ทั้งคู่เดินทางมาถึงที่นี่ ท้องฟ้าก็เกือบจะสว่างแล้ว โดยที่ไม่ได้หยุดพัก หรือแวะกลางทางเลยแม้แต่น้อย เพราะพิพิมเป็นห่วงที่เพื่อนพึ่งจะต้องสูญเสียพ่อกับแม่ไป
“มีน...” พิพิมเอ่ยเรียกเพื่อนสาวขึ้นมาทันที ที่เดินทางมาถึงยังวัดตามที่อมีนาได้บอกเอาไว้
“พิม...” อมีนาหันกลับไปตามเสียงเรียกของเพื่อนสาว แล้วโผล่เข้าสวมกอดพิพิม แล้วร้องไห้ออกมาทันที โดยไม่อายใครเลยแม้แต่น้อย
“มีน...เข้มแข็งไว้เด้อ พ่อกับแม่เลาไปสบายแล้ว เฮาเสียใจนำเด้อ แล้วกะขอโทษนำเด้อที่มาบ่ทันเผา” (มีน...เข้มแข็งไว้นะ พ่อกับแม่ท่านไปสบายแล้ว เราเสียใจด้วยนะ แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่มาไม่ทันเผา) พิพิมเอ่ยปลอบเพื่อน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนกัน
“ขอบใจโตหลายๆเด้อพิม...แล้วนี้”(ขอบใจเธอมากไปน่ะพิม...แล้วนี้) อมีนาทำท่าทางงงขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหนุ่มหล่อร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังของพิพิม เพื่อนของเธอ
“อ่อ...อ้ายทีม เพิ้นขับรถมาส่งเฮา”(อ๋อ...พี่ทีม เขาขับรถมาส่งเรา) พิพิมเอ่ยบอกเพื่อนสาว แต่ไม่ได้บอกทั้งหมดว่าทินกรนั้นเป็นใคร
“สวัสดีจ้า...ซื่อมีนเด้อจ้า เป็นมู่กับพิม”(สวัสดีค่ะ...ชื่อมีนนะคะเป็นเพื่อนกับพิม) อมีนายกมือไหว้ ทำความรู้จักกับร่างสูงทันที เพราะเพื่อนบอกว่าเป้นพี่
“สวัสดีครับ...ผมชื่อทีมเป็นผะ เอ่อ เป็นแฟนพิพิมครับ” ทินกรเฉไฉพูดออกไปทันที ว่าเขาเป็นแฟนของพิพิม พร้อมกับใบหน้าที่ดูผูกมิตร
“แฟน!...พิมนี้มันอีหยังกัน”(แฟน!...พิมนี้มันอะไรกัน) อมีนาที่ตกใจ เมื่อเห็นร่างสูงบอกว่าเป็นแฟนกับเพื่อนของเธอ แล้วหันไปถามเอาคำตอบจากปากของพิพิมต่อ
“...” พิพิมเงียบ ไม่กล้าตอบหรืออธิบายอะไรตอนนี้ เพราะเธอก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนแบบไหน เพราะตอนนี้ เธอกับทินกรก็ยังไม่มีสถานะที่ชัดเจน
“โต...พึ่งสิไปฝึกงานได้แค่สองเดือนเองใด่ โตได้ผู้บ่าวกลับมานำ ขันโตไปเป็นปี สิบ่มีผัวมีลูกอีกติพิม”(เธอ...พึ่งจะไปฝึกงานได้แค่สองเดือนเองน่ะ เธอได้แฟนกลับมาด้วย ถ้าเธอไปเป็นปี จะไม่มีผัวมีลูกอีกเหรอพิม) อมีนา ทำตาโตขึ้นเท่าไข่ห่าน แล้วพูดขึ้นมาแซวพิพิมทันที
“โอ้ยเซาเว้าก่อน มันบ่แม้นแบบนั้น...” (โอ้ยหยุดพูดก่อน มันไม่ใช่แบบนั้น) พิพิมรีบเอ่ยห้าม เมื่อเพื่อนเริ่มพูดจาเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว
“...” อมีนาเงียบปากลงทันที แล้วจ้องมองทั้งคู่สลับกันไปมา เพราะดูท่าร่างสูงคนนี้จะรักเพื่อนของเธออยู่ไม่น้อย และดูเป็นผู้ชายอบอุ่นเสียเหลือเกิน แถมดูเหมือนผู้ชายที่มีภูมิฐานดีอีกด้วย
“แล้วสิเอาจังใด่ต่อ ไปอยู่กรุงเทพนำเฮาบ่” (แล้วจะเอายังไงต่อ ไปอยู่กรุงเทพกับเราไหม) พิพิมถามขึ้นมา ว่าหลังจากนี้ เพื่อนจะเอายังไงต่อกับชีวิตของตัวเอง
“รอจัดการเรื่องเรียนให้จบก่อน แล้วคอยคึดอีก ว่าสิเอาจังใด๋ต่อ ตอนนี้ขอฝึกงานให้จบก่อน” (รอจัดการเรื่องเรียนให้จบก่อน แล้วค่อยคิดอีกที ว่าจะเอายังไงต่อ ตอนนี้ขอฝึกงานให้จบก่อ) อมีนาบอกออกไป เพราะตอนนี้เธอแค่รอฝึกงานให้จบก่อน ค่อยคิดอีกที ว่าจะทำอย่างไรต่อกับชีวิต
“จังใด...กะบอกเฮาได้เด้อ ฝึกงานจบเฮากะกลับมาเคลียร์เรื่องจบอยู่นี้อีกคือกัน” (ยังไง...ก็บอกเราได้น่ะ ฝึกงานจบเราก็กลับมาเคลียร์เรื่องจบอยู่นี้อีกเหมือนกัน)
“ตอนนี้เฮาว่าโต พาผู้บ่าวกลับไปพักผ่อนอยู่เฮือนเฮาก่อนเถาะ ขับรถมาตั้งบักไกล น่าสิเมื่อย” (ตอนนี้เราว่าเธอ พาแฟนกลับไปพักผ่อนที่บ้านเราก่อนดีกว่า ขับรถมาตั้งไกล คงจะเหนื่อย) อมีนาเอ่ยบอก พร้อมกับสำรวจมองไปที่ร่างสูง ที่ตอนนี้ยืนยืดแข้งยืดขา
“อื้ม...ป่ะกลับกัน” พิพิมจ้องมองมาที่ร่างสูง แล้วพยักหน้าให้ แล้วหันมาบอกแก่เพื่อนสาวต่อ แล้วพากันกลับออกจากวัด ไปที่บ้านของอมีนาต่อทันที
อีกด้านของโรงพยาบาลโยธินนารัตน์
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่หมอโปรดจะต้องมาทำงานในส่วนของลูกชายแทนอีก เพราะว่าเมื่อคืนนี้ ทินกรโทรมาบอกกลางดึกว่า ต้องพาพิพิมเดินทางไปต่างจังหวัดด่วน เพราะมีธุระสำคัญ แต่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดว่าเรื่องอะไร เพราะเขาก็ไม่ถามต่อ และอีกอย่างเขาก็อยากให้ทั้งคู่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน ปรับความเข้าใจกันด้วย เลยไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรให้มากความ
“พวกคุณทั้งสองก็กลับไปพักกันเถอะครับ ที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเองได้ครับ” หมอโปรดเอ่ยบอกพยาบาลทั้งสองคน อย่างเอื้องฟ้า และนุชนารถให้กลับไปพักกันได้ เพราะวันนี้ดันมีเคสด่วนทั้งวัน จนทุกคนแทบจะไม่ได้พักเลย
“ขอบคุณคะอาจารย์หมอ คุณหมอทีมนี้หยุดถูกวันจริงๆเลยน่ะค่ะ ว่าแต่ทำไมวันนี้ไม่เห็นน้องพิมเลยคะ” นุชนารถเอ่ยขอบคุณ แล้วกลับถามหาพิพิมขึ้นมา เพราะไม่เห็นหญิงสาวมาที่โรงวพยาบาลเลยตั้งแต่เช้า
“อ่อ หนูพิมน่ะเหรอ พอดีมีธุระด่วนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว หมอทีมเลยต้องขับรถไปส่งเอง พรุ่งนี้ก็น่าจะพากันกลับมั้งครับ” หมอโปรดเอ่ยตอบไปตามความเป็นจริง
“อะไรนะคะ! คุณหมอทีมขับรถไปต่างจังหวัดกับน้องพิม” นุชนารถทำท่าทางตกใจ ที่ได้ยินว่าหมอหนุ่มไปต่างจังหวัดกันสองต่อสองกลับพิพิม
“ครับ มีอะไรหรือเปล่าคุณนุชนารถ” หมอโปรดพยักหน้ารับเชิงเป็นคำยืนยันอีกที แล้วถามพยาบาลสาวออกไปด้วยความสงสัย ว่าทำไมต้องตกใจขนาดนั้น เมื่อรู้ว่าพิพิมกับทินกรไปด้วยกัน
“เปล่าค่ะ ดิฉันแค่ไม่เห็นน้องพิม เลยแค่ถามดูค่ะ” นุชนราถรีบแก้ต่างทันที แล้วปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด
“คุณนุชนารถดูเป็นห่วง เป็นใยหนูพิมจังเลยนะครับ แค่ไม่เห็นหน้ากันวันเดียวก็ถามหาเสียแล้ว น่าปลื้มใจแทนหนูพิมจังที่มีเพื่อนร่วมงานดีขนาดนี้” หมอโปดเอ่ยแซวขึ้นมา โดยมีหน้าที่ปลื้มปริ่มทุกที เมื่อพูดถึงพิพิม
“ว่าแต่อาจารย์หมอกับน้องพิมเป็นอะไรกันหรือค่ะ เอ็นดูน้องพิมจัง” นุชนารถถามด้วยความสงสัยขึ้นมาทันที เพราะดูเหมือนหมอโปรดจะรัก และเอ็นดูพิพิมมากเป็นพิเศษ
“ไปกันได้แล้วนุช จะถามอะไรกันนักหนา กลับไปพักกันเถอะ” เอื้องฟ้ารีบเข้าไปบอกให้พยาบาลสาวรุ่นน้องกลับออกไปกัน เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มถามอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงานเลย
“ผมกับหนูพิมนะหรือครับ หนูพิมก็เหมือนลูกสาวคนหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ และอีกไม่นานก็คงจะมาเป็นลูกสะใภ้ของผมแหล่ะ” หมอโปรดเอ่ยบอกไปด้วยใบหน้าที่ดภูมิใจ และมีความสุข เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อพูดถึงพิพิม เพราะเขาเอ็นดูหญิงสาวเหมือนลูกเลย
“อะไรนะ ลูกสะใภ้เหรอ?” นุชนารถตาเบิกกว้างขึ้นมาทันที แล้วถามย้ำอีกที เมื่อได้ยินว่าพิพิมจะมาเป็นสะใภ้ ของโรงพยาบาลแห่งนี้
“ครับ...” หมอโปรดได้แต่พยักหน้ารับ แล้วเดินออกไปจากห้องนี้ทันที เพราะหมดเวลาทำงานของวันนี้แล้ว ปล่อยให้นุชนารถได้ยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น
เลือดเนื้อเชื้อไขช่วงสายของวันร่างสูงตื่นขึ้นมา พร้อมกับเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมาไม่หยุด ทินกรลุกขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ มองดูหญิงสาวที่ยังคงหลับสนิท แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย“ครับพ่อโปรด ทีมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้ครับ” ทินกรรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นพ่อโทรมา แล้วรีบลุกขึ้นแต่งตัวอย่างรีบร้อน เดินทางออกไปยังโรงพยาบาลทันที เพราะพ่อโทรมาว่ามีเคสด่วน ปล่อยให้หญิงสาวได้พัก เขาจึงไม่ได้ปลุก แต่กลับสวมเสื้อเพียงตัวเดียวไว้ให้เธอโรงพยาบาลโยธินนารัตน์“มีเรื่องอะไรกันครับพ่อโปรด ตัวแสบทำไมอยู่ที่นี่” ทินกรรีบสวมเสื้อกาวน์อย่างรีบร้อน แล้วเดินออกมาถามพ่อที่อยู่ห้องทำงานทันที พร้อมกับต้องตกใจที่เห็นน้องสาวอยู่ที่นี่ด้วย“ทำไมมาเอาป่านนี้ หน้าตาดูไม่ได้เลย เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ” เสียงทุ้มของหมอโปรดถามขึ้นมาทันที ที่เห็นลูกชายพึ่งจะเข้ามาที่ห้องเอาป่านนี้“มีปัญหานิดหน่อยครับ เดี๋ยวทีมเล่าให้ฟังทีมหลังน่ะ แล้วหยามาที่นี่ได้ยังไง” ทินกรเอ่ยบอกพ่อ แล้วหันหน้าไปถามน้องสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย“อาเธอร์เกิดเรื่องค่ะ” ปั้นหยาเอ่ยบอกพี่ชาย และไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ฟัง“อาเธอร์เหรอ อ่อ...ตัวแส
โดนเล่นงานNCภายในงานยังคงดำเนินการไปจนถึงดึก ทินกรให้การต้อนรับแก่นายอพทย์คนใหม่เป็นอย่างดี แต่ระหว่างที่พูดคุยทักทายกันนั้น สายตาก็พยายามที่จะมองหาพิพิมอยู่ตลอดเวลา“หมอทีมมองหาใครหรือครับ” นพดล นายแพทย์คนใหม่ถามขึ้นมา เมื่อคุยอยู่กับเขาแต่สายตาของทินกรกลับเอาแต่มองหาใครบางคนอยู่ตลอดเวลา“เปล่าหรอกครับ...หมอนพดื่มได้เลยน่ะครับ พอดีผมขับรถมาเอง ดื่มไม่ได้ครับ” ทินกรตอบกลับไป และพยายามปฏิเสธรับเครื่องดื่มทุกชนิดที่ทุกคนยื่นให้“พยาบาลที่นี่...มีแต่สาวสวยๆกันทั้งนั้นเลยนะครับ แบบนี้พอจะมีคนไหนว่าง ที่พอจะเข้าตาผมบ้างไหม หรือว่าหมอทีมมีใครที่อยากจะแนะนำผมเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่าครับ” นพดลพูดแซวขึ้นมา พร้อมกับสายตาที่กวาดมองดูเหล่าบรรดาพยาบาลสาวสวยที่อยู่ภายในงานนี้“เรื่องนี้...ผมขอปฏิเสธก่อนเลยครับ” ทินกรพูดขึ้น พร้อมกับสายตาที่ไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวรายหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากพิพิม ที่กำลังเดินออกไปทางด้านนอก“...” นพดลไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่กลับยกเครื่องดื่มขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย พอให้เป็นพิธี“ผมขอตัวก่อนนะครับ...” ทินกรรีบขอตัวลาทันที เมื่อสายตาเห็นพิพิ
หมอคนใหม่วันนี้ทินกรกลับเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว หลังจากที่พาพิพิมไปต่างจังหวัดมาสองวัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน เพราะพิพิมเอาแต่คอยหลบหน้า ส่วนเขาก็พยายามหาโอกาสที่จะอยู่กันตามลำพังกับหญิงสาวทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ว่าพิพิมก็ไม่ยอมเอาเพื่อนมาช่วยอ้างตลอด“เป็นยังไงบ้างทีม ไปต่างจังหวัดมา” หมอโปรดถามขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องคือทินกรนั้นเอง“เฮ้อ...เหมือนเดิมครับ พึ่งจะมารู้ ว่าการที่จะจีบเมียตัวเองนี้ยากเอาเรื่องอยู่เหมือนกันน่ะครับ” เสียงถอนหายใจยาวของทินกร เมื่อทิ้งตัวลงยังโชฟาตัวยาว พร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างคนสิ้นหวัง“หึ...แค่นี้ก็หมดหวังแล้ว ไม่มีความอดทนเอาเสียเลย” หมอโปรดพูดแซวขึ้นมา พร้อมกับส่ายหน้าให้เพียงเล็กน้อย ที่ลูกชายไม่มีความอดทน หรือพยายามเอาเสียเลย“แล้วทีมต้องทำยังไงครับ ก็พิพิมไม่ยอมเปิดโอกาสให้ทีมเลย” ทินกรพูดขึ้น พร้อมกับหันหน้าไปขอความเห็นจากคนเป็นพ่อ“แล้วลองพยายามดูยัง” หมอโปรดถามขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองหน้านิ่ง“...” ทินกรได้แต่ส่ายหน้า แล้วก้มหน้าไม่พูดไม่จา อะไรใดๆตอบ“วันนี้ ตอนเย็นมีการจัดเลี้ยงต้อนรับหมอคนใหม่ข
ผู้บ่าวมู่(แฟนเพื่อน)ณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ภาคอีสาน)ทั้งคู่เดินทางมาถึงที่นี่ ท้องฟ้าก็เกือบจะสว่างแล้ว โดยที่ไม่ได้หยุดพัก หรือแวะกลางทางเลยแม้แต่น้อย เพราะพิพิมเป็นห่วงที่เพื่อนพึ่งจะต้องสูญเสียพ่อกับแม่ไป“มีน...” พิพิมเอ่ยเรียกเพื่อนสาวขึ้นมาทันที ที่เดินทางมาถึงยังวัดตามที่อมีนาได้บอกเอาไว้“พิม...” อมีนาหันกลับไปตามเสียงเรียกของเพื่อนสาว แล้วโผล่เข้าสวมกอดพิพิม แล้วร้องไห้ออกมาทันที โดยไม่อายใครเลยแม้แต่น้อย“มีน...เข้มแข็งไว้เด้อ พ่อกับแม่เลาไปสบายแล้ว เฮาเสียใจนำเด้อ แล้วกะขอโทษนำเด้อที่มาบ่ทันเผา” (มีน...เข้มแข็งไว้นะ พ่อกับแม่ท่านไปสบายแล้ว เราเสียใจด้วยนะ แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่มาไม่ทันเผา) พิพิมเอ่ยปลอบเพื่อน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนกัน“ขอบใจโตหลายๆเด้อพิม...แล้วนี้”(ขอบใจเธอมากไปน่ะพิม...แล้วนี้) อมีนาทำท่าทางงงขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหนุ่มหล่อร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังของพิพิม เพื่อนของเธอ“อ่อ...อ้ายทีม เพิ้นขับรถมาส่งเฮา”(อ๋อ...พี่ทีม เขาขับรถมาส่งเรา) พิพิมเอ่ยบอกเพื่อนสาว แต่ไม่ได้บอกทั้งหมดว่าทินกรนั้นเป็นใคร“สวัสดีจ้า...ซื่อมีนเด้อจ้า เป็นมู่กับพิม”(สวัสดีค่ะ
ความสุขของอาเธอร์เมื่อกิจกรรมที่โรงเรียนจบลง ทินกรจึงพาทั้งสองแม่ลูกออกมาเลี้ยงฉลองกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพราะถือว่าวันนี้ ก็มีโอกาสได้ออกมาข้างนอกกันแล้ว และก็อยากอยู่กันตามลำพังด้วย และหลังจากนั้นจึงพาทั้งสองกลับคอนโด โดยที่เขาเป็นฝ่ายขับรถไปส่งคอนโดฯ (พิพิม) “จะทำอะไร” ทินกรถามขึ้น เมื่อรถจอดแล้วหญิงสาวเดินอ้อมไปเปิดประตูหลังที่ ตอนนี้มีอาเธอร์นอนหลับอยู่บนเบาะ“จะอุ้มลูกไงคะ ไม่เห็นว่าอาเธอร์หลับอยู่” พิพิมเอ่ยตอบ พร้อมกับจ้องมองไปยังเด็กน้อยที่หลับสนิทอยู่บนเบาะรถ“ถือไว้...เดี๋ยวพี่จัดการเอง” ร่างสูงยื่นกระเป๋าไปให้กับหญิงสาวถือแทน แล้วเจ้าตัวกลับเป็นฝ่ายที่อาสาอุ้มอาเธอร์เสียเอง เพราะอาเธอร์ตอนนี้ก็ไม่ใช่ตัวเล็กๆ ที่หญิงสาวจะอุ้มไหวแล้วเมื่อพิพิมไม่สามารถที่จะปฏิเสธความช่วยเหลือจากร่างสูงได้ จึงต้องยอมให้ทินกรอุ้มลูกของเธอ แล้วเธอกลับต้องเป็นฝ่ายเดินถือกระเป๋าเอง เดินขึ้นไปยังชั้นพักของเธอต่อเมื่อเข้ามาถึงห้อง พิพิมเดินไปเปิดประตูห้องนอน ของอาเธอร์ที่ใช้นอนเป็นประจำ ให้กับร่างสูงได้วางลงบนที่นอน แล้วเธอก็ออกมานั่งลงที่โชฟาด้านนอกแทน“ขอบคุณนะคะ ที่วันนี้ยอมสละเวลามาเพื่
กิจกรรมครอบครัวโรงพยาบาลโยธินนารัตน์ผ่านมาหลายวันแล้ว ที่ทั้งคู่ทำหน้าเฉยชาใส่กัน และยังพยายามหลบหน้ากันอีก โดยที่พิพิมจะเข้าไปเป็นผู้ช่วย และคอยติดตามงานเอกสารของหมอโปรดแทน เพราะทินกรก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ที่ห้องทำงานส่วนตัว นอกเสียจากมีเคสด่วนจริงๆ หมอหนุ่มจึงจะยอมลงมา“คุณลุงค่ะ วันนี้พิมขอลางานช่วงบ่ายนะคะ พอดีพิมมีธุระค่ะ” หญิงสาวพูดขึ้น เมื่อถือแฟ้มเข้ามาให้หมอโปรดเซ็น“แล้วหนูจะไปยังไงลูก” หมอโปรดเอ่ยถาม เพราะเห็นว่าหญิงสาวไม่มีรถใช้ส่วนตัว เพราะทุกวันที่มายังโรงพยาบาล ก็มีแต่ลูกสาวเขาอย่างปั้นหยามารับส่งอยู่ทุกวัน“พิมเรียกแท็กซี่ไปเอาได้ค่ะ” พิพิมเอ่ยบอก“ให้พี่เขาไปส่งไหม เดี๋ยวลุงโทรบอกให้”“ไม่ดีกว่าคะ เกรงว่าจะเป็นการรบกวนพี่ทีมเอาเสียเปล่า” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันที เมื่อหมอโปรดบอกว่าจะให้ทินกรไปส่ง“นี่ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกเหรอ” หมอโปรดถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งคู่ยังคงโกรธกันอยู่ เพราะลูกชายตัวดีก็ยังไม่ยอมง้อ“เอ่อ...พิมขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวรถจะติด” หญิงสาวรีบเปลี่ยนประเด็น แล้วหาข้ออ้างออกไปทันที เพื่อที่จะไม่ต้องตอบคำถามของหมอโปรดหมอโปรดได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ