Share

ตอนที่ 2 ในฝัน 1.1

last update Last Updated: 2025-08-01 23:40:41

แคว้นฉิน

 ณ เมืองหลวงเสียนหยาง

 ตำหนักเฉี่ยนเก้อลากุง (ตำหนักจันทรา)

 ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ภายในพระราชวังหลวงกำลังอยู่ในระหว่างเปลี่ยนเวรยาม ทหารรักษาการณ์ผลัดใหม่ต่างเริ่มทยอยมาสับเปลี่ยนเวรยามเพื่อคอยถวายอารักขา เจ้าผู้ครองแคว้นและเชื้อพระวงศ์ซึ่งประทับอยู่ภายในพระราชวังหลวงเมืองเสียนหยาง ทหารยามต่างทยอยแยกย้ายไปตามแต่ละตำหนักทั้งด้านนอกและด้านใน

 กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกโบตั๋นหลากสีส่งกลิ่นรัญจวนฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณตำหนักเฉี่ยนเก้อลากุงหรือตำหนักจันทรา ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์ชายรอง พระนาม ฉินเสวี้ยนกง โอรสองค์ที่สองของฉินมู่กงซึ่งประสูติจากเหยี่ยนฮองเฮา ในยามนี้ทั่วพระตำหนักเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกโบตั๋นกำลังส่งกลิ่นขจรกระจายไปทั่วบริเวณ

 ประตูพระตำหนักปิดสนิทด้วยเวลานี้คือยามวิกาล ภายในห้องพระบรรทม องค์ชายรองซึ่งมีพระชันษาก้าวเข้าสู่ปีที่ยี่สิบ กำลังบรรทมอยู่ภายในตำหนักดังกล่าว 

 “กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง!”

 กระแสลมอ่อนๆ พัดพลิ้วไหวไปมาจนเหล่าดอกโบตั๋นเอนไหวลู่ลม และเสียงกระดิ่งลมที่ทำมาจากดินเผาถูกแขวนไว้ตรงหน้าพระตำหนักเพื่อใช้สังเกตทิศทางลมดังก้องกังวานอยู่เป็นระยะๆ ช่วงเวลาดังกล่าว องค์ชายรองเข้าสู่ภวังค์แห่งความฝัน

 ตำหนักจันทราที่ปิดสนิท บัดนี้กลับถูกมือเรียวสวยของอิสตรีปริศนากำลังเปิดประตูพระตำหนักจนร่างระหงดังกล่าวก้าวเดินเข้ามาภายใน ก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าไปภายในห้องพระบรรทม

 “จงหยุดเดี๋ยวนี้นะ! นั่นเจ้าเป็นใคร! เข้ามาในตำหนักของข้าทำไมกัน!” สุรเสียงตวาดก้องขึ้นมาทันที ครั้นเมื่อองค์ชายรองทอดพระเนตรร่างระหงของอิสตรีแปลกหน้า จู่ๆ ก็เดินเข้ามาภายในพระตำหนักส่วนพระองค์และมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูที่ขวางกั้นด้วยผ้าม่านสีขาวขุ่น

 หากแต่นางกลับเงียบงัน มิมีเสียงตอบใดๆ เล็ดลอดกลับมาสักเพียงคำ พระเนตรสีนิลคมกล้าทอดพระเนตรร่างงามระหงตรงหน้าพระพักตร์ พลางพยายามเพ่งพิจารณาใบหน้าของนาง ทว่ากลับมิสามารถทอดพระเนตรรูปโฉมได้อย่างชัดเจน จนต้องสะบัดพระเศียรไปมาอย่างแรงเพื่อขับไล่ความง่วงงุน

 “ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร! เป็นนางกำนัลใหม่อย่างนั้นรึ!” รับสั่งถามออกไปพร้อมปรับสายพระเนตรหลังหายจากอาการง่วงนอน

 “ฉันไม่ใช่นางกำนัล” เสียงนั้นตอบกลับมาแผ่วเบา

 พระขนงเข้มได้รูปสวยขมวดเข้าหากันเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น

 “พูดจาพิกลนัก พูดอะไรของเจ้า! หากแม้นไม่ใช่นางกำนัลแล้วเข้ามาในตำหนักของข้าทำไม มิหนำซ้ำยังกล้าเดินเข้ามาจนถึงห้องส่วนตัวของข้าอีก มิกลัวหัวของเจ้าจะหลุดออกจากบ่าเช่นนั้นรึ!” รับสั่งตวาดถามกลับไป

 ร่างระหงยืนนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 “ฉันไม่กลัวเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด แค่กำลังหาทางกลับบ้านเท่านั้น เอง” เสียงหวานนั้นตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้านว่าจะได้รับโทษทัณฑ์ถึงแก่ชีวิตแต่อย่างใด

 “ปัง!” พระหัตถ์หนาตบลงบนแท่นพระบรรทมด้วยทรงพิโรธเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 “บังอาจ! เจ้าหาญกล้าเจรจากับข้าเยี่ยงนี้เชียวรึ! เห็นชัดว่าเข้ามาในตำหนักของข้าในยามวิกาล ยังจะมาบอกว่าหาทางกลับบ้าน นี่มันคือพระราชวังหลวงเสียนหยาง หาใช่บ้านของเจ้าแต่อย่างใดไม่” รับสั่งพร้อมทรงลุกยืน พร้อมเสด็จลงจากแท่นพระบรรทมอย่างรวดเร็ว 

 พระหัตถ์หนาคว้าดาบที่วางอยู่บนโต๊ะข้างแท่นพระบรรทม กระชากออกจากฝักเผยให้เห็นคมดาบวาววับสะท้อนกับแสงไฟของตะเกียงที่จุดอยู่ พระวรกายสูงใหญ่เสด็จพระดำเนินตรงไปที่ร่างระหงของสตรีปริศนาที่ยืนอยู่หลังม่านสีขาวนั้นทันที ก่อนจะจ่อปลายดาบไปที่ลำคอของนาง

 หากแต่เพียงครู่ดวงเนตรสีนิลกาฬกลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัย เมื่อสตรีตรงหน้าพระพักตร์กลับมิได้มีท่าทีตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ปลายดาบของพระองค์กำลังจ่อไปที่คอหอยของนาง

 “เจ้าเป็นใครกันแน่ จะบอกว่าเจ้าเป็นนักฆ่าที่แคว้นอื่นๆ ส่งมาหมายปองชีวิตข้าก็มิเห็นดาบคู่กายแม้แต่น้อย ครั้นดาบของข้าจดจ่ออยู่ที่คอของเจ้า หากแม้นออกแรงลงมือฟันเพียงครั้งเดียว หัวของเจ้าต้องหลุดกระเด็น แต่ดูเจ้ารึ มิตื่นตระหนกแต่อย่างใด นี่เจ้าเป็นใครจงบอกข้ามา! มีชื่อว่ากระไร เหตุใดจึงเข้ามาในตำหนักของข้า!” รับสั่งถามสุรเสียงเอ็ดอึง หากแต่คำตอบที่ได้รับยังคงมีแต่ความเงียบงันอยู่เช่นเดิม

 “ว่ายังไง ไม่ได้ยินที่ข้าถามหรอกรึ! เป็นใบ้หรือไง! แต่ไม่ใช่สิ เมื่อครู่ที่ผ่านมาเจ้ายังตอบคำถามของข้าอยู่เลย” องค์ชายรองรับสั่งพึมพำ ก่อนจะได้ยินเสียงหวานนั้นเอ่ยตอบกลับมา

 “ฉันก็เป็นคนเหมือนคุณนั่นแหละ และก็ไม่รู้ว่าเข้ามาในนี้ได้ยังไง แค่กำลังหาทางกลับบ้านก็เท่านั้นเอง” เสียงหวานนั้นยังคงพร่ำบอกอยู่เช่นเดิม

 คำตอบอันแสนพิลึกและนางยังคงตอบพระองค์เหมือนเดิมทำให้องค์ชายฉินเสวี้ยนกงต้องขมวดพระขนงเข้าหากันอีกครา

 “หาทางกลับบ้านอย่างนั้นเหรอ! นี่เจ้าพูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องเลย ข้าบอกแล้วไงว่านี่คือตำหนักของข้า และเจ้ากำลังบุกรุกตำหนักส่วนตัวของข้าอยู่ในขณะนี้ แล้วนี่เจ้าชื่ออะไร!” รับสั่งถามกลับไปอีกครั้ง

 ใบหน้าที่อยู่หลังม่านสีขาวเงยหน้ามองพระองค์ผ่านม่านบังตาดังกล่าวก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป

 “ข้าแซ่ฟ่าน ชื่อว่าชิงเชียง เรียกข้าว่าชิงเชียงจ๋าก็ได้” โฉมงามตอบกลับไปสั้นๆ

 “ฟ่านชิงเชียง อย่างนั้นเหรอ นี่เจ้ามาจากตระกูลฟ่าน อย่างนั้นหรือนี่” รับสั่งถึงหนึ่งในตระกูลใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นฟ่าน อยู่ทางตะวันออกของแคว้นฉิน พระขนงเข้มขมวดเข้าหากันครั้นทรงทบทวนชื่อของหญิงปริศนาตรงพระพักตร์ 

 “แต่เหตุใดชื่อของเจ้าจึงฟังแลดูพิลึกชอบกลนัก... ชิงเชียงจ๋า” รับสั่งถามกลับไปด้วยความสงสัย หากแต่เพียงครู่กลับทรงยืนชะงักงันเมื่อรับสั่งชื่อของนางด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างยิ่งยวด

 “ฉันชอบให้คุณเรียกชื่อของฉันแบบนี้” เสียงหวานบอกความต้อง การจากส่วนลึกภายในใจ 

 องค์ชายฉินเสวี้ยนกงหรี่พระเนตรลงพร้อมหันกลับไปทอดพระเนตรสตรีปริศนาที่อยู่หลังม่านสีขาวดังกล่าว ภายในพระทัยทรงต้องการทอดพระเนตรโฉมหน้าของนางให้ชัดเจน 

 ทันใดนั้นเองพระหัตถ์หนายกดาบยาวคมกริบตวัดฟันผ้าม่านบางเบาตรงหน้าจนขาดออกจากกันทันที ด้วยความรำคาญพระทัยอย่างยิ่งยวด

 “ฉัวะ!” ผ้าม่านสีขาวลออตาขาดออกจากกันทันใด จนเผยให้เห็นร่างงามระหงยืนอยู่หลังม่านนั้น

 ใบหน้าสวยคม ขับกับเส้นผมสีดำเงางามยาวสลวยเผยให้พระองค์เห็นเพียงแวบเดียวก่อนจะเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา รอยยิ้มละไมส่งยิ้มหวานให้จนองค์ชายรองถึงกับชะงักงันไปชั่วขณะ มีเพียงเส้นผมสีดำสนิทที่ถูกคมของปลายดาบตวัดออกมาจนร่วงหล่นตกอยู่ที่พื้น

 พระวรกายสูงใหญ่ ทรงยืนนิ่งงันไม่ไหวติงราวกับว่าถูกสาป เมื่อได้ทอดพระเนตรรอยยิ้มหวานของหญิงปริศนา ใบหน้างามทอดพระเนตรได้เพียงเลือนราง ก่อนจะทอดพระเนตรพบปอยเส้นผมสีดำสนิทของโฉมงามที่ถูกตัดขาดทิ้งเอาไว้ พระหัตถ์หยิบปอยผมดังกล่าวขึ้นมาทอดพระเนตร

 “ฟ่านชิงเชียง! ชิงเชียง!”

 “เฮือก!” พระวรกายสะดุ้งจนสุดพระองค์ จนหลุดจากภวังค์แห่งความฝัน

 พระเนตรดำใหญ่กลอกกลิ้งไปมา ก่อนจะลุกประทับนั่ง

 “ฝันไปอย่างนั้นรึ นี่ข้าฝันเห็นนางในฝันอีกแล้วหรือนี่” รับสั่งพึมพำพร้อมลุกประทับจากแท่นพระบรรทมเสด็จออกจากห้องตรงไปยังประตูพระตำหนัก พร้อมเปิดออกทันที

 กลิ่นหอมของดอกโบตั๋นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ เสียงกระดิ่งลมยังคงดังอยู่เป็นระยะๆ วรองค์งามสง่าพระดำเนินไปหยุดยืนทอดพระเนตรเหล่าดอกโบตั๋นหลากสีมากมาย ก่อนจะเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรพระจันทร์เบื้องบนที่กำลังลอยเด่นอยู่บนผืนฟ้า

 “เจ้าเป็นใครกันเล่าชิงเชียง เหตุใดข้าจึงฝันถึงแต่เจ้าเช่นนี้มาช้านาน ได้ยินเพียงเสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยคำเจรจา หากแต่มิเคยเห็นใบหน้าอันแท้จริงของเจ้าแต่อย่างใด มีเพียงรอยยิ้มหวานที่ตราตรึงทิ้งเอาไว้ให้ข้าในความฝันเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฝันเห็นเจ้าเช่นนี้อยู่ทุกค่ำคืน รู้บ้างไหมว่าข้าทรมานมากแค่ไหน เจ้าล่วงรู้บ้างหรือไม่ชิงเชียง” องค์ชายรองจากแคว้นฉินอันยิ่งใหญ่ รำพึงรำพันด้วยความทุกข์ทรมานที่อัดอั้นอยู่ภายในพระทัย

 “ขอเทพจันทราได้โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด ข้าทรมานเหลือเกินยิ่งแล้ว หากแม้นฝันนี้นางในฝันของข้าหาได้มีตัวตนถือกำเนิดอยู่จริงก็ขออย่าให้ข้าได้ฝันถึงนางอีกเลย จงลบเลือนนางออกไปจากหัวใจและความคิดของข้าด้วยเถิด แต่ถ้าหากนางมีตัวตนจริงแล้วไซร้ ก็ขอให้ข้ามีโอกาสได้พบนางสักเพียงครั้งก็ยังดี และขอฝากความคิดถึงของข้านี้ไปให้นางด้วยเถิด ชิงเชียงจ๋า มาหาข้าเถิด ข้ารอคอยเจ้ามานานแสนนานแล้วรู้หรือไม่” รับสั่งสุรเสียงแผ่วเบา 

 ถ้อยรับสั่งฝากแรงรักและแรงคิดถึงไปกับเทพจันทรา หวังไว้ในหทัยว่าความคิดถึงนั้นจะส่งถึงโฉมงามให้ได้ล่วงรู้ 

 แรงคิดถึงช่างรุนแรงเสียนี่กระไร เมื่อฉินเสวี้ยนกง องค์ชายรองแห่งแคว้นฉินอันยิ่งใหญ่ มีพระทัยรักผูกพันและมั่นคงต่อนางในฝันมาเป็นเวลานานหลายปี องค์ชายหนุ่มรูปงามฝันถึงนางในฝันตั้งแต่มีพระชนม์มายุเพียงเก้าชันษา

 จวบจนกระทั่งในเวลานี้ทรงเจริญชันษาเข้าสู่ปีที่ยี่สิบนางในฝันนามว่าฟ่านชิงเชียงยังตรึงอยู่ภายในหทัยมาเป็นเวลาถึงสิบเอ็ดปี เวลาอันยาวนานแห่งการรอคอยที่ต้องทนทุกข์ทรมาน เฝ้าคิดถึงแต่นางในฝันมาโดยตลอด

 แม้ว่าฉินอ๋องและพระมารดาเหยี่ยนฮองเฮาจะจัดหาพระสนมและพระชายาให้แก่พระองค์มากมายเพื่อสืบสายพระโลหิต แต่องค์ชายรองก็มิยอมเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับสตรีที่ถูกเลือกเฟ้นมาให้กับพระองค์ ทรงรับไว้เป็นเพียงพระสนมเท่านั้นแต่ไม่เคยเสด็จประทับและเสพสังวาสพระสนมเหล่านั้น 

            จนทำให้องค์ชายฉินเสวี้ยนกงถูกกล่าวขานว่าทรงเย็นชาและไร้หัวใจ ชื่นชมบุรุษมากกว่าอิสตรีเพราะไม่เคยมีรับสั่งให้พระสนมใดถวายงานใกล้ชิดเลยสักคน 

 ทว่าหามีผู้ใดล่วงรู้หัวใจอันแข็งแกร่งขององค์ชายรองนี้แม้แต่น้อย ท่วงท่าที่แลดูเย็นชาจนกล่าวขานว่าทรงไร้หัวใจ กลับเต็มไปด้วยความรักที่มั่นคงมอบให้นางในฝันแต่เพียงผู้เดียว ความคิดถึงเริ่มรุนแรงมากขึ้นจนส่งผลให้แรงแห่งปรารถนาของหัวใจมอบให้กับหญิงงามที่มีนามว่า ฟ่านชิงเชียง ข้ามกาลเวลานับหลายพันปีเพื่อให้จอมนางนั้นได้ยิน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 7 แผ่นดินมังกร 1.3

    “ไม่เลยยายหนู มีน้อยมากแต่หนึ่งในนั้นมีตระกูลฟ่าน ของเราที่ยังคงเก็บรักษาของโบราณที่ตกทอดกันมาแต่ครั้งอดีต ในบ้านนี้มีของล้ำค่านับหลายพันปีของตระกูลเก็บรักษาเอาไว้ ตั้งแต่ยุคก่อนแผ่นดินจิ๋นซีฮ่องเต้เสียอีก เพราะตระกูลฟ่านของเราในสมัยอดีตกาลเคยเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นฟ่านก่อนจะถูกแคว้นเว่ย ฉี และฉิน ตีเอาแคว้นและแบ่งดินแดนถือครอง” “โอ้โห! นี่ตระกูลของคุณพ่อมีประวัติยาวนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ” คนงามกล่าวออกมาด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังได้ยิน ก่อนจะรีบเอ่ยถามกลับไปเมื่อนึกถึงโปรเจกต์งานของเธอ “เอ่อคุณพ่อคะ แล้วศิลปะการสร้างสมัยนั้นเป็นแบบไหน อย่างเช่นหน้าตาพระราชวังของจิ๋นซีฮ่องเต้หรือพระราชวังโบราณในอดีต มีการเก็บรักษาหลงเหลือเอาไว้ไหมคะ” แม่สาวน้อยถามยาวรวดเดียวด้วยความอยากรู้ ก่อนจะได้ยินเสียงของคนเป็นพ่อตอบกลับมา “ไม่มีหรอกยายหนู ถ้าศิลปะโบราณอื่นๆ ก็เข้าไปดูได้ตามมิวเซียม สำหรับซีอานก็ที่สุสานของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ แต่ถ้าเป็นพระราชวังโบราณแล้วละก็ไม่มีหลงเหลืออยู่เลย นอกจากพระราชวังต้องห้ามที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ก็เป็นศิลปะที่พบเห็นได้ในปัจจุบันนี้ แตกต่างจากศิลปะสมัยก่อนจิ๋นซ

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 6 แผ่นดินมังกร 1.2

    ประเทศจีน มณฑลส่านซี ณ เมืองซีอาน ท่าอากาศยานนานาชาติซีอานเสียนหยาง [1] ร่างงามระหงของริณรณีย์หรือฟ่านชิงเชียง กำลังก้าวเดินออกมาจากบริเวณประตูผู้โดยสารขาออกจากสายการบินที่มาจากต่างประเทศ พร้อมด้วยกระเป๋าลากขนาดย่อม ดวงตาคู่สวยกำลังสอดส่ายสายตาคล้ายกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ในขณะนั้น “ยายหนู!” เสียงที่คุ้นหูมาตั้งแต่เกิดเรียกเธอจากจุดที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก ใบหน้าสวยหันกลับไปยังทิศที่เสียงดังกล่าวเรียกหาเธอทันที พร้อมรอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “คุณแม่!” หญิงสาวตะโกนร้องเรียกพร้อมวิ่งเข้าไปหาร่างอวบอิ่มที่กำลังยืนรอรับลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว แม่สาวน้อยโผเข้าสวมกอดคุณแม่ของเธอพร้อมหอมแก้มซ้ายขวาเป็นการใหญ่ “คิดถึงคุณแม่จังเลยค่ะ... คุณแม่ขา” คำหวานออดอ้อนออกมาทันที คุณวิลาสินียิ้มแก้มปริเมื่อลูกสาวสุดที่รักหยอดลูกอ้อนทันทีที่มาถึง “จ๋าลูก... รู้แล้วว่ายายหนูของแม่คิดถึง... แหมอะไรกัน คุยโทรศัพท์แทบจะทุกวันยังจะบ่นคิดถึงกันอยู่อีกเหรอ” “ก็ริณคิดถึงนี่คะ... คิดถึง... คิดถึง... ทุกวันทุกคืนเลย” หญิงสาวพร่ำบอกคิดถึงมารดาไม่ขาดปาก ทันใดนั้นเอง “คิดถึง! ข้าคิดถ

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 5 แผ่นดินมังกร 1.1

    ในขณะเดียวกัน ยุคอดีตกาล พระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายรองฉินเสวี้ยนกงแห่งแคว้นฉิน ทรงยืนทอดพระเนตรดอกโบตั๋นหลากสีมากมายภายในพระตำหนักจันทรา ด้วยพระอารมณ์ที่แลดูแจ่มใสเป็นพิเศษ พระพักตร์คมคายหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มเยือนอยู่ตลอดเวลาเมื่อทรงหวนคิดคำนึงถึงความฝันเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา กลิ่นหอมละมุนจากแก้มเนื้อนวลยังติดอยู่ที่ปลายพระนาสิกอยู่ตลอด เวลา พระเนตรคู่สวยเปล่งประกายระยิบระยับอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะปิดพระเนตรลงด้วยความคิดถึงโฉมงามในหัวใจ “ชิงเชียงจ๋า” สุรเสียงรำพึงออกมาเบาๆ พระอารมณ์ที่แลดูแจ่มใสและพระพักตร์หล่อเหลาที่ปรากฏรอยแย้มสรวลอยู่ตลอดเวลานั้น ทำให้เฮ่าหรานขันทีผู้ใกล้ชิดซึ่งคอยถวายการรับใช้มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ อดไม่ได้ที่จะทูลถามเมื่อสังเกตเห็นองค์ชายรองของตนที่วันนี้ทรงมีสีพระพักตร์แจ่มใสเป็นยิ่งนักผิดกับทุกวันที่ผ่านมา “วันนี้องค์ชายทรงแลดูพระเกษมสำราญ ผิดกับทุกๆ วันเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” คำกราบทูลของขันทีคนสนิท ทำให้พระเนตรที่ปิดลงเมื่อครู่ที่ผ่านมาค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ พระเนตรคู่สวยยังคงเปล่งประกายระยิบระยับอยู่ตลอดเวลา “เจ้าสังเกตข้าด้วยอย่างนั้นเหรอ” รับสั่งถามโดยมิได้ห

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 4 ในฝัน 1.3

    หกเดือนผ่านไป ร่างระหงกำลังหลับสนิทท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรีและอากาศอันหนาวเหน็บ ด้วยภายนอกปรากฏหิมะตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทั่วบริเวณมีแต่สีขาวโพลนดาษดื่นเต็มไปหมด ภายในห้องนอนมีเครื่องทำความร้อนเพื่อเพิ่มไออุ่นผ่อนคลายความหนาวเหน็บลงไปได้มากเลยทีเดียว จึงทำให้สาวสวยคนงามหลับสนิทอย่างมีความสุข และเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน ในฝันนั้นร่างระหงกำลังก้าวเดินอยู่ในท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้หลากสี กลิ่นหอมโรยรื่นส่งกลิ่นรัญจวนอยู่ตลอดเวลา มือเรียวสวยสัมผัสดอกตูมของดอกไม้งามตรงหน้าด้วยความชื่นชม “หอมจัง!” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ “กลิ่นหอมของดอกไม้ใด ก็ไม่หอมเท่ากลิ่นกายของเจ้าแม้แต่น้อยชิงเชียง” เสียงทุ้มกังวานแทรกดังขึ้น ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ กาย ทว่ากลับมิปรากฏผู้ใดแม้แต่น้อย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันทันทีเมื่อมองหาเท่าไรก็ไม่พบต้นตอของเสียง “แปลกจังเลย... ได้ยินแต่เสียงแต่ทำไมไม่เห็นตัวคนนะ” เสียงหวานเอ่ยพึมพำ ร่างระหงก้าวเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดยืนตรงหน้าประตูขนาดใหญ่ ศิลปะการออกแบบอยู่ในยุคสมัยโบราณแลดูเหมือนที่พักอาศัยที่มักเห็นในหนังและตามซีรีส์จีนที่เคยดูผ่านทางทีวี

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 3 ในฝัน 1.2

    คริสต์ศักราช 2015ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง!” เสียงกระดิ่งลมพัดพลิ้วต้องกับกระแสลมแรง พร้อมกลิ่นหอมรัญจวนจิตของหมู่มวลดอกไม้หอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ท่ามกลางดอกไม้หลากสี รูปร่างแลให้ชวนมองน่าหลงใหล มองเลยไปปรากฏประตูที่มีลวดลายสะท้อนอารยธรรมของชนชาติจีน ทว่าสถาปัตย-กรรมดังกล่าวกลับมิใช่สมัยใหม่แต่แลดูคล้ายสมัยโบราณเสียนี่กระไร ประตูตรงหน้าปิดสนิทถูกฉาบด้วยสีแดง พร้อมแผ่นป้ายชื่อขนาดใหญ่วางตั้งเหนือไว้บนขอบประตูเบื้องบน เขียนด้วยตัวอักษรจีนโบราณระบุว่า เฉี่ยนเก้อลากุง แปลว่า “ตำหนักจันทรา” “ชิงเชียง! ชิงเชียงจ๋า” เสียงทุ้มละมุนกระซิบแผ่วเพรียกหาเจ้าของนามดังกล่าว ใบหน้าละมุนสวยคมเซ็กซี่รับกับผมสีดำขลับขึ้นเป็นมันเงางดงามประดุจดั่งเช่นชาวเอเชียหากแต่มีเลือดผสมสองชาติคือไทยและจีน ดวงหน้าเริ่มส่ายไปมาเมื่อได้ยินเสียงเพรียกหานั้นราวกับว่าเสียงดังกล่าวอยู่แนบชิดริมหูของเธอก็ว่าได้ “จ๋า!” เสียงหวานตอบเสียงเพรียกหาปริศนานั้นกลับไปทั้งๆ ที่กำลังหลับสนิท “ชิงเชียงจ๋า มาหาข้าเถิด ข้ารอคอยเจ้ามานานแสนนานแล้วรู้หรือไม่” เสียงเพรียกหานั้นยังคงกล่าวกับเธอ

  • ตำหนักจันทรา ข้ามเวลารักนิรันดร์   ตอนที่ 2 ในฝัน 1.1

    แคว้นฉิน ณ เมืองหลวงเสียนหยาง ตำหนักเฉี่ยนเก้อลากุง (ตำหนักจันทรา) ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ภายในพระราชวังหลวงกำลังอยู่ในระหว่างเปลี่ยนเวรยาม ทหารรักษาการณ์ผลัดใหม่ต่างเริ่มทยอยมาสับเปลี่ยนเวรยามเพื่อคอยถวายอารักขา เจ้าผู้ครองแคว้นและเชื้อพระวงศ์ซึ่งประทับอยู่ภายในพระราชวังหลวงเมืองเสียนหยาง ทหารยามต่างทยอยแยกย้ายไปตามแต่ละตำหนักทั้งด้านนอกและด้านใน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกโบตั๋นหลากสีส่งกลิ่นรัญจวนฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณตำหนักเฉี่ยนเก้อลากุงหรือตำหนักจันทรา ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์ชายรอง พระนาม ฉินเสวี้ยนกง โอรสองค์ที่สองของฉินมู่กงซึ่งประสูติจากเหยี่ยนฮองเฮา ในยามนี้ทั่วพระตำหนักเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกโบตั๋นกำลังส่งกลิ่นขจรกระจายไปทั่วบริเวณ ประตูพระตำหนักปิดสนิทด้วยเวลานี้คือยามวิกาล ภายในห้องพระบรรทม องค์ชายรองซึ่งมีพระชันษาก้าวเข้าสู่ปีที่ยี่สิบ กำลังบรรทมอยู่ภายในตำหนักดังกล่าว “กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง!” กระแสลมอ่อนๆ พัดพลิ้วไหวไปมาจนเหล่าดอกโบตั๋นเอนไหวลู่ลม และเสียงกระดิ่งลมที่ทำมาจากดินเผาถูกแขวนไว้ตรงหน้าพระตำหนักเพื่อใช้สังเกตทิศทางลมดังก้องกังวานอยู่เป็น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status