ธีรัชไม่รู้เลยว่า ในวินาทีที่เธอเดินออกไป เธอไม่ได้ไปเพียงลำพัง เธอกำลังพาลูกของเขาไปด้วย ลูกที่เธอจะปกป้องด้วยชีวิตในคืนเดียวกันนั้นเอง...เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานลอยคลอไปทั่วร้านอาหารกึ่งบาร์สุดหรูย่านใจกลางเมือง แสงไฟระยิบระยับสะท้อนผ่านแก้วไวน์และเครื่องประดับราคาแพงของแขกเหรื่อตามโต๊ะต่าง ๆกลางร้าน ในโซนที่ดีที่สุด โต๊ะวีไอพีถูกจัดอย่างหรูหรา และมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอย่างโดดเด่นอยู่ตรงนั้นพิมพ์นาราสวมเดรสสีแดงเข้มเข้ารูปที่ขับผิวให้ดูเปล่งประกาย ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยสีไวน์เบอร์กันดี ดวงตาคมแต่งอย่างประณีตเปล่งประกายอย่างรู้ดีว่าทุกสายตาในร้านกำลังมองมาที่เธอเธอนั่งไขว่ห้างด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ข้างกายมีเพื่อนสาวรุ่นราวคราวเดียวกันอีกสองคนที่กำลังพูดคุยอย่างออกรสพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักธีรัชไม่ได้อยู่ที่นี่ เขากำลังยุ่งกับงานที่บริษัท และเธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน หรืออยู่กับใครเพราะสำหรับพิมพ์นารา... เธอมั่นใจว่าตัวเองคือ "ตัวจริง" ของเขา ไม่มีมินตราเข้ามาแทรกอีกต่อไปหลังจากจิบไวน์ไปหลายแก้ว เสียงหัวเราะของเธอก็ยิ่งสดใส ดวงตาที่เคยหม่นหมองตอนอยู่โรงพ
ไม่นานนัก มินตรายืนอยู่เงียบ ๆ หน้าห้องทำงานของธีรัช มือสองข้างของเธอกำแน่นอยู่ข้างลำตัว เธอพยายามบอกตัวเองให้หันหลังกลับ พาตัวเองเดินหนีไปจากตรงนี้ แต่ขาทั้งสองข้างกลับหนักราวกับถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ล่องหน ด้วยเรื่องที่พิมพ์นาราล้มไปยังค้างคาอยู่ จึงต้องกลับมาดูอาการของหญิงสาวอีกครั้งเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังลอดออกมาจากบานประตูที่ปิดสนิท เสียงที่เคยคุ้นหูและคุ้นหัวใจดีในอดีตเสียงของพิมพ์นารา..."พี่ธีรัชคะ พิมพ์อยากกินข้าวที่พี่ทำให้จังเลยค่ะ"น้ำเสียงออดอ้อนนั้นแฝงความคุ้นเคย และหว่านล้อมอย่างแนบเนียน"พิมพ์นี่เอาแต่ใจไม่เปลี่ยนเลยนะ"เสียงของธีรัชตอบกลับเบา ๆ มีรอยยิ้มแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น และนั่นก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกในใจของมินตราให้แหลกยิ่งกว่าเดิม"ก็พี่ธีรัชเคยทำให้พิมพ์เมื่อก่อนนี่นา พิมพ์ยังจำได้อยู่เลย"บรรยากาศภายในห้องคงเต็มไปด้วยความหวนคืนของความหลัง ขณะที่ผู้หญิงอีกคน ยืนฟังอยู่ข้างนอกอย่างไร้ตัวตนแล้วจู่ ๆ เสียงหวานของพิมพ์นาราก็เปลี่ยนไป"พี่ธีรัชคะ ไหน ๆ พิมพ์ก็กลับมาแล้ว ขออย่างนึงได้ไหมคะ"เงียบไปชั่วครู่ ก่อนเสียงเขาจะดังขึ้น"พิมพ์อยากได้อะไรครับ?"คำถามที่แฝงไปด้วยควา
เธอจะปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ไม่ได้ พิมพ์นาราไม่ใช่ผู้หญิงที่ยอมให้ใครมาแย่งสิ่งที่เป็นของเธอไป โดยเฉพาะคนอย่างมินตราเขาเป็นของเธอ ธีรัชต้องเป็นของเธอเท่านั้น!เธอเคยได้ทุกอย่างจากเขา และจะต้องได้คืนทั้งหมดอีกครั้งในเมื่อมินตรายังอยู่ เธอจะเป็นคน ‘จัดการ’ เองเพราะถ้าไม่ทำตอนนี้... เธออาจจะไม่มีวันได้เขากลับมาอีกเลยเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนเบา ๆ ดังขึ้นทีละก้าว ช้า ๆ แต่มั่นคง พิมพ์นาราค่อย ๆ ก้าวลงจากบันไดในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ที่ตัดเย็บอย่างประณีต รับกับผิวเนียนละเอียดของเธอราวกับนางฟ้าในเทพนิยาย แต่แววตาของเธอกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิงในดวงตาคู่นั้น ไม่มีแม้แต่เสี้ยวความบริสุทธิ์... มีเพียงความแน่วแน่ ปนรอยยิ้มบาง ๆ มุมปากที่บ่งบอกถึงแผนในใจอย่างชัดเจนและเมื่อสายตาของเธอทอดลงมายังห้องโถงเบื้องล่าง สิ่งที่เธอเห็นก็คือภาพของธีรัชนั่งอยู่บนโซฟาหนังสีเข้ม มือข้างหนึ่งถือถ้วยกาแฟ อีกข้างพลิกเอกสารอย่างเคร่งเครียด ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วเล็กน้อย ความเงียบในห้องมีเพียงเสียงกระดาษที่ถูกพลิกสลับกับเสียงนาฬิกาติดผนังพอดีเลย...เธอเหลือบสายตาไปยังอีกมุมหนึ่ง มินตรากำลังเ
คำว่า "คนรักของพี่" กระแทกใส่หัวใจของมินตราอย่างโหดร้ายพิมพ์นารา ผู้หญิงที่เขายังรัก เธอกลับมาแล้ว กลับมาเพื่อทวงคืนทุกอย่าง รวมถึงหัวใจของเขา... หัวใจที่เธอไม่เคยได้แม้แต่เศษเสี้ยวภาพในหัวผุดขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ภาพของธีรัชที่ยื่นมือประคองพิมพ์อย่างอ่อนโยนในห้องรับแขก ภาพของเขาที่นั่งหัวเราะเบา ๆ ขณะพูดคุยกับเธอบนโต๊ะอาหาร และภาพของเธอ ที่ได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ จากเงามืด โดยไม่มีใครรับรู้การมีตัวตนในบ้านหลังนี้ เธอก็ยังคงเป็น ‘คนที่ไร้ตัวตน’ อยู่ดีแม้แต่วันนี้ วันที่เธอกำลังแบกร่างเล็ก ๆ อีกหนึ่งชีวิตไว้ในท้อง เขาก็ยังไม่รู้ และไม่สนใจที่จะรู้มินตรากำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เธออยากปฏิเสธ อยากจะลุกขึ้นเดินไปบอกเขาเสียงดัง ๆ ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขาอยากจะตะโกนออกไปว่าเธอไม่ใช่ทาส! เธอไม่ใช่ ‘เครื่องมือ’ ในการแก้แค้นให้พี่ชายของเธอที่หนีไปแต่ความกล้าทั้งหมดของเธอกลับหายไป เหมือนถูกลมเย็นคืนนี้พัดพาออกจากหัวใจเพราะในท้ายที่สุด เธอเป็นเพียงคนที่ถูกจับมาอยู่ที่นี่ เพื่อ ‘ชดใช้’ แทนคนที่ทำผิดเธอไม่มีสิทธิ์ร้องไห้ ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะ ‘รัก’ ลูกของตัวเองอย่
มินตรายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใจสั่นไหว มือข้างหนึ่งยกขึ้นวางทาบบนหน้าท้อง เธอไม่ได้หวังว่าเขาจะลุกมาถามไถ่ ไม่ได้หวังว่าความอ่อนโยนจากวันเก่าจะกลับมาแต่แววตาเย็นชาของเขา...มันปวดเกินจะบรรยายเธอเดินขึ้นห้องโดยไม่พูดอะไรอีก ประตูปิดลงอย่างเงียบเชียบ ทิ้งเสียงหัวใจที่กำลังแตกสลายไว้ในความเงียบงันในห้องนอนเล็กของคนรับใช้ มินตราเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองใบหน้าของตัวเองในกระจกเงา ดวงตาคู่นั้นบอบช้ำ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น และคำถามมากมายที่กัดกินใจเธอไม่หยุดเขาจะโกรธหรือเปล่า? จะตวาดใส่เธอเหมือนครั้งก่อน ๆ ไหม? จะหาว่าเธอหลอกลวง วางแผนเพื่อจะผูกมัดเขาด้วยเด็กคนหนึ่ง?มินตราหลุบตาลง กลั้นลมหายใจไว้ในอก ภาพจำของคำพูดแสนเย็นชาผุดขึ้นมาเหมือนฝันร้ายที่ไม่ยอมจาง“พี่ไม่เคยต้องการเธอ”“เธอไม่มีค่าอะไรสำหรับพี่เลย”คำพูดเหล่านั้นฝังอยู่ในใจ ราวกับมีดบางเฉียบที่กรีดซ้ำลงบนแผลเดิม ถ้าเขาเกลียดเธอขนาดนั้น แล้วเขาจะยอมรับเด็กคนนี้ได้อย่างไร?เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มีที่ยืนในหัวใจเขา ไม่เคยเป็น และอาจจะไม่มีวันเป็น เขาไม่เคยพูดถึง "เรา" มีเพียง "เขา" และ "เธอ" ที่ถูกผลักออกให้ห่างกันเสมอมินตราหลับตาลงช้า ๆ
ธีรัชโน้มศีรษะลงมาซบที่ไหล่ของมินตรา เหมือนเด็กชายที่กำลังมองหาที่พึ่งพิงมินตราแข็งทื่อไปหมดแล้ว ร่างกายของเธอไม่อาจขยับหนีได้เลย"พี่พยายามแล้ว แต่พี่ก็เกลียดเธอไม่ลงเลย…"มินตราหลับตาลง… หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบหายใจไม่ออกห้องพักเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งสองที่สอดประสานกันในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสับสน ธีรัชนอนนิ่งอยู่ข้างๆ มินตรา ดวงตาคมที่เคยเต็มไปด้วยความเกลียดชังกลับอ่อนแสงลงอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเขาดูเหนื่อย… อ่อนล้า… และเปราะบางกว่าที่เคยเป็นมินตรานั่งนิ่งอยู่ข้างเขา เธอไม่ควรปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ ไม่ควรให้หัวใจของตัวเองสั่นไหว แต่เมื่อมองใบหน้าของเขาที่แนบอยู่กับไหล่ของเธอ สัมผัสได้ถึงน้ำหนักของร่างกายที่พิงเข้ามาอย่างหมดแรง"มิน อยู่ตรงนี้กับพี่… อย่าไปไหน""พี่ธีรัช นอนพักเถอะค่ะ"ไม่นาน ธีรัชพลิกตัวเข้ามาใกล้ ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนโดยไม่รู้ตัวมินตราเบิกตากว้าง หัวใจของเธอเต้นแรง!"มิน…" เขาพึมพำเสียงเบา ดวงตาฉายแววสับสนเธอไม่รู้ว่าความรู้สึกในใจของเขาคืออะไร แต่ทันทีที่มินตราพยายามจะเอ่ยถามว่าธีรัชมาหาเธอเพื่ออะไร“หมับ”เสียงประท้วงของมินตราถูกกลืนห
ทันทีที่เขาหายลับไปจากสายตา พิมพ์นาราขยับตัวลุกขึ้นด้วยแรงอันน้อยนิดที่มี มือคว้าถาดอาหารที่วางอยู่ข้างเตียงแล้วปาไปที่กำแพงอย่างแรง“เพล้ง!”เสียงกระแทกของโลหะกับพื้นกระเบื้องดังสนั่น เศษแก้วกลิ้งกระจายไปทั่วห้อง“ไม่จริง… มันต้องไม่เป็นแบบนี้!”เธอกัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำด้วยแรงโกรธที่พุ่งสูงขึ้นแทบจะเผาเธอให้มอดไหม้“อุตส่าห์กันสองคนนั้นไว้แล้ว… อุตส่าห์สร้างภาพให้มันเป็นคนเลว เป็นคนที่น่าขยะแขยงที่สุดสำหรับเขา!”หญิงสาวทุบหมอนลงซ้ำ ๆ เธอเคยได้ทุกอย่าง เธอเคยควบคุมสายตา ความรู้สึก หัวใจของธีรัช แต่ตอนนี้เหมือนว่าเธอกำลังจะสูญเสียมันไป"มินตรา... แกมันตัวซวย แกมันตัวปัญหา แกมัน..."ธีรัชขับรถออกจากโรงพยาบาลทันทีที่ปิดประตูห้องพิมพ์นารา เขาไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้โทรหาใคร ไม่ได้คิดว่าจะไปที่ไหนพอรู้ตัวอีกที รถของเขาก็จอดอยู่หน้าบาร์หรูใจกลางเมือง บรรยากาศในนั้นเต็มไปด้วยแสงไฟสลัว เสียงเพลงแจ๊สแผ่วเบา และเสียงพูดคุยของคนแปลกหน้าที่คล้ายจะอยู่กันคนละโลกกับเขาธีรัชนั่งลงที่เคาน์เตอร์ ไม่สนใจเมนู ไม่แม้แต่จะหันไปมองพนักงาน“วิสกี้” เขาบอกสั้น ๆแก้วเหล้าถูกวางลงตรงหน้า เขากระดกมันรวดเดียว ร
พิมพ์นาราเงยหน้าขึ้น ยิ้มเหยียดใส่มินทร์เหมือนกำลังมองสิ่งที่ต่ำกว่าตัวเองอย่างไรอย่างนั้น เพราะเขาดันมาแตะเรื่องที่เป็นดั่งเกล็ดย้อนสำหรับเธอ"แม่ของพี่เป็นเมียน้อยจนผัวเขาเขี่ยทิ้ง คนนอกก็คงมองลูกสาวก็ไม่ต่างกันนักหรอกค่ะ มินตราที่ชอบทำหน้าใสซื่อ แต่ร่านเงียบไม่แพ้กัน พิมพ์ไม่แปลกใจเลยว่าแค่พิมพ์พูดไปลอย ๆ พวกผู้ชายที่ชอบมินตรากลับเชื่อแล้วก็เมินแล้วหนีหมด""หุบปากซะ พิมพ์นารา" แววตาแข็งกร้าวราวกับเลือดขึ้นหน้า เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ที่น้องสาวของเขาไม่มีเพื่อนคบจนต้องย้ายมหาลัยและเรียนช้าไปหนึ่งปี มันเป็นเพราะผู้หญิงเลว ๆคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย"คุณมันปากสกปรกกว่าขยะเสียอีก""แล้วจะทำไมล่ะคะ?" พิมพ์นาราหัวเราะในลำคอ"ผู้ชายอย่างคุณก็แค่พี่ชายของนังปลิง แค้นแทนเธออย่างนั้นหรือคะ แต่คุณคงทำอะไรพิมพ์ไม่ได้หรอก""อย่าดูถูกน้องสาวผม เธอมันก็แค่เด็กสาวขี้อิจฉา!"“มันก็แค่ลูกเมียน้อย ไม่มีอะไรให้อิจฉาเลยสักนิด พี่ธีรัชไม่มองมันหรอกค่ะ จบนะคะ พิมพ์ไปก่อน!!" เธอรีบหมุนตัวเดินออกไปทันทีที่พูดจบมินทร์หน้าตึงขึ้นรถ เสียงประตูปิดดังปัง กระจกหน้ารถสะท้อนภาพร่างของผู้หญิงที่กำลังเดินออกไปอย่า
“เธอคือน้องสาวของคนที่เกือบฆ่าคนรักของเขา”“เธอเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์ตามที่พิมพ์นาราบอกไว้”แต่แล้วทำไม... เขาถึงมองเธออยู่อย่างนี้ช่วงนี้ธีรัชรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป ทุกครั้งที่เดินผ่าน สายตาของเขามักเผลอมองหามินตราโดยไม่รู้ตัว และเมื่อพบว่าเธอนั่งอยู่ตรงนั้น เบื้องหน้าของเขเองธีรัชกลับรู้สึก... สงบใจอย่างประหลาด ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าหนีในทุกครั้งที่สายตาพวกเขาประสานกัน เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยสักนิดเขาไม่มีวันรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนั้น เขาเพียงแค่... สังเกตเธอไว้ ไม่ใช่เพราะสนใจ ไม่ใช่เพราะหวั่นไหว ธีรัชย้ำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในอกกลับแน่นขึ้นทุกครั้งที่เธอหายไปจากสายตาธีรัชเดินลงบันได เสื้อสูทสีดำของเขาเรียบสนิทเพราะต้องออกไปพบลูกค้า แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องรับแขก เขากลับหยุดก้าวเสียอย่างนั้น“ขอโทษค่ะหนูมินตรา ป้าทำหกเอง หนูไม่ต้องเช็ดให้ป้าก็ได้นะ”ธีรัชจำเสียงของป้าเพ็ญได้ดี ผู้หญิงคนนั้นทำงานในบ้านนี้มานานกว่าสิบปี เป็นคนขยัน แต่ร่างกายเริ่มไม่เหมือนเดิม มือล้า แขนล้า จนบางครั้งก็พลาดแบบนี้“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ป้าคงเหนื่อยแล้ว เดี๋ยวมินช่วยเอง”ดวงตาของหญิงสาวมองป้าเพ็ญ