เขาก้าวไม่กี่ก้าว ฟู่ลี่อิ๋งก็ถูกเอามาวางไว้ที่เตียง บุรุษตัวสูงหันซ้ายหันขวา มองหาหนังสือเล่มนั้นที่เขามอบให้นางเอาไว้
“ท่านหาอะไรหรือ”
“หนังสือเล่มที่ข้ามอบให้กับเจ้าเอาไว้”
หญิงสาวขยับไปเข้าด้านในเตียง และหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากใต้หมอน เขาก็รู้อยู่ว่าหนังสือแบบนี้จะวางประเจิดประเจ้อให้ใครเห็นไม่ได้ คิดว่านางจะวางเอาไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือหรืออย่างไรกัน
“เจ้าอ่านถึงหน้าไหนแล้วบ้าง มีติดขัดตรงไหนหรือไม่” เขาถามราวกับว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นตำราเรียนที่ต้องมานั่งทบทวน
“....” ฟู่ลี่อิ๋งพูดไม่ออก นางไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
เว่ยจงหมิงขยับไปนั่งที่หัวเตียงพร้อมกับลากนางมานั่งอ่านหนังสือด้วยกัน
เขาเปิดไปหน้าแรก เป็นภาพที่ชายหนุ่มกำลังกอดก่ายกับสตรี ถัดไปอีกภาพเป็นช่วงที่เขาก้มตัวลงไปกระตุ้นให้ภรรยาเข้าสู่ห้วงแห่งความเสน่หา
“เขากระตุ้นร่างกายของนางแบบนี้ใช่หรือไม่” เว่ยจงหมิงใช้มือลูบไล้ผิวกายนวลผ่องของภรรยา ตั้งแต่ต้นคอหยอกล้อบีบเ
ฝนตกหนักอยู่หลายวันกระทั่งท้องฟ้าแทบไม่ต่างอะไรจากยามกลางคืน ส่วนเช้าวันนี้ก็เพิ่งได้เห็นแสงของพระอาทิตย์สาดส่องลงสู่พื้นแผ่นดิน ฟู่ลี่อิ๋งเห็นว่าอากาศดีจึงลุกออกมาเดินเล่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี โดยทิ้งบุรุษตัวโตนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงเสี่ยวหลงเมื่อเห็นเจ้านายตื่นนอน ก็เข้ามารับใช้นางตามปกติที่เคยทำ วันนี้ขันทีน้อยคล้ายกับมีเรื่องจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้ ช่วงหลังนางเห็นว่าเขาชอบไปคลุกคลีอยู่ที่เรือนของท่านเหลียง ถ้านางไม่ตามเจ้าเด็กน้อยก็ไม่โผล่หน้ามาให้นางเห็น ตอนหลังจึงได้รู้ว่า เสี่ยวหลงชื่นชอบการตัดเย็บภูษาอาภรณ์เป็นอย่างมาก มักจะไปถามเคล็ดลับต่าง ๆ จากท่านเหลียงอยู่เป็นประจำ“มีเรื่องอะไรทำให้เจ้าทุกข์ใจงั้นหรือ” นางถามไถ่ขันทีน้อย“......” เสี่ยวหลงไม่ตอบได้แต่ก้มหน้างุด“ถ้าเจ้าไม่พูดข้าจะรู้หรือ” ฟู่ลี่อิ๋งนางไม่ใช่พระโพธิสัตว์หรือเทพเซียนที่จะรู้ความในใจของผู้อื่นได้“พูดแล้ว เสี่ยวหลงพูดแล้ว” เสี่ยวหลงยึกยัก สุดท้ายก็ยอมปริปาก &ldqu
ฟู่เหยาเหยาเก็บข้าวของออกจากจวนอ๋องไปแล้ว เว่ยเจิ้งหยางเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่านางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าหลายวันมานี้จะมีพายุฝนฟ้าคะนองครั้งใหญ่ เพราะหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ที่นางมาตั้งแต่แรกที่มีให้ก็แค่เพียงความห่วงใยแบบที่ปุถุชนทั่วไปพึงกระทำ หย่ากันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ก็เรื่องของนาง และถ้าเกิดว่าบุตรในท้องของนางเป็นบุตรของเขาจริง ๆ นางก็คงแจ้งความประสงค์ที่จะอยู่ที่นี่และให้เขารับผิดชอบมาตั้งแต่ต้นบ่าวรับใช้และนางกำนัลมีแค่เพียงเสียวเชี่ยนและสามี ที่เป็นผู้ติดตาม ได้ความว่านางไม่อยากเป็นจุดสนใจของผู้คน จึงได้เดินทางออกจากเมืองหลวงไปอย่างเรียบง่าย แต่กระนั้นเขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่านางจะวางแผนอะไรไว้อีกหรือเปล่า จึงได้ส่งองครักษ์จำนวนหนึ่งตามอารักขาทางเลือกเดียวของนางในเวลานี้คือการกลับไปที่เสิ่นหนาน แต่เป็นเพราะพายุฝนที่ไม่ยอมหยุดเสียที ทำให้การเดินทางของนางค่อนข้างลำบาก เดิมทีใช้ระยะเวลาไม่เกิน 5 วัน เพราะทั้งสองเมืองอยู่ไม่ห่างจากกันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้แม้กระทั่งวันเดี
เช้าแล้วแต่พายุฝนด้านนอกก็ยังคงโหมกระหน่ำ ท้องฟ้าด้านนอกจึงยังคงอึมครึมไร้แสงจากดวงตะวัน ความจริงเขาต้องลุกไปที่ค่ายทหารจัดการเรื่องสายลับจากแคว้นเยี่ย จากนั้นจึงจะเข้าวังไปประชุมในช่วงบ่าย แต่เพราะฝนตกหนักเกินไปและคาดว่าน่าจะตกตลอดทั้งวัน ทางวังจึงส่งคนไปแจ้งกับขุนนางทุกคนว่าประชุมบ่ายวันนี้ถูกยกเลิกลู่เหวินเองก็มาแจ้งข่าวนี้กับเจ้านายของตนเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงเลือกกลับมานอนกอดเจ้าตัวร้ายที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแทน“ท่านไม่ไปทำงานหรือ” นางงัวเงีย“วันนี้ไม่ไป ดูท่าฝนจะตกตลอดทั้งวัน” เว่ยเจิ้งหยางจุมพิตหน้าผากกลมมน มือก็ลูบลงไปสัมผัสแผ่นหลังแบบบางของนาง ร่องรอยบาดแผลที่เกิดจากการถูกโบยในตอนนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ “แผลพวกนี้ เกิดจากเหตุการณ์ครั้งนั้นใช่หรือไม่” ในขณะที่มือก็ลูบไล้แผ่นหลังของนางด้วยความเสน่หานางไม่ตอบแต่พยักหน้า“ให้ข้าจัดการบิดาเจ้าอย่างไรดี” เว่ยจงหมิงพอจะรู้มาบ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง ตอนนั้นเขายังไม่ได้ใส่ใจต่อการม
เขาก้าวไม่กี่ก้าว ฟู่ลี่อิ๋งก็ถูกเอามาวางไว้ที่เตียง บุรุษตัวสูงหันซ้ายหันขวา มองหาหนังสือเล่มนั้นที่เขามอบให้นางเอาไว้“ท่านหาอะไรหรือ”“หนังสือเล่มที่ข้ามอบให้กับเจ้าเอาไว้”หญิงสาวขยับไปเข้าด้านในเตียง และหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากใต้หมอน เขาก็รู้อยู่ว่าหนังสือแบบนี้จะวางประเจิดประเจ้อให้ใครเห็นไม่ได้ คิดว่านางจะวางเอาไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือหรืออย่างไรกัน“เจ้าอ่านถึงหน้าไหนแล้วบ้าง มีติดขัดตรงไหนหรือไม่” เขาถามราวกับว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นตำราเรียนที่ต้องมานั่งทบทวน“....” ฟู่ลี่อิ๋งพูดไม่ออก นางไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรเว่ยจงหมิงขยับไปนั่งที่หัวเตียงพร้อมกับลากนางมานั่งอ่านหนังสือด้วยกันเขาเปิดไปหน้าแรก เป็นภาพที่ชายหนุ่มกำลังกอดก่ายกับสตรี ถัดไปอีกภาพเป็นช่วงที่เขาก้มตัวลงไปกระตุ้นให้ภรรยาเข้าสู่ห้วงแห่งความเสน่หา“เขากระตุ้นร่างกายของนางแบบนี้ใช่หรือไม่” เว่ยจงหมิงใช้มือลูบไล้ผิวกายนวลผ่องของภรรยา ตั้งแต่ต้นคอหยอกล้อบีบเ
ตั้งแต่คืนนั้นเว่ยจงหมิงก็งานรัดตัวจนไม่ได้กลับมาที่จวนอีกหลายวัน แต่บุรุษลามกผู้นั้นส่งหนังสือบางอย่างมาให้นางอ่านและศึกษาเอาไว้ เมื่อนางเปิดอ่านเนื้อหาด้านใน ฟู่ลี่อิ๋งก็แทบอยากจะเป็นลม ซ้ำยังเขียนจดหมายเอาไว้ว่าจะมาตรวจการบ้านจากหนังสือเล่มนี้ในภายหลังนางต้องเก็บหนังสือเล่มนั้นเอาไว้อ่านตามลำพังขนาดเสี่ยวหลงมาถามนางยังไม่กล้าปริปากพูด ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นบุรุษลามกเช่นนี้ นางอยากทุบให้หลังหักกระทั่งช่วงเย็นเขาจึงกลับมาที่บ้านด้วยสภาพมอมแมมคล้ายกับลูกสุนัขตกน้ำ“เจ้าตัวร้ายข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” ยังไม่ทันจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า หรือละวางสิ่งของ เว่ยจงหมิงก็ถลาเข้ามากอดผู้เป็นภรรยาเอาไว้แน่น น่าแปลกที่นางไม่รู้สึกโกรธที่เขาเรียกนางว่าเจ้าตัวร้ายเช่นนี้ แต่กลับรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยเสี่ยวหลงกับลู่เหวินรู้หน้าที่ ทั้งคู่หมุนตัวไปทำหน้าที่ของตนให้เรียบร้อยเพื่อไม่มีให้มีสิ่งขาดตกบกพร่อง“ท่านพี่ ท่านตัวเหม็นมาก” นางใช้สองแขนปกป้องตัวเองเอาไว้ พยายามอย
ตอนที่หมอหลวงออกไปจากเรือนของนาง เด็กชายตัวน้อยก็วิ่งเข้ามาแทน พร้อมกับลู่เจียงที่ยืนรออยู่ด้านนอกมิอาจเข้าไปด้านในตามเด็กชายได้“หวางเฟย” ไคไคน้อยวิ่งเข้ามาท่าทางกระหืดกระหอบฟู่เหยาเหยาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเขาในเวลานี้“อ๋องน้อย ท่านไม่ไปเรียนหนังสือหรือ” เวลานี้เขาควรจะอยู่ที่สำนักศึกษา“ข้าเห็นท่านหมอหลวง มาที่เรือนของหวางเฟย จึงรู้สึกกังวล” เด็กชายพูดโดยที่ไม่มองหน้านาง “เป็นอย่างไร ท่านไม่ได้ป่วยตรงไหนใช่หรือไม่”หญิงสาวได้ยินแล้วก็อมยิ้มออกมาที่แท้ เจ้าเด็กเล็กคนนี้ เข้ามาถึงที่นี่เพราะเป็นห่วงนาง“ข้าสบายดี” ฟู่เหยาเหยาตอบ“งั้นก็ดีแล้ว ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว”พูดจบเขาก็วิ่งหายตัวออกไปนางกำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น มือเล็กกุมวนเวียนอยู่ที่หน้าท้องของตนพร้อมกับคิดถึงเส้นทางที่นางเลือก จู่ ๆ หัวสมองของนางก็คิดถึงการหย่า นางคิดว่าพระเอ