Share

ตอนที่ 3 ในฝัน 1.2

last update Dernière mise à jour: 2025-08-01 23:41:18

คริสต์ศักราช 2015

ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

 “กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง!” เสียงกระดิ่งลมพัดพลิ้วต้องกับกระแสลมแรง พร้อมกลิ่นหอมรัญจวนจิตของหมู่มวลดอกไม้หอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ 

 ท่ามกลางดอกไม้หลากสี รูปร่างแลให้ชวนมองน่าหลงใหล มองเลยไปปรากฏประตูที่มีลวดลายสะท้อนอารยธรรมของชนชาติจีน ทว่าสถาปัตย-กรรมดังกล่าวกลับมิใช่สมัยใหม่แต่แลดูคล้ายสมัยโบราณเสียนี่กระไร ประตูตรงหน้าปิดสนิทถูกฉาบด้วยสีแดง พร้อมแผ่นป้ายชื่อขนาดใหญ่วางตั้งเหนือไว้บนขอบประตูเบื้องบน เขียนด้วยตัวอักษรจีนโบราณระบุว่า เฉี่ยนเก้อลากุง แปลว่า “ตำหนักจันทรา”

 “ชิงเชียง! ชิงเชียงจ๋า” เสียงทุ้มละมุนกระซิบแผ่วเพรียกหาเจ้าของนามดังกล่าว

 ใบหน้าละมุนสวยคมเซ็กซี่รับกับผมสีดำขลับขึ้นเป็นมันเงางดงามประดุจดั่งเช่นชาวเอเชียหากแต่มีเลือดผสมสองชาติคือไทยและจีน ดวงหน้าเริ่มส่ายไปมาเมื่อได้ยินเสียงเพรียกหานั้นราวกับว่าเสียงดังกล่าวอยู่แนบชิดริมหูของเธอก็ว่าได้

 “จ๋า!” เสียงหวานตอบเสียงเพรียกหาปริศนานั้นกลับไปทั้งๆ ที่กำลังหลับสนิท

 “ชิงเชียงจ๋า มาหาข้าเถิด ข้ารอคอยเจ้ามานานแสนนานแล้วรู้หรือไม่” เสียงเพรียกหานั้นยังคงกล่าวกับเธอ

 “ไม่รู้” เธอตอบกลับไปเสียงแผ่วเบาทั้งๆ ที่ยังคงหลับสนิทอยู่เช่นเดิม

 ทันใดนั้นเอง

 “พรึ่บ!” ดวงตากลมโตคู่สวยพลันเปิดขึ้นมาทันใดครั้นเมื่อรู้สึกตัว ร่างระหงลุกพรวดพราดมาอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิจากที่นอนอันหนานุ่มพลางสังเกตไปรอบๆ ห้องของเธออย่างละเอียด

 “โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง” หญิงสาวเกิดอาการเซ็งขึ้นมาทันทีเมื่อล่วงรู้ว่าเสียงที่เธอได้ยินนั้นมาจากความฝันของเธออีกแล้ว

 “เฮ้อ!” เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 “ทำไมเราถึงฝันว่าได้ยินคนเรียกชื่อบ่อยจังเลยนะ ได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เคยฝันเห็นตัวตนคนเรียกสักที ฝันซ้ำๆ กันแบบนี้มาไม่รู้กี่ปีแล้ว จนจำเสียงคนเรียกได้ดีเลย” หญิงสาวนั่งครุ่นคิดอยู่ภายในใจ 

 “กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!” เสียงโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแผดเสียงกึกก้องขึ้นมาทันที เล่นเอาร่างระหงที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ในขณะนั้นสะดุ้งจนสุดตัว

 “โอ๊ย! ตกใจหมดเลย เที่ยงคืนกว่าแล้วใครกันนะโทรมาป่านนี้” สาวเจ้าบ่นพึมพำพร้อมมือเรียวสวยเอื้อมหยิบโทรศัพท์ออกจากแป้นตัวเครื่องนำมาแนบหูของเธอ

 “ริณรนีย์พูดสายค่ะ” เสียงหวานตอบกลับไป

 “ยายหนู” ปลายสายตอบกลับมาและนั่นทำให้หญิงสาวดีใจอย่างยิ่งยวดที่ได้ยินเสียงดังกล่าว

 “คุณแม่! ดีใจจังเลยค่ะที่คุณแม่โทรมา ริณคิดถึงคุณแม่กับคุณพ่อจังเลยค่ะ” หญิงสาวบอกตามความรู้สึกของเธอกลับไปทำให้เสียงปลายสายอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

 “อะไรกันจ๊ะยายหนู แม่กับพ่อเพิ่งจะบินกลับมาจากเยี่ยมหนูนะลูก เพิ่งห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง แล้วนี่แม่กวนหนูหรือเปล่า ทางนั้นคงดึกมากแล้วกระมัง แต่ก็อยากบอกหนูว่าพ่อกับแม่เดินทางถึงบ้านเราที่เมืองไทยเรียบร้อยแล้ว จะได้ไม่ต้องห่วง”

 ใบหน้าสวยยิ้มหวานออกมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 “ถ้าคุณแม่ไม่โทรมาริณก็จะเป็นฝ่ายโทรไปเองค่ะ คุณวิลาสินีเจ้าขา” หญิงสาวบอกกลับไปตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่ พร้อมนึกอะไรบางอย่างที่อยากจะถามมารดาของเธอ

 “เอ่อ คุณแม่คะ ริณขอถามอะไรหน่อยจะได้ไหม”

 “จะถามอะไรแม่อย่างนั้นเหรอลูก... มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เสียงของคนเป็นแม่เอ่ยตอบปลายสายกลับมาแฝงเร้นความสงสัย

 “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกค่ะ แค่เพียงความสงสัยเรื่องชื่อจีนของริณเท่านั้นค่ะ”

 “อ่อ... นึกว่าเรื่องอะไร ทำไมถึงสงสัยชื่อจีนของลูกขึ้นมาล่ะ”

 “คุณพ่อคุณแม่บอกว่า ริณมีชื่อในภาษาจีนว่า ชิงเชียง ชื่อนี้คุณชวดสั่งเอาไว้ว่าให้ตั้งชื่อสำหรับลูกหลานที่เกิดเป็นผู้หญิง แล้วตระกูลฟ่านของคุณพ่อที่จีนแผ่นดินใหญ่มีใครใช้ชื่อนี้เหมือนริณบ้างคะคุณแม่” หญิงสาวบอกรายละเอียดในสิ่งที่เธอต้องการรู้และสงสัยมานาน

 “ไม่มีจ้ะ” คำตอบสั้นๆ กระชับรวบรัดของมารดาทำให้ดวงตากลมโตของเจ้าหล่อนเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน

 “อะไรนะคะ! ไม่เคยมีใครใช้ชื่อนี้เลยอย่างนั้นเลยเหรอ... เป็นไปได้ยังไง” หญิงสาวพึมพำไปตามสายโทรศัพท์

 “เป็นไปแล้วจ้ะยายหนู ตระกูลฟ่านของคุณพ่อมีแต่ลูกชายสืบเชื้อสายมาแต่โบราณนับรุ่นต่อรุ่น และไม่เคยมีลูกสาวเกิดขึ้นภายในตระกูลแม้แต่คนเดียว เพราะในสมัยโบราณส่วนใหญ่จะอายุไม่ยืน สงครามในสมัยก่อนทำให้ผู้ชายต้องออกรบทำศึกสงคราม จนกระทั่งมาถึงรุ่นคุณพ่อ คุณย่าท่านก็มีแต่ลูกชายถึงเก้าคน พี่น้องแต่ละคนก็มีแต่ลูกชายจนกระทั่งคุณพ่อแต่งงานกับแม่และมีหนูเกิดมานี่แหละจ้ะ” เสียงของคุณวิลาสินีอธิบายกลับมา

 หญิงสาวนั่งทำตาปริบๆ เมื่อได้ยินที่มาซึ่งเป็นชื่อจีนของเธอ

 “ถ้าเช่นนั้นชื่อจีนบวกกับแซ่ของคุณพ่อ ริณก็จะมีชื่อในภาษาจีนว่า ฟ่านชิงเชียง... อือหือ ฟังแล้วเพราะจังเลยค่ะคุณแม่” หญิงสาวทบทวนชื่อภาษาจีนของเธอด้วยความภาคภูมิใจ

 “ไม่ได้เพราะอย่างเดียว ความหมายของชื่อก็ลงตัวและดีมากด้วยนะลูก” คุณวิลาสินีบอกลูกสาว

 “อย่างนั้นเหรอคะ แล้วแปลออกมาหมายความว่าอะไรคะคุณแม่” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้

 “แปลว่า งดงามและสง่างามจ้ะ ชื่อนี้ใช้สำหรับผู้หญิงที่มีรูปโฉมงดงาม และริณของแม่ก็เหมาะสมกับชื่อนี้จริงๆ” คนเป็นแม่กล่าวชื่นชมบุตรสาวของเธอ

 “แต่ถ้าจะให้ดีอย่าปล่อยให้ตัวเองต้องขึ้นคานนะลูก เรียนหนังสืออยู่ที่อังกฤษตั้งแต่เด็กจนตอนนี้เรียนจะจบปริญญาตรีแล้วก็ยังจะเรียนต่อระดับปริญญาโทและเอกอีก อายุก็จะเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะลูก เมื่อไรจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนพามาให้แม่กับพ่อได้รู้จักบ้าง เอาแต่เรียนหนังสืออย่างเดียวจากสาวจะกลายเป็นป้าแล้ว พอถึงตอนนั้นพอแก่ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากได้ลูกแม่อีกแล้วตอนนั้น” คุณวิลาสินีบ่นกระปอดกระแปดกับการบ้าเรียนของลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ

 ริณรณีย์ยิ้มแห้งๆ ออกมาเพราะเธอล่วงรู้แก่ใจดีว่าสาเหตุการบ้าเรียนของเธอก็เพราะไม่ต้องการให้คุณพ่อคุณแม่หาคู่ตามประเพณีจีนซึ่งเธอไม่พึงประสงค์เอาเสียเลย

 “คุณแม่ไม่ดีใจเหรอคะที่ริณได้เรียนในคณะสถาปัตยจากมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก ตอนนี้มีบริษัทมาติดต่อลูกสาวของคุณแม่ให้ไปทำงานกับพวกเขาแล้วนะคะ ดูสิ ยังเรียนไม่ทันจบเลยมีงานมารอตรง หน้าแล้ว”

 “ย่ะ... แม่คนเก่ง... รู้แล้วล่ะว่ามหาวิทยาลัยที่อุตส่าห์ไปเรียนมีชื่อ เสียงและไม่ต้องกลัวว่าจะตกงาน แต่คุณพ่อก็เป็นห่วงเพราะท่านเจ้าสัวแห่งตระกูลฟ่านมีลูกสาวเพียงคนเดียว ยังไงเสียรีบเรียนให้จบจะได้กลับมาหาพ่อกับแม่นะลูก” คุณวิลาสินีไม่วายย้ำกับลูกสาวคนเดียวของนาง

 “เจ้าค่ะคุณแม่ขา ริณจะรีบเรียนให้จบเร็วๆ ค่ะ อีกห้าปีก็จบแล้วทั้งโทและเอกเลย ทันทีที่จบจะรีบบินกลับเมืองไทยเลยค่ะ” หญิงสาวทำเสียงล้อเลียน

 “โอ๊ย อีกตั้งห้าปีเลยเหรอยายหนู มาเรียนต่อที่เมืองไทยหรือไม่ก็ไปเรียนต่อที่เมืองจีนก็ได้ กิจการที่จีนแผ่นดินใหญ่ก็ตั้งมากมาย พ่อกับแม่ก็บินไปบินมาแทบทุกเดือนระหว่างเมืองไทยกับเมืองจีน นี่อะไรไปเรียนอยู่ถึงอังกฤษไกลเสียเหลือเกิน” คนเป็นแม่บ่นเป็นหมีกินผึ้งมิรู้วาย

 “ก็คุณแม่อย่านั่งนับเดือนนับปีสิคะ ห้าปีแป๊บเดียวเอง อีกอย่างริณไม่อยากให้ใครมาว่าคุณพ่อคุณแม่ว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่จากแผ่นดินจีน ท่านเจ้าสัวตฤณ หรืออีกชื่อคือท่านเจ้าสัวฟ่านเต๋อหมิงกับคุณวิลาสินี มีความรู้แค่หางอึ่งสังคมไฮโซของคุณแม่จะเอาไปเม้าท์มอย จนสนุกปากว่าริณเป็นพวกประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ สวยแบบไม่มีสมอง มีดีแค่มีเงินและเกิดมาเป็นลูกของท่านเจ้าสัวค่ะ” หญิงสาวอธิบายเหตุผลกลับไป และนั่นทำให้คุณวิลาสินีไม่เซ้าซี้ลูกสาวของเธออีกต่อไป

 “เฮ้อ! ยกเหตุผลมาอธิบายแบบนี้ แม่ก็ต้องยอมแพ้สินะ เอาเถอะแม่กับคุณพ่อจะรอ คิดถึงนะคนดีของแม่ ดึกแล้วนอนเถอะจ้ะ แม่ไม่กวนแล้ว รักริณมากนะลูก” เสียงของคนเป็นแม่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและหวงลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอเป็นยิ่งนัก

 “ริณรักคุณพ่อคุณแม่มากค่ะ ฝันดีนะคะ” เสียงหวานตอบกลับไปแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ วางโทรศัพท์ลงบนแป้นเครื่องรับดั่งเดิม

 ดวงตาคู่สวยเหม่อมองออกไปทางหน้าต่างของคอนโด ซึ่งตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเทมส์ ภายนอกอากาศเย็นยะเยืยกเพราะกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวและอีกไม่นานหิมะก็กำลังจะตก ร่างระหงลุกขึ้นจากเตียงนอนช้าๆ ก้าวเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะยืนเอนหลังพิงไปกับกำแพง หญิงสาวเหม่อมองสายน้ำตรงหน้าที่สะท้อนเงาของดวงจันทร์อยู่บนเหนือสายน้ำนั่น

 “อยากรู้จังเลยว่าเสียงของเขาคนนั้นมาจากไหน เป็นใครกันนะ ได้ยินตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ อายุของฉันก็ยี่สิบแล้วยังได้ยินเสียงเรียกนั้นอยู่เลย และทำไมจะต้องได้ยินเพียงคนเดียวอยากรู้จัง” สาวน้อยคนงามยืนพึมพำและเฝ้าครุ่นคิดถึงเสียงเพรียกหาดังกล่าว พลางเหม่อมองพระจันทร์อยู่เช่นนั้นนิ่งนาน

 ดวงตากลมโตได้แต่เหม่อมองพระจันทร์ที่กำลังลอยเด่นอยู่บนผืนฟ้าด้วยความหวัง ว่าสักวันเธอคงจะมีโอกาสได้พบกับเจ้าของเสียงเพรียกหานั้น โดยหารู้ไม่ว่า ณ กาลเวลาอันไกลโพ้นในอดีตกาล บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็กำลังแหงนหน้าเหม่อมองพระจันทร์อยู่ในขณะนี้เช่นเดียวกัน ภายในใจของทั้งสองรำพึงออกมาอย่างพร้อมเพรียง

 “จะมีสักวันไหมที่เราสองคนจะมีโอกาสได้พบกัน สักเพียงครั้งก็ยังดี” เสียงร่ำร้องจากหัวใจในอดีตกาลเปล่งออกมาพร้อมกันกับเสียงเพรียกหาจากหัวใจในยุคปัจจุบันอย่างมิได้นัดหมาย

 ความรักของทั้งสองถือกำเนิดขึ้นมาอย่างเงียบๆ ภายในหัวใจของคนทั้งคู่ หากแต่รักนั้นข้ามชาติภพอย่างอัศจรรย์ จะมีสักวันหรือไม่นั้นที่ทั้งสองจะได้มีโอกาสพบกัน หัวใจของทั้งสองได้แต่เฝ้ารอคอยว่าวันนั้นคงเป็นจริงไม่วันใดก็วันหนึ่ง

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 73 บทส่งท้าย (อวสาน)

    ยุคปัจจุบันพระตำหนักจันทรา“กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง!” เสียงกระดิ่งลมส่งเสียงก้องกังวานไพเราะเสนาะหูเป็นยิ่งนักดอกโบตั๋นหลากสีส่งกลิ่นหอมขจรขจายไปทั่วบริเวณ จนเข้ามาถึงห้องนอนใหญ่ของฟ่านชิงเชียง ซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านเจ้าสัวฟ่านเต๋อหมิงและคุณวิลาสินีภรรยาชาวไทยสองสามีภรรยาย้ายมาอยู่ในห้องนอนของลูกสาวเพียงคนเดียวหลังจากที่ได้เห็นการหายตัวไปอย่างน่าอัศจรรย์ต่อหน้าต่อตาคนทั้งคู่ รวมไปถึงอู๋หงฮุยเพื่อนสนิทของท่านเจ้าสัวด้วยเช่นกันนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ลูกสาวเพียงคนเดียวของทั้งสองได้หายไปในที่ไหนสักแห่งในยุคอดีตย้อนกลับไปหลายพันปีก่อนของแผ่นดินจีนในสมัยโบราณท่านเจ้าสัวพยายามค้นหาและศึกษาตำราวิชาการมากมายเพื่อให้ได้ล่วงรู้ที่มาที่ไป ของเส้นคู่ขนานที่เชื่อมต่อกับยุคอดีตและยุคปัจจุบัน หวังไว้ว่าสักวันหนึ่งจะได้พบหน้าลูกสาวเพียงคนเดียวอีกสักครั้ง ร่างใหญ่ของท่านเจ้าสัวกำลังนั่งอ่านหนังสือประวัติศาสตร์อยู่ที่โต๊ะทำงานของชิงเชียง โดยมีคุณวิลาสินีนั่งถั

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 72 ลิขิตแห่งรัก 1.2

    ห้องทรงพระอักษรรายงานมากมายจากขุนนางน้อยใหญ่วางไว้เต็มโต๊ะทรงพระอักษร ฉินอ๋องรูปงามทรงอ่านรายงานเหล่านั้นทุกตัวอักษรและพิจารณาไปด้วยพร้อมกัน ก่อนจะเงยพระพักตร์ขึ้นเมื่อขันทีคนสนิทนำกล่องไม้เครื่องประดับมาวางไว้ตรงหน้าพระพักตร์“เจ้าเอาอะไรมาให้ข้ารึ!” รับสั่งถามด้วยความแปลกพระทัย“หยกจันทราของฝ่าบาทที่ฟ่านอ๋องส่งกลับคืนมา และกำไลหยกของแคว้นฟ่านที่จะต้องส่งกลับคืนไปทั้งสองสิ่งอยู่ภายในกล่องไม้เครื่องประดับนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ รอเพียงพระราชสาสน์ที่จะส่งไปพร้อมกับคืนกำไลหยกให้แก่องค์หญิงชิงเชียงพ่ะย่ะค่ะ” สิ้นเสียงกราบทูลภายในหัวใจเจ้าผู้ครองแคว้นฉินในขณะนี้สะดุดกับพระนามองค์หญิงจากแคว้นฟ่านขึ้นมาทันที“ชิงเชียง!” รับสั่งสุรเสียงเบา ก่อนจะปรากฏภาพเลือนรางขึ้น มาในความทรงจำ สตรีร่างงามระหง ผมดำยาวสลวยจนถึงเอวหากแต่ใบหน้ากลับเลือนราง พร้อมเสียงเรียกในมโนจิต“ชิงเชียงจ๋า!” ในภวังค์เรียกโฉมงามเช่นนั้น“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” เสียงของเฮ่าหรานเรียกเจ

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 71 ลิขิตแห่งรัก 1.1

    หนึ่งปีผ่านไปแคว้นฟ่านพระราชวังมังกรหิมะ“แปะ!” หยาดน้ำตาร่วงรินตกลงสู่พื้นด้วยความเศร้าทุกข์ระทมเป็นยิ่งนักใบหน้างามแสนสวยของชิงเชียง ซึ่งบัดนี้คือพระราชธิดาของฟ่านซานกงหรือฟ่านอ๋องและอู๋หยู่เหยี่ยนหรืออู๋ฮองเฮา ทั้งสองพระองค์แท้จริงแล้วคืออดีตชาติของเจ้าสัวฟ่านเต๋อหมิงและคุณวิลาสินี ภรรยาชาวไทยนั่นเอง แม้ว่าหญิงสาวจะพลัดพรากบิดาและมารดาในยุคปัจจุบันย้อนกลับมาอยู่ในยุคอดีตก็ตามทว่าในยุคอดีตแห่งนี้เธอได้พบกับบิดาและมารดาอีกครั้งในชาติอดีตของทั้งสองนั่นเอง เรื่องเล่าและตำนานต่างๆ ที่ตระกูลฟ่านเล่าขานกันต่อๆ มา แท้จริงแล้วก็คือเรื่องของเธอนั่นเอง ชิงเชียงกลับมาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในแคว้นฟ่านกับบิดาและมารดาในอดีตชาติ ณ พระราชวังมังกรหิมะ อันห่างไกลจากแคว้นอื่นๆ มีเอกภาพและการปกครองที่มีประสิทธิภาพนับตั้งแต่ชิงเชียงได้หวนคืนกลับมา เธอใช้วิชาความรู้ทั้งหมดในยุคปัจจุบันพัฒนาแคว้นที่ห่างไกลเจริญขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งปลูกสร้างมากมายเธอก็ใช้ความรู้ในยุคปัจจุบันมาปรับใช้ ตำหนักน้ำแข็งเป็นผลงานชิ้

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 70 หนีให้ไกลไปสุดหล้า 1.4

    ท่ามกลางสายพระเนตรของฉีอ๋อง ยังทรงยืนหาได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด ความลำพองคิดว่าตนมีเครื่องมือทำลายล้างผู้อื่นจึงคิดว่ามีชัยเหนือผู้ใดทั่วหล้า ขวดยาพิษหมื่นบุปผาถูกเก็บเข้าไปไว้ในผ้าคาดเอวของพระองค์ ก่อนจะบังคับม้าที่ทรงประทับอยู่ตรงไปที่เจ้าผู้ครองแคว้นฉิน หมายมุ่งเอาชีวิตเพื่อยึดครองแคว้นอันยิ่งใหญ่และหญิงงามซึ่งเป็นรักแรกพบของพระองค์ให้ตกมาเป็นของตนให้จงได้ในขณะเดียวกันร่างระหงของชิงเชียงอยู่บนหลังม้ากับเจ้าผู้ครองแคว้นฉิน ทั้งสองต่างช่วยกันไล่ฟาดฟันกองทหารของแคว้นฉีและแคว้นหานที่กำลังดาหน้าเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ โดยมีเยี่ยฉางอยู่บนหลังม้าอีกตัวหนึ่ง คอยระแวดระวังภัยถวายอารักขาให้กับฉินอ๋องและองค์หญิงของตนทันใดนั้นเองเสียงฝีเท้าม้าจำนวนมากกำลังวิ่งตรงมาจากพรมแดนอันเป็นเขตรอยต่อของแคว้นเหยี่ยนและแคว้นฟ่าน ทั้งสองแคว้นส่งกองกำลังทหารมาช่วยเจ้าผู้ครองแคว้นฉินและช่วยพระราชธิดาเพียงหนึ่งเดียวของฟ่านซ่านกง“ทหารจากแคว้นเหยี่ยนและแคว้นฟ่านมาช่วยแล้วฝ่าบาท!” เยี่ยฉางตะโกนบอกฉินอ๋องด้วยความดีใจพระพักตร์หล่อเหลาแย้มพระโอษฐ์กว้างด้ว

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 69 หนีให้ไกลไปสุดหล้า 1.3

    ณ จุดพรมแดนแคว้นฉี ห้าชีวิตของสี่บุรุษและหนึ่งสตรีกำลังเดินเข้าเขตพรมแดนแคว้นเหยี่ยนเพื่อไปให้ถึงถ้ำหิมะ ซึ่งถ้ำดังกล่าวอยู่ในเขตพรมแดนของแคว้นฟ่าน ด้วยเช่นกันครึ่งหนึ่ง จึงเป็นจุดนัดพบของทั้งสองแคว้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งกองทหารจากแคว้นฟ่านและกองทหารองครักษ์จากแคว้นฉินของฉินเสวี้ยนกง กำลังรอคอยเจ้าผู้ครองแคว้นและองค์หญิงชิงเชียงจากแคว้นฟ่าน ซึ่งฟ่านซานกงหรือฟ่านอ๋องทรงรอคอยพระราชธิดาเพียงหนึ่งเดียวอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับองค์รัชทายาท อีกเพียงสี่ชั่วยามก็จะเข้าสู่พรมแดนของแคว้นเหยี่ยน ซึ่งจะทำให้กองทหารของแคว้นฉีติดตามได้ยากลำบากมากขึ้น เพราะทันทีที่พ้นเขาสูงเบื้องหน้าก็จะต้องพบกับหิมะและน้ำแข็งไปทั่วทุกพื้นที่เลยเดียว หญิงสาวในชุดคลุมอย่างมิดชิดทำมาจากขนสุนัขจิ้งจอกกำลังเดินฝ่าความหนาวเหน็บ ท่ามกลางหิมะที่เริ่มโปรยปราย ใบหน้างามเปล่งปลั่งเป็นสีชมพูและริมฝีปากอวบอิ่มแดงแจ๋ เพราะถูกความเย็นขับออกมาจนคนตัวใหญ่ข้างกายต้องคอยหันกลับมามองใบหน้างามนั้นอยู่ตลอดเวลาจนต้อง

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 67 หนีให้ไกลไปสุดหล้า 1.1

    ภายในคุกหลวง ยามสาม คบไฟพวยพุ่งอยู่ภายในคุกหลวง ถูกมือปริศนาพันด้วยผ้าสีดำจนมิดชิดกำลังโรยผงสีขาวลงบนเปลวเพลิงไปทุกจุดส่งกลิ่นและควันขาวตลบอบอวลไปทั่ว เพียงครู่บรรดาทหารหลวงที่ยืนเฝ้ายามตามจุดที่ได้รับมอบหมายค่อยๆ ยืนโงนเงนไปมาก่อนจะทรุดฮวบลงไปกับพื้นทันที ร่างสันทัดในชุดสีดำทะมึนปกปิดหน้าตาอย่างมิดชิดด้วยผ้าสีดำสนิทตลอดทั้งศีรษะและใบหน้า เหลือเพียงดวงตาเอาไว้เท่านั้น ครั้นเห็นทหารที่เฝ้าเวรยามอยู่ในคุกต่างพากันหมดสติเพราะผงหลงลืมอดีตราชองครักษ์ของแคว้นฟ่านในชุดสีดำทะมึนดังกล่าวปรากฏตัวมาพร้อมกับราชองครักษ์ของแคว้นฉินอีกสองนาย ซึ่งเพิ่งหนีรอดไปเมื่อวานได้หวนกลับมาสืบข่าวคราวเจ้าผู้ครองแคว้นของตน จนล่วงรู้แผนการใหม่ล่าสุดขององค์หญิงชิงเชียง ราชองครักษ์ทั้งสามปรากฏตัวขึ้นภายในห้องคุมขังของฉินอ๋องรูปงาม ก่อนจะตรงดิ่งเข้าไปปลดโซ่ตรวนที่ล่ามพระวรกายอยู่ในขณะนั้นให้เป็นอิสระ &

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status