“ปล่อยฉันนะ”
“ผมแค่กลัวว่าคุณจะล้มเท่านั้นเอง”
เสียงทุ้มนุ่มคลอหัวเราะเบา ๆ ขณะค่อย ๆ คลายวงแขนที่โอบรัดร่างเล็กออกอย่างอ้อยอิ่ง รติภพรู้สึกเสียดายกลิ่นหอมละมุน และสัมผัสบางเบาจากร่างหญิงสาวที่เพิ่งผลักเขาเต็มแรง
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ดวงตาเจ้าชู้ทอดมองอย่างหยอกล้อ ต่างจากสายตาของเธอที่วาวโรจน์ไปด้วยเพลิงโทสะ ราวกับเปลวไฟพร้อมเผาเขาทั้งเป็น
เธอถามเสียงแข็งว่าเขาตั้งใจชนใช่ไหม เขาปฏิเสธหน้าตาเฉย พร้อมสวนกลับว่าเธอเป็นฝ่ายเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเสียเอง
ท่าทางฮึดฮัดนั้นกลับยิ่งทำให้เขาเอ็นดู รติภพเผลอเรียกเธอว่า ‘ตัวเล็ก’ สรรพนามที่เขาเคยใช้กับน้องสาวเสมอ แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับน่ารักเกินห้ามใจพอ ๆ กัน ดวงตาคู่สวยจ้องเขาอย่างไม่ยอมแพ้ จมูกรั้นที่เชิดขึ้นด้วยท่าทีขัดใจยิ่งทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
กระทั่ง...
“ใบบุญ มีอะไรกันเหรอ?”
เสียงของมนัสยาเพื่อนสาวดังขึ้น เมื่อเธอเดินมาตามเพื่อนที่หายไปนาน และทันเห็นภาพที่เพื่อนรักของเธอกำลังยืนโต้เถียงกับชายแปลกหน้าร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มราวนายแบบต่างชาติ
ใบบุญไม่ตอบ เธอรีบคว้าแขนมนัสยาแล้วเดินหนีออกจากบริเวณนั้นทันที สีหน้าบึ้งตึง บ่งบอกอารมณ์ได้ชัดเจน
“คนบ้า หน้าด้านที่สุดเลย แกรู้ไหมมีตางค์…นายนั่นกอดฉัน! แล้วก็ลูบก้นฉันด้วย!”
คำสารภาพที่หลุดออกมาทำเอาเพื่อนสาวเบิกตาโตทันที
“อะไรนะ! หน้าตาดีแต่จิตสกปรก ไม่น่าเลย!”
ใบบุญพยักหน้าแรง ๆ ขณะบ่นไม่หยุด ปล่อยให้มนัสยาเป็นฝ่ายสั่งอาหารแทน เพราะเธอไม่มีอารมณ์จะกินอะไรอีกแล้ว
ที่โต๊ะอีกฝั่ง รติภพยกเบียร์ขึ้นจิบอย่างสบายใจ ดวงตาคมยังคงมองหญิงสาวด้วยแววขำขัน ปนหลงใหล
‘น่ารักเป็นบ้า’ เขาคิด
ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขารู้สึกอยากรู้จักขนาดนี้ ทั้งที่เธอแต่งตัวธรรมดาแค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ ไม่ได้หวือหวาเหมือนผู้หญิงที่เขาคุ้นเคย แต่กลับทำให้เขาต้องเหลียวมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาจำชื่อเธอได้ขึ้นใจตั้งแต่วินาทีที่ได้ยิน ใบบุญ
สายตาคมยังมองเธอเป็นระยะ พร้อมรอยยิ้มมุมปากที่สื่อความตั้งใจบางอย่าง…
เขาอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ อยากรู้ว่าอะไรในตัวเธอทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้เลย
ขณะเดียวกัน หญิงสาวที่รับรู้ถึงสายตานั้นก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเกินบรรยาย เธอไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ และไม่คิดว่าจะต้องมาประสบกับมันด้วยตัวเอง
ถ้าเป็นมนัสยา ดาวเด่นเพื่อนสาวของเธอ เธอคงไม่แปลกใจ
แต่นี่...กลับเป็นเธอเองที่ถูกจ้องมองราวกับเป็นของล้ำค่าชิ้นหนึ่งในร้านอาหาร
และนั่น...ทำให้เธอยิ่งไม่พอใจมากขึ้นทุกที
“มองอยู่ได้ ประสาทหรือเปล่าก็ไม่รู้” ใบบุญบ่นพึมพำเบา ๆ ขณะเบือนหน้าหนีสายตาก่อกวนของชายหนุ่มโต๊ะข้าง ๆ
“ช่างเถอะน่า แกไม่สนใจ เดี๋ยวเขาก็เลิกมองเองแหละ” มนัสยาเอ่ยปัดอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ฉันก็ไม่ได้อยากสนใจหรอกนะมีตางค์ แต่พอหันไปทีไรก็ต้องเจอสายตาแบบนั้นทุกที มันหงุดหงิดพิลึก” ใบบุญพูดพลางทำหน้างอเล็กน้อย
มนัสยาแอบเหลือบมองโต๊ะชายหนุ่มก่อนเอี้ยวตัวกลับมา “จะว่าไป เขาก็หล่อดีนะ แกไม่สนหน่อยเหรอ?”
“แหวะ...ถ้าหมอนั่นเรียกว่าหล่อ ฉันขอนั่งห้อยขาเล่นอยู่บนคานบ้านตัวเองดีกว่า” ใบบุญพูดพลางทำท่าขยะแขยง
“บ้าเหรอแก! ฉันไม่อยากต้องเอาบันไดปีนขึ้นไปนั่งคู่กับแกบนนั้นนะ” มนัสยาค้อนกลับอย่างขำ ๆ
“แล้วแกจะปีนขึ้นมาทำไมล่ะ หนุ่ม ๆ ตามแกต้อย ๆ อยู่ทั้งนั้น” ใบบุญแซวพร้อมใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อนแรง ๆ
“ไม่ได้ ๆ ถ้าแกไม่มีแฟน ฉันก็ยังไม่มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้น...ฉันว่า ปล่อยให้เขามองแกไปเถอะ เผื่อเขาจะเป็นเนื้อคู่ก็ได้!”
“ประสาทสิไม่ว่า! ฉันไม่ชอบคนทะลึ่งนะ”
“ทะลึ่งวันละนิด จิตแจ่มใส~” มนัสยายักคิ้วหยอกอย่างไม่สำนึก
“งั้นฉันยกให้แกเลยละกัน!”
“ไม่เอาอ่ะ ฉันว่าหมอนั่นสนใจแกมากกว่าแน่ ๆ ขืนฉันเสนอหน้าเข้าไป มีหวังหน้าแตกกันพอดี!”
“แกจะเลิกพูดได้รึยังฮะ! พูดมากจริงเชียว” ใบบุญบ่นเสียงเบา
“เออ ๆ เลิกก็ได้ ว่าแต่...ไม่สนจริง ๆ เหรอ?”
“นังเพื่อนบ้า!” ใบบุญชี้หน้าเพื่อนที่หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี
ในขณะนั้นเอง รติภพยังคงมองภาพสองสาวสลับกันอย่างเพลินตา ต่างจากเพื่อนหนุ่มของเขาที่ยังคงพูดคุยเรื่อยเปื่อยโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
เขายกแก้วเบียร์ขึ้นจิบอย่างนิ่ง ๆ ดวงตาคมวาวกวาดเก็บรายละเอียดหญิงสาวร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มทุกระยะ รอยยิ้มบางแตะที่มุมปากอย่างพึงพอใจ
แต่แล้ว...เมื่อเห็นเพื่อนสาวของเธอเรียกพนักงานมาคิดเงิน สัญชาตญาณของนักล่าก็แล่นวาบขึ้นทันทีในความคิดของเขา
ปริตรส่ายศีรษะเบา ๆ พลางนึกขำเพื่อนรักที่ทำตัวราวกับเด็กวัยสิบสี่อีกครั้ง ราวกับเป็นท่อนหนึ่งในเพลงดัง ความเพ้อฝันในสายตาของรติภพนั้นช่างชัดเจนเกินต้าน จนเจ้าตัวหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจใครจะไปคิดว่า ผู้ชายที่สาว ๆ ทั้งไทยทั้งเทศหมายปองอย่างรติภพ จะลงทุนขับรถตามผู้หญิงไปจนรู้บ้านอย่างที่เพื่อนเขาทำในวันนี้หลังจากวันนั้น วันที่เขาตามสองสาวมาจนถึงหน้าบ้านไม้สองชั้นแสนน่ารักของใบบุญ รติภพก็ใช้วันหยุดทุกอาทิตย์ในการสืบข่าวของหญิงสาวที่เขาหมายปองเขาเริ่มต้นด้วยการทำตัวเป็นชายหนุ่มผู้แอบรัก และบอกใครต่อใครในละแวกนั้นว่าตนเองมีใจให้ใบบุญมานานแล้ว อยากทำทุกอย่างเพื่อให้เธอประทับใจ และต้องการเพียงโอกาสสักครั้งได้ใกล้ชิดกับเธอหนึ่งในแหล่งข่าวสำคัญที่เขาใช้เวลาจนสามารถตีสนิทได้ก็คือ “เจ๊แป๋ว” แม่ค้าส้มตำเจ้าเด็ดประจำปากซอย แม้ในตอนแรกจะมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นพวกโรคจิตที่ตามสะกดรอยใบบุญ แต่สุดท้าย เจ๊แป๋วก็ยอมเปิดใจให้วันนี้เขาก็ไม่พลาดที่จะมาเยือนอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มละลายใจ“หวัดดีครับพี่แป๋ว” รติภพทักทายด้วยรอยยิ้มละมุน“ตายจริง คุณภพ พี่กำลังคิดถึงอยู่พอดี ว่าวัน
เมื่อสองสาวอิ่มอาหารเป็นที่เรียบร้อย ทั้งคู่ก็เลิกให้ความสนใจกับชายหนุ่มโต๊ะเยื้อง ๆ ที่ยังคงนั่งสนทนาอย่างสบายใจ พวกเธอเรียกพนักงานมาเก็บเงิน และรีบออกจากร้านโดยไม่ได้เอะใจเลยว่า ตนเองกำลังตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่งตลอดเวลาทันทีที่สองสาวลุกขึ้นและเดินออกจากร้าน รติภพก็รีบจ่ายค่าอาหารก่อนหันไปพูดกับเพื่อนอย่างรวดเร็ว“จะทำอะไรของแกวะ ไอ้ภพ?” ปริตรเอ่ยถามเสียงต่ำ“ก็ตามสาวไง ยังไงก็กลับกรุงเทพฯ เหมือนกันอยู่แล้ว” เขาตอบหน้าตาเฉย“แล้วถ้าเธอไม่ได้กลับกรุงเทพฯ ล่ะ แกจะทำยังไง?”“ไม่รู้โว้ย แต่ตอนนี้เธอต้องกลับแน่!”ปริตรได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ราวกับกำลังดูหนุ่มวัยรุ่นเพิ่งหัดจีบหญิง ทั้งที่รู้กันดีว่า รติภพไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่เคยเห็นเพื่อนของตนจะออกอาการตามติดผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อนโดยเฉพาะกับเด็กสาวที่ดูอายุน้อยกว่าน้องสาวของรติภพเสียอีก รริสา น้องสาวของเขาอายุห่างจากพวกเขาราวสามปี และหากจะให้เดา ใบบุญคนนั้นก็คงเด็กกว่ารริสาสักหนึ่งถึงสองปี ซึ่งหมายความว่า เธออาจเด็กกว่าพวกเขาราวสี่ถึงห้าปีเป็นอย่างน้อยรติภพขับรถตามรถของมนัสยาในระยะห่างพอสมควร ทำให้สองสาวไม่ได้สังเกตเลยว่ามี
“ปล่อยฉันนะ”“ผมแค่กลัวว่าคุณจะล้มเท่านั้นเอง”เสียงทุ้มนุ่มคลอหัวเราะเบา ๆ ขณะค่อย ๆ คลายวงแขนที่โอบรัดร่างเล็กออกอย่างอ้อยอิ่ง รติภพรู้สึกเสียดายกลิ่นหอมละมุน และสัมผัสบางเบาจากร่างหญิงสาวที่เพิ่งผลักเขาเต็มแรงชายหนุ่มยิ้มกว้าง ดวงตาเจ้าชู้ทอดมองอย่างหยอกล้อ ต่างจากสายตาของเธอที่วาวโรจน์ไปด้วยเพลิงโทสะ ราวกับเปลวไฟพร้อมเผาเขาทั้งเป็นเธอถามเสียงแข็งว่าเขาตั้งใจชนใช่ไหม เขาปฏิเสธหน้าตาเฉย พร้อมสวนกลับว่าเธอเป็นฝ่ายเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเสียเองท่าทางฮึดฮัดนั้นกลับยิ่งทำให้เขาเอ็นดู รติภพเผลอเรียกเธอว่า ‘ตัวเล็ก’ สรรพนามที่เขาเคยใช้กับน้องสาวเสมอ แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับน่ารักเกินห้ามใจพอ ๆ กัน ดวงตาคู่สวยจ้องเขาอย่างไม่ยอมแพ้ จมูกรั้นที่เชิดขึ้นด้วยท่าทีขัดใจยิ่งทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมกระทั่ง...“ใบบุญ มีอะไรกันเหรอ?”เสียงของมนัสยาเพื่อนสาวดังขึ้น เมื่อเธอเดินมาตามเพื่อนที่หายไปนาน และทันเห็นภาพที่เพื่อนรักของเธอกำลังยืนโต้เถียงกับชายแปลกหน้าร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มราวนายแบบต่างชาติใบบุญไม่ตอบ เธอรีบคว้าแขนมนัสยาแล้วเดินหนีออกจากบริเวณนั้นทันที สีหน้าบึ้งตึง บ่งบอกอารมณ์ได้ชัดเจ
เมื่อทุกอย่างพร้อม ทั้งคู่จึงมุ่งหน้าสู่อยุธยา ขับรถเพียงชั่วโมงเศษก็เข้าสู่เขตอำเภอเมือง ถนนสองข้างทางเรียงรายไปด้วยวัดจำนวนมาก จังหวัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องจำนวนวัดที่แทบจะอยู่ห่างกันไม่ถึงห้าร้อยเมตร โดยเฉพาะในเขตเกาะเมืองที่เต็มไปด้วยวัดร้าง วัดเก่า และโบราณสถานคู่บ้านเมือง กระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมสมศักดิ์ศรีเมืองมรดกโลกไม่นานรถก็เลี้ยวเข้าลานดินหน้าวัดแห่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างกว้าง บริเวณนี้มีหญ้าขึ้นแซมบาง ๆ ตัววัดถูกถนนสายหนึ่งตัดผ่านกลาง แบ่งพื้นที่ออกเป็นสองฝั่ง ด้านหนึ่งเป็นโบสถ์เก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา ผนังอิฐแดงเผยให้เห็นร่องรอยของเปลวไฟจากเหตุการณ์ถูกเผาทำลาย ด้านหน้าโบสถ์มีโต๊ะไม้สำหรับพระภิกษุและลูกศิษย์วัดจำหน่ายดอกไม้ ธูป เทียน และสังฆทานสำหรับผู้มาทำบุญอีกฟากของถนนลูกรังคือทางเดินเข้าสู่กุฏิไม้เก่า ๆ ที่ดูทรุดโทรมแต่เปี่ยมเสน่ห์แห่งกาลเวลาใบบุญและมนัสยายกมือไหว้พระภิกษุอย่างนอบน้อมก่อนก้าวเข้าไปในบริเวณโบสถ์ ซึ่งมีสองหลังตั้งอยู่ติดกัน โบสถ์หลังแรกประดิษฐานพระพุทธรูปสีขาว ส่วนอีกหลังไม่ไกลนักเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อทององค์ใหญ่ผนังของทั้งสองโบสถ์ประดับด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่แม
ครอบครัวของใบบุญ รุจิธารา เป็นครอบครัวขนาดเล็กที่มีฐานะปานกลาง คุณนพคุณ ผู้เป็นบิดา รับราชการในกรมป่าไม้ ส่วนคุณบุหงา มารดา เป็นครูสอนระดับอนุบาลถึงประถมในโรงเรียนใกล้บ้าน ซึ่งอยู่ติดกับวัด ด้วยความผูกพันจากวัยเยาว์ที่มารดามักพาไปตักบาตรเป็นประจำ ใบบุญจึงสวดมนต์ได้คล่องแทบทุกบท และเติบโตขึ้นในบ้านที่อบอวลด้วยความรักและความอบอุ่นปัจจุบันเธอสำเร็จการศึกษาด้านศิลปกรรม และทำงานอิสระในฐานะศิลปิน โดยเฉพาะงานวาดภาพเกี่ยวกับพุทธศาสนา เธอมีฝีมือจนได้รับความไว้วางใจจากกรมศิลป์ให้เข้าร่วมซ่อมแซมจิตรกรรมฝาผนังในวัดต่าง ๆ เป็นประจำบ้านของใบบุญเป็นเรือนไม้สองชั้นสีครีม ขอบหน้าต่างและเชิงชายทาสีน้ำตาล มีสวนรอบบ้านปลูกไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ห้องนอนของเธออยู่ชั้นบนด้านหน้า มีระเบียงเล็ก ๆ พร้อมกระถางไม้ประดับจัดวางเป็นระเบียบ ภายใต้ร่มเงาจากต้นไม้ที่ปลูกไว้ติดกำแพง ซึ่งช่วยกรองแสงแดดยามสายได้เป็นอย่างดีทุกวันอาทิตย์ ใบบุญจะหยุดรับงาน เพื่อใช้เวลาไปวัดกับพ่อแม่เช่นที่เคยทำมาแต่เล็ก ส่วนวันพระ เธอจะไปสวดมนต์ทำวัตรเย็น ถ้ามีงาน เธอจะกลับมาสวดที่บ้านในตอนกลางคืนแทนและเช้าวันนี้ หลังกลับจากวัด เธอมีนัดสำคัญก