'แต่พี่ไม่ได้ชอบเธอ' ‘เธอต้องรู้สึก-แบบนี้-แค่กับพี่คนเดียว’ NC 20++ | แนะนำผู้อ่านอายุ 20 ปีขึ้นไป
View MoreWanna be yours
บทนำ
กลางดึก
เข้าปีที่สองแล้วที่ นับดาว ได้มีโอกาสออกมาใช้ชีวิตอย่างจริงจังจากละแวกบ้านซึ่งอยู่แถบชานเมือง นับว่าเป็นโชคดีที่อย่างน้อยก็ได้เป็นรูมเมตร่วมห้องกับพี่ชายแท้ ๆ อย่าง นับคลื่น แต่หากพี่สาวต่างบิดาอย่าง นับทราย ไม่ซิ่วไปเรียนที่ต่างจังหวัดเสียก่อนเธอก็คงเลือกอยู่กับพี่ทรายมากกว่า เพราะนิสัยส่วนตัวพี่คลื่นใช่ว่าจะดีเหมือนหน้าตา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่คลื่น”
ร่างผอมเพรียวในสภาพมวยผมหลุดลุ่ยเพราะเพิ่งผละจากเตียงยืนกอดอกรอฟังการตอบกลับจากอีกฝั่งของบานประตูห้องนอนใหญ่ แม้จะอยู่ในสภาพงัวเงียแต่นัยน์ตาใสก็ตื่นตัวชำเลืองมองไปยังโซฟาหนังสีดำซึ่งตั้งโดดอยู่กลางห้องขนาด 1 เบดรูมพลัส
แสงสลัวจากโคมไฟตั้งพื้นเผยให้เห็นร่างโปร่งกำยำคุ้นตากำลังหย่อนกายนั่งลงบนโซฟา ฮาร์เปอร์ หรือที่เธอเรียกเขาว่า พี่เปอร์ เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของพี่ชาย
ใบหน้าหล่อคมเฉียบตามสไตล์ลูกเสี้ยวตะวันตกพักก้านคอเข้ากับพนักพิงพลางก็ปลดกระดุมเชิ้ตสีดำด้วยท่าทางอ่อนเพลีย ดวงตาสีอ่อนทว่าคมกริบจะชำเลืองมองมาแค่ในจังหวะที่เธอรัวเคาะประตูซ้ำไปซ้ำมาเพื่อทำการปลุกอีกบุคคลเท่านั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่คลื่น”
กริบ…
ก็เห็นได้ชัด… เห็นได้ชัดว่าหากจะหาใครนอนหลับเหมือนระบบประสาทล้มเหลวเฉียบพลันคงไม่พ้นพี่คลื่นของเธอนี่เอง
หลังจากย้ายมาอาศัยที่คอนโดเดียวกันได้ร่วมปี นับดาวก็ตระหนักได้ว่ากลุ่มเพื่อนสนิทของพี่ที่ราวกับจะรวบรวมหนุ่มฮอตของมหา’ลัยเอาไว้สามารถเข้านอกออกในที่นี่ได้ตามสบาย
กฎข้อเดียว คือพี่คลื่นจะต้องอยู่ที่ห้อง หากน้องสาวอย่างเธออยู่เพียงลำพังจะใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาตามอำเภอใจ และถึงตอนนี้ก็ไม่แปลกใจที่ได้เห็นใบหน้าคุ้นเคยของผู้มาเยือนยามวิกาล
“ดาวว่าพี่คลื่นคงไม่ตื่น” ร่างเพรียวบางยกมือยอมแพ้ในที่สุด ขาเรียวสวยก้าวเข้าหาคนที่ยังคงนั่งรอเพื่อให้ข้อสรุป “พี่เปอร์จะนอนนี่ก็ได้ มีธุระอะไรไว้คุยพรุ่งนี้แล้วกัน นี่ก็ดึกแล้วด้วย”
“อืม”
“แต่ถ้าพี่จะกลับก่อน ฝากดาวบอกพี่คลื่นก็ได้”
“…”
“หรืออยากกินอะไรไหม? ดาวทำมาม่าให้ได้นะ…” ท้ายเสียงเจ้าของข้อเสนอขาดหายเมื่อสายตาสังเกตเห็นคราบเลือดที่หางคิ้วของอีกฝ่าย ประกอบกันบนเค้าหน้าหล่อก็ปรากฏรอยฟกช้ำจาง ๆ “พี่ไปโดนอะไรมา?”
“ตกใจอะไร?” เจ้าของบาดแผลเลิกคิ้วจ้องตอบอย่างไม่ยี่หระพลางก็ยกนิ้วขึ้นคลึงนวดขมับขยายความเสียงขัน “ไม่รู้ว่าจะคุยกับคนมีเจ้าของ เลยโดนผัวเขาซัดหน้ามา”
“…”
“ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนผิด คงวางมวยกับแม่งสักตั้ง” ฮาร์เปอร์ขยับกรามซ้ายขวาหน้านิ่วคิ้วขมวดสบถด่ากับตัวเองด้วยสีหน้าสุดเซ็ง
ขณะเดียวกันร่างบางก็ทำทีไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ได้ฟัง แม้ความจริงจะใส่ใจมากก็ตามที
“ดีที่หน้าไม่แหก” ปากก็ว่าอย่างนั้น แต่นับดาวก็เดินไปหากล่องอุปกรณ์ทำแผล ก่อนนาทีถัดมาจะหย่อนกายนั่งลงที่ข้างกันกับคนตัวโต
“ลายนี้?” ฮาร์เปอร์หรี่ตามองพลาสเตอร์ยาลายลูกหมีสีฟ้าก่อนจะสั่นหัวค้าน “ไม่แปะ”
“หันหน้ามาสิ ดาวแปะให้” นับดาวไม่ใส่ใจเสียงจิ๊จ๊ะของคนห่วงหล่อแต่บรรจงแปะพลาสเตอร์ยาอย่างตั้งอกตั้งใจโดยมีเสียงบ่นกระปอดกระแปดร่ายยาวอยู่ที่ข้างตัว
“ตอนถามเขาก็บอกว่าไม่มีแฟน ก็ใช่อะดิ ไม่มีแฟนแต่มีผัวตัวเป็น ๆ สงสัยช่วงนี้เรดาห์พัง จีบกี่คนก็มีผัวหมด…”
“…” นับดาวยังคงทำได้เพียงผงกศีรษะรับฟัง
ก็เหมือนทุกทีที่อีกฝ่ายมักจะมาบ่นเรื่องราวประเภทนี้ให้ฟัง ไม่ว่าจะปรึกษาเรื่องสาว ๆ หรือระบายความอัดอั้น หรืออะไร ๆ ใด ๆ ก็ตาม เขาไม่พ้นมาบ่นให้น้องสาวเพื่อนแบบเธอฟัง ผ่านมานานหลายปีเธอก็เริ่มชินชากับสถานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ที่ได้รับมาโดยไม่เต็มใจ
“ดีที่ยังไม่ได้กิน ไม่งั้นฉิบหายแน่”
“อือ” ก็หากกินกับเมียชาวบ้านจริง พี่เปอร์ของเธอคงไม่โดนแค่รอยฟกช้ำแบบนี้ เผลอ ๆ อาจได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาล “เสร็จแล้ว”
แม้จะเช็ดคราบเลือดที่หลงเหลือบนผิวหน้าของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว นับดาวก็ยังคงจับสายตาค้างที่ตำแหน่งเดิมด้วยความเป็นห่วง และยิ่งได้มองในระยะประชิดเธอก็ยิ่งตระหนักได้ว่าเพื่อนของพี่ชายหล่อเหลาขึ้นทุกวันนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
ในกลุ่มเพื่อนของนับคลื่นมีคนตรงหน้าเพียงคนเดียวที่นับดาวมีโอกาสได้รู้จักตั้งแต่สมัยศึกษาในระดับชั้นมัธยมปลาย นานวันผ่านไปถึงได้รู้ว่าหากเธอไม่ใช่น้องของพี่คลื่นก็คงเป็นเรื่องยากที่จะได้เฉียดเข้าใกล้หนุ่มฮอตอย่างเขา และคงเพราะได้เจอหน้ากันนานเกินพอดีเลยทำให้ตัวเธอ แอบคิดเกินเลยไปไกล ไกลเกินกว่าสถานะที่ได้รับมา
ความเงียบเข้าแทรกบทสนทนาตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจรู้ได้ รู้เพียงหากได้อยู่ใกล้อีกฝ่ายเมื่อไรนับดาวก็มักมีอาการใจลอยแบบนี้เสมอ กระทั่งดวงตาคมหันมองมา เธอถึงได้สติตั้งท่าผละออกห่างในที่สุด
“เดี๋ยวดาวไปเอาผ้าห่มให้พี่ดีกว่า”
“ไม่ต้อง” มือกระด้างของฮาร์เปอร์คว้าจับเข้าที่แขนเรียว ก่อนแขนข้างหนึ่งของเขาจะพาดวางเข้าที่ลาดไหล่บอบบางดึงเข้าหาตัวอย่างคนที่สนิทสนมกันดี “นอนได้ ไม่ต้องเอาผ้าห่มมา”
“อือ” ก็คงเป็นอีกครั้งที่เสียงขานรับผ่านลำคอของนับดาวแผ่วเบาฟังแทบไม่ได้ยิน
กระนั้นเจ้าของสัมผัสชวนคิดไปไกลก็ราวกับจะไม่รู้ตัว กดจูบเข้าที่เรือนผมของเธออย่างมันเขี้ยว ใบหน้าหล่อยังคงเอ็นดูเธอเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่มุมปากช้ำเลือดผุดรอยยิ้มชวนใจสั่น สายตาไม่คิดอะไรก็ยังคงทำให้ใจเต้นแรงได้ไม่ต่างจากที่เคย
“ไปนอนได้แล้ว โทษทีที่มากวนตอนดึก”
“ไม่เป็นไร” ใบหน้าสวยหลบเลี่ยงที่จะสบตา
หากหลอดไฟให้ความสว่างได้มากกว่านี้ความรู้สึกของนับดาวคงถูกเปิดเปลือย แต่แน่นอนว่าสุดท้ายความรู้สึกลับ ๆ ก็ยังคงสามารถสะกดเก็บเอาไว้ได้ผ่านสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการใด ๆ
“ขออาบน้ำสักสิบนาที”
ร่างสูงของฮาร์เปอร์ผละขึ้นยืนพลางก็เริ่มผิวปากเดินห่างออกไปอย่างคนไม่คิดอะไร เหลือทิ้งไว้เพียงความรู้สึกอุ่น ๆ ที่ทำให้คนใจบางพอได้คิดไปไกลแบบที่ไม่เหมาะไม่ควร
ตลอดระยะขวบปีให้หลังที่ผ่านมา ผ่าวร้อนช่วงลำคอของนับดาวผากแห้งนับครั้งไม่ถ้วนกับภาพแผ่นหลังกว้างรวมถึงความกำยำตำแหน่งถัดลงไปจากกล้ามเนื้อหน้าท้องของอีกฝ่าย
กายภาพทางเพศที่มีโอกาสได้เห็นบ่อยครั้งเกินความจำเป็นทำเอาเธอต้องละสายตากลับมา ความรุ่มร้อนที่แล่นผ่านไปทั่วทั้งร่างในขณะนี้ราวกับจะประกาศให้รู้… รู้ว่าเธอถึงวัยแรกแย้มแล้วจริง ๆ
การมาอยู่กับพี่ชายทำให้นับดาวจำเป็นต้องปรับตัวหลายอย่างเพราะไลฟ์สไตล์หญิงชายย่อมต่างกัน แต่เธอไม่ปฏิเสธว่าเรื่องดีเรื่องเดียวที่เธอได้มาอยู่กับพี่ คงไม่พ้นการได้เจอหน้าคนบางคน ในทุกวัน
แม้ ใครคนที่ว่า จะไม่เคยใช้ความรู้สึกแม้เพียงเล็กน้อยหันมองมาที่เธอซึ่งอยู่ ใกล้ ชนิดห่างแค่เพียงองศาเดียวก็ตามที ถึงในปัจจุบันนี้เธอก็ยังเป็นได้แค่น้องสาวที่อยู่ห่างจากระยะสายตาของเขาไม่ต่างจากที่เคย
Wanna be yoursตอนที่ 3.2เสนอตัวอีกครั้ง“จะนวด?” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย ฮาร์เปอร์นึกขันกับใบหน้าสวยที่ยังคงมีท่าทีมึนตึง แต่เขาก็ไม่คิดจะขัดศรัทธา “อะ ไหนลอง” จบคำอนุญาต เจ้าของฝ่ามือนุ่มก็ออกแรงบีบนวดอย่างแรงด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโต นับดาวไม่ได้อยากทำงานนี้ขนาดนั้น เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ได้รับเลือกทั้งที่เสนอตัวก่อนตั้งหลายวันจะให้พูดแบบไม่อายปากก็ยังไงอยู่ แต่เธอไม่ปฏิเสธใจว่าเป็นเพราะอยากอยู่ใกล้อีกฝ่ายนั่นแหละ กระนั้นพี่เปอร์ก็ทำทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว ใบหน้าหล่อยังคงลอยหน้าลอยตาจ้อง มุมปากหยักลึกเผยรอยยิ้มในจังหวะที่มือกระด้างคว้าจับเข้าที่ข้อมือของเธอ “แรงไป” “พี่จะได้รู้ว่าดาวมีแรงพอจะทำงาน” “ตัวแค่นี้ ทำเป็นเก่ง” “ดาวเก่งนะ” นับดาวอดไม่ได้ที่จะฮาร์ดเซลล์ตัวเอง “เก่งหลายอย่างเลย จะใช้ให้ยกของจนกล้ามขึ้นยังได้ ดาวแข็งแรงจะตาย” “อย่างเธอแค่สะพายกระเป๋ากล้องก็ไหล่ช้ำแล้วมั้ง” ฮาร์เปอร์เลื่อนคิ้วเข้าหากันอย่างไม่ศรัทธา แค่กระเป๋ากล้องกับเลนส์ถ่ายก็หนักร่วมกิโล ไหนบางครั้งอาจต้องช่วยเขาแบกไฟไปนอกสถานที่อีก ต
Wanna be yoursตอนที่ 3.1เสนอตัวอีกครั้ง หลายวันต่อมา STUDIO M นับดาวแทบไม่เจอหน้าฮาร์เปอร์เลยหลังจากเหตุการณ์ในโรงภาพยนตร์เมื่อคราวก่อน และคิดว่าอาจไม่ได้เจอไปอีกหลายวันหากเธอไม่ขอติดสอยห้อยตามนับคลื่นมาที่ สตูดิโอ สตูดิโอถ่ายภาพขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปนักตั้งอยู่ในระหว่างอาคารพาณิชย์สี่ชั้นทอดยาวไปตามแนวทางติดกับถนนในซอยละแวกไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัยโดยมีลานจอดรถสำหรับลูกค้าที่ด้านหลัง หลังจากกลุ่มเพื่อนรวมถึงตัวพี่ชายของนับดาวได้เปิดรับคิวงานถ่ายภาพ หนึ่งในสมาชิกร่วมหุ้นก็มักจะต้องแวะเวียนมานอนเฝ้าที่นี่เสมอ เพราะไม่ได้เปิดทำการตลอดเวลา จะเปิดเฉพาะวันที่มีนัดหมายกับลูกค้าเท่านั้นทว่าระยะหลังก็ได้ฮาร์เปอร์ที่แทบจะย้ายสำมะโนครัวมานอนที่นี่เป็นฝ่ายรับผิดชอบหน้าที่นี้แทนทุกคน นอกจากห้องย่อยที่ใช้สำหรับถ่ายภาพหลากหลายประเภทก็ยังมีห้องส่วนกลางที่บริเวณชั้นล่างสุด รวมถึงมีห้องพักผ่อนอยู่ที่ด้านบนชั้นดาดฟ้าอาคารด้วยอีกห้อง และห้องหลังนี้เองที่ฮาร์เปอร์ใช้สำหรับหลับนอนตอนกลางคืน“ไงไอ้เปอร์” ร่างสูงของนับคลื่นเป็นคนแรกที่เดินเข้าสต
Wanna be yoursตอนที่ 2.2สัมผัสสองชั่วโมงต่อมา นับดาวเคยคิดว่าหากมีโอกาสได้ทำอะไร สองต่อสอง กับคนที่เธอแอบชอบก็คงจะดีต่อใจมิใช่น้อย กระทั่งคิดว่าบางทีอาจพอมีตัวตนในสายตาอีกฝ่ายขึ้นมาบ้าง และหากจะคิดไปไกลกว่านั้นก็ไม่ปฏิเสธว่าหวังที่จะได้รับความชิดใกล้มากยิ่งกว่าที่เคย ทว่าเมื่อถึงเวลาจริงก็ราวกับจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงโรงภาพยนตร์ซึ่งกำลังฉายภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่อยู่ในขณะนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คนซึ่งจับจองที่นั่งจนเต็ม เพราะเป็นวันแรกที่หนังจากค่ายใหญ่เข้าฉายคนข้าง ๆ จึงสำรองที่นั่งชั้นพิเศษไม่ทัน ตอนนี้ระหว่างทั้งคู่เลยรายล้อมด้วยลูกค้าคนอื่นที่นั่งติดกันแบบเบาะชนเบาะเวลาฉายเดินหน้าไปนานกว่าค่อนชั่วโมงระหว่างเธอและเขาก็ยังไร้วี่แววว่าจะได้ชิดใกล้แบบที่คนคิดไม่ซื่อหวังจะให้เป็น แต่แม้จะ หวังสูง นับดาวก็ใช่ว่าจะใจกล้าอย่างที่สมองคิด สุดท้ายเลยได้แต่นั่งกอดอกกะพริบตามองภาพบนจอขนาดยักษ์โดยสาระสำคัญของภาพยนตร์แทบไม่เข้าโสตประสาทเลยแม้แต่นิดเดียวกระทั่งวินาทีหนึ่งจู่ ๆ ฮาร์เปอร์ก็ยกพนักพักแขนระหว่างเบาะขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย“ขยับมา”น้ำเสียงที่ผิดปกติไปจากทุกทีของเขาทำเอานับ
Wanna be yoursตอนที่ 2.1สัมผัสตอนค่ำไม่ใช่ครั้งแรกที่นับดาวมีโอกาสได้ร่วมมื้อเย็นกับเพื่อนสนิทของพี่ชาย แต่ทั้งสองได้ร่วมโต๊ะทานข้าวด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ทว่าส่วนมากก็จะมีนับคลื่นร่วมวงอยู่ด้วยเสมอ น้อยครั้งที่เธอและอีกฝ่ายจะได้อยู่กันเพียงลำพัง“ไอ้ฉายมันว่าจะไม่ทำต่อ เห็นว่าต้องทำงานส่งอาจารย์เยอะ ที่ซวยคือช่วงนี้พี่มีคิวนัดลูกค้าอีกหลายเจ้า แม่งจะไม่ทำก็ไม่ว่าแต่อย่างน้อยก็ต้องบอกล่วงหน้า จะไปหาคนช่วยงานที่ไหนทันวะถามจริง…”แม้เสียงของคนซึ่งยกกระป๋องเบียร์ขึ้นซดตั้งแต่หัววันจะบ่งชัดว่าไม่ต้องการถามความเห็นจริงจัง แต่ผู้ฟังที่ดีอย่างนับดาวก็ผงกศีรษะรับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ บ้างก็จะขานเสียงรับเป็นบางทีเพื่อไม่ให้เจ้าของคำบ่นร่ายยาวต้องรู้สึกเหมือนพูดอยู่คนเดียว“แล้วที่สตูไม่มีคนอื่นเลยเหรอ?”“ก็อย่างที่เธอเห็น เพื่อนพี่แต่ละคนมันหวงตัวกันอย่างกับอะไรดี จะเลือกใครมาช่วยงานทีก็เรื่องมากฉิบหาย โดยเฉพาะไอ้ห่าคลื่นนี่แหละตัวดี จะแดกหัวเขาซะทุกคน”“อือ” คนฟังพยักหน้าเห็นด้วย นับดาวรู้ดีแก่ใจว่าพี่คลื่นของเธอมีนิสัยส่วนตัวเป็นอย่างไรตอนนี้เธอกับฮาร์เปอร์กำลังนั่งอยู่ที่ร้านอาหารเอาต์ดอร
Wanna be yoursตอนที่ 1.2มองผ่านทว่าระหว่างนี้เอง เสียงของพี่ชายก็ดึงสติเธอให้ตื่นจากภวังค์ “เย็นนี้พี่ไม่ว่าง ไว้ให้ไอ้เปอร์มันรับเรากลับห้องแทน” ว่าพลางนับคลื่นก็กอดคอน้องเข้าหาตัว สายตาดุ ๆ หลุบมองผ่านเรียวขาขาวเนียนพร้อมบ่นให้ได้ยินแค่สองคน “ใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้ ถ้าแม่รู้ได้โดนตีขาลายแน่” “พี่คลื่นก็อย่าบอกแม่สิ” คนตัวเล็กปั้นหน้างอ พยายามดึงชายกระโปรงทรงเอด้วยท่าทางปั้นปึ่งเหมือนทุกที “ถ้าพี่ไม่บอกใครจะรู้ได้” “ก็มันน่าโดนตีสักที” นับคลื่นอดไม่ได้ที่จะผลักหัวน้องเบา ๆ หากไม่ติดว่านับดาวเป็นลูกคนเล็กที่คนทั้งบ้านประคบประหงมเป็นอย่างดี ก็เขาเองนี่แหละที่จะฟาดให้สักที “อยู่กับพี่ก็ต้องเชื่อฟังให้มาก ๆ เข้าใจไหม?” “อือ ไม่ฟังพี่คลื่นแล้วดาวจะฟังใคร?” คนอยู่เป็นรีบพยักหน้าหงึกหงัก กับพี่คลื่นเธอเป็นเด็กดีเสมอนั่นแหละ ถึงอีกฝ่ายก็หัวเราะเบา ๆ กับท่าทีประจบประแจงด้วยสายตากึ่งขันระคนเอ็นดู สำหรับคนอื่นนับคลื่นอาจเป็นคนเอะอะโผงผางจนดูไม่น่าคบค้าสมาคม แต่สำหรับน้องสาวอย่างนับดาว พี่คลื่นเปรียบเสมือนเกราะคุ้มกันภัยอย่างดี แน่นอน
Wanna be yoursตอนที่ 1.1มองผ่าน มหาวิทยาลัย ร่างเพรียวระหงในชุดนิสิตขนาดพอดีตัวยังคงสวยเป็นปกติ รูปร่างหน้าตาแบบพิมพ์นิยมทำให้นับดาวเรียกได้ว่าโดดเด่นเป็นที่หมายปองของหนุ่มรุ่นพี่ทุกชั้นปี ก็หากไม่มีนับคลื่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ากลัวจนใครต่อใครไม่กล้าจีบคนเป็นน้อง ป่านนี้นับดาวคงมีผู้ชายรุมขายขนมจีบต่อคิวยาวถึงนอกรั้วมหา’ลัย แต่แม้จะมีใครให้ความสนใจหญิงสาวจริง เจ้าเอย ก็ไม่คิดว่าเพื่อนสนิทของเธอจะให้ความสนใจตอบกลับ ขณะที่ใครต่อใครจับสายตามองมานับดาวก็คล้ายจะมองไม่เห็นใครอื่นนอกจากผู้ชายคนเดิมที่นั่งรวมกลุ่มกับรุ่นพี่ปีสามห่างออกไปที่ตรงนั้น “โชคดีที่วันนี้เค้กยังไม่หมด ฉันซื้อทันสองกล่องสุดท้ายพอดี” เสียงหวานพึมพำบอกโดยไม่แม้แต่จะหันมองคนที่เดินอยู่ข้างกัน กระทั่งแขนเรียวโดนกระตุกดึงให้หยุดเดิน นับดาวถึงเพิ่งหันให้ความสนใจ “แกจะรีบไปไหนรึเปล่า? ฉันขอเอาเค้กไปให้พี่คลื่นก่อนได้ไหม…” “เอาไปให้พี่คลื่น หรือเอาไปให้ใครกันแน่จ๊ะ?” เจ้าเอยหรี่ตามองอย่างจับผิด ใช่ว่าเอยไม่รู้เสียเมื่อไรว่าเพื่อนสนิทแอบชอบใคร “ก็ใช่…” ถึ
Comments