พิชชาแต่งกายเสร็จก็รีบนั่งรถมาจอดด้านหน้าตึกมหึมา ท่ามกลางบริษัทยักษ์ใหญ่ หญิงสาวก้าวเข้ามาด้วยออร่าความสง่า ใบหน้าจิ้มลิ้มถูกตกแต่งเอาไว้จนคนมองอ้าปากค้าง กระโปงสั้นประกบกับเข็มขัดยอดฮิต เสื้อครอปท็อปกับเสื้อคุมสีดำเงาด้านนอกที่กำลังเป็นกระแสอยู่อยู่ช่วงนี้ รองเท้าบูทยาวถึงหัวเข่าสีขาวนํ้านม กับกลิ่นหอมอ่อนๆของนํ้าหอมแบรนด์ตัวเอง ผสมกับกลิ่นกุหลาบแดงช่อใหญ่ที่อยู่ในมือหญิงสาว ลอยติดจมูกผู้คนรอบข้าง พิชชาเดินขึ้นลิฟไปอย่างมีเสน่ห์
แกร๊ก… ทิวยื่นมือไปเปิดประตูบานใหญ่พร้อมหลีกทางให้กับเจ้านายได้ย่างเข้าไป ใบหน้าสง่าเดินยิ้มเข้ามา ดวงตาประกบอยู่บนหน้าชายหน้านิ่งที่นั่งคลืมอยู่หัวโต๊ะ คนตัวเล็กก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะยื่นช่อดอกกุหลาบราคาแพงให้กับเขา “สำหรับคุณค่ะ“พิชชายิ้มหวาน ”ครับ?“ เดนนิสเผยสีหน้างุนงงขมวดคิ้วเข้มมองกุหลาบตรงหน้า ”เนื่องในโอกาศเพื่อนร่วมงานก็ได้ค่ะ ครั้งนั้นคุณปฏิเสธนัดฉัน“ “ไอ้แดน เอาไปวางไว้” หันหน้าไปสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังเสียงนิ่ง แดนรีบเพ่นเข้ามาหยิบดอกไม้ไปวางตามคำของเจ้านาย ”ขอบคุณนะครับ แต่คราวหลังไม่ต้อง“ ใบหน้าหล่อหันกลับมาพูดกับคนสวยที่ยืนอมยิ้มอยู่เบื้องหน้า แต่ดูเหมือนพิชชาจะไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้น ยังคงปั้นหน้ายิ้มหวานเอาใจคุณแฟนเก่า “เรามาเริ่มคุยงานกันเลยดีกว่าครับ”ชายหนุ่มรีบหลบสายตา ก้มหน้าเปิดเอกสารพรางกล่าวเปลี่ยนเรื่อง เมื่อยิ่งมองหน้าหญิงสาวก็ทำหัวใจเขายิ่งรู้สึกแปลก “ค่ะท่านประธาน เริ่มเลยค่ะ” ร่างเล็กหย่อนก้นนั่งลงเก้าอี้ข้างอีกคน ใบหน้าสระสวยยังคงอมยิ้มไม่หุบ ทั้งคู่นั่งเจรจากันอยู่นานเกือบชั่วโมง จนบทสนทนามาถึงขั้นสิ้นสุด เดนนิสเอื้อมมือปิดเอกสารลงจนเกิดเสียงดัง ปัก! ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”สิ้นหสุดคำพูด ชายหนุ่มกำลังจะหันหลังก้าวออกไป ทว่าร่างบางรีบเอ่ยห้ามไว้ทัน “เดี๋ยวค่ะ!”เดนนิสรีบหยุดชะงักหันกลับมามองหน้าคนข้างหลัง “มีอะไรรึเปล่าครับ“ ”คือ…พิชขอคุยด้วยหน่อยนะเดน“ พิชชาเม้มปาก มองหน้าคนเย็นชาด้วยสายตาดูเป็นกังวล “มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะครับ” “คุณโกรธพิชใช่มั้ย…” “เรื่องอะไรครับ ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกรธคุณ” ”เรื่องที่วันนั้น…“ ”ผมลืมเรื่องในอดิตไปหมดแล้วครับ แล้วคุณเองก็ควรลืม“ พิชชาเงียบไปสักพัก ยิ่งมองเข้าไปนับตาเขาก็ยิ่งเย็นยะเยือก ในใจชายคนนี้ไม่ได้มีเธอหลงเหลืออยู่แม้แต่เศษเสี้ยวเดียวเลยหรอ.. “เดน.. พิชกลับมาครั้งนี้…” “คุณจะกลับมาทำไม ในเมื่อคุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนิ คุณตกลงรับเงินจากแม่ผมแล้วเลิกกับผม คุณมันก็แค่ผู้หญิงเห็นแก่ตัว พิชชา…“จากแววตาที่นิ่ง ตอนนี้กลับมีความหงุดหงิดปะปน ถ้อยคำพูดเขาทำเอาหญิงสาวเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ “พิชไม่เคยเอาพิชเงินแม่คุณ..” นํ้าเสียงสั่นเคลือพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ พิชชาเม้มปากแน่นนํ้าตาคลอ “คุณมาบอกผมตอนนี้มันได้อะไร ในเมื่อคุณเลือกที่จะทิ้งผมไปแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด มันไม่มีทางกลับไปเป็นแบบเดิมได้“ถ้อยเสียงเบาลงกว่าเดิม ชายหนุ่มหันหน้าหนีทันทีที่เห็นนํ้าตาของหญิงสาว ”ไม่..มันอาจจะไม่เป็นแบบเดิม แต่พิชจะทำให้มันดีกว่าเดิม“ถ้อยคำอันแน่วแน่ถูกเปร่งออกมา ในขณะที่ปากอวบกำบังสั่นระริก “ค้าคุณคิดว่าทำได้ก็เชิญลองเถอะครับ“ สิ้นสุดคำพูด ชายหน้าเย็นชาหันหลังจะเดินออกไป มือเล็กรีบปาดนํ้าตาที่ไหลลงมาสู่แก้มอย่างลวกๆ ก่อนจะตะโกนเสียงดังใส่คนที่ก้าวไปถึงหน้าประตูแล้ว ”พิชจะจีบคุณ!“ ถ้อยคำพูดของหญิงสาวทำเอามือหนาที่กำลังจะบิดลูกบิดประตูชะงักนิ่งไปชั่วครู่ ชายร่างสูงยืนนิ่งฟังพิชชาที่กล่าวลั่นไม่สนลูกน้องที่ยังคงยืนมองอยู่ในห้อง “ตอนนั้นคุณเป็นคนจีบพิช ตอนนี้พิชจะจีบคุณเอง!” กล่าวเสียงดัง สายตามองแผ่นหลังของชายที่หยุดนิ่งไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่จะหันมามองเธอ เดนนิสยืนฟังคนร่างบางกล่าวจนจบ ก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป ไม่รู้ทำไมเขาต้องรอฟังคำพูดไร้สาระพวกนั้น ทว่าหัวใจกลับสั่งให้รับฟังเธอทุกถ้อยคำ “เดน!”ชายหนุ่มเดินออกมาสักพัก ก่อนเสียงปริศนาจะดังขึ้นตามกับฟางฟางที่รีบวิ่งแจ้นเข้ามากอดแขนหนา “ฟาง คุณมาทำไม” “ก็ฟางคิดถึงเดนนิคะ” ทำหน้าทำตาให้เขามองว่าน่ารัก แนบหน้าลงกับแขนใหญ่ออดอ้อนเอาใจชายที่ยืนขรึม “ฟางหิวจังเลยค่ะ เราไปกินข้าวข้างนอกกันมั้ยคะ” “อืม ไปสิ” “เดนน่ารักที่สุดเลย“ ฟางฟางยิ้มกว้างจนเห็นฟันข้างหน้าแทบจะทะลุเข้าไปเห็นถึงฟันด้านใน มืออวบสองข้างควงแขนหนาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย กำลังจะพากันออกไปก่อนที่จะเดินมาอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่เดินมาพอดี “อ้าวคุณพิชชา” ฟางฟางทำท่าทางประหลาดใจ รีบเอ่ยทักทายพิชชา ฝนขณะที่เดนนิสยืนมองนิ่งไม่พูดจา “สวัสดีค่ะ“ พิชชาเผยยิ้มหวานตอบ ”อุ้ย..ลืมแนะนำตัวเลยค่ะ ฉันชื่อฟางฟางนะคะ เป็นคนสำคัญของเดน..“รอยยิ้มจอมปลอมประกบอยู่บนหน้าของฟางฟางจนหมด ”ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณคนสำคัญ…“ พิชชาไม่พูดเปล่า ยิ้มหวานแข่งมันไปเลยสิคะ “แหมคุณพิชชานี่ย่าจะเป็นคนตลกนะคะ ฮะๆ”ฟางฟางยกมือปิดปากขำออกมาอย่างกุลสตรีผู้ดิบผู้ดี “ขำๆน่ะค่ะ” พิชชาสวน ”คุณพิชครับ เราไปกันเลยมั้ยครับ คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย“ ทิวกล่าวแทรกขึ้นมา หลังจากที่ยืนฟังอยู่นาน คำพูดของทิวดูเหมือนจะทำให้เดนนิสตะหงิดใจอยู่เล็กน้อย มองหน้าหญิงคนรักเก่าสลับกับทิวไปมาเช้ารุ่งวันต่อมา ในยามที่หญิงสาวยังคงหลับไหล เธอไม่รู้ตัวเลยว่าชายคนรักอุ้มเธอขึ้นรถมาด้วย จนถึงท่าเรือไปยันเกาะแห่งหนึ่ง พอลืมตาตื่นก็พบกับเจ้าตัวที่นอนอยู่ในห้องที่ไม่เคยคุ้นตา ทว่าสิ่งแปลกรอบตัวไม่ได้ทำให้เธอเป็นกระวนกระวาย เมื่อมองไปแล้วมีเขานอนกอดอยู่ข้างกาย เวลานี้เธอรับรู้ได้เลยว่าเขาคือพื้นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวเอง ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็ถึงเวลาที่ชายผู้หลับไหลอยู่ในอ้อมกอดหญิงสาวลืมตาตื่น จึงพาคนน้องออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก ทันไดเปิดประตูออกมา ดวงตาคู่สวยเปร่งประกายทันที เมื่อวิวด้านหน้าคือกลางทะเลใหญ่ บนพื้นนํ้ามีเงาของท้องฟ้าสีประกายอากาศบริสุทธิ์ที่ห่างหายมานานแตะเข้าปลายจมูก พิชชารีบเดินต้อนออกไปยืนอยู่กลางแจ้งของมุมหนึ่งบนเรือ ซึ่งมีพร้อมทั้งที่นอนอาบแดด หรือแม้กระทั่งสระว่ายนํ้าในตัว หญิงสาวรีบเดินไปยืนสูดเอาอากาสสดชื่นเข้าปอด มองไปยันวิวด้านหน้าที่ใครได้เห็นก็นำพาแต่ความสงบเจ้าสู่จิตใจ ”อื้มมม สงบสุขที่สุดดด“ ร่างระหงสูดเอาอากาศเข้าเต็มปอด ด้วยรอยยิ้มหวานที่แต่งแต้มบนใบหน้า บ่งบอกว่าเธอพึงพอใจกับมันขนาดไหน ”ขนาดนั้นเชียวหรอพิชชา หื้ม” ชายที่เดินตามหลังมาอดที
“ฉันบอกว่าไม่โอเคไง ไม่รับคนนี้ ไปหาคนใหม่มา!” พิชชาสั่งเสียงลั่น กอดอกมองหน้าสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง บ่งบอกว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น ทำเอาชายลูกน้องในสูทดำเหงื่อตกทำตัวไม่ถูก เมื่อผู้เป็นนายเองเอาแต่เงียบ คนที่ออกคำสั่งก็เปรียบเสมือนเจ้านายคนที่สอง ส่วนเลขาสาวที่ยังไม่ทันได้เริ่มทำงานก็กำลังจะถูกไล่ออกนั้นแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ว่าไงนะคะ!” แนนนี่กัดฟันถาม ผู้หญิงคนนี้คงเป็นแค่เด็กที่ผู้เป็นนายเลี้ยงดูไว้ล่ะสิ มาทำเป็นใช้อำนาจหยิ่งยโส รอให้ตนได้ขึ้นเป็นว่าที่นายหญิงของตระกูลนี้เมื่อไหร่เถอะ จะเอาคืนให้ไม่เหลือแม้แต่ที่ซุกหัวนอนปลายเท้าเลยทีเดียว “ฉันไม่พูดซํ้า” เรียวแขนสองข้างยกขึ้นกอดอกพรางยักคิ้วใส่คนมองข้างนึง เป็นการกวนประสาทที่ได้ผลดีเลยแหละ เมื่อเห็นอีกฝ่ายตอบสนองด้วยสีหน้าที่แดงแปร๊ดดั่งระเบิ่ดจะลงนั่นแล้วก็สาแก่ใจ ยิ่งนึกอยากจะกลั่นแกล้งคนที่คิดแต่จะแย่งผัวชาวบ้าน ใบหน้านวลซบลงบนแผงอกแกร่ง ในขณะที่แววตายังคงจับจ้องอยู่บนหน้าซิลิโคนนั่นไม่ละเลือน “คุณเดนนิสคะ—“เมื่อรอให้เจ้านายปริปากช่วยแต่เขากลับเอาแต่เงียบ จึงตัดสินใจเป็นคนกล่าวเรียกเขาหวังจ
“กรี๊ดดดด!” เสียงกรี๊ดดังสนั่นทั่วห้อง ในขณะที่ในหัวกำลังมีเสียงเรียกจากชายคนหนึ่งดังเข้ามาแทรก ดั่งว่ากำลังร้องเรียกสติให้กลับคืน “พิชชา… พิชชา… น้องเป็นอะไรพิชชา!” “ฮึกกก!” หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อย ร่างกายเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดออกมา ดั่งกับว่าไปตบตีกับใครมา เมื่อดวงตาเบิ่กกว้างขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังโน้มเข้าไกล้เธอพรางเอ่ยเรียกชื่อไม่หยุด ”พิช—-“ เพี๊ยะ!!! คำเรียกยังไม่ทันพ้นคอ ใบหน้าหล่อก็ถูกฝ่ามือเล็กฟาดเข้ามาเต็มแรงจนหันไปตามแรงตบ ทันไดนั้นทั้งความสับสนและอารมณ์หลายอย่างรีบแล่นเข้าสู่โสทประสาท ”ไอ้เดนนิส!!“ ในขณะที่มือหนากำลังกุมพวงแก้มตัวเองพรางครุ่นคิดกับการกระทำของแฟนสาวยังไม่ทันไร ก็มีหมอนใบใหญ่ถูกฟาดเข้าใส่รัวๆจนต้องยกแขนกั้นด้วยความตกใจ “โอ้ยๆ ที่รัก อะไรของน้องเนี่ยโอ้ยย มาตีพี่ทำไม”มือหนารีบคว้าหมอนใบใหญ่ออกจากมืออีกคนเมื่อ พอตั้งตัวได้แล้วมองหน้าแฟนสาวก็เห็นเธอเบ้ปากนํ้าตาคลอเอ่อ ยิ่งนำพาคนมองตกใจกับสิ่งที่เห็น ”พิชชา.. น้องเป็นอะไรครับ หื้อ? ไหนบอกพี่สิ” แม้จะไม่รู้ถึงเหตุผล ทว่าเวลานี้สิ่งเดียวที่สามารถปลอบประโลมแฟนส
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นต่อเนื่องกันเป็นสามครั้ง เรียกความสนใจจากเจ้าของห้องที่นั่งหน้าเครียดทำงาน ก่อนจะส่งเสียงอนุญาตให้คนที่ยืนรอบคำตอบอยู่ด้านนอกได้เข้ามา ประตูเปิดออกนำพาสองคนเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานของประธานบริษัท ทว่าคนที่นั่งอยู่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นให้ความสนใจเลย จนลูกน้องต้องเป็นฝ่ายเอ่ยแจ้งจุดประสงค์ที่มาเยือน “บอสครับ นี่คือเลขาคนใหม่ที่จะเข้ามาทำงานแทนคุณพิ้งค์ชั่วคราวครับ เนื้องจากเธอลาป่วย” แดนกล่าวแจ้งผู้เป็นเจ้านายอย่างเป็นทางการ ก่อนหญิงสาวในชุดรัดรูปเข้าทรงสีแดงสดจะกล่าวแนะนำตัวเองเมื่อเดนนิสเงยหน้าขึ้นให้ความสนใจ “สวัสดีค่ะคุณเดนนิส ฉันแนนนี่ค่ะ เรียกแนนเฉยๆก็ได้ค่ะจะได้สะดวก มีอะไรเรียกใช้แนนได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” เลขาสาวคนใหม่พูดเสียงละมุน สิ้นสุดบทพูดไม่ลืมที่จะยิ้มหวานให้กับเจ้าชายมาดนิ่งตรงหน้าไปหนึ่งฉาก “อืม ไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” คนฟังไม่ได้มีพิธีกงการอะไรมาก หากเข้ามาทำธุระเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ เมื่อสิ่งตรงหน้าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขอเพียงแค่ทำงานได้ไม่ตกบกพร่อง พูดเสร็จก้มหน้าทำงานต่อไม่แม้แต่จะให้ควา
“แล้วหลังจากคืนนั้น พี่ก็หาน้องเจอจริงๆ”หญิงสาวอมยิ้มภูมิใจ เมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของเขาและเธอ มันอาจจะเป็นการพบเจอที่แปลก แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี “ถ้าพี่หาน้องไม่เจอ พี่จะคว้าน้องมาครอบครองได้ยังไงล่ะ”เดนนิสกล่าวปนขำเบาๆ เด็กสาวที่กล้าเข้ามาท้าทายเขาคืนนี้ กลายเป็นว่าที่ภรรยาเขาอย่างเต็มตัวแล้วในวันนี้ “ถ้าคืนนั้นพี่เป็นพวกโรคจิต น้องคงแย่” คนพูดยํ้า หากแต่เธอโชคไม่ดีแล้วไปเจอกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขาคงไม่มีชะตากรรมแบบนี้ “เพราะยังไงน้องก็เชื่อในความโชคดีของตัวเองไงคะ“รอยยิ้มหวานประกบบนใบหน้านวล ก่อนหญิงสาวจะหันหลังเดินก้าวเข้าไปในซอยมืดนั้น โดยมีฝีเท้ายาวคอยก้าวตามหลังอย่างติดๆ “ยังเหมือนเดิมเลยแฮะ เหมือนจะไม่ค่อยมีคนมา” สายตากวาดมองรอบๆแล้วยังคงรับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเดิมดั่งคืนนั้น แม้จะมืดจนน่ากลัวทว่ากลับมีบางสิ่งที่เรียกว่าความสวยงามปนเปรือ “คงไม่มีใครกล้ามาในที่แบบนี้แล้วแหละ นอกจากคนพิเรนอย่างน้อง” เสียงชายหนุ่มดังลอดเข้ามาจากแผ่นหลัง นำพาคนสวยหันมองเจ้าของคำพูดด้วยสีหน้าหมั่นไส้ “แหม พูดอย่างกับพี่ไม่มาเนาะ ถ้าจะพิเรนคงเป็นพี่มากกว่า” คนตัวเล็กแขวะกลับอย่างไม่ยอ
“ที่นี่….” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบาพรางหันกลับมามองหญิงคนรักอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “อื้ม พี่จำได้มั้ย ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก” พิชชาพยักหน้าเบาๆผลอยยิ้มหวานให้กับชายที่ยืนมองหน้าเธอ นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เธอได้พบกับผู้ชายคนนี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน พิชชาเป็นเดินตามถนนอย่างไร้จุดหมาย เมื่อรู้สึกว่าชีวิตช่วงนี้มีแต่ความน่าเบื่อ เมื่อเดินเข้ามาถึงซอยหนึ่ง สายตาจึงจับจ้องเข้ากับชายร่างโปร่งคนหนึ่งที่ยืนพิงผนังสูบบุหรี่ด้วยท่าทางหล่อเหลานั่น เธอไม่เคยพบกับใครที่สูบบุหรี่ได้หล่อเท่เท่าชายคนนี้มาก่อน แม้จะไม่เห็นรูปร่างเขาชัดเนื่องจากความมืด ทว่าแสงไฟอ่อนๆที่ส่องเข้าไปเผยให้เห็นถึงใบหน้าคมคายจมูกโด่งเป็นสันนั่นทำให้เธอสัมผัสได้ว่าเขาคือเทพบุตร ด้วยนิสัยดื้อรั้นของหญิงสาวเป็นสิ่งที่พาเธอเดินเข้าไปหาชายคนนั้นในซอยที่มืดเปลี่ยวได้อย่างไม่มีความเกรงกลัว “น่าเบื่อชะมัด” ควันบุหรี่ถูกเป่าออกมากระจัดกระจาย ในขณะที่คนสูบกำลังพึมพำถึงความเบื่อหน่ายของชีวิต เสียงฝีเท้าที่เดินไกล้เข้ามาดึงให้เขาเหลือบไปสนใจ สายตาคมจ้องเข้ากับใบหน้านวลของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูสีหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้กับตน เส