ระหว่างที่กินยา เมิ่งเจียวซินพยายามไม่เงยหน้าขึ้นไปมองสบกับดวงตาคู่คม พอยาในถ้วยหมด หลี่อวิ้นกุยก็ค่อย ๆ ประคองนางกลับลงไปนอน แล้วในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะผละออก เมิ่งเจียวซินก็รีบซบใบหน้าลงไปบนบ่ากว้าง พร้อมกับฝืนยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาโอบรอบเอวของบุรุษข้างกายเอาไว้
“กุยกุย นอนให้ข้ากอดสักสองเค่อได้หรือไม่?”
หลี่อวิ้นกุยเลิกคิ้วสูง ก้มมองดวงหน้างามที่เต็มได้ด้วยความขัดเขิน ยามนี้พวงแก้มกับใบหูของเมิ่งเจียวซินขึ้นสีแดง จนแทบจะคั้นหยดเลือดออกมาได้ เขายกยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า
“ได้สิ” ถึงแม้ตัวเขาจะน่ากอดมาก แต่หลี่อวิ้นกุยก็รู้ดีว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงของเมิ่งเจียวซินก็คือ อยากเขาให้นอนพัก แล้วในเมื่อสิ่งที่คาใจถูกขจัด เขาจึงตัดสินใจขยับเข้าไปโอบกอดสตรีที่ตนรัก จากนั้นก็ค่อย ๆ เข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกัน
เมื่อรู้สึก
ระหว่างนั้นพยาบาลได้เข็นรถอาหารเข้ามาในห้องพัก จากนั้นพยาบาลคนดังกล่าวก็เดินเข้ามาปรับเตียง พร้อมกับจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทานอาหารให้กับเมิ่งเจียวซินจนเรียบร้อย ก่อนจะถอยออกไปจากห้อง เมิ่งเจียวซินยื่นมือออกไปเตรียมจะหยิบช้อน แต่ทว่าคุณยายใบบัวก็ชิงหยิบช้อนตัดหน้า จากนั้นอีกฝ่ายก็ตักข้าวต้มกุ้ง แล้วยื่นมาชิดที่ริมฝีปากของเธอ “บาดแผลที่บ่าเพิ่งจะสมานกัน คุณหมอสั่งว่า ช่วงนี้ใบหม่อนควรเคลื่อนไหวแขนข้างขวาให้น้อยนะลูก” เมิ่งเจียวซินพยักหน้าตอบรับอย่างเชื่อฟัง เพราะรู้ดีว่า ช่วงที่เธอนอนไม่ได้สติเกือบเก้าวันคงทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเป็นห่วงมาก เวลานี้คุณยายใบบัวอยากทำอะไร เธอก็จะยอมตามใจทุกอย่าง เธอส่งยิ้มปลอบโยนให้ผู้เป็นยาย ก่อนจะอ้าปาก แล้วในขณะนั้นภาพของใครอีกคนที่เมิ่งเจียวซินยอมให้ป้อนอาหารใส่ปากก็ทับซ้อนกับสตรีส
เมิ่งเจียวซินลืมตาขึ้นมาก็เห็นเพดานห้องที่ดูเหมือนจะทั้งคุ้น และไม่คุ้นตา ยามนี้นางรู้สึกมึน และรู้สึกปวดศีรษะมาก นางจึงหลับตาลง แล้วลองลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างช้า ๆ จากนั้นจึงก้มลงไปมองสำรวจร่างกายของตัวเอง... ‘ผ้าห่มโรงพยาบาล ผ้าก๊อซ สายน้ำกลือ?’ เมิ่งเจียวซินละสายตาจากสายน้ำเกลือที่เสียบอยู่บนมือข้างซ้าย จากนั้นก็สอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง นางเห็นคุณยายใบบัวกำลังนั่งพูดคุยอะไรบางอย่างกับหมอ และพยาบาลอยู่ที่โซฟา แล้วเมื่อคนทั้งสามหันมาสบตากับนาง “ใบหม่อน! หนูฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้างลูก? เจ็บตรงไหนบ้าง?” เมิ่งเจียวซินมองคุณยายใบบัว หมอ และพยาบาลที่เดินเข้ามาสอบถาม แล้วไล่ตรวจดูร่างกายของนาง โดยในระหว่างนั้นเมิ่งเจียวซินสังเกตเห็นสายตาที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงจากผู้เป็นยาย รวมไปถึงน้ำตาที่ไ
หลังจากนั่งพูดคุยวางแผนทั้งตั้งรับ และสู้กลับเกือบสองชั่วยาม หลี่อวิ้นกุยก็รีบขอตัวกลับไปป้อนยาเมิ่งเจียวซินที่ตำหนัก ก่อนออกมาเขาได้ฝากจิ่นโซวกับโจวหลิวอิงดูแลความปลอดภัยของผู้เป็นบิดา เพราะถึงพวกเขาจะสั่งปิดเส้นทางลับใต้ดินไปแล้ว และยังส่งเหล่าทหารไปเฝ้าหน้าปากทางเข้าออก แต่ทว่าจะประมาทคนมากเล่ห์เจ้าแผนการอย่างหลี่อวิ้นหยางไม่ได้เป็นอันขาด เมื่อกลับมาถึงตำหนัก หลี่อวิ้นกุยก็ได้รับรายงานว่า ยามนี้ขบวนรถม้าของเมิ่งเจียวฉือเข้ามาในเขตของเผ่ามารแล้ว เขาจึงตัดสินใจให้องครักษ์รีบไปดูที่ประตูพระราชวังทางทิศตะวันออก หากปลอดภัยก็ให้ผู้นำขบวนรถม้าพาเมิ่งเจียวฉือเข้ามาทางประตูนั้นได้เลย แต่ถ้าหากดูแล้วน่าจะไม่ปลอดภัย หรือน่าจะเกิดปัญหาในขณะเคลื่อนขบวนรถม้าเข้ามา ก็ให้รีบไปแจ้งผู้นำขบวนถอยขบวนรถม้าไปพักที่จวนตระกูลโจวก่อน เมื่อสั่งการเสร็จ หลี่อวิ้นกุยก็รีบปรับลมหายใจ รวบรวมสติ พอสงบใจลงได้ เขาจึงเดินไปเปิดประตูห้องพักของเมิ่งเจียวซิน&n
เมิ่งเจียวซินแกล้งหลับ แต่ก็แอบลืมตาขึ้นมองเป็นพัก ๆ นางเห็นหลี่อวิ้นกุยเดินเข้ามองมาที่นาง ก่อนจะย้ายสายตาไปมองลิ้นชักตัวที่สามของโต๊ะข้างเตียง ดูเหมือนว่า...สิ่งที่อยู่ในนั้นจะยังคาใจอีกฝ่าย แล้วในขณะนั้นฝูกงกงก็ยกยาเข้ามาในห้องพัก หลี่อวิ้นกุยหันไปรับยาจากฝูกงกงมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นเขาก็เตรียมจะเข้าไปปลุกเมิ่งเจียวซินให้ตื่น ในระหว่างที่เดินเข้าไปเขาสังเกตเห็นว่า เปลือกตาของสตรีตรงหน้าขยับ พอโน้มตัวลงไปหา...เสียงลมหายใจของนางก็เร็ว และถี่ขึ้นกว่าเดิม จากที่คิดจะเอื้อมมือเข้าไปปลุก หลี่อวิ้นกุยจึงตัดสินใจก้มลงไปจุมพิตที่หน้าผากหนึ่งครั้ง ก่อนขยับเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของอีกฝ่ายว่า “ซินซิน ตื่นแล้วหรือ?” “ข้ายังไม่ตื่น” &nb
ระหว่างที่กินยา เมิ่งเจียวซินพยายามไม่เงยหน้าขึ้นไปมองสบกับดวงตาคู่คม พอยาในถ้วยหมด หลี่อวิ้นกุยก็ค่อย ๆ ประคองนางกลับลงไปนอน แล้วในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะผละออก เมิ่งเจียวซินก็รีบซบใบหน้าลงไปบนบ่ากว้าง พร้อมกับฝืนยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาโอบรอบเอวของบุรุษข้างกายเอาไว้ “กุยกุย นอนให้ข้ากอดสักสองเค่อได้หรือไม่?” หลี่อวิ้นกุยเลิกคิ้วสูง ก้มมองดวงหน้างามที่เต็มได้ด้วยความขัดเขิน ยามนี้พวงแก้มกับใบหูของเมิ่งเจียวซินขึ้นสีแดง จนแทบจะคั้นหยดเลือดออกมาได้ เขายกยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ได้สิ” ถึงแม้ตัวเขาจะน่ากอดมาก แต่หลี่อวิ้นกุยก็รู้ดีว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงของเมิ่งเจียวซินก็คือ อยากเขาให้นอนพัก แล้วในเมื่อสิ่งที่คาใจถูกขจัด เขาจึงตัดสินใจขยับเข้าไปโอบกอดสตรีที่ตนรัก จากนั้นก็ค่อย ๆ เข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกัน เมื่อรู้สึก
หลี่อวิ้นกุยเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเมิ่งเจียวซิน เขาก็รีบลุกไปจัดเตรียมของ...จากนั้นก็ยกสิ่งที่เตรียมกลับมาวางไว้บนพื้นที่ว่างข้างเตียง ก่อนจะค่อย ๆ ถอดชุด ค่อย ๆ ลงมือเช็ดทำความสะอาดดวงหน้า ลำคอ รวมไปถึงร่างกายทุกส่วนของนาง แล้วหลังจากนั้นเขาจึงลงมือใส่ยา ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ จัดท่านอน และดึงผ้าขึ้นมาห่มให้สตรีที่เขารัก พอดูแลเมิ่งเจียวซินเสร็จ หลี่อวิ้นกุยก็กลับไปนั่งทำงาน เขาเรียกจิ่นตั้งกับเหล่าองครักษ์เข้ามานั่งพูดคุยงานที่คั่งค้างต่อ ตอนนี้คนของเขาเริ่มได้เบาะแส และลงมือจัดการกับพวกของหลี่อวิ้นหยางได้บ้างแล้ว แต่ทว่าก็ยังสังหารได้เพียงพวกปลายแถวกับเหล่าทหารที่แปรพักตร์เท่านั้น ยามนี้สองในสี่ตระกูลใหญ่แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับหลี่อวิ้นหยางอย่างชัดเจนแล้ว แต่ก็โชคดีที่เหล่าปีศาจในเผ่าปีศาจเสือกับเผ่าปีศาจงูเกินครึ่งไม่คล้อยตามไปกับคำพูดของผู้นำเผ่า หลี่อวิ้