บทที่ 2 แม่
ฟาร์มสวนยาง
ปราณีมองสภาพเมาไร้สติของลูกชายด้วยความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเกินจะกล่าว นึกไปถึงตัวเองตอนที่ถูกพ่อของเขานอกใจ ความรู้สึกเจ็บปวดมันคงไม่ต่างกัน แต่ตอนนั้นเธอมีเขาแล้ว เธอจึงไม่กล้าแสดงความอ่อนแอให้เขาได้เห็น เธอทนและทนกับความเจ้าชู้ของพ่อเขาจนเขาอายุได้เจ็ดขวบ ความอดทนของเธอถึงขาดสะบั้น จบชีวิตคู่ด้วยกันเพียงแค่นั้น
ตอนนั้นเธอไม่ได้เอาเขาไปด้วยเพราะถูกปู่กับย่าของเขา ที่เป็นชาวจีนฮ่องกงที่อพยพเข้ามาทำกินในเมืองไทยขอร้องเอาไว้ เนื่องจากมีลูกชายและหลานชายเพียงคนเดียวที่จะสืบทอดทรัพย์สมบัติที่หลังขดหลังแข็งทำสะสมไว้ของตระกูล เธอจึงจำใจทิ้งลูกชายเอาไว้ แต่เธอยังโชคดีกว่าแม่คนอื่นๆ เพราะมีโอกาสได้พบปะกับลูกชายอยู่เสมอๆ โดยผ่านทางปู่กับย่า และเมื่อเธอได้แต่งงานใหม่กับสามีชาวอเมริกัน สามีใหม่ของเธอก็ยังยินดีที่จะให้เธอไปมาหาสู่กับลูกชาย แม้กระทั่งตอนที่ไปเรียนต่อก็ยังให้เขาไปพักอยู่ด้วยกัน ทำให้ความสัมพันธ์ของลูกๆ และสามีเธอเข้ากันได้ดีมาก
เมื่อเขาเรียนจบก็กลับมาช่วยงานบิดาและเริ่มศึกษาการทำฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ เริ่มจากทดลองเลี้ยงจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แล้วจึงเริ่มเลี้ยงจริงๆ จังๆ ลงทุนกู้เงินก้อนใหญ่จากธนาคารมาเปลี่ยนสภาพสวนยางครึ่งหนึ่งให้เป็นฟาร์มเลี้ยงหอย เพียงแค่สามปีก็สามารถใช้หนี้ธนาคารไปได้ถึงครึ่งหนึ่ง.. แต่ทำไมคนที่อนาคตกำลังไปได้สวยถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้
“คนนั้นใช่พี่ชายเธอแน่เหรอวิเวียน” ชาร์มมิ่งกระซิบถาม นึกถึงผู้ชายใจดีที่เคยอุ้มตน แล้วเตะสุนัขดุร้ายตัวนั้นจนร้องเอ๋งและวิ่งหางตูบหนีไป ความกล้าหาญครั้งนั้นประทับใจเธอมาก จะบอกว่าเขาคือรักแรกของเธอตอนอายุสิบปีก็คงไม่ผิด และเมื่อรู้ว่าเขาเป็นพี่ชายของวิเวียน เธอก็เริ่มมุ่งมั่นในการเรียนภาษาไทยกับแม่ของเขามากขึ้น เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้เจอเขาและเขาจะได้พอใจในตัวเธอ แต่เมื่อได้เจอเขาจริงๆ ทำไมเธอถึงรู้สึกผิดหวังอย่างนี้นะ
“ฉันก็ไม่อยากยอมรับนะ แต่มันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ นั่นแหละฮีโร่ของเธอ” วิเวียนกระซิบกลับด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ตอนนั้นฉันยังเด็ก” ชาร์มมิ่งแก้ตัว “เขาฟื้นแล้ว” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นร่างที่เหมือนซากศพเริ่มขยับ
“โมกลูกแม่ ตื่นแล้วเหรอลูก” ปราณีรีบเช็ดน้ำตาแล้วขยับเข้าไปหาลูกชาย “แม่มาเยี่ยมแล้ว ดีใจไหมลูก”
วิโมกข์ขยับเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นลง เพ่งมองสตรีที่อยู่ข้างหน้าตน “คุณแม่เหรอครับ”
“ใช่จ้ะลูก แม่ของลูกไงจ๊ะ”
“คุณแม่ครับ มีนเขาทิ้งผมไปแล้วครับ” น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเงียบๆ เมื่อนึกถึงคนรัก
“อย่าคิดมากไปเลยนะลูก เก็บความเสียใจครั้งนี้เอาไว้เป็นบทเรียนนะลูกนะ เริ่มต้นใหม่โดยไม่ต้องมีเขานะลูก ลูกยังมีแม่มีน้อง ยังมีคนงานอีกหลายร้อยชีวิตต้องดูแล ถ้าลูกเป็นแบบนี้พวกเขาจะเป็นอย่างไรล่ะลูก”
“ผมพยายามแล้วครับคุณแม่ แต่ผมก็ทำไม่ได้”
“ฉันออกไปรอข้างนอกนะวิเวียน” ชาร์มมิ่งสะกิดบอกเพื่อนแล้วเดินออกไปเงียบๆ เพราะทนเห็นสภาพของเขาไม่ไหวแล้ว
แต่ละวันผ่านไปอย่างยากลำบากเหลือเกินสำหรับวิโมกข์ ถึงแม้จะมีมารดาและเจ๊หวังคอยดูแลใกล้ชิดด้วยความรัก แต่เขาก็ยังลืมมีนาไม่ได้สักที เขาพยายามทำตัวให้เข้มแข็งขึ้น เช้าขึ้นมาก็ออกไปทำงานตามปกติ แต่พอถึงเวลาพักเมื่อไหร่เขาก็จะดื่มเหล้าแทนอาหารทุกครั้ง หน้าตาที่เคยใสสะอาดเต็มไปด้วยหนวดเครา ผมเผ้าที่เคยเข้าทรงก็รกรุงรังไร้การเอาใจใส่ คนงานต่างก็อนาถใจกับสภาพของเจ้านายยิ่งนัก แต่ทุกคนก็เข้าใจว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะเพิ่งเสียบิดาไป
“คุณหนูคะ คุณทศมาหาค่ะ” บ่ายวันหนึ่งเจ๊หวังเดินมาตามชายหนุ่มถึงในฟาร์มด้วยตัวเอง
“ทำไมไม่ให้มันเข้ามาล่ะป้า”
“เขาไม่ได้มาคนเดียวค่ะ มีเพื่อนมาด้วยอีกคน แล้วตอนนี้ก็กำลังคุยอยู่กับคุณปราณีค่ะ คุณหนูรีบออกไปเถอะค่ะ”
“ครับป้า” ...
ปราณีลุกขึ้นแล้วขอตัวลาจากไปเมื่อเห็นลูกชายเดินเข้ามา ปล่อยให้พวกเขาได้มีโอกาสพูดคุยกันสะดวกขึ้น
“คุณแม่จะไปไหนครับ นั่งคุยด้วยกันก่อนสิครับ” วิโมกข์เรียกมารดาเอาไว้
“ไม่ดีกว่าจ้ะลูก วันนี้แม่จะพาสาวๆ เขาไปเที่ยวในตัวเมืองหาดใหญ่สักหน่อย แม่ไปก่อนนะ”
“สาว ๆ ที่ไหนวะโมก” บารมีสงสัย
“น้องสาวกูกับลูกสาวเจ้านายแม่กู พวกเธอปิดเทอมพอดีก็เลยขอมาเที่ยวด้วย”
“สวยไหมวะ ทำไมกูถึงไม่เห็น” บารมีตาตั้งเมื่อได้ยินดังนั้น
“น้องกูน่ะสวย ส่วนอีกคนกูรู้แต่ว่าผอมและสูงมาก”
“กูไม่น่าถามมึงเลย” สภาพจิตใจของมันเป็นแบบนี้ มันจะไปมีอารมณ์สนใจใครได้ นี่ถ้ามันไม่เคยเห็นหน้าน้องสาวมาก่อน มันก็คงตอบไม่ได้เหมือนกัน บารมีเหน็บแนมอยู่ในใจ
“เฮ้! พวกนายลืมฉันแล้วหรือไง ยังมีฉันอีกคนนะ” ‘หลุยส์ เซียะ’ เรียกร้องความสนใจจากเพื่อนทั้งสอง
“โทษทีหลุยส์ ฉันมัวแต่ตอบคำถามจนลืมทักนาย แต่ทำไมนายถึงมาหาฉันที่นี่ได้ล่ะ” วิโมกข์ถามเพื่อนรักชาวสิงคโปร์ที่รู้จักกันผ่านทางธุรกิจการซื้อขายแผ่นยางพารา เพราะครอบครัวของหลุยส์เป็นเจ้าของธุรกิจผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของเอเชีย และมีฐานการผลิตอยู่ที่จังหวัดแห่งนี้ และเขากับบารมีก็เป็นหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทแห่งนั้นด้วยอีกคนละหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้จะฟังดูเหมือนไม่มากมายอะไร แต่ส่วนแบ่งที่ได้รับในแต่ละปีก็มีค่าหลายล้าน “บริษัทนายเพิ่งส่งรถมารับยางจากเราไปเมื่อวานนี้เอง” เขาหมายถึงน้ำยางจากต้นยางพาราที่แปรรูปเป็นแผ่นยางดิบเรียบร้อยแล้ว
“ฉันไม่ได้มาหาเพราะเรื่องนั้น แต่ฉันจะมาเชิญนายไปงานแต่งงานของฉันต่างหาก” ถึงแม้จะรู้ข่าวจากบารมีว่าเพื่อนรักคนนี้กำลังอยู่ในช่วงอกหัก แต่เขาก็ต้องบอกข่าวดีของตัวเองให้เพื่อนรับรู้
“ฉันกำลังอกหักแต่นายกำลังสมหวังในรัก ฉันดีใจด้วยนะหลุยส์”
“ขอบใจนะโมก” หลุยส์ เซียะ ยิ้มรับคำอวยพร
“ให้อีริคป้อนข้าวให้ไหมครับคุณอา เพราะพี่หนึ่งบอกว่ามือข้างนี้เขามีไว้ใช้ล้างก้น ไม่ได้มีไว้ให้เขียนหนังสือหรือใช้ทานข้าวนะครับ”“ขอบใจนะที่เป็นห่วงอา แต่ถ้าอยากป้อนข้าวให้อาก็ต้องกินข้าวเยอะ ๆ จะได้โตทันอา ตอนนี้อีริคตัวเล็กมาก ยังป้อนข้าวอาไม่ได้หรอก” เขาลูบศีรษะเด็กชายด้วยความเอ็นดู “แล้วคุณแม่ของอีริคไปไหนล่ะ ทำไมไม่ลงมาทานข้าวด้วยกัน”“มีนอยู่นี่ค่ะ” มีนายิ้มแก้มปริเมื่อเดินเข้ามาได้ยินวิโมกข์ถามถึงพอดี แล้ววางถ้วยแกงไตปลาที่ทำเองลงบนโต๊ะ เธอยังจำได้ที่เขาบอกว่าไม่มีใครทำแกงไตปลาได้อร่อยเท่าเธออีกแล้ว จึงชอบรบเร้าให้ทำอยู่บ่อย ๆ “แกงไตปลาของโปรดโมกค่ะ มีนลงมือทำเองเลยนะ แล้วก็ยังมีอย่างอื่นด้วย เดี๋ยวมีนไปยกมาก่อนนะ”“นั่งสิอีริค” ชายหนุ่มบอกกับเด็กชายที่ยังยืนอยู่ใกล้ ๆ เมื่อมารดาเขาเดินออกไปแล้ว“แล้วคุณอาชาร์มมิ่งกับอาวิล่ะครับคุณอา” เด็กน้อยถามถึงสองสาวเมื่อนั่งลงแล้ว“เดี๋ยวก็ลงมา” เพราะอาการบาดเจ็บ เขาจึงถูกขอร้องไม่ให้ไปทำงานในฟาร์ม เขาจึงไปน
“เปล่าค่ะ ไปซื้อของกันเถอะค่ะ” เธอคล้องแขนเขาแล้วเดินไปด้วยกัน ระหว่างทางก็มองหาร้านที่คิดว่าน่าจะมีของที่ต้องการซื้อไปด้วย“ชาร์ม / พี่โมกคะ” ทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน เมื่อต่างก็มองเห็นเป้าหมายของตัวเอง“ชาร์มพูดก่อน” วิโมกข์ให้โอกาสหญิงสาวพูดก่อน“พี่โมกรอชาร์มตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวชาร์มมา”“พี่ก็จะไปซื้อของที่ร้านนั้น ถ้าเรามาถึงก่อนก็นั่งรอพี่ตรงนี้นะ” วิโมกข์คิดว่าเธอคงอยากไปเข้าห้องน้ำ จึงไม่ได้ถามอะไร แล้วจึงแยกกันไปคนละทางกับเธอชาร์มมิ่งเดินเข้าไปในร้านขายยา กำลังใช้สายตาอันแหลมคมมองหาของที่ต้องการ แต่มีพนักงานเดินเข้ามาถามพอดี เธอจึงบอกกับพนักงานไป“พวกนี้เขาไม่อายกันเลยนะเอ็ม เลือกซื้อถุงยางอย่างกับเลือกซื้อหมากฝรั่ง” พนักงานขายที่ยืนรอให้บริการอยู่นาน เดินกลับไปบ่นกับเพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่หลังตู้โชว์ เมื่อลูกค้าสาวสวยยังซื้อไม่เสร็จสักที“เบา ๆ หน่อยผึ้ง” พนักงานที่ยืนอยู่ด้านในเอ็ดเพื่อนปากเปราะ แล้วพูดเบา ๆ “ถ้าเขาได้ยินเดี๋ยวก็เ
“ยังแบมือขอเงินพ่อใช้อยู่เลย คิดจะมารับผิดชอบพี่ได้ยังไง”“ใครบอกพี่โมกว่าชาร์มไม่ได้ทำงาน ชาร์มเขียนเพลงแล้วก็ช่วยงานคุณพ่อด้วยนะ” เธอเชิดหน้าเถียงเขาที่บังอาจมาดูถูก “คุณพ่อถึงอนุมัติให้ชาร์มใช้เงินได้เต็มที่ไงคะ”“งั้นเหรอ แล้วได้ค่าจ้างเดือนละเท่าไหร่ล่ะ” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสาวน้อยคนนี้ทำอะไรบ้าง เพราะน้องสาวเคยเล่าให้ฟังแล้ว แต่เขาก็แค่อยากแกล้งเธอเล่นเท่านั้น“ก็เท่าที่อยากจะใช้นั่นแหละค่ะ” เธอมองค้อนพร้อมกับย่นจมูกใส่เขาเล็กน้อยเขาหัวเราะเบา ๆ เพราะตลกกับคำตอบของเธอ “หึ ๆ ๆ จ่ายให้พี่ไปก่อนก็แล้วกัน แล้วพี่จะใช้เงินสดให้ดีไหม เราจะได้มีเงินสดติดตัวเพิ่มขึ้นอีกหน่อย”“ชาร์มบอกแล้วไงคะว่าจะรับผิดชอบค่ารักษาทั้งหมดเอง” เธอหน้างอยิ่งกว่าเดิมเมื่อถูกขัดใจวิโมกข์เอื้อมมือไปลูบแก้มใส ๆ นั้นอย่างลืมตัว เพราะรู้สึกเอ็นดูกับท่าทางน่ารักน่าชังที่เธอแสดงออกมา“ถ้าไม่ตกลงตามนี้พี่ก็ไม่เอา เดี๋ยวพี่เดินไปเอากระเป๋าที่รถก็ได้”“ก็ได้ค
หญิงสาวรีบปล่อยมือจากประตูเมื่อสู้แรงเขาไม่ได้ เพราะกลัวมันจะหนีบใส่.. แล้วร้องกรี๊ดออกมาดังลั่นเมื่อได้ทบทวนคำพูดของเขา“ทำไมมีนจะไม่ใช่เมียคุณ เราเคยรักกันมาตั้งห้าปี คุณยังเคยคุกเข่าอ้อนวอนไม่ให้มีนทิ้งคุณ คุณบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมีน มีนก็กลับมาหาคุณแล้วไงล่ะ ทำไมคุณไม่ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ คุณมันผู้ชายสับปลับ” เธอตอกย้ำคำพูดที่เขาเคยพูดเอาไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน ตบท้ายด้วยการต่อว่าเขารุนแรง“คุณมีนจะตะโกนให้มันได้อะไรขึ้นมาคะ ในเมื่อเรื่องมันจบไปแล้วตั้งหลายปี” มีนาหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสั้นแขนกุดสีดำ ช่วยขับเน้นผิวขาวอมชมพูให้ดูเด่น ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มไว้บางเบา ผมยาวหยักศกสีน้ำตาลถูกรวบเป็นมวยง่าย ๆ สะพายกระเป๋าสีชมพูแบรนด์หรู แค่เธอแต่งตัวง่าย ๆ แค่นี้ แต่เธอก็ดูแพงจนต้องอิจฉา “มันเป็นเรื่องของฉันกับโมก คุณไม่เกี่ยว” “ชาร์มก็แค
ชายหนุ่มแนบกายทาบกับเรือนร่างเนียนนุ่มไร้ฝ้ากระ สอดฝ่ามือโอบประคองเต้างามเต่งตึงแล้วคลึงเคล้นเบามือ พรมจูบบ่าบอบบางกรุ่นกลิ่นหอมอย่างหลงใหล แล้วตัดใจผละออกเมื่อความรู้สึกอยากเริ่มวิ่งพล่านไปทั่วร่างอีกครั้ง“พี่จะไปหาหมอแต่คงขับรถเองไม่ได้ ชาร์มขับรถเป็นหรือเปล่า” เขาแกล้งถามทั้งที่ไม่สนว่าคำตอบของเธอจะออกมายังไง เพราะถึงอย่างไรก็จะเอาเธอไปด้วยให้ได้“เป็นค่ะ แต่พี่โมกต้องบอกทางชาร์มนะคะ” เธอรีบตอบรับ ไม่กล้าหันหน้าไปประจันกับเขา เพราะกลัวจะหวั่นไหว เรียกร้องขอความสุขจากเขาอีก“หันหน้ามาคุยกับพี่สิ ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” เขาตำหนิที่เธอจงใจหลบหน้าหญิงสาวหมุนตัวไปเผชิญหน้าอย่างที่เขาต้องการ เอนกายพิงผนังแล้วเลียริมฝีปากเล่นแก้เก้อ ขณะที่มองหน้าเขาไม่ค่อยเต็มตานัก“โธ่เว้ย!” วิโมกข์สติแตกกับท่าทางใสซื่อแต่ดูยั่วยวนอย่างร้ายกาจของเธอจนได้ เขาไม่น่าเรียกร้องให้เธอหันมาเลย ให้ตายสิ! เขาโน้มหน้าไปจนชิดริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ “อย่าไปทำแบบนี้ให้ใครเขาเห็นอีกนะ” แล้วจูบทำโทษความยั่วยวนนั้นอย่างหนักห
แล้วเขาจะมาเคืองเธอทำไมเนี่ย มันไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่มันเป็นสิทธิ์ของเธอ เขาจะโมโหทำไมแล้วตอนนี้ล่ะ เขาควรจะปล่อยเธอไป หรือมอมเมาด้วยรสรักจนลืมไม่ลง เขาพินิจใบหน้างดงามหมดจดจนทั่ว.. จะปล่อยเธอไปได้ยังไง ในเมื่อความต้องการของเขาก็เรียกร้องรุนแรงขึ้นทุกทีอยู่อย่างนี้ ดังนั้นคนที่ต้องสอนบทรักบทแรกให้เธอก็ต้องเป็นเขานี่แหละเขาก้มหน้าลงไปหาซอกคอระหง ขบเม้มเบา ๆ สร้างความกระสันให้เธอ ไล้ต่ำลงไปที่เนินอกสล้าง พรมจูบไปทั่วเต้างามเต่งตึงทั้งสองลูก และต่ำลงไปเรื่อย ๆ ตามที่ใจปรารถนา“พี่โมกขา” หญิงสาวจิกเล็บลงไปบนบ่าแน่นตึง เมื่อถูกปลายลิ้นจู่โจมเข้าที่กึ่งกลางของเรือนร่าง มันซาบซ่านจนเธอต้องส่งเสียงร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าเธอมองเรือนร่างที่สมบูรณ์ไปด้วยมัดกล้ามสวยงามไม่วางตา เมื่อเขาขยับตัวขึ้นนั่งคุกเข่า มองไปที่มือของเขากำลังจับเอาไว้ แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างลืมตัว.. แต่ก็ยังอยากที่จะต้อนรับมัน ถึงแม้จะมีความกลัวแฝงอยู่ เธอขยับขากว้างขึ้นเมื่อเขานำมันมาทักทายกับปากเหว รู้สึกสุขสมกับความซ่านที่ได้รับจากมันชายหนุ่มสะท้านไปทั่วทั้งเรือนร่