ปริตรส่ายศีรษะเบา ๆ พลางนึกขำเพื่อนรักที่ทำตัวราวกับเด็กวัยสิบสี่อีกครั้ง ราวกับเป็นท่อนหนึ่งในเพลงดัง ความเพ้อฝันในสายตาของรติภพนั้นช่างชัดเจนเกินต้าน จนเจ้าตัวหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ใครจะไปคิดว่า ผู้ชายที่สาว ๆ ทั้งไทยทั้งเทศหมายปองอย่างรติภพ จะลงทุนขับรถตามผู้หญิงไปจนรู้บ้านอย่างที่เพื่อนเขาทำในวันนี้
หลังจากวันนั้น วันที่เขาตามสองสาวมาจนถึงหน้าบ้านไม้สองชั้นแสนน่ารักของใบบุญ รติภพก็ใช้วันหยุดทุกอาทิตย์ในการสืบข่าวของหญิงสาวที่เขาหมายปอง
เขาเริ่มต้นด้วยการทำตัวเป็นชายหนุ่มผู้แอบรัก และบอกใครต่อใครในละแวกนั้นว่าตนเองมีใจให้ใบบุญมานานแล้ว อยากทำทุกอย่างเพื่อให้เธอประทับใจ และต้องการเพียงโอกาสสักครั้งได้ใกล้ชิดกับเธอ
หนึ่งในแหล่งข่าวสำคัญที่เขาใช้เวลาจนสามารถตีสนิทได้ก็คือ “เจ๊แป๋ว” แม่ค้าส้มตำเจ้าเด็ดประจำปากซอย แม้ในตอนแรกจะมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นพวกโรคจิตที่ตามสะกดรอยใบบุญ แต่สุดท้าย เจ๊แป๋วก็ยอมเปิดใจให้
วันนี้เขาก็ไม่พลาดที่จะมาเยือนอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มละลายใจ
“หวัดดีครับพี่แป๋ว” รติภพทักทายด้วยรอยยิ้มละมุน
“ตายจริง คุณภพ พี่กำลังคิดถึงอยู่พอดี ว่าวันนี้จะมาไหม!”
“มาครับ ผมอยากเจอใบบุญอยู่แล้ว เผื่อวันนี้เขาจะกลับบ้าน”
เจ๊แป๋วหัวเราะเอ็นดู ก่อนส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“แล้วทำไมคุณภพไม่จีบไอ้ใบบุญตรง ๆ แบบหนุ่มคนอื่นเขาล่ะ มานั่งซุ่มดูอยู่แบบนี้ทำไม?”
“ผมกลัวว่าเขาจะไม่ชอบผมน่ะครับ แค่ได้เห็นหน้าเขาบ้างก็ยังดีแล้ว”
“ตายจริง ใครจะไม่ชอบคุณภพของพี่ลงคอ ทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก!”
“ก็ใบบุญน่ะสิครับ พี่แป๋ว...เธอเคยไล่ผมมาแล้วครั้งหนึ่ง ผมเลยกลัวว่า...ถ้าเข้าไปอีก เธอจะไล่ผมอีกครั้ง”
เจ๊แป๋วถึงกับหลุดเสียงอุทาน “โถ พ่อคุณ!”
เธอส่ายหน้าหนักขึ้นกว่าเดิมด้วยความเห็นใจ “ถ้าพี่เป็นไอ้ใบบุญนะ ไม่มีวันไล่คุณภพได้ลงแน่ ๆ เลย! แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่แป๋วสนิทกับน้าบัวกับน้านพ พ่อแม่ของใบบุญเอง”
เธอยิ้มกว้างพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์
“เดี๋ยวพี่จะช่วยแนะนำคุณภพให้รู้จักน้าทั้งสองเอง รับรองว่าถ้าพ่อแม่มันปลื้ม คุณภพก็มีลุ้นจีบไอ้ใบบุญติดง่ายขึ้นแน่นอน!”
เจ๊แป๋วกล่าว ทำให้รติภพถึงกับยิ้มหน้าบาน เพราะเขาเองก็หาโอกาสที่จะทำความรู้จักกับครอบครัวของใบบุญอยู่แล้ว ถ้าจะจีบสาวให้สำเร็จเขาถือหลังให้เข้าตามตรอกออกตามประตู ให้มันรู้กันไปว่าเอาชนะใจว่าที่พ่อตาแม่ยายได้หรือไม่กันไปเลย
รติภพในเสื้อยืดกางเกงยีนส์กับรองเท้าผ้าใบคู่เก่งที่ชายหนุ่มใส่อยู่ทำให้เขาเหมือนหนุ่มน้อยธรรมดาคนหนึ่งที่หล่อกว่าหนุ่มๆ แถวนี้เท่านั้นเอง ไม่ได้สร้างความผิดปกติใด ๆ ให้คุณบุหงา หรือน้าบัวของเจ๊แป๋วสนใจใด ๆ เมื่อมาซื้อส้มตำร้านเจ๊แป๋วให้สามี
“แป๋ว ส้มตำไทยหวาน ๆ ให้น้านพครกซิ”
“จ้าน้าบัว เดี๋ยวฉันให้น้องชายไปส่งให้นะ”
“แกมีน้องแต่เมื่อไหร่ฮะ นังแป๋ว ฉันไม่เคยเห็น”
“คุณภพนี่น้าบัว ฉันกับคุณภพนับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง ไม่ใช่น้องแท้ ๆ หรอก”เจ๊แป๋วหันมาแนะนำ
“สวัสดีครับน้าบัว ผมรติภพครับ”
“หวัดดีจ๊ะพ่อคุณ รูปร่างหน้าตาท่าทางดีนะ ไม่น่าจะสนิทกับไอ้แป๋วมันได้”
“อ้าวน้าบัวทำไมพูดอย่างนี้ละจ๊ะ”เจ๊แป๋วพูดไปตำไป
“ก็เอ็งมันทั้งดำทั้งอ้วนนี่นังแป๋ว ใครเขาจะคิดว่าจะหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ อย่างคุณเขามาคบหา”
“เขาคบกันที่ใจจ๊ะน้าบัว ใช่ไหมจ๊ะคุณภพ” เจ๊แป๋วหันมาถามชายหนุ่ม
“ครับ พี่แป๋วแกเป็นคนดีน่าคบครับ”
“นั่นไง เห็นไหมน้าบัว คุณภพเขารู้ว่าฉันเป็นคนดี”
“เออ เออ ข้าไม่เถียงหรอกเรื่องนั้นนะ เขารู้กันทั้งซอยว่าเอ็งนะมันดีจริง”
“นั่นซิจ๊ะ งั้นเดี๋ยวฉันให้คุณภพเอาไปให้นะน้าบัว”
“เกรงใจคุณเขา เดี๋ยวน้าเดินมาเอาก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอาไปให้ก็ได้ครับ”
“อื้ออย่างนั้นก็ขอบใจนะจ๊ะพ่อหนุ่ม” คุณบุหงายิ้มพร้อมเดินกลับไป
ปริตรส่ายศีรษะเบา ๆ พลางนึกขำเพื่อนรักที่ทำตัวราวกับเด็กวัยสิบสี่อีกครั้ง ราวกับเป็นท่อนหนึ่งในเพลงดัง ความเพ้อฝันในสายตาของรติภพนั้นช่างชัดเจนเกินต้าน จนเจ้าตัวหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจใครจะไปคิดว่า ผู้ชายที่สาว ๆ ทั้งไทยทั้งเทศหมายปองอย่างรติภพ จะลงทุนขับรถตามผู้หญิงไปจนรู้บ้านอย่างที่เพื่อนเขาทำในวันนี้หลังจากวันนั้น วันที่เขาตามสองสาวมาจนถึงหน้าบ้านไม้สองชั้นแสนน่ารักของใบบุญ รติภพก็ใช้วันหยุดทุกอาทิตย์ในการสืบข่าวของหญิงสาวที่เขาหมายปองเขาเริ่มต้นด้วยการทำตัวเป็นชายหนุ่มผู้แอบรัก และบอกใครต่อใครในละแวกนั้นว่าตนเองมีใจให้ใบบุญมานานแล้ว อยากทำทุกอย่างเพื่อให้เธอประทับใจ และต้องการเพียงโอกาสสักครั้งได้ใกล้ชิดกับเธอหนึ่งในแหล่งข่าวสำคัญที่เขาใช้เวลาจนสามารถตีสนิทได้ก็คือ “เจ๊แป๋ว” แม่ค้าส้มตำเจ้าเด็ดประจำปากซอย แม้ในตอนแรกจะมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นพวกโรคจิตที่ตามสะกดรอยใบบุญ แต่สุดท้าย เจ๊แป๋วก็ยอมเปิดใจให้วันนี้เขาก็ไม่พลาดที่จะมาเยือนอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มละลายใจ“หวัดดีครับพี่แป๋ว” รติภพทักทายด้วยรอยยิ้มละมุน“ตายจริง คุณภพ พี่กำลังคิดถึงอยู่พอดี ว่าวัน
เมื่อสองสาวอิ่มอาหารเป็นที่เรียบร้อย ทั้งคู่ก็เลิกให้ความสนใจกับชายหนุ่มโต๊ะเยื้อง ๆ ที่ยังคงนั่งสนทนาอย่างสบายใจ พวกเธอเรียกพนักงานมาเก็บเงิน และรีบออกจากร้านโดยไม่ได้เอะใจเลยว่า ตนเองกำลังตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่งตลอดเวลาทันทีที่สองสาวลุกขึ้นและเดินออกจากร้าน รติภพก็รีบจ่ายค่าอาหารก่อนหันไปพูดกับเพื่อนอย่างรวดเร็ว“จะทำอะไรของแกวะ ไอ้ภพ?” ปริตรเอ่ยถามเสียงต่ำ“ก็ตามสาวไง ยังไงก็กลับกรุงเทพฯ เหมือนกันอยู่แล้ว” เขาตอบหน้าตาเฉย“แล้วถ้าเธอไม่ได้กลับกรุงเทพฯ ล่ะ แกจะทำยังไง?”“ไม่รู้โว้ย แต่ตอนนี้เธอต้องกลับแน่!”ปริตรได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา ราวกับกำลังดูหนุ่มวัยรุ่นเพิ่งหัดจีบหญิง ทั้งที่รู้กันดีว่า รติภพไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่เคยเห็นเพื่อนของตนจะออกอาการตามติดผู้หญิงคนไหนขนาดนี้มาก่อนโดยเฉพาะกับเด็กสาวที่ดูอายุน้อยกว่าน้องสาวของรติภพเสียอีก รริสา น้องสาวของเขาอายุห่างจากพวกเขาราวสามปี และหากจะให้เดา ใบบุญคนนั้นก็คงเด็กกว่ารริสาสักหนึ่งถึงสองปี ซึ่งหมายความว่า เธออาจเด็กกว่าพวกเขาราวสี่ถึงห้าปีเป็นอย่างน้อยรติภพขับรถตามรถของมนัสยาในระยะห่างพอสมควร ทำให้สองสาวไม่ได้สังเกตเลยว่ามี
“ปล่อยฉันนะ”“ผมแค่กลัวว่าคุณจะล้มเท่านั้นเอง”เสียงทุ้มนุ่มคลอหัวเราะเบา ๆ ขณะค่อย ๆ คลายวงแขนที่โอบรัดร่างเล็กออกอย่างอ้อยอิ่ง รติภพรู้สึกเสียดายกลิ่นหอมละมุน และสัมผัสบางเบาจากร่างหญิงสาวที่เพิ่งผลักเขาเต็มแรงชายหนุ่มยิ้มกว้าง ดวงตาเจ้าชู้ทอดมองอย่างหยอกล้อ ต่างจากสายตาของเธอที่วาวโรจน์ไปด้วยเพลิงโทสะ ราวกับเปลวไฟพร้อมเผาเขาทั้งเป็นเธอถามเสียงแข็งว่าเขาตั้งใจชนใช่ไหม เขาปฏิเสธหน้าตาเฉย พร้อมสวนกลับว่าเธอเป็นฝ่ายเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเสียเองท่าทางฮึดฮัดนั้นกลับยิ่งทำให้เขาเอ็นดู รติภพเผลอเรียกเธอว่า ‘ตัวเล็ก’ สรรพนามที่เขาเคยใช้กับน้องสาวเสมอ แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับน่ารักเกินห้ามใจพอ ๆ กัน ดวงตาคู่สวยจ้องเขาอย่างไม่ยอมแพ้ จมูกรั้นที่เชิดขึ้นด้วยท่าทีขัดใจยิ่งทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมกระทั่ง...“ใบบุญ มีอะไรกันเหรอ?”เสียงของมนัสยาเพื่อนสาวดังขึ้น เมื่อเธอเดินมาตามเพื่อนที่หายไปนาน และทันเห็นภาพที่เพื่อนรักของเธอกำลังยืนโต้เถียงกับชายแปลกหน้าร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มราวนายแบบต่างชาติใบบุญไม่ตอบ เธอรีบคว้าแขนมนัสยาแล้วเดินหนีออกจากบริเวณนั้นทันที สีหน้าบึ้งตึง บ่งบอกอารมณ์ได้ชัดเจ
เมื่อทุกอย่างพร้อม ทั้งคู่จึงมุ่งหน้าสู่อยุธยา ขับรถเพียงชั่วโมงเศษก็เข้าสู่เขตอำเภอเมือง ถนนสองข้างทางเรียงรายไปด้วยวัดจำนวนมาก จังหวัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องจำนวนวัดที่แทบจะอยู่ห่างกันไม่ถึงห้าร้อยเมตร โดยเฉพาะในเขตเกาะเมืองที่เต็มไปด้วยวัดร้าง วัดเก่า และโบราณสถานคู่บ้านเมือง กระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมสมศักดิ์ศรีเมืองมรดกโลกไม่นานรถก็เลี้ยวเข้าลานดินหน้าวัดแห่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างกว้าง บริเวณนี้มีหญ้าขึ้นแซมบาง ๆ ตัววัดถูกถนนสายหนึ่งตัดผ่านกลาง แบ่งพื้นที่ออกเป็นสองฝั่ง ด้านหนึ่งเป็นโบสถ์เก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา ผนังอิฐแดงเผยให้เห็นร่องรอยของเปลวไฟจากเหตุการณ์ถูกเผาทำลาย ด้านหน้าโบสถ์มีโต๊ะไม้สำหรับพระภิกษุและลูกศิษย์วัดจำหน่ายดอกไม้ ธูป เทียน และสังฆทานสำหรับผู้มาทำบุญอีกฟากของถนนลูกรังคือทางเดินเข้าสู่กุฏิไม้เก่า ๆ ที่ดูทรุดโทรมแต่เปี่ยมเสน่ห์แห่งกาลเวลาใบบุญและมนัสยายกมือไหว้พระภิกษุอย่างนอบน้อมก่อนก้าวเข้าไปในบริเวณโบสถ์ ซึ่งมีสองหลังตั้งอยู่ติดกัน โบสถ์หลังแรกประดิษฐานพระพุทธรูปสีขาว ส่วนอีกหลังไม่ไกลนักเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อทององค์ใหญ่ผนังของทั้งสองโบสถ์ประดับด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่แม
ครอบครัวของใบบุญ รุจิธารา เป็นครอบครัวขนาดเล็กที่มีฐานะปานกลาง คุณนพคุณ ผู้เป็นบิดา รับราชการในกรมป่าไม้ ส่วนคุณบุหงา มารดา เป็นครูสอนระดับอนุบาลถึงประถมในโรงเรียนใกล้บ้าน ซึ่งอยู่ติดกับวัด ด้วยความผูกพันจากวัยเยาว์ที่มารดามักพาไปตักบาตรเป็นประจำ ใบบุญจึงสวดมนต์ได้คล่องแทบทุกบท และเติบโตขึ้นในบ้านที่อบอวลด้วยความรักและความอบอุ่นปัจจุบันเธอสำเร็จการศึกษาด้านศิลปกรรม และทำงานอิสระในฐานะศิลปิน โดยเฉพาะงานวาดภาพเกี่ยวกับพุทธศาสนา เธอมีฝีมือจนได้รับความไว้วางใจจากกรมศิลป์ให้เข้าร่วมซ่อมแซมจิตรกรรมฝาผนังในวัดต่าง ๆ เป็นประจำบ้านของใบบุญเป็นเรือนไม้สองชั้นสีครีม ขอบหน้าต่างและเชิงชายทาสีน้ำตาล มีสวนรอบบ้านปลูกไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ห้องนอนของเธออยู่ชั้นบนด้านหน้า มีระเบียงเล็ก ๆ พร้อมกระถางไม้ประดับจัดวางเป็นระเบียบ ภายใต้ร่มเงาจากต้นไม้ที่ปลูกไว้ติดกำแพง ซึ่งช่วยกรองแสงแดดยามสายได้เป็นอย่างดีทุกวันอาทิตย์ ใบบุญจะหยุดรับงาน เพื่อใช้เวลาไปวัดกับพ่อแม่เช่นที่เคยทำมาแต่เล็ก ส่วนวันพระ เธอจะไปสวดมนต์ทำวัตรเย็น ถ้ามีงาน เธอจะกลับมาสวดที่บ้านในตอนกลางคืนแทนและเช้าวันนี้ หลังกลับจากวัด เธอมีนัดสำคัญก