เขาให้คนไปสืบเรื่องราวในอดีตของมินตรา ไม่นานนัก คนของเขาก็ติดต่อกลับมาพร้อมข้อมูล และหนึ่งในนั้นคือเบอร์ติดต่อของชายชราผู้เคยเป็นเจ้าหน้าที่ประจำค่ายอาสาเมื่อหลายปีก่อน คนที่ยังคงอยู่ และยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้“ผมจำได้ดีครับ” เสียงชายชราในสายโทรศัพท์พูดอย่างหนักแน่น“เด็กผู้หญิงคนนั้นตัวเล็ก ๆ แต่กล้าหาญมาก เธอกระโดดลงไปช่วยเด็กชายคนนั้นโดยไม่ลังเล ทั้ง ๆ ที่ตัวเองว่ายน้ำได้ไม่แข็งเท่าไหร่เลยนะครับ”ธีรัชนิ่งฟัง ไม่พูดแทรกแม้แต่นิดเดียว“ตอนนั้นเราต้องรีบลงไปช่วยพวกเขาทั้งคู่” ชายคนนั้นเล่าต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจ“แต่เด็กหญิงคนนั้นน่ะ เป็นคนคว้าแขนเด็กชายไว้ก่อน ถ้าไม่มีเธอ เด็กคนนั้นคงจมน้ำไปแล้วแน่ ๆ”เหมือนทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหวเขานั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน ท่ามกลางแสงสลัวจากโคมไฟบนโต๊ะ ภาพถ่ายเก่า ๆ ใบหนึ่งวางอยู่ตรงหน้า เป็นภาพที่คนของค่ายส่งมาให้หลังจากขอค้นแฟ้มเอกสารเก่าภาพของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ยืนยิ้มอยู่หน้าเต็นท์กลางป่า ผมยาวถักเปียทั้งสองข้าง และที่ปลายเปีย มีโบสีฟ้าผูกไว้ธีรัชจำโบเส้นนั้นได้ เขาจำได้ทุกอย่าง แม้มันจะเคยเลือนรางอยู่ในความทรงจำ แต่เมื่อเห็นภาพนี้ มันกลับช
พิมพ์นารารู้ดีว่า เธอไม่ได้เข้าหาเขาเพื่อขอความเมตตา หรือเรียกร้องความรักแต่อย่างใด เธอแค่ต้องการเอาชนะมินตราผู้หญิงที่ชอบทำตัวน่ารัก อ่อนโยน จนใคร ๆ ก็พากันเทใจให้ในขณะที่เธอกลับไม่มีแม้แต่แสงสว่างที่สาดมา ไม่มีใครสาดส่องที่เธอเลยเธอกลับมาเพื่อ "ยึดคืน" ทุกอย่างที่เคยเป็นของมินตรา แม้จะต้องจัดฉาก บิดเบือน หรือทำให้ใครบางคนต้องหายไปจากชีวิตของธีรัช พิมพ์นาราก็ไม่สนใจเพราะในสายตาของเธอ...โลกใบนี้มีเพียงผู้ชนะกับผู้แพ้ และเธอไม่มีวันยอมเป็นฝ่ายหลังแน่นอน“พิมพ์นี่โชคดีจริง ๆ” แพรวา เพื่อนสนิทของเธอยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ“เธอเป็นทั้งรักแรกของคุณธีรัช แถมยังเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาอีก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงรักเธอขนาดนี้”พิมพ์นาราหัวเราะเบา ๆ พลางยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ดวงตาเป็นประกาย แม้ดวงตาจะเริ่มแดงก่ำเหมือนคนเมา“ก็แน่นอนสิ ฉันเป็นคนสำคัญของเขามาตั้งแต่เด็กนี่นา”แพรวาหัวเราะตาม ก่อนจะเอนตัวเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางอยากรู้“แล้วตอนนั้นมันเป็นยังไงเหรอ? ตอนที่เธอช่วยเขาที่น้ำตกน่ะ”พิมพ์นาราหัวเราะอีกครั้ง แต่ครั้งนี้… แววตาของเธอกลับมีประกายบางอย่างที่ยากจะอ่านออก“ก็คงน่าประทับใจล่ะมั้ง” เธ
ธีรัชไม่รู้เลยว่า ในวินาทีที่เธอเดินออกไป เธอไม่ได้ไปเพียงลำพัง เธอกำลังพาลูกของเขาไปด้วย ลูกที่เธอจะปกป้องด้วยชีวิตในคืนเดียวกันนั้นเอง...เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานลอยคลอไปทั่วร้านอาหารกึ่งบาร์สุดหรูย่านใจกลางเมือง แสงไฟระยิบระยับสะท้อนผ่านแก้วไวน์และเครื่องประดับราคาแพงของแขกเหรื่อตามโต๊ะต่าง ๆกลางร้าน ในโซนที่ดีที่สุด โต๊ะวีไอพีถูกจัดอย่างหรูหรา และมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอย่างโดดเด่นอยู่ตรงนั้นพิมพ์นาราสวมเดรสสีแดงเข้มเข้ารูปที่ขับผิวให้ดูเปล่งประกาย ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยสีไวน์เบอร์กันดี ดวงตาคมแต่งอย่างประณีตเปล่งประกายอย่างรู้ดีว่าทุกสายตาในร้านกำลังมองมาที่เธอเธอนั่งไขว่ห้างด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ข้างกายมีเพื่อนสาวรุ่นราวคราวเดียวกันอีกสองคนที่กำลังพูดคุยอย่างออกรสพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักธีรัชไม่ได้อยู่ที่นี่ เขากำลังยุ่งกับงานที่บริษัท และเธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน หรืออยู่กับใครเพราะสำหรับพิมพ์นารา... เธอมั่นใจว่าตัวเองคือ "ตัวจริง" ของเขา ไม่มีมินตราเข้ามาแทรกอีกต่อไปหลังจากจิบไวน์ไปหลายแก้ว เสียงหัวเราะของเธอก็ยิ่งสดใส ดวงตาที่เคยหม่นหมองตอนอยู่โรงพ
ไม่นานนัก มินตรายืนอยู่เงียบ ๆ หน้าห้องทำงานของธีรัช มือสองข้างของเธอกำแน่นอยู่ข้างลำตัว เธอพยายามบอกตัวเองให้หันหลังกลับ พาตัวเองเดินหนีไปจากตรงนี้ แต่ขาทั้งสองข้างกลับหนักราวกับถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ล่องหน ด้วยเรื่องที่พิมพ์นาราล้มไปยังค้างคาอยู่ จึงต้องกลับมาดูอาการของหญิงสาวอีกครั้งเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังลอดออกมาจากบานประตูที่ปิดสนิท เสียงที่เคยคุ้นหูและคุ้นหัวใจดีในอดีตเสียงของพิมพ์นารา..."พี่ธีรัชคะ พิมพ์อยากกินข้าวที่พี่ทำให้จังเลยค่ะ"น้ำเสียงออดอ้อนนั้นแฝงความคุ้นเคย และหว่านล้อมอย่างแนบเนียน"พิมพ์นี่เอาแต่ใจไม่เปลี่ยนเลยนะ"เสียงของธีรัชตอบกลับเบา ๆ มีรอยยิ้มแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น และนั่นก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกในใจของมินตราให้แหลกยิ่งกว่าเดิม"ก็พี่ธีรัชเคยทำให้พิมพ์เมื่อก่อนนี่นา พิมพ์ยังจำได้อยู่เลย"บรรยากาศภายในห้องคงเต็มไปด้วยความหวนคืนของความหลัง ขณะที่ผู้หญิงอีกคน ยืนฟังอยู่ข้างนอกอย่างไร้ตัวตนแล้วจู่ ๆ เสียงหวานของพิมพ์นาราก็เปลี่ยนไป"พี่ธีรัชคะ ไหน ๆ พิมพ์ก็กลับมาแล้ว ขออย่างนึงได้ไหมคะ"เงียบไปชั่วครู่ ก่อนเสียงเขาจะดังขึ้น"พิมพ์อยากได้อะไรครับ?"คำถามที่แฝงไปด้วยควา
เธอจะปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ไม่ได้ พิมพ์นาราไม่ใช่ผู้หญิงที่ยอมให้ใครมาแย่งสิ่งที่เป็นของเธอไป โดยเฉพาะคนอย่างมินตราเขาเป็นของเธอ ธีรัชต้องเป็นของเธอเท่านั้น!เธอเคยได้ทุกอย่างจากเขา และจะต้องได้คืนทั้งหมดอีกครั้งในเมื่อมินตรายังอยู่ เธอจะเป็นคน ‘จัดการ’ เองเพราะถ้าไม่ทำตอนนี้... เธออาจจะไม่มีวันได้เขากลับมาอีกเลยเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนเบา ๆ ดังขึ้นทีละก้าว ช้า ๆ แต่มั่นคง พิมพ์นาราค่อย ๆ ก้าวลงจากบันไดในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ที่ตัดเย็บอย่างประณีต รับกับผิวเนียนละเอียดของเธอราวกับนางฟ้าในเทพนิยาย แต่แววตาของเธอกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิงในดวงตาคู่นั้น ไม่มีแม้แต่เสี้ยวความบริสุทธิ์... มีเพียงความแน่วแน่ ปนรอยยิ้มบาง ๆ มุมปากที่บ่งบอกถึงแผนในใจอย่างชัดเจนและเมื่อสายตาของเธอทอดลงมายังห้องโถงเบื้องล่าง สิ่งที่เธอเห็นก็คือภาพของธีรัชนั่งอยู่บนโซฟาหนังสีเข้ม มือข้างหนึ่งถือถ้วยกาแฟ อีกข้างพลิกเอกสารอย่างเคร่งเครียด ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วเล็กน้อย ความเงียบในห้องมีเพียงเสียงกระดาษที่ถูกพลิกสลับกับเสียงนาฬิกาติดผนังพอดีเลย...เธอเหลือบสายตาไปยังอีกมุมหนึ่ง มินตรากำลังเ
คำว่า "คนรักของพี่" กระแทกใส่หัวใจของมินตราอย่างโหดร้ายพิมพ์นารา ผู้หญิงที่เขายังรัก เธอกลับมาแล้ว กลับมาเพื่อทวงคืนทุกอย่าง รวมถึงหัวใจของเขา... หัวใจที่เธอไม่เคยได้แม้แต่เศษเสี้ยวภาพในหัวผุดขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ภาพของธีรัชที่ยื่นมือประคองพิมพ์อย่างอ่อนโยนในห้องรับแขก ภาพของเขาที่นั่งหัวเราะเบา ๆ ขณะพูดคุยกับเธอบนโต๊ะอาหาร และภาพของเธอ ที่ได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ จากเงามืด โดยไม่มีใครรับรู้การมีตัวตนในบ้านหลังนี้ เธอก็ยังคงเป็น ‘คนที่ไร้ตัวตน’ อยู่ดีแม้แต่วันนี้ วันที่เธอกำลังแบกร่างเล็ก ๆ อีกหนึ่งชีวิตไว้ในท้อง เขาก็ยังไม่รู้ และไม่สนใจที่จะรู้มินตรากำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เธออยากปฏิเสธ อยากจะลุกขึ้นเดินไปบอกเขาเสียงดัง ๆ ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขาอยากจะตะโกนออกไปว่าเธอไม่ใช่ทาส! เธอไม่ใช่ ‘เครื่องมือ’ ในการแก้แค้นให้พี่ชายของเธอที่หนีไปแต่ความกล้าทั้งหมดของเธอกลับหายไป เหมือนถูกลมเย็นคืนนี้พัดพาออกจากหัวใจเพราะในท้ายที่สุด เธอเป็นเพียงคนที่ถูกจับมาอยู่ที่นี่ เพื่อ ‘ชดใช้’ แทนคนที่ทำผิดเธอไม่มีสิทธิ์ร้องไห้ ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะ ‘รัก’ ลูกของตัวเองอย่