แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: สายธารสะท้อนเงา
“เฟ่ยชุ่ย พาคนไปอยู่ในที่อุ่น ๆ ที” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันกำมือของตนเองเอาไว้แน่น “ข้ามิอาจสัมผัสเลือดได้ คุณทำเอง ได้หรือไม่?”

เมื่อเฟ่ยชุ่ยได้ยินเช่นนั้น นางจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วในทันที "พระชายามิจำเป็นต้องลงมือเองก็ได้เพคะ บ่าวทำได้ บ่าวทำได้เพคะ”

เฟ่ยชุ่ยจึงพาหู่พั่วไปที่ห้องของนางในทันที

ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเหลือบมองบาดแผลบนร่างกายของหู่พั่วอย่างคร่าว ๆ

บาดแผลพวกนี้ล้วนเกิดจากการใช้แส้ และเหล็กร้อนลวก ทั้งยังมีร่องรอยของมีคมบางอย่างกรีดรวมอยู่ด้วย

หากให้จัดการบาดแผลนั้น ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อนพอสมควร

ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบมองดูมือที่กำลังสั่นเทาทั้งสองข้างของตน ด้วยท่าทีอับจนหมดหนทาง

การผ่าตัดนั้นต้องอาศัยความมั่นคง ความแม่นยำและความอดทนเป็นที่ตั้ง หากนางมิสามารถควบคุมมือของตนเองได้แล้วไซร้ นางย่อมมิอาจทำการเย็บบาดแผลได้

หากมิทำเย็บแผลแล้วละก็ เลือดย่อมมิอาจหยุดไหล ไม่นานหู่พั่วคงได้เลือดไหลหมดตัวจนตายไปเสียก่อน

“เฟ่ยชุ่ย เจ้าไปที่ห้องครัวแล้วหยิบหมูมาชิ้นหนึ่งเสีย ข้าจักสอนวิธีเย็บแผลให้กับเจ้าเอง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวออกมา “เจ้ามีทักษะในการลงมือที่ดี ทั้งยังมีพรสวรรค์ในการเรียนรู้อีก เจ้าจักต้องเรียนรู้มันได้แน่ ๆ "

น้ำเสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันเต็มไปด้วยเย็นชาและหนักแน่น “หู่พั่วจักตายไม่ได้ หากนางตาย พวกเราสองคนคงได้จบสิ้นชีวิตเป็นแน่”

เฟ่ยชุ่ยตกตะลึงไปในทันที ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวว่า"เพราะเหตุใดหรือ?"

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบลงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ข้ามิชอบหู่พั่ว ทั้งมิอยากจะช่วยนางอีกด้วย ทว่า เจ้าลองคิดดูเล่า ที่หู่พั่วได้รับบาดเจ็บมากมายเช่นนี้ นางมาที่จวนท่านอ๋องเจ็ดได้อย่างไรกัน? ข้ามั่นใจมากว่า นางมิอาจขยับตัวของตนเองได้ตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว”

“หากแต่เรี่ยวแรงสุดท้ายของหู่พั่วนั้น จู่ ๆ นางก็มาปรากฏตัวขึ้นในเรือนของพวกเรา เกรงว่าเรื่องหาได้ง่ายดายอย่างที่คิดไม่”

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า หู่พั่วเป็นสาวใช้สินเดิมของนาง

มีคนน้อยมากนักที่รู้เรื่องว่าหู่พั่วออกจากจวนท่านอ๋องเจ็ดไปพึ่งใบบุญที่จวนท่านอ๋องสามแล้ว

หากว่าหู่พั่วมาตกตายอยู่ในบริเวณเรือนของนางแล้วละก็ ทั้งยังจากไปเพราะถูกทารุณกรรมอย่างร้ายแรงเช่นนี้ เรื่องนี้จักต้องมีคนวางแผนขึ้นมาอย่างแน่นอนเกรงว่าเรื่องนี้คงมิอาจจบลงด้วยดีแล้ว

หู่พั่วมิอาจตายได้ อย่างน้อยก็มิใช่ในตอนนี้

“เร็วเข้า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบดึงแขนเสื้อของเฟ่ยชุ่ยในทันที “เรื่องนี้มิอาจรอช้าได้”

เฟ่ยชุ่ยพลันเข้าใจทุกอย่างได้ในทันทีว่า เรื่องราวหาได้ง่ายดายอย่างที่ตาเห็นไม่ สีหน้าที่ซีดขาวของนางนั้น ได้แต่พยักหน้าลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบร้อนวิ่งเข้าไปหยิบเนื้อหมูในห้องครัวมาในทันที

“น้ำร้อน ตัดอาภรณ์ออกเป็นเส้น ๆ แล้วนำไปต้มกับน้ำเดือดเสีย เหล้าดีกรีสูง เทียนแล้วก็เกลือ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยปากสั่ง ในขณะที่นางเองกำลังลงมือตัดเสื้อผ้าเป็นเส้น ๆ เพื่อทำสายรัดห้ามเลือดให้กับหู่พั่ว “รีบไปเตรียมของเหล่านี้เอาไว้เร็วเข้า”

"เพคะ"

เฟ่ยชุ่ยทำสิ่งต่าง ๆ รวดเร็วยิ่งนัก หลังจากที่นางเตรียมสิ่งของต่าง ๆ เอาไว้แล้วนั้น นางจึงหันมาทำความสะอาดบาดแผลให้หู่พั่วตามคำสั่งของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในทันที

“อุณหภูมิร่างกายของนางในยามนี้ต่ำเกินไป นางกำลังเข้าสู่สภาวะช็อคแล้ว พวกเราต้องทำให้อุณหภูมิร่างกายของนางกลับมาเป็นปกติให้ได้เสียก่อน เฟ่ยชุ่ย เจ้ารีบไปเตรียมน้ำอุ่นมาเร็ว อุณหภูมิของน้ำจักต้องใกล้เคียงกับอุณหภูมิร่างกายของนางในยามนี้ หรือก็คือเอานิ้วมือจุ่มเข้าไปแล้วรู้สึกว่าน้ำอุ่น ๆ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว

“รอจนกว่าอุณหภูมิร่างกายของนางและสัญญาณชีพจรจักกลับมาเป็นปกติดังเดิม พวกเราค่อยมาทำความสะอาดบาดแผลนาง ในระหว่างที่รอนั้น ข้าจักสอนเจ้าเย็บแผลเอง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงหยิบเข็มเย็บแผลและคีมผ่าตัด รวมไปถึงไหมที่ใช้เย็บแผลทางการแพทย์ออกมาจากแขนเสื้อของตนเอง

สิ่งของเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น หลังจากที่นางสั่งการให้เฟ่ยชุ่ยเข้าห้องครัวไปนำชิ้นเนื้อหมูมา

ถึงแม้ว่าอุปกรณ์จักมีไม่มากนัก แต่ก้เพียงพอที่จะเย็บแผลสดได้แล้ว

“เดิมทีวิธีการเย็บแผลนั้นมีหลายประเภท ทว่า ข้าจักสอนวิธีที่ง่ายที่สุดให้กับเจ้า” ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงร้อยด้าย เย็บและผูกปมเข้าไปในเนื้อหมูอย่างรวดเร็ว

“เจ้าพอจะเข้าใจหรือไม่?”

เฟ่ยชุ่ยพยักหน้าลง “เพคะ”

เดิมทีเฟ่ยชุ่ยก็เป็นคนที่มีฝีไม้ลายมือคล่องแคล่วเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจากฝึกฝนลงบนเนื้อหมูหลายครั้งหลายคราแล้วนั้น นางก็สามารทำได้ในทันที

"รักษาบาดแผลที่แขนก่อน" ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงสั่งให้เฟ่ยชุ่ยทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณบนบาดแผลตรงแขนของหู่พั่วในทันที หลังจากนั้นจึงทำการเย็บแผลและพันผ้าพันแผลให้เรียบร้อย

ในคราแรกเฟ่ยชุ่ยมิค่อยคุ้นชินนัก แต่หลังจากที่นางพอจะคุ้นเคยกับวิธีการต่าง ๆ แล้วนั้น ความเร็วของการจัดการบาดแผลจึงเพิ่มขึ้นมาในทันที

เริ่มจากบริเวณบาดแผลที่มิเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่นแขนขา ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปยังส่วนบนของร่างกาย สุดท้ายก็ไปจบที่แก้มของนาง

“พระชายาเพคะ” เฟ่ยชุ่ยพลางส่งเสียงร้องสะอึกสะอื้นออกมา “ทำเช่นไรดีเพคะ? รอยแผลบนใบหน้าของหู่พั่วน่ากลัวยิ่งนัก บ่าว... มิอาจทนดูได้ ทั้งยังมิกล้าลงมืออีกด้วย”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบมองมันเล็กน้อย

รอยแผลนี้เกิดจากรอยมีดกรีด ไล่ตั้งแต่หางตาจนไปจรดที่มุมปากทั้งสองข้างซ้ายขวา

หากทิ้งเอาไว้มิได้รักษาเป็นเวลานานแล้วละก็ บาดแผลก็จักเกิดหนองขึ้น ทำให้ใบหน้าของหู่พั่วบวมเป่งขึ้นมา

บาดแผลที่เป็นรอยยาวและมีความลึกน่ากลัวเช่นนี้ หากมิรีบรักษาแล้วละก็อาจจะลามไปถึงดวงตาได้

“รีบระบายหนองออกมาเสียก่อน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้น “เฟ่ยชุ่ย เจ้ารู้ว่าต้องทำอย่างไรใช่หรือไม่? ใช้มีดกรีดมันออกมา พร้อมทั้งเอาหนองที่อยู่ด้านในบาดแผลออกมา ข้าจักรักษาอาการอักเสบของนาง”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยิบขวดไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ที่เหลืออยู่ไม่มากออกมา ก่อนจะเทผสมเจือจางลงไปกับน้ำเดือด

หลังจากที่หนองไหลออกไปหมดแล้วนั้น ก็ใช้น้ำเกลือที่นางทำขึ้นมาเองล้างไปที่บาดแผล หลังจากนั้นจึงค่อยฆ่าเชื้อด้วยไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ที่เจือจางลงไป

“ยังมิต้องเย็บแผลให้นาง นำผ้ามาพันแผลให้นางเสียก่อน”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันจับข้อมือของหู่พั่วเอาไว้

สัญญาณชีพจรอ่อนแรงยิ่งนัก หัวใจเต้นเบามาก การเสียเลือดมากเช่นนี้อาจจะทำให้เกิดความดันต่ำได้ นางยังมิพ้นขีดอันตราย

“พระชายาเพคะ ตัวของหู่พั่วมิอุ่นขึ้นเลยเพคะ ทว่า นางกลับมามีไข้สูงอีกครั้ง ตัวนางร้อนเป็นไฟเลยเพคะ” เฟ่ยชุ่ยกล่าว “ทำเช่นไรดีเพคะ? พวกเราเรียกหมอหลวงมาดีหรือไม่เพคะ?”

"ยังมิต้อง" ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว "หู่พั่วในยามนี้ นางอาจจะตายเมื่อใดก็ได้ พวกเรามิควรเรียกคนมาในตอนนี้ เฟ่ยชุ่ย เจ้าออกไปทำความสะอาดเลือดในลานสนามเสียก่อน ห้ามให้เหลือแม้ร่องรอยเพียงสักนิดเดียวเป็นอันขาด"

เฟ่ยชุ่ยรีบร้อนตอบรับในทันที

หลังจากที่เฟ่ยชุ่ยออกไปแล้วนั้น ใบหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกเย็นลงไปหลายส่วน

ความผิดของเจ้านายที่ทำการทรมานบ่าวนั้น ถือว่ามีโทษใหญ่หลวงยิ่งนัก หากว่ามิทำให้คนถึงแก่ความตายนั้น ก็ยังพอจะสามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปได้ ทว่า หากถึงแก่ความตายแล้วนั้น ผลลัพธ์ย่อมต่างออกไปในทันที

การสังหารหรือทรมานข้ารับใช้ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม หากว่าถึงแก่ความตายเมื่อใดนั้น แม้ว่าจักมีตำแหน่งเป็นถึงพระชายาก็จักต้องโทษด้วยเช่นกัน

ฉินเสวี่ยเย่ว์จึงมิคิดลังเลที่จะทำร้ายหู่พั่วเพื่อทำการใส่ร้ายนางเลยทีเดียว นางทำเช่นนี้เพราะต้องการทำลายนางใช่หรือไม่?

"เฮอะ" ฉินเหยี่ยนเย่ว์แสยะยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา

ในเมื่อฉินเสวี่ยเย่ว์ต้องการจะทำลายนางด้วยวิธีเช่นนี้ เช่นนั้น นางก็จะลงไปเล่นด้วยแล้วกัน

ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยิบยาทั้งหมดที่นางมีออกมา นอกเหนือจากแมนนิทอลที่ไม่มีประโยชน์อันใดขวดหนึ่งแล้ว ก็เหลือเพียงไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์เพียงเล็กน้อย ไอบูโพรเฟนไม่กี่เม็ดและแอสไพรินบางส่วน รวมไปถึงอุปกรณ์เย็บแผลและเครื่องมืออื่น ๆ ที่เพิ่งปรากฏตัวเมื่อครู่

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูบแหวนไปมา พลางขมวดคิ้วเป็นปมไปในทันที

บาดแผลส่วนใหญ่บนร่างกายของหู่พั่วนั้น มีเลือดออกบริเวณใต้ผิวหนังและเลือดที่ไหลออกสู่ภายนอก ฉินเสวี่ยเย่ว์ใช้ลมหายใจสุดท้ายของหู่พั่วมิให้นางหมดลมไปก่อนเช่นนี้ นับว่าฉินเสวี่ยเย่ว์เชี่ยวชาญในการทุบตียิ่งนัก

ฉะนั้นแล้ว นางจึงมีโอกาสที่จะช่วยชีวิตของหู่พั่วเอาไว้ได้ทัน

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงหยิบไอบูโพรเฟนให้หู่พั่วกินเพื่อลดไข้และระงับอาการเจ็บปวดจากบาดแผล ก่อนจะหยิบพู่กันและกระดาษขึ้นมาเขียนเทียบยาลงไป เพื่อให้เฟ่ยชุ่ยไปซื้อมา

เฟ่ยชุ่ยรีบตกปากรับคำในทันที ก่อนจะหยิบหมวกสานไม้ไผ่ใบหนาขึ้นมาใส่ เพื่อแอบหลบข้ารับใช้ภายในจวนอ๋องออกไปยังข้างนอก

ผ่านไปไม่นานนั้น เฟ่ยชุ่ยพลันรีบร้อนวิ่งกลับมาจากด้านนอกในทันที

“พระชายาเพคะ แย่แล้วเพคะ”น้ำเสียงกระหืดกระหอบของเฟ่ยชุ่ยดังขึ้น “บ่าวเห็น บ่าวเห็นพวกเขามากันแล้วเพคะ”

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังเช็ดตัวเพื่อลดไข้ให้กับ หู่พั่วนั้น พลันหันหน้าไปหาเฟ่ยชุ่ยที่ร่างกายมอมแมมไปด้วยโคลนและเกร็ดหิมะประปรายในทันที ผมเพ้าของนางดูรกรุงรังไม่น้อย สภาพของนางในยามนี้เสมือนกับว่าลงไปกลิ้งคลุกอยู่ในหิมะก็ไม่ปาน

“ผู้ใดกล้าทำให้เจ้าตกอยู่ที่น่าลำบากกัน?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้วขึ้น “มิต้องรีบร้อน ค่อย ๆ พูด”

“ไม่ ไม่มีผู้ใดทำอันใดบ่าวเพคะ หลังจากที่บ่าวไปซื้อยากลับมานั้น พลันเห็นพระชายาของท่านอ๋องสามนำคนมามากมาย บ่าวนึกร้อนใจยิ่งนัก จึงได้รีบวิ่งกลับมาที่เรือน ทำให้สะดุดล้มไปอยู่สองสามรอบ บ่าวมิได้ไปขวางพวกนางเอาไว้ พระชายาเพคะ ท่านรีบหาแผนการมารับมือกับพวกนางเถิดเพคะ” เฟ่ยชุ่ยแทบจะร่ำไห้ออกมาในทันที “พระชายาของท่านอ๋องสามมาพร้อมกับแม่นมกงเจิ้งซือเพคะ”

ยังมิทันที่เฟ่ยชุ่ยจะพูดจบ ก็พลันได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมารัว ๆ ในทันที

ยังมิทันที่พวกนางจักได้ออกไปเปิดประตูนั้น ประตูกลับถูกคนเตะเข้ามา
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
Toy M
โบยคนเป็นพระชายแล้วปล่อยให้ตายได้ แต่ทำคนรับใช้ตายไม่ได้มีความผิดใหญ่หลวง อ่านนิยายจีนมาเยอะเพิ่งจะเจอเรื่องนี้ละ แล้วนางเอกที่ทะลุมิติมาก็ไม่เป็นอะไรสักอย่าง หมอก็ไม่เคยเรียนแค่เคยเห็นปู่รักษาคน
goodnovel comment avatar
Chatree Sedakum
เริ่มกลัวแล้ว ขอบคุณครับ
goodnovel comment avatar
김나다
เป็นหมอ แต่กลัวเลือด555
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1656

    “ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่” ตงฟางซวี่กล่าว “เสียงของพวกนางเบามาก และข้าก็อยู่ไกลด้วย จึงได้ยินไม่ชัดนัก ตอนที่ข้าเดินไป พวกนางก็แยกย้ายกันไปแล้ว ได้ยินเพียงบางอย่างที่คลุมเครือ”“อย่างไรก็ตามท่านต้องระวังตัวหน่อย ระวังไฟไหม้ ระวังโจรกรรม ระวังผู้หญิงแพศยา”“ได้ ข้าจะเพิ่มการระวังให้มา

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1655

    ในขณะเดียวกันในบรรดาทูตของราชวงศ์จงลู่ มีคนผู้หนึ่งลูบเครา พยักหน้าบ่อย ๆ พลางเอ่ยกับคนรอบข้าง “ฮ่องเต้แห่งตงลู่สามารถสารภาพความผิดพลาดของตนในโอกาสเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังกล้าเสนอตัวสละราชบัลลังก์เพื่อชดใช้ความผิดพลาดอีก เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมนัก”“ฮ่องเต้ที่กล้าทำและกล้ารับผิดเช่นนี้จะประสบความสำเร็จอย

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1654

    ทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้นำอาวุธเข้าไปในพระราชวัง ย่อมไม่สามารถตัดผมได้เช่นกันพวกเขาทำได้เพียงต้องทำความเคารพเต็มพิธีการ และเอ่ยเสียงดัง “ทรงพระเจริญหมื่นปี”ฮ่องเต้มองทุกคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง“เรามีคุณธรรมและความสามารถมากเพียงใดกัน ถึงได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขั

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1653

    ทำผิดแล้วก็ต้องชดใช้“เสด็จพ่อ ผู้ล่วงลับก็จากไปแล้ว หากยังคงจมอยู่กับความเจ็บปวดในอดีต วันข้างหน้าก็จะทุกข์เช่นกัน ไม่ว่าจะเพื่อเส้นทางการบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนอันยาวไกลของพระสนมหลาน หรือเจ้าเก้าที่เพิ่งกลับสู่ตระกูลตงฟาง รวมถึงผู้คนในใต้หล้านี้ หวังว่าเสด็จพ่อจะทรงไตร่ตรองอีกครั้งเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1652

    ครั้นตงฟางหลีกล่าวเช่นนี้ออกมา เหล่าพระโอรสที่นั่งอยู่ต่างนั่งไม่ติดเก้าอี้ตงฟางอิงคล้ายนั่งอยู่บนพรมที่ถักทอด้วยเข็มแหลมคม รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวเขาวิ่งไปหาตงฟางหลีก่อนจะคุกเข่าลง โขกศีรษะลงอย่างแรง “ลูกก็เต็มใจที่จะใช้ชีวิตแลกพระชนมชีพของเสด็จพ่อเช่นกัน”องค์ชายแปดเห็นว่าเจ้าสิบออกหน้าแล้ว เขาเอ

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 1651

    ไม่ว่าจะผ่านความทุกข์ยากมามากเพียงใดแม้ว่าตนเองจักเคยตกอยู่ในความมืดมนและบอบช้ำมากเท่าใดเด็กคนนี้ยังคงเหมือนกับฟ้าหลังฝนก็ไม่ปาน ทั้งสว่างไสวใสกระจ่าง สะอาดราวกับอัญมณีล้ำค่า“เสียวจิ่ว” ฮ่องเต้จึงเข้ามาโอบกอดเขาเอาไว้ ริมฝีปากที่กระตุกขึ้นมาหลายครั้ง พร้อมด้วยอาการคัดจมูกในปีนั้น เขาทำผิดพลาดไปม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status