ยิงยาง”ปัง! ปัง!เสียงปืนจากรถคันหลังดังสนั่น กระสุนเฉือนผ่านยางรถศัตรูอย่างแม่นยำ เสียงยางระเบิดดังลั่นตามด้วยเสียงรถหมุนคว้างชนเข้ากับต้นสนข้างทางสองคนที่ถือปืนกระโจนหลบลงพงหญ้าแทบไม่ทัน แต่รถของเรย์จิ... ไม่ชะลอแม้แต่เสี้ยววินาที มันพุ่งทะยานผ่านกลุ่มควัน เหมือนหัวใจของเจ้าของรถที่ตอนนี้ไม่รู้จักคำว่าลังเลคินเหลือบกระจก ส่ายหน้าเบา ๆ“หึ…
🕶️ คฤหาสน์คุโรซาวะ, 03:42 น.ลมยามดึกพัดแรงกว่าทุกคืน เสียงใบไม้สั่นไหวไม่ต่างจากความตึงเครียดในอากาศกลางลานหน้าคฤหาสน์ ไฟจากรถหลายคันสาดส่องลงบนพื้นกรวดอย่างแข็งกร้าว ลูกน้องในชุดยุทธวิธีเคลื่อนพลประจำจุด ปืนในมือขึ้นลำเรียบร้อย เสียงสนทนาทางวิทยุแทรกเป็นระยะ ท่ามกลางแผนที่ดาวเทียมที่กำลังวางอยู่บนฝากระโปรงรถ SUV คันหนึ่ง“ทีม A เข้าทางตะวันออก ทีม B ล็อคแนวป่า ทีม C รอคำสั่งตีวงด้านหลัง...”เสียงของคินดังแน่นอนขณะออกคำสั่งแบบไม่เปิดช่องผิดพลาดทุกอย่างดูเหมือนจะพร้อมสำหรับการปะทะ ทุกอย่าง…ยกเว้นเสียง “โฮ่ง!”จากตัวแสบหนึ่งตัว“โฮ่ง โฮ่ง! โฮ่งงงง!!”เสียงเห่าดังลั่นของไทกะ เจ้าชิบะอินุตัวเขื่อง พุ่งวนรอบรถของเรย์จิอย่างคึกคักมันวิ่งวนเหมือนบอกโลกว่า ‘ฉันจะไปด้วย!!!’“ไทกะ กลับเข้าไป”เสียงเรียบเย็นของเรย์จิดังขึ้น ขณะเขาเปิดประตูจะขึ้นรถแต่ไทกะไม่ฟังสักนิด มันกระโดดขึ้นเบาะหลังอย่างว่องไว หันไปคาบตุ๊กตามินิของมินาเอะจากเบาะรถมากัดแน่น!จากนั้นนั่งนิ่ง...ในท่าบอดี้การ์ดสุดขีดคินที่มองอยู่จากฝั่งตรงข้ามถึงกับหลุดหัวเราะในลำคอ“บอสครับ…มันขึ้นไปนั่งแล้วอะ”“มันเล่นใหญ่กว่าพวกเราอี
🏚️ บ้านพักริมทะเล — เวลาประมาณ 20.45 น.ฝนหยุดตกไปแล้ว แต่เสียงคลื่นยังคงซัดกระทบหน้าต่างอย่างต่อเนื่อง ลมทะเลเย็นเฉียบ พัดผ้าม่านให้พลิ้วเบาในห้องไม้ที่ไร้ความอบอุ่นมินาเอะนั่งอยู่บนโซฟา ผ้าห่มผืนบางคลุมไหล่ แสงจากโคมไฟหัวเตียงสาดลงมาเพียงพอให้เห็นว่า...เธอไม่ได้กลัวอีกต่อไปไม่เหมือนเมื่อคืนตอนนี้ ดวงตาของเธอไม่ได้ไหวไหวด้วยความตกใจ หรือหวาดระแวง แต่มัน ‘นิ่ง’ และ ‘คิด’คิด—อย่างหนัก คิดทุกทางที่จะออกจากที่นี่ให้ได้‘นายล็อกฉันไว้ แต่ไม่ได้ล็อกสมองฉันซะหน่อย’เธอพึมพำในใจ ก่อนจะเหลือบตามองโต๊ะกลางห้องที่วางของบางอย่างไว้โดยไม่ได้ตั้งใจมือถือของซันเขาเพิ่งเดินออกไปเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อน บอกเพียงว่า “จะไปทำอาหารเย็น” น้ำเสียงยังนุ่มนวล รอยยิ้มยังเหมือนเดิม…แต่ประตูก็ยังล็อกจากด้านนอกตามระเบียบหน้าต่าง? เปิดไม่ได้มือถือของเธอ? แน่นอนว่า...ไม่มีแต่มือถือของเขา…วางอยู่ตรงนั้นซึ่งปกติเขาจะไม่เคยลืมมันเลย แต่เพราะมีสายโทรเข้า และเขากำลังทอดเนื้ออยู่ — เขาจึงรีบวางมันทิ้งไว้แบบไม่ทันคิดสมองของเธอทำงานเร็วกว่าคลื่นทะเลที่ซัดเข้าฝั่งเสียอีกนายคงไม่รู้สินะ…ว่าฉันมันเด็กสายเทคฉันค
วันนั้น…ฝนตกไม่ใช่ฝนที่เทกระหน่ำจนเปียกโชกทั้งตัว แต่เป็นฝนโปรยเบา ๆ ที่คล้ายม่านหมอกพรางทุกสิ่งให้ดูเลือนรางแม้แต่ความคิดของฉัน...“อัยย์ เดี๋ยวฉันไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแป๊บนะ”“เออ รีบไปรีบมานะเฟ้ย” เสียงเพื่อนสาวตะโกนไล่หลังฉันกางร่ม เดินลงจากคณะโดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า นั่นคือ ‘วินาทีที่ฉันคิดผิดที่สุดในชีวิต’ในมือฉันถือโทรศัพท์ ก้มดูรายการของที่อัยย์ฝากซื้อ ขณะเดินลัดสนามเปียกชื้นผ่านซอกตึกไปยังถนนใหญ่ทันใดนั้น...เงาร่มอีกคันหนึ่งก็ยื่นเข้ามาทาบทับจากด้านข้าง บังสายฝนที่โปรยลงบนหัวฉันอย่างแนบเนียน พร้อมกับเสียงทุ้มเรียบเย็นดังขึ้นข้างหู“มาคนเดียวแบบนี้...ไม่กลัวเหรอครับ?”ฉันสะดุ้ง หันขวับไปทันที แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร—หมับ!มือแข็งแรงคว้าข้อมือฉันแน่น กลิ่นฉุนของยาบางอย่างพุ่งเข้าจมูก รุนแรงจนสมองมึนงงแทบจะทันที โลกทั้งใบเหมือนถูกดับแสงลงในพริบตา……“ตื่นแล้วเหรอครับ?”เสียงนุ่มนวลนั้นยังคงฟังดูอ่อนโยน แต่บรรยากาศโดยรอบกลับไม่อบอุ่นเหมือนเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อยฉันพยายามลืมตา โลกหมุนเบา ๆ กลิ่นทะเลจาง ๆ ลอยมาแตะปลายจมูก อากาศเย็นชื้นบอกให้รู้ว่าไม่ใช่ห้องในคอนโดที่ฉันอ