Masukบทที่ 3 คู่บ่าวสาว
“เจ้าสาวเป็นคนไทยหรือเปล่าหลุยส์” บารมีเริ่มซัก หลังจากรับรู้เพียงว่าเขาจะแต่งงานและถูกชวนให้มาที่นี่ด้วยกัน
“อือ เธอน่ารักมากจนฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว”
“แสดงว่านายรู้จักกับเจ้าสาวไม่นานสิ”
“เราเพิ่งเจอกันแค่สี่เดือนเองทศ แต่ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องลูกของฉันได้ห้าสัปดาห์แล้ว”
“โอ้โฮ มีลูกทันใช้จริงๆ เพื่อนเรา” บารมีปรบมือดังฉาด “แล้วไปเจอกันได้อย่างไรล่ะ ลูกสาวนักธุรกิจด้วยกันเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกทศ เราเจอกันที่ร้านอาหาร เธอทำงานเป็นเลขา ฉันเจอเธอตอนที่ไปติดต่องานกับเจ้านายของเธอ” หลุยส์ เซียะ พูดถึงคนรักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา
“ฉันดีใจที่เห็นนายมีความสุข แล้วฉันจะไปงานแต่งของนายนะ ไหนล่ะการ์ด”
“มันเป็นงานแต่งงานที่มีเฉพาะคนสนิท เราก็เลยไม่ได้ทำการ์ด” หลุยส์ เซียะ บอกวันเวลาและสถานที่แก่เพื่อนทั้งสองคน “หวังว่านายจะไปงานของฉันนะ”
“ฉันจะไปแน่นอน ฉันอยากเห็นเจ้าสาวของนายว่าสวยคุ้มค่ากับที่นายยอมสละความโสดที่หวงแหนหรือไม่” วิโมกข์จดรายละเอียดไว้ในสมุดโน้ตประจำตัวเพื่อกันลืม
“นายมาบอกเรากระชั้นชิดมากเลยนะหลุยส์ แบบนี้เราก็ตัดสูทไม่ทันล่ะสิ” บารมีแกล้งกระเซ้า
“เจ้าสาวฉันใจร้อน อยากแต่งไวๆ เพราะเธอกลัวคนอื่นจะรู้ว่าท้องก่อนแต่ง ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน เพราะฉันต้องรับเจ้าสาวไปลองชุดอีก”
“ได้สิ แล้วเจอกันวันแต่งงานนะ” วิโมกข์จับมือลากับเพื่อนรักทั้งสอง...
ชาร์มมิ่งลุกจากเตียงนอนแล้วรีบวิ่งลงไปชั้นล่าง เมื่อได้ยินเสียงแก้วแตกดังต่อเนื่องพร้อมกับเสียงห้ามปรามของปราณีและเจ๊หวัง
“หยุดเถอะลูก เดี๋ยวแก้วจะบาดโดนลูกนะ”
“คุณหนูอย่าทำแบบนี้สิคะ มีอะไรก็บอกกับหวังสิคะ ระบายกับหวังก็ได้ จะตีจะตบหวังยังไงก็ได้ ขอแค่ให้คุณหนูคนเดิมของหวังกลับมา”
“เหล้าผมหายไปไหนหมดป้าหวัง ใครเอาเหล้าผมไปซ่อน”
“ใครเขาจะไปซ่อนล่ะคะคุณหนู นอกจากคุณหนูดื่มหมด” ตั้งแต่กลับมาจากงานแต่งงานของเพื่อนสนิท เขาก็นั่งดื่มอย่างหนักจนจนเหล้าที่มีอยู่หมดเกลี้ยง แล้วเขาจะเรียกหาจากที่ไหนอีกล่ะ เจ๊หวังตัดพ้ออย่างท้อแท้หัวใจขณะกวาดเศษแก้วใส่ถังขยะ
“ไปเอาเหล้ามาให้ผมดื่มหน่อย ผมจะดื่มให้มันตายกันข้างหนึ่งเลย”
“ค่ะๆๆ เดี๋ยวหวังไปเอาให้นะคะ นั่งรอหวังตรงนี้ก่อนนะคะ” เจ๊หวังทำเป็นเออออด้วย แต่ก็ยังกวาดเศษแก้วต่อไม่ไปไหน ยังกวาดไม่ทันเสร็จคุณหนูของนางก็หมดฤทธิ์
“หนูช่วยนะคะ” ชาร์มมิ่งรีบเข้าไปช่วยประคองชายหนุ่ม เพราะรู้สึกเห็นใจเจ๊หวังที่เป็นคนตัวเล็กและอายุก็มากแล้ว แต่ต้องมาแบกคนตัวใหญ่ที่ไม่มีแรงช่วยเหลือตัวเองเลย
“ขอบคุณค่ะคุณหนูชาร์มมิ่ง” เจ๊หวังกล่าวแล้วรีบเดินนำไปเปิดประตูห้องนอนของชายหนุ่ม
หญิงสาวถึงกับหอบด้วยความเหนื่อยเมื่อโยนเขาลงเตียงไปแล้ว นั่นเพราะเธอเป็นคนสูงกว่าปราณีน้ำหนักตัวของเขาจึงเอนเอียงมาทางเธอมากเป็นพิเศษ โชคยังดีที่ห้องนอนของเขาอยู่ชั้นล่าง ไม่งั้นคงเหนื่อยตัวโยนแน่
สองวันต่อมา
วิเวียนถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มสุมอก ดวงตาเหม่อลอยเพราะคิดไม่ตก
“เป็นอะไรหรือเปล่าวิเวียน ทำไมดูเครียดๆ ล่ะ” ชาร์มมิ่งวางโทรศัพท์ที่กำลังกดเล่นเกม
“เธอรู้ไหมว่าทำไมพี่ชายฉันถึงดูแย่ลงอีกแล้ว”
“ไม่รู้สิ เธอรู้เหรอ”
“ฉันบังเอิญได้ยินเจ๊หวังคุยกับแม่เมื่อคืนนี้ เจ๊หวังบอกว่าเขาโทรไปเล่าให้เพื่อนพี่โมกฟังถึงสภาพของพี่เขา แล้วถามเพื่อนเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมกลับมาจากงานแต่งแล้วพี่เขาถึงกลายเป็นแบบนั้น เพื่อนเขาเลยบอกว่าผู้หญิงที่เพื่อนคนนั้นแต่งงานด้วยคือคนรักเก่าของพี่โมก แต่เพื่อนคนนั้นไม่รู้เรื่องนี้นะ แต่พี่โมกก็ทนอยู่ในงานเลี้ยงจนเลิก เหล้าก็ไม่ได้ดื่มนะ เพื่อนเขายังคิดว่าพี่โมกทำใจได้แล้วเลย เจ๊หวังสาปแช่งแฟนเก่าพี่โมกซะเละเลย” วิเวียนเล่าในสิ่งที่ได้ยินให้เพื่อนฟังจนหมด “แต่ฉันสงสารแม่มากกว่า ฉันแอบเห็นแม่ร้องไห้ตอนพี่โมกเมาหลายครั้งแล้วนะชาร์มมิ่ง อาทิตย์นี้เราก็ต้องกลับกันแล้ว ถ้าพี่เขายังเป็นแบบนี้ แม่ฉันจะเป็นยังไงล่ะ”
“ทำไมเธอไม่ลองคุยกับพี่เธอดูล่ะ บอกเขาไปสิว่าแม่เป็นยังไง บางทีเขาอาจจะคิดได้นะ”
“ฉันเด็กกว่าพี่เขาตั้งเก้าปีนะชาร์มมิ่ง ฉันไม่กล้าสอนเขาหรอก แล้วเวลาเขาเมาก็น่ากลัวจะตาย”
“ถ้าไม่กล้าก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่เธอกับป้าหวังเขาไปรก็แล้วกัน อย่ามาพูดเรื่องพี่ชายโง่ๆ ของเธอให้ฉันฟังอีก ฟังแล้วมันหงุดหงิดหัวใจชะมัด”
หนึ่งทุ่มวันนั้น
ทุกคนกำลังนั่งรอวิโมกข์อยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่เขาก็ยังไม่กลับมาสักที จนล่วงเวลามาเกือบหนึ่งทุ่มครึ่ง และคนที่กระวนกระวายใจที่สุดก็คงไม่พ้นปราณีกับเจ๊หวังอีกเช่นเคย
“หวังจะไปตามคุณหนูในสวนนะคะ คุณๆ ทานกันไปก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหวังอุ่นอาหารให้ใหม่ดีกว่าค่ะ” เจ๊หวังเริ่มสับสนเพราะมัวแต่พะวงกับคุณหนูของตน
“ไปด้วยกันเถอะเจ๊หวัง ฉันก็เป็นห่วงลูกเหมือนกัน” ปราณีลุกขึ้นแล้วบอกให้เด็กสาวทั้งสองให้รอทานข้าวด้วยกัน เธอจะรีบกลับมา
“ชาร์มขอไปด้วยนะคะป้าปลา” ชาร์มมิ่งลุกไปเกี่ยวแขนของปราณีเอาไว้
“หนูก็ไปด้วยค่ะแม่” วิเวียนเข้าไปเกี่ยวแขนอีกข้างของมารดา
“ไปกันเถอะค่ะ แต่เราคงต้องเดินเข้าไปนะคะเพราะคนงานกลับไปพักผ่อนกันหมดแล้ว หรือว่ามีใครขับรถเป็นไหมคะ” เจ๊หวังถามอย่างมีความหวัง
“ไม่มีใครขับเป็นหรอกเจ๊หวัง เราเดินไปด้วยกันเถอะ”
ทั้งหมดจึงเดินเท้าเข้าไปภายในสวนยางอันกว้างใหญ่ โดยที่ยังไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัด อาศัยถามจากคนงานที่อยู่เวรในช่วงกลางคืน ในที่สุดก็ตามหาวิโมกข์จนเจอ เขากำลังนั่งดื่มเหล้าป่าอยู่ใกล้ๆ บ่อพักน้ำสำหรับเลี้ยงหอยนั่นเอง โดยมีคนงานเก่าแก่อย่างอำนาจและอำนวยร่วมวงอยู่ด้วย แต่ท่าทางของสองคนนั้นไม่ได้ดื่มเพราะความครื้นเครง แต่ดื่มเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนเจ้านายมากกว่า
“ดื่มสิน้า เหล้าต้มของน้ารสชาติดีมากเลยนะ ต้มไว้ให้ผมอีกนะ” วิโมกข์ลิ้นเริ่มพันกัน ยื่นขวดเหล้าสีขาวใสให้แก่อำนวย
“กลับบ้านกันเถอะครับนายหัว” อำนวยรับขวดเหล้ามาจิบเล็กน้อย
“ป่านนี้คุณนายคงเป็นห่วงนะครับนายหัว” อำนาจพยักหน้ากับพี่ชายให้ช่วยกันโน้มน้าว เป็นเวลาเดียวกับที่ปราณีเดินมาถึงพอดี
“อือ.. อา..” เขาครางกระเส่าในลำคอ เมื่อถูกปลายนิ้วเรียวคลึงเคล้นที่ปลายเอ็นอุ่นที่จมอยู่ในอ่างน้ำ เรือนร่างแข็งแกร่งเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน เอื้อมมือไปกุมเต้าเต่งตึงแล้วก้มไปดูดดุน สนองความเสียวซ่านคืนให้แก่เธอบ้าง “ชาร์มจ๋า ทำไมถึงซุกซนอย่างนี้ล่ะครับ อา..เมียจ๋าครับ เมียจ๋าของผัว”“พี่โมกปากหวาน” หญิงสาวชอบคำเรียกหาของสามี ทุกครั้งที่เสพสมด้วยกันเธอจึงตื่นตัว มีอารมณ์ร่วมไปกับเขาอย่างมาก “พี่โมกขา..ซู้ด.. ชาร์มเสียว ซู้ด..” เธอครวญครางบอกเขาก่อนจะจูบเขาวิโมกข์จูบตอบภรรยาอย่างดูดดื่ม ขณะที่มือเลื้อยต่ำไปที่ระหว่างเรียวขา ลูบไล้เนินเนื้อที่คั่นกลางที่ทำให้เขาคลั่งไคล้“ชาร์มมีความสุขมั้ย ซู้ด..”“มีสิคะ” ตอบแล้วจัดการขยับสะโพกกลืนกินเอ็นอุ่นของสามี แล้วเป็นฝ่ายขับเคลื่อน พาสามีทะยานสู่ความสุขด้วยตนเอง“เมียจ๋า.. ผัวเสียว อา..” วิโมกข์แทบคลั่งทุกครั้งที่เมียรักเป็นฝ่ายขึ้นคร่อม “โอ๊ยเสียว..” ทั้งกอดทั้งดูดดุนยอดอกเต่งตึงที่กระเพื่อมอยู่ตรงหน้า“อา..” ร่างระหงสะท้านเยือก เสียวสะท้านทั้งช่วงบนและช่วงล่าง กอดคอสามีไว้แน่นเมื่อเขาอุ้มเธอในท่า
“ถ้ามึงอยากให้น้องสาวคนสวยของมึงเป็นม่ายก็เอาสิวะ” บารมีทำท่าจะลุกขึ้นบ้าง แต่คนรักของเขาไม่ยักห้ามอย่างที่คิดไว้ จึงหันไปค้อนใส่เธอ “ทำไมไม่ห้ามพี่บ้างล่ะวิ เสียฟอร์มหมดเลย”วิเวียนหัวเราะชอบใจกับการข่มใส่กันของคนรักและพี่ชาย “ก็วิอยากเห็นพลังแห่งรักของพี่ทศนี่คะ“พี่โมกกับพี่ทศนี่ตลกดีนะคะ วันหลังมาแสดงละครให้เราสองคนดูอีกนะ” ชาร์มมิ่งชูนิ้วโป้งให้เพื่อนซี้ทั้งสอง“เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้ทศที่แสดงไม่เนียน”“เพราะมึงนั่นแหละที่ไม่ยอมชักปืนออกมาจริง ๆ”“ให้กูยิงมึงจริง ๆ เลยไหมล่ะ จะได้ตายสมจริงไง”“อยากให้น้องมึงเป็นม่ายก็เอาสิวะ” บารมีท้าทายด้วยประโยคเดิม ทำหน้าตายียวนใส่เพื่อนรักการโต้เถียงกันของสองหนุ่มคู่ซี้สามสิบปี สร้างเสียงหัวเราะให้กับสองสาวคู่ซี้ยี่สิบปีจนน้ำตาไหล และจบลงด้วยการนอนเล่นที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ จนเผลอหลับไปจริง ๆ ทั้งสี่คน... จบ ...ตอนพิเศษ3 ปีผ่านไป
วิเวียนหัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินพี่ชายพูดดังนั้น “จ้างให้ก็จับไม่ได้หรอกค่ะ เหนือสายสืบยังมีเมียสายสืบ ประโยคนี้ไม่เกินจริงค่ะ”“แต่คุณไอเธอก็มาดีจริง ๆ นะไอ้โมก ทำตัวเหมือนลูกค้าทั่วไป ไม่เห็นจะมาแซะกูตรงไหนเลย.. ไม่น่าเชื่อว่าลับหลังจะร้าย”“เพราะเธอเป็นนักแสดงไงคะ รู้จักมารยาหญิงไหม” วิเวียนกระแทกเสียงถามคนรัก“ดูท่าจะจบไม่ดีซะแล้ว รีบไปกันดีกว่า เดี๋ยวเราจะติดเชื้อไปอีกคู่” วิโมกข์บอกคนรัก“หมั่นไส้ ๆ ๆ จะรักกันไปถึงไหนคะ” วิเวียนเหน็บแนม แต่ใจจริงนั้นพอใจกับความรักของพวกเขาทั้งคู่อย่างที่สุด นึกขอบคุณเพื่อนรักอยู่เสมอที่รักพี่ชายของเธอจากใจจริง ทำให้เขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง“เธอทำให้ฉันรู้และเข้าใจคำว่าสองเรา ไม่ว่าจะร้อนหรือว่าจะหนาวก็ไม่กลัว มีเธอที่รักข้างในจิตใจ ให้ฉันก้าวเดินต่อไป ต่อจากนี้..” วิโมกข์ร้องเพลงท่อนหนึ่งของเพลงโปรด ที่รู้สึกว่าเข้ากับชีวิตรักของเขามากอีกสามคนที่เหลือถึงกับปล่อยเสียงว้าวออกมาดังลั่น ไม่คาดคิดว่านายหัวอันดับหนึ่งของเมืองไทยจะมีคว
“จะเหมือนกันได้อย่างไร ในเมื่อคนทำคนเดียวกัน ป้าหวังเขารอบคอบจะตาย” วิเวียนกล่าวชมผู้อยู่เบื้องหลังอาหารปิกนิกสองชุดนี้จากใจ ยื่นน้ำเย็นให้พี่ชายแล้วจึงยื่นให้คนรักอีกแก้ว“แต๊งกิ้ว” ชาร์มมิ่งรับแก้วน้ำดื่มจากเพื่อน “วันเสาร์ที่จะถึงนี้เรามาปิกนิกกันอีกนะคะพี่โมก ชาร์มจะได้พาอีริคมาด้วย” เธอยังมีแก่ใจนึกถึงเด็กชายตัวน้อยในบ้าน“ถ้าแม่เขาไม่มานะ” วิโมกข์นึกสงสารเด็กน้อยอยู่เหมือนกัน และหวังว่ามารดาของเขาจะแวะมาเยี่ยม หลังจากที่หายเงียบไปสองอาทิตย์แล้ว“เราน่าจะพาเขาไปเที่ยวทะเลสักวันนะคะพี่โมก” วิเวียนแนะนำ“รอให้เขาปิดเทอมก่อนดีกว่าวิ ใกล้สอบแบบนี้ให้เขาตั้งใจทบทวนบทเรียนก่อน สอบเสร็จค่อยพาไปฉลอง” บารมีแย้งเพราะเห็นว่าอีกไม่ถึงเดือนโรงเรียนก็จะสอบแล้ว“อย่างที่ไอ้ทศพูดก็เข้าท่านะ” วิโมกข์เห็นด้วย“ถ้าอย่างนั้นวิจะบอกอีริคให้ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ ถ้าสอบได้คะแนนดี ๆ จะมีรางวัลให้” เธอนึกถึงวิธีที่บิดาชอบทำ“อย่าทำบ่อย ๆ นะวิ เดี๋ยวอีริคจ
“พี่อยากกินแมงพลัดมากกว่า โอ๊ยเจ็บนะ!” ชายหนุ่มทำเป็นร้องลั่นเกินจริง เมื่อถูกฝ่ามือพิฆาตฟาดใส่ต้นแขน“อย่าให้ชาร์มเห็นก็แล้วกันว่าพี่โมกกินแมงนั่น ถ้าชาร์มเห็นนะ..” เธอใช้สายตาคาดโทษเขายื่นหน้าทะเล้นเข้าไปใกล้เธอ “เห็นแล้วจะทำไมจ๊ะ”จุ๊บ..ชายหนุ่มรีบกระหวัดเอวคนรัก รั้งเธอเข้ามาแนบชิด หวังจะจุมพิตตอบแทนให้ดูดดื่มซ่านถึงทรวง แต่เธอดันเอามือมาปิดปากเอาไว้“ชาร์มจะไม่ให้พี่โมกจูบชาร์มอีกเลย ถ้าไม่เชื่อก็ลองทานให้เห็นดูสิคะ” เธอขู่และชักมือออกแทบไม่ทัน เมื่อถูกปลายลิ้นสากโจมตีที่กลางฝ่ามือ “ว๊าย..” แล้วร้องลั่นด้วยความตกใจ เมื่อถูกเขาแบกใส่บ่าพาขึ้นบันไดสาวใช้ที่ได้ยินเสียงร้องของชาร์มมิ่ง ต่างวิ่งกรูกันออกมาคนละทิศละทาง เพราะคิดว่าเธอเป็นอะไร แต่เมื่อเห็นภาพที่เธอกำลังถูกแบกขึ้นบันได ต่างก็ฉีกยิ้มกว้างด้วยความชอบใจ บ้างก็รู้สึกเขินอายเหมือนถูกอุ้มไว้เอง แล้วรีบเดินกลับไปทำงานของตนเองต่อ...สองเดือนต่อมาปิ๊น ๆวิโมกข์ละสายตาจากอำนาจไปทางเสียงแตรรถ
“ขอบคุณค่ะ หวังขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะนายหัว นายหญิง” เจ๊หวังไม่สามารถเก็บความอยากรู้อยากเห็นได้เหมือนเช่นทุกครั้ง และเรียกหญิงสาวที่ในอดีตเคยเรียกคุณหนูจนติดปากว่านายหญิงอย่างเต็มใจน้ำใบเตยที่ค้างอยู่ในปากหญิงสาวเกือบพุ่งออกมา เพราะคำเรียกขานของแม่บ้านใหญ่ เธอรีบกลืนมันลงท้องแล้ววางแก้วในมือลง“ป้าหวังอย่าเรียกชาร์มแบบนั้นนะคะ”“ทำไมล่ะคะ หวังเรียกผิดเหรอคะ” เจ๊หวังมองที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนทั้งสองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาหมั้นกันแล้ว“รอให้เราแต่งงานกันก่อน แล้วค่อยเรียกนะคะป้าหวัง”“หัดเรียกไว้ก็ไม่เสียหายนี่ ถึงยังไงก็ต้องเรียกอยู่ดี จริงไหมครับป้าหวัง” วิโมกข์ไม่เห็นด้วยกับคำทัดทานของคู่หมั้นคนสวย“จริงค่ะนายหัว แล้วฤกษ์แต่งงานเมื่อไหร่คะ” เจ๊หวังถามเข้าเรื่องที่อยากรู้ใจจะขาด“ยังไม่มีกำหนดเลยครับ”“ทำไมล่ะคะ” แม่บ้านใหญ่รู้สึกผิดหวังอย่างมาก “หมั้นกันแล้วจะรอไปอีกทำไมล่ะคะ รีบแต่งรีบมีลูกไว้สืบสกุลดีกว่า”“ผมย







