Share

บทที่ 2

Penulis: จี้เวยเวย
ซ่งรัวเจินถามไล่เรียงกระแทกลงไป กระแทกเสียจนสีหน้าหลินจือเยว่เผือดซีด หวุดหวิดจะเป็นลมหมดสติไปแล้ว

เหตุใดนางกล้าพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้!

“เรื่องนี้ก็ไม่ซื่อสัตย์จริงใจจริงนั่นล่ะ ได้ยินมาว่าหลินโหวและฉินซวงซวงมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันมาตั้งแต่แรกแล้ว สองปีก่อนฉินซวงซวงไม่ยอมแต่งกับเขา นี่เขาถึงตกลงหมั้นหมายกับสกุลซ่ง ใครเคยคิดเล่าว่าทำความดีความชอบกลับมา ฉินซวงซวงกลับยอมแต่งกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงคิดทำเช่นนี้ จุ๊ ๆ ...”

“แม่นางสกุลซ่งไม่กลายเป็นตัวโง่งมไปแล้วหรือ?”

ความทุ่มเทตลอดสองปีสูญเปล่าไปแล้ว เย็บชุดเจ้าสาวให้ผู้อื่นสวม ได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัสแต่ยังต้องกลั้นก้อนสะอื้น นี่ใครยังสามารถทนได้กันเล่า?

“พี่หญิง อย่าโมโหไปเลย”

ฉินซวงซวงก้าวเท้าฉับไวขึ้นมา มิอาจข่มความแปลกใจภายในใจเอาไว้ได้

เห็นได้ชัดว่าซ่งรั่วเจินเป็นพลับอ่อนให้คนบดขยี้ แต่งเข้าบ้านพร้อมกันก็เป็นนางและจือเยว่ร่วมกันวางแผน แม้นางไม่ยอมแต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนรับปาก ไม่โวยวายใหญ่โตอันใด

ใครคาดคิดนางถึงขั้นเปิดผ้าคลุมหน้าลงจากเกี้ยวเจ้าสาว โวยวายอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้?

“ล้วนเป็นความผิดของซวงซวง ท่านอย่าโมโหเลย แม้เป็นภรรยาศักดิ์เทียมกัน ท่านและท่านโหวมีสัญญาหมั้นหมายก่อน ข้าก็ต้องล้วนเชื่อฟังพี่หญิงในทุกด้าน ทั้งหมดล้วนเคารพพี่หญิง”

“ข้ารักท่านโหวด้วยใจจริง ครานั้นเพราะครอบครัวไม่เห็นด้วย จึงไม่สามารถอยู่ร่วมกับท่านโหวได้...”

ฉินซวงซวงพูดไปก็ตาแดงระเรื่อ คล้ายโศกเศร้าเหลือหลาย ร้องไห้สะอึกสะอื้นซับหางตา “หากพี่หญิงไม่เห็นด้วย ข้ายินดีเป็นอนุ ขอท่านอย่าขุ่นเคืองท่านโหวเลย”

“ซวงซวง ข้าจะให้เจ้าเป็นอนุได้อย่างไรกัน?”

หลินจือเยว่เห็นฉินซวงซวงทุกข์ใจถึงเพียงนี้ ภายในก้นบึ้งของสายตาเปี่ยมความปวดใจ “ครานั้นหากมิใช่ครอบครัวเจ้าไม่เห็นด้วย พวกเราก็แต่งงานกันตั้งแต่แรกแล้ว!”

ซ่งรั่วเจินมองฉากรักหวานซึ้งตรงหน้า ปรบมืออย่างสุดระงับ “แสดงได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

“เจ้าทำอันใด?” หลินจือเยว่ถามอย่างรำคาญ

ซ่งรั่วเจินยกมุมปากน้อยๆ “สองปีก่อนท่านเป็นฝ่ายสู่ขอข้า มิใช่ข้าต้องแต่งกับท่านให้ได้ เดิมทีครอบครัวข้าก็ไม่เห็นด้วย เป็นท่านที่คุกเข่าหน้าจวนสกุลซ่งของข้าถึงสองวัน”

“เห็นแก่ความจริงใจของท่าน ฮูหยินผู้เฒ่าพูดรับปากว่าจะดูแลข้าอย่างดิบดี ท่านพ่อท่านแม่ข้าจึงตอบตกลง เหตุใดบัดนี้ทำคล้ายข้ามาตียวนยาวทำลายความรักผู้อื่นกันเล่า?”

“ในเมื่อพวกเจ้ารักกันหวานซึ้งเพียงนี้ ข้าเองก็ไม่ขอเป็นคนชั่วทำลายงานแต่งแล้ว”

“ข้าทำให้พวกเจ้าสมปรารถนาแล้ว งานแต่งนี้ก็ขอให้จบลงเพียงเท่านี้ พี่หญิงน้องหญิงอะไร ดูแล้วอายุเจ้ามากยิ่งกว่าข้าอีกนะ ไฉนเลยจะให้เจ้าเรียกข้าว่าพี่หญิงได้?”

“เจ้าไม่ต้องร้องไห้พูดพร่ำยอมถอยยอมหลีกทางอีก ข้ายกตำแหน่งฮูหยินจวนนี้ให้เจ้าแล้ว”

ซ่งรั่วเจินยิ้มดูเบาทีหนึ่ง นางไม่คิดมอบสินเดิมให้ชายหลายใจหรอกนะ

ในเมื่อทั้งสองคนมีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน เหตุใดต้องทำร้ายเจ้าของร่างเดิมด้วยเล่า?

ฉินซวงซวงเองก็ตกตะลึงเพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ มิใช่ว่าซ่งรั่วเจินต้องฝืนตอบตกลง ชนิดที่ว่าให้นางเป็นอนุก็ยอมหรอกหรือ?

นางถึงขั้นถอนหมั้น?

นางจะกล้าถอนหมั้นได้อย่างไร!

“พี่หญิง ปีนี้ท่านก็ยี่สิบแล้ว ผ่านช่วงวัยแต่งงานมาแล้ว หากถอนหมั้น น่าจะออกเรือนไม่ได้แล้วกระมัง?”

“เรื่องของข้ายังไม่ต้องให้เจ้าใส่ใจ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าอายุมากกว่าข้า เจ้ายังสามารถแต่งออกเรือนได้ ข้ามีอันใดให้กังวลกัน?”

ซ่งรั่วเจินเพ่งพิศฉินซวงซวงขึ้นลงแวบหนึ่ง ภายในสายตาหญิงผู้นี้ล้วนแต่คืออุบาย เพียงมองผ่านใบหน้าแวบเดียวก็เห็นแค่ผลประโยชน์ เจ้าเล่ห์เพทุบาย ไร้น้ำใจไร้คุณธรรม เหมาะสมกับหลินจือเยว่ยิ่งนัก

ทั้งสองคนอยู่ร่วมกัน โชตชะตาของจวนโหวที่ดีขึ้นมาอย่างยากลำบากตลอดสองปีนี้จะต้องถูกทำลายอย่างรวดเร็วเป็นแน่

แน่นอน มีนางอยู่ อย่าหวังว่าโชคชะตาของจวนโหวจะดีเลย!

“ซ่งรั่วเจิน เจ้าต้องคิดให้ดี หากวันนี้เจ้าถอนหมั้นแล้ว ก็อย่าได้คิดว่าจะมีโอกาสเข้าจวนโหวอีก!”

สีหน้าหลินจือเยว่แข็งทื่อดุจเหล็ก เขาไม่เชื่อว่าซ่งรั่วเจินจะมีความกล้านี้ ถอนหมั้นในวันแต่งงาน เล่าลือออกไปชื่อเสียงนางก็จบสิ้นแล้ว!

“ใครเสียดายกัน?”

“ดี คำนี้เป็นเจ้าพูดเอง เจ้าอย่าเสียใจภายหลัง!”

“พวกเราก็ถอนหมั้นกันแล้ว อย่าได้ข้องเกี่ยวกันอีก!”

“ช้าก่อน” ซ่งรั่วเจินเปิดปากแล้ว

ภายในสายตาหลินจือเยว่สะท้อนความลำพองใจวูบหนึ่ง ก็รู้ว่าซ่งรั่วเจินมิอาจหักใจจากเขา!

“บัดนี้เจ้านึกเสียใจภายหลังแล้ว...”

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกซ่งรั่วเจินเอ่ยขัดขึ้น “งานแต่งก็ยกเลิกแล้ว แต่จวนโหวกินของข้าใช้ของข้า เครื่องยศสตรีที่ท่านสู่ขอแม่นางฉิน เกี้ยวเจ้าสาว และอีกหลายอย่างล้วนใช้เงินของข้ากระมัง?”

“จวนโหวเตรียมงานมงคล ตกแต่งจัดงานเลี้ยง ล้วนเป็นจวนสกุลซ่งออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ก่อนนี้ท่านกับข้าแต่งงานกัน ข้าย่อมไม่ถือสา บัดนี้ยกเลิกงานแต่งแล้ว ยังคิดใช้เงินของข้าแต่งหญิงอื่นเข้าจวน เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง?”

ถ้อยคำนี้พูดออกไป สายตาทุกคนในงานที่ทอดมองทางหลินจือเยว่ล้วนเปลี่ยนไปแล้ว

“แม้หลินโหวทำความดีความชอบ แต่ยามฝ่าบาทพระราชทานรางวัลเขากลับปฏิเสธรับเงินทองทั้งหมดเพื่อแสดงความภักดี ข้ายังคิดว่าเขาซื่อสัตย์จงรักภักดีเสียอีก ที่แท้ก็ใช้เงินของสกุลซ่งมาโดยตลอดกระนั้นหรือ?”

ตลอดสองปีมานี้จวนหลินโหวอาศัยเงินสกุลซ่งมาโดยตลอด เดิมทีคิดว่าหลินจือเยว่ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์พรั่งพร้อมสมบัติพัสถานกลับมาจะคืนเงินเป็นร้อยเท่า ไม่คาดคิดเลยว่าจะใช้เงินของสกุลซ่ง ทั้งยังพูดจาองอาจผ่าเผยเช่นนี้?

สีหน้าหลินจือเยว่แข็งทื่อ เขาไหนเลยจะคาดคิดว่าคนสุภาพนุ่มนวลอย่างซ่งรั่วเจินจะฉีกหน้าเขาต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ คิดคำนวณหนี้เก่าต่อหน้าธารกำนัล นี่เห็นได้ชัดว่าไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย!

เหตุใดจึงอำมหิตถึงเพียงนี้?

“ก่อนนี้เป็นเจ้าต้องการช่วยข้า ข้าปฏิเสธหลายครั้งก็ไม่เป็นผล บัดนี้เจ้าถึงขั้นคิดบัญชีกับข้า?”

“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องคืนเงินให้เจ้าไม่ขาดไปแม้ตำลึงเดียว!”

“หวังว่าท่านโหวจะพูดจริงทำจริง” ซ่งรั่วเจินปรบมือ กระซิบข้างหูเฉินเซียง “ไปตามพี่สามของข้ามา ให้เขาพาคนมามากหน่อย”

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

“ฟังให้ดี บัดนี้จงเข้าไปยกของของข้าในจวนโหวออกมา วันนี้ท่านโหวอยู่จวนพอดี จงคำนวณบัญชีให้ชัดเจน!”

สายตาซ่งรั่วเจินเบือนมองขบวนต้อนรับเจ้าสาวของฉินซวงซวง “เงินค่าจ้างของพวกเจ้าก็เป็นข้าจ่ายกระมัง? ในเมื่อเป็นคนของข้า บัดนี้ก็ไปยกของ ไม่ไปก็อย่าหวังจะได้ค่าจ้างจากข้า”

สีหน้าฉินซวงซวงเปลี่ยนไปแล้ว หากแม้แต่พวกเขาก็ไปทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นศักดิ์ศรีตนเองจะยังมีอยู่อีกหรือ?

“จือเยว่ นี่จะทำอย่างไรดี?”

“ซ่งรั่วเจิน เจ้าจะต้องก่อความวุ่นวายที่งานแต่งในวันนี้ให้ได้เลยกระนั้นหรือ?”

ดวงหน้างดงามพริ้มเพราของซ่งรั่วเจินเผยแววฉงน “ท่านโหวพูดผิดไปแล้ว นี่จะเรียกว่าก่อความวุ่นวายได้อย่างไร? ข้าเพียงต้องการรีบคิดบัญชีให้ชัดเจนโดยเร็วก็เท่านั้น”

“เชื่อว่าแม่นางฉินต้องมอบสินเดิมให้ท่านโหวเป็นแน่ ก็ไม่หวังให้ทุกหนแห่งในจวนโหวล้วนมีของของข้าหรอกกระมัง? ทุกคืนพวกท่านนอนบนเตียงที่ข้าซื้อ ห่มผ้าที่ข้าซื้อ เหมาะสมแล้วหรือ?”

ถ้อยคำนี้พูดออกมา ยังไม่ต้องพูดถึงฉินซวงซวง แม้แต่หลินจือเยว่เองก็กระวนกระวายแล้ว

“ใช่แล้ว กำไลมรกตที่แม่นางฉินสวมเป็นสินเดิมที่ท่านแม่ข้ามอบให้ข้า ก็สมควรคืนให้ข้าใช่หรือไม่?”

ฉินซวงซวงชะงักงัน ก่อนจะพูด “กำไลนี้เป็นท่านโหวมอบให้ข้า จะเป็นสินเดิมของเจ้าได้อย่างไร?”

“โอ้? เช่นนั้นมิสู้เจ้าถามท่านโหว ซื้อกำไลนี้มาจากที่ใดราคาเท่าใด มีใบเสร็จหรือไม่? สินเดิมที่ท่านแม่มอบให้ข้า ข้างบนยังแกะสลักชื่อของข้าเอาไว้ด้วย”

หลินจือเยว่หน้าเปลี่ยนสีในทันทีทันใด เขาพบกำไลนี้ในคลังเก็บของ คิดได้ว่าซวงซวงชอบกำไลหยกมากที่สุด มิหนำซ้ำชิ้นนี้ยังคุณภาพยอดเยี่ยม จึงนำไปมอบให้นาง เดิมทีคิดว่าเป็นของซ่งรั่วเจินก็ไม่เป็นไร ถือเป็นของขวัญแรกพบที่นางมอบให้ซวงซวงก็ใช้ได้แล้ว

ไม่คาดคิด...ข้างบนถึงขั้นสลักชื่อของนางไว้แล้ว?
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (2)
goodnovel comment avatar
Pavinee
เรื่องน่าติดตาม
goodnovel comment avatar
Suthida Pornjamroen
สนใจอ่านต่อ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1466

    หอเยาเยว่หลังจากพวกซ่งรั่วเจินนั่งลงแล้ว หยางอ๋องสั่งให้ร้านอาหารยกอาหารเลิศรสทั้งหมดขึ้นมาหนึ่งชุด นี่ถึงเอ่ยปากว่า“ไม่ขอปิดบัง ข้ามีสหายสนิทคนหนึ่ง ก็คือเหออวี้หลงแห่งจวนจิ้งเป่ยโหว แต่ไม่รู้ช่วงนี้เป็นอันใดไป ภายในจวนเขาเกิดเรื่องอยู่บ่อยครั้ง”“เมื่อหลายวันก่อนยิ่งแล้วใหญ่ ข้าออกจากบ้านพร้อมเขา แจกันบนชั้นสองตกลงมาใส่หัวของเขา แตกจนได้เลือด”หยางอ๋องเผยสีหน้าซับซ้อน “หากเรื่องทำนองนี้บังเอิญเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง บางทีนั่นอาจเป็นเหตุไม่คาดฝัน แต่ช่วงนี้เขาซวยบ่อยๆ เรื่องพรรค์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งสองครั้ง”“ดังนั้น ข้าจึงคิดว่าเรื่องนี้มีอันใดซ่อนอยู่หรือไม่ หาไม่แล้วก็ยากจะนึกออกได้ว่าคนผู้หนึ่งจะซวยได้ถึงเพียงนี้!”เพียงเมิ่งชิ่นได้ยิน ก็หันมองทางซ่งรั่วเจิน นึกถึงเมื่อแรกนางฟังคำเกลี้ยกล่อมของรั่วเจิน นี่ถึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้คนอื่นอาจไม่มีวิธีรับมือต่อเรื่องนี้ แต่ถามรั่วเจิน นั่นสามารถถามออกมาได้จริงๆ!“คุณชายเหอท่านนี้มาหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามหยางอ๋องพยักหน้า “มา ตอนนี้อยู่ด้านนอกนั่น ข้าใคร่ครวญดูแล้วหากพี่สะใภ้ยอมข้าก็จะให้เขาเข้ามา หากไม่ยอม นั่นก็ช่างเถอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1465    

    จวนเหลียงอ๋อง หลังจากที่ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ จากไปแล้ว จวนอ๋องก็กลับคืนสู่ความสงบ บ่าวไพร่รอบด้านก็ถอยออกไปหมด เหลือเพียงเหลียงอ๋องกับพระชายาเหลียงอ๋องสองคน บรรยากาศหนักอึ้งอย่างน่าประหลาด “ข้าเคยสั่งเจ้าหรือไม่ว่า ออกไปก่อเรื่องให้น้อย ๆ หน่อย?” เหลียงอ๋องน้ำเสียงเย็นชา ดูเหมือนน้ำเสียงนิ่งสงบ แต่กลับทำให้ฉีชิงอีใจหายใจคว่ำ ฉีชิงอีรีบคุกเข่าลงทันที “ท่านอ๋อง เดิมทีหม่อมฉันก็ไม่อยากก่อเรื่อง เพียงแต่ซ่งรั่วเจินนั่นเกินไปจริงๆ!” “ท่าทางนางหยิ่งยโส ไม่เห็นหม่อมฉันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย แล้วยังจงใจยั่วยุหม่อมฉัน หม่อมฉันทนไม่ไหวไปชั่วขณะหนึ่ง จึงทำเรื่องผิดพลาดขึ้นมา” “เจ้าควรรู้สถานะในราชสำนักของฉู่อ๋องในตอนนี้ เขากำลังมีอำนาจ เจ้าหาเรื่องพวกเขาในเวลานี้ มีแต่จะนำปัญหามาให้ข้า” แววตาของเหลียงอ๋องดุดันและเหี้ยมเกรียม ช่วงนี้เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ แม้แต่ในราชสำนัก ทุกคนต่างก็สรรเสริญฉู่อ๋อง คิดว่าเขาฉลาด สุขุมรอบรู้ วิทยายุทธ์สูงส่ง นับว่าเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย แต่เขาก็ไม่เคยใส่ใจเลย สำหรับเขาแล้ว สิ่งเห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1464    

    ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อย ที่จริงแล้วการมีปรมาจารย์ฮวงจุ้ยมาช่วยจัดค่ายกลวางฮวงจุ้ยนั้น เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป อย่าว่าแต่เชื้อพระวงศ์เลย แม้แต่ขุนนางทั่วไป หรือพวกที่ทำการค้า ก็มักเชิญปรมาจารย์มาดูฮวงจุ้ยเช่นกัน เรียกได้ว่าธรรมดามาก “เพียงแต่ว่า ปรมาจารย์ท่านนั้นที่พวกเขาเชิญมา ตบะสูงล้ำยิ่งนัก ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ได้ผลลัพธ์เช่นนี้” เมื่อได้ยิน ฉู่จวินถิงก็ขมวดคิ้วงามเล็กน้อย เป็นปรมาจารย์ฮวงจุ้ยท่านหนึ่งอีกแล้วหรือ? สกุลหลิงในตอนนั้น ก็อาศัยเล่ห์กลเหล่านี้ ก่อให้เกิดการนองเลือดขึ้น เดือดร้อนคนมากมาย และในจวนเหลียงอ๋องก็มีคนเช่นนี้อยู่พอดี ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่? “เมื่อครู่เจ้าพบเหลียงอ๋องแล้ว ดูเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉู่จวินถิงถาม “ก็เป็นอย่างที่ท่านคิดทั้งหมด อาการป่วยของเขาเดิมทีก็แกล้งทำออกมาทั้งนั้น เพื่อให้ดูค่อนข้างสมจริง ความจริงแล้ว ยังเคยจงใจกินยาบางตัว เพื่อไม่ให้เผยพิรุธได้ง่าย” “แต่ว่า ยาประเภทนี้กินติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายไม่น้อยเช่นกัน” “ก่อนหน้านี้พระชายาเหลียงอ๋องยังคิดจะให้หม่อมฉันไปรั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1463    

    “ดูท่าว่าร่างกายของน้องสี่จะไม่ดีนัก เช่นนั้นก็อย่าได้ชักช้าอีกเลย หลังจากขอโทษแล้วพวกเราก็จะกลับ ให้น้องสี่พักผ่อนให้เต็มที่” ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง สายตาตกลงบนร่างของฉีชิงอี รอคำขอโทษจากนาง ฉีชิงอีตะลึงงัน ท่านอ๋องของนางไอเป็นเลือดถึงเพียงนี้ นี่ฉู่อ๋องมองไม่เห็นหรือ? ตอนนี้ในเวลาเช่นนี้ ฉู่อ๋องยังจะยืนกรานให้ตนคุกเข่าลงไปขอโทษอีก ไม่เกินไปหน่อยหรือ! หยางอ๋องอดนับถือในใจไม่ได้ สมแล้วที่เป็นเสด็จพี่สาม ทำสิ่งใดก็ล้วนยึดตามความพอใจของตนเอง ไม่เคยเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อครู่เขาเห็นสภาพเช่นนั้นของเสด็จพี่สี่ ยังรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงเลยว่าเสด็จพี่สามจะไม่รู้สึกอะไรเลย ยังคงเด็ดขาดถึงเพียงนี้! หยางอ๋องเก็บแววตาเย็นชาลง ฉู่อ๋องยโสโอหังเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยนจริง ๆ ชิงอีจะหาเรื่องจวนฉู่อ๋องให้ได้ วันนี้ก็นับว่าเป็นบทเรียนที่นางสมควรได้รับแล้ว “พรึ่บ” ฉีชิงอีกำหมัดแน่น แล้วคุกเข่าลงไป “ขออภัย เรื่องในวันนี้เป็นความผิดของข้า ต่อไปข้าจะไม่ถูกยุยงง่าย ๆ อีก หวังว่าพวกเจ้าจะให้อภัย” ซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ในเมื่อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1462    

    ความหยิ่งผยองทั้งปวงของนางก่อนหน้านั้น ตั้งแต่วินาทีที่ท่านอ๋องให้นางคุกเข่าขอโทษ ก็พลันสลายหายไปทันที! อูเยว่เอ๋อร์ก็ไม่คิดว่าฉีชิงอีจะไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้ เป็นถึงพระชายา แม้แต่ความคิดของสามีตนเองก็ควบคุมไม่ได้ นางเดิมทีได้ยินว่าสตรีนางนี้เป็นพระชายา ก็ยังคิดว่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีได้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว นี่คือคนไร้ประโยชน์ชัดๆ! “เหลียงอ๋อง ล้วนเป็นอ๋องเหมือนกันทั้งนั้น แม้แต่พระชายาของตัวเองท่านก็ยังไม่ปกป้อง ท่านนับเป็นบุรุษได้หรือ?” ถ้อยคำที่เปล่งมาอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนล้วนมีสีหน้าต่างกันไป เหลียงอ๋องเบนสายตาไปทางอูเยว่เอ๋อร์ เอ่ยเสียงเย็นว่า “ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า ส่งแขก” อูเยว่เอ๋อร์ชะงักไป มองเหลียงอ๋องด้วยความไม่อยากจะเชื่อ บุรุษผู้นี้ออกคำสั่งไล่นางเช่นนี้เลยหรือ? “ท่าน...เหตุใดท่านถึงปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ได้?” เหลียงอ๋องแววตาเย็นชา “ชิงอีเป็นคนมีนิสัยสงบเสงี่ยมรู้จักกาลเทศะมาแต่ไหนแต่ไร แทบไม่ก่อเรื่องวุ่นวาย วันนี้กลับกระทำเรื่องเช่นนี้ องค์หญิงก็น่าจะรู้เหตุผลอยู่แล้ว” แค่องค์หญิงที่มาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์นางหนึ่ง คิดจริง ๆ หรือว่าฐ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1461 

    ทันทีที่ฉีชิงอีได้ยินคำนี้ จิตใจก็สะท้านวูบหนึ่ง เป็นดังคาด หลังจากที่ท่านอ๋องได้ยินข่าวนี้ก็ไม่พอใจยิ่งนัก! พ่อบ้านเป็นคนสนิทของท่านอ๋อง ในยามปกตินางก็ไม่กล้ามองว่าเขาเป็นบ่าวรับใช้คนหนึ่ง หากแต่มองเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง “รั่วเจิน ข้าว่าฉีชิงอีผู้นั้นตั้งแต่กลับมา ก็มิได้โอหังเยี่ยงตอนพบกันที่ข้างนอกเมื่อก่อนหน้านี้ นางดูคล้ายกับไม่สบายใจนัก หรือว่านางจะกลัวเหลียงอ๋องมาก?” เมิ่งชิ่นมีสีหน้างุนงง สตรีนางนี้ก่อนหน้านี้ เมื่ออยู่ข้างนอกโอหังนัก เหตุใดเมื่อกลับมาก็พลันกลายเป็นนกกระทาไปได้? ซ่งรั่วเจินก็รู้สึกได้เช่นกัน แต่เดิมในต้นฉบับ นางก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของเหลียงอ๋องกับฉีชิงอีนั้นหาได้ดีไม่ เพียงแต่ภายนอกดูเหมือนความสัมพันธ์จะดีเท่านั้น แท้จริงแล้วฉีชิงอีในสายตาเขาก็เป็นเพียงของตกแต่งชิ้นหนึ่ง ในขณะที่กำลังพูดคุย เหลียงอ๋องก็เดินเข้ามา “แค่ก ๆ” ฝีเท้าของเขาเร่งรุดเล็กน้อย ทั่วทั้งใบหน้าแลดูซีดเผือดผิดปกติ คล้ายจงใจรีบมาโดยเฉพาะ เพิ่งจะย่างเข้าสู่โถงด้านหน้า ก็กลั้นไอไว้ไม่อยู่ ใบหน้าที่ซีดเผือดเพราะการไอแต้มด้วยสีแดง แลดูอ่อนแรงผิดปกติ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status