สิ้นคำพูดของไทเลอร์รุ่นน้องที่เขาเอ่ยถึงอย่างเจเดนและเจโรมก็พากันเดินเข้ามาพร้อมกับไวน์นำเข้าราคาแพง
“หวัดดีครับพี่ ๆ ” “หวัดดีครับเฮีย ฝีมือสุดยอดเลยครับนึกถึงตอนเราไปขับที่ญี่ปุ่นเลย”สองหนุ่มแฝดยกมือไหว้รุ่นพี่ในกลุ่มด้วยความเคารพพลางคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตรแม้มุมปากจะเป็นแผล พร้อมกับยื่นขวดไวน์แดงให้ไทเลอร์ “ทำไมมากันแค่สองคนแต่ให้กูจองโต๊ะตั้งห้าที่วะไอ้เด็กพวกนี้ หรือแอบมีสาวบริการมาบริการอีก”ไทเลอร์พูดกระเซ้าเย้าหยอก มือก็พลางยื่นไปรับขวดไวน์แดงกับเจเดนแล้วส่งให้สาวสวยที่คอยบริการตน “สาวอ่ะมีมาแน่เฮีย แต่เป็นเพื่อนกันครับ สวยด้วยนะ” “คนนี้อยากให้เฮียรู้จัก สวยด้วย ชอบดูพวกรถแข่งไรงี้แต่จะนิสัยลุย ๆ”เจโรมหันไปกระซิบไทเลอร์เบา ๆ เมื่อไทเลอร์ได้ยินเช่นนั้นแล้วก็พยักหน้างึมงำทำปากขมุบขมิบไม่ออกเสียงแต่ก็พอจะเดาได้ว่าไทเลอร์พูดคำว่าอะไร พูดยังไม่ทันขาดคำ “เฮ่ มิเรย์ทางนี้”เจเดนเมื่อเห็นร่างบางผมยาวสลวย สวมเกาะอกเดินเข้ามาภายในร้านก็รีบโบกมือส่งสัญญาณให้แต่เมื่อทุกคนได้ยินเจเดนตะโกนก็รีบขวับหันไปปลายทางโดยพร้อมเพรียงกัน ยกเว้นแต่แม็กซ์เวลที่ทำทีไม่สนใจอะไรใด ๆ เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาดูหน้าจอโทรศัพท์คุยเรื่องอะไหล่รถ “เชรด สวยมาก อย่างกับนางแบบแต่คุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนวะ ติดอยู่ปลายจมูกกูเนี่ย”อีริกที่กำลังดื่มเครื่องดื่มอยู่จำต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นมิเรย์ปรากฏตัวขึ้น สาวคนนี้สวยคุ้นตาจริง ๆ ด้านมิเรย์เมื่อเห็นเจเดนโบกมือส่งสัญญาณให้ก็รีบเดินมุ่งหน้าไปยังโต๊ะ โดยไม่ทันจะได้มองคนร่างสูงโปร่งที่นั่งหันหลังให้ “สวัสดีค่ะ”มิเรย์ค้อมศีรษะกล่าวสวัสดีทุกคนในกลุ่มตามมารยาทพร้อมกับคลี่ยิ้มน้อย ๆ อันทรงเสน่ห์ของเธอออกมา ทว่ารอยยิ้มน้อย ๆ นั้นทำเอาหนุ่มหล่อแก๊งของแม็กซ์เวลทั้งสี่คนเสียอาการไม่เป็นท่าแต่สาวสวยก็ยังไม่ทันจะได้หันมองอีกคนที่นั่งเงียบขรึมอยู่ “หวัดดีครับ สาวสวย ชื่ออะไรจ๊ะคุ้นตาพี่จริง ๆ มีแฟนยังเอ่ย”นิสัยหนุ่มขี้เล่นทะเล้นอย่างอีริกและเจค็อปเมื่อเห็นมิเรย์ทักทาย ก็รีบเอ่ยปากทักทายกลับไปทันที “ชื่อเรย์ค่ะ โสดค่ะ” “แล้วมาคนเดียวเหรอจ๊ะ ไม่มีสาว ๆ มาเพิ่มเหรอ”อีริกพูดพร้อมชะงื้อมองไปด้านหลังมิเรย์ “มีอีกสองคนค่ะ กำลังตามมา”มิเรย์ตอบพร้อมกับเดินวนไปนั่งลงบนโซฟานุ่ม แต่ไม่ทันจะได้นั่งใบหน้าหล่อเหลาของแม็กซ์เวลก็เงยขึ้นมาประจวบเหมาะกันพอดี “อะ ไอ้ ไอ้ผู้ชายปากแจ๋ว!” “ยัยสก๊อยปากแจ๋ว!” คำพูดของมิเรย์และแม็กซ์เวลพูดขึ้นพร้อมกันทำเอาทุกคนต้องทำหน้างึนงงพร้อมกับจังหวะเพลงในผับกำลังเมามันส์ “นี่อย่าบอกนะว่าน้องเรย์คือคนที่กรีดยางรถมึง”ไทเลอร์หันหน้าไปพูดกับแม็กซ์เวล มองในภาพว่าสวยแล้วเจอตัวจริงยิ่งสวยกว่าแทบดูไม่ออกว่าคนเดียวกัน เมื่อแม็กซ์เวลได้ยินไทเลอร์ถามแล้วก็รีบวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ “ดีเลยเจอตัวก็ดี มานี่เลยยัยสก๊อยตัวแสบ กล้าดียังไงทำรถฉัน”แม็กซ์เวลยันตัวลุกขึ้นสาวก้าวปรี่เข้าหามิเรย์ไปกระชากข้อมือเล็กของเธอด้วยความเร็วแสง และจับล็อกข้อมือเล็กกระชากลากดึงออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างและสายตากลุ่มเพื่อน ฝั่งด้านเจโรมและเจเดน เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ไม่รู้จะห้ามปรามแม็กซ์เวลอย่างไรด้วยความเป็นรุ่นพี่ที่ตนเคารพจึงได้แต่มองหน้าไทเลอร์ อีริก คิวท์ และเจค็อป เป็นเชิงให้ช่วยมิเรย์ “ไอ้แม็กซ์ใจเย็น ค่อย ๆ คุยกับน้อง แม่งเดี๋ยวแขนช้ำหมดว๊อย~”คิวท์พูดตามหลังคนทั้งสองเสียงหลี่เบาลงตามลำดับ มือก็พลางยกขึ้นมาเกาหัวแสดงท่าทีมึนงงไม่รู้จะช่วยมิเรย์ยังไงดี ด้านมิเรย์เองเมื่อเห็นแม็กซ์เวลกระชากลากดึงข้อมือตัวเองก็ยิ่งโกรธเป็นใครที่ไหนมาแตะเนื้อต้องตัวฉันวะเนี่ย “ปล่อยนะ นี่นายจะลากฉันไปไหน”มิเรย์ตะคอกถามแม็กซ์เวลแต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยซักทีมิเรย์จึงตัดสินใจกัดแขนแม็กซ์เวลให้เลิกบ้าคลั่ง “โอ๊ะ โอ๊ย ยัยสก๊อย แม่ง!! ฉันเจ็บนะโว้ย” “ก็ใครใช้ให้บ้ามาคว้าจับมือฉันก่อนเอง และที่สำคัญ ฉันไม่ได้ชื่อสก๊อย!!”เมื่อแม็กซ์เวลปล่อยมือมิเรย์จึงยืนมือกอดอก เอียงคอพูดประท้วงอีกฝ่ายท่าทางเอาเรื่อง “ก็ใครใช้ให้เธอไปกรีดยางรถฉันไม่ทราบ”แม็กซ์เวลพูดไปมือหนาลูบแขนตัวเองไปด้วยความเจ็บเพราะมิเรย์กัดแขนเต็มแรงจนเป็นรอยฟัน “ใครกรีด ฉันไม่ได้ทำ”มิเรย์ปฏิเสธคำกล่าวหาที่แม็กซ์เวลว่าตาใสถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนทำจริง ๆ ก็ตาม “อย่าให้ฉันต้องแจ้งตำรวจจับเธอ” “แจ้งเลย แจ้งสิ ฉันก็จะแจ้งตำรวจที่นายขับรถเฉี่ยวฉันเหมือนกัน เอาไง”มิเรย์ยังคงเถียงคำไม่ตกฟากกับแม็กซ์เวล ความจริงเธอก็ไม่ได้อยากจะร้ายใส่แม็กซ์เวลหรอก แต่เพียงแต่แม็กซ์เวลพูดจาไม่ดีกับเธอแต่แรกแถมยังหาว่าตั้งใจวิ่งใส่รถเพื่อเรียกเงินอีก “เห๊อะ! งั้นก็แสดงว่า ยอมรับสินะว่าเป็นคนกรีดยางรถฉัน”แม็กซ์เวลขำในลำคอมุมปากยกยิ้มเย้ยหยันเมื่อจับทางมิเรย์ทัน ทว่ามิเรย์ไม่ฟังแถมยังเดินหนี “ยัยสก๊อยจะไปไหน” “หลบไป น่ารำคาญจริง ๆ ”มิเรย์จิ๊ปากอย่างรำคาญเรียวปากสีหวานก็พร่ำบ่นออกมาพร้อมกับเดินชนไหล่หนากลับเข้าไปด้านใน โดยไม่สนใจคำพูดอีกฝ่าย ร่างสูงโปร่งก็เดินตามหลังเข้ามาติด ๆ เพื่อเอาเรื่อง “ยัยสก๊อย หยุดเดี๋ยวนี้” “ฉันชื่อเรย์ ไม่ได้ชื่อสก๊อยโว๊ย”มิเรย์เธอไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไรนักเพราะติดนิสัยลุย ๆ ตั้งแต่ยังเด็กกับพี่ชายขึ้นชื่อว่าเป็นสาวจอมแก่นของตระกูลเลยก็ว่าได้ ตอนนี้ทุกคนในผับนั่งรอใจจดจ่อลุ้นระทึกยิ่งกว่าคนลุ้นหวยรางวัลที่หนึ่งว่ามิเรย์กับแม็กซ์เวลจะกลับมาสภาพไหน ต่างจากไทเลอร์ที่นั่งทำตัวชิว ไม่ได้ห่วงใด ๆ สักนิด อาจจะเป็นเพราะว่ารู้นิสัยแม็กซ์เวลดีว่าแม็กซ์เวลคงไม่ได้ทำร้ายอะไรมิเรย์อย่างมากก็แค่ดุสั่งสอน “เห้ย กลับมากันแล้ว” ********************** คนประสาทเจอคนไม่สนโลก เอาสิ เริ่มเลอะ.. มวยถูกคู่มาก [แม็กซ์เวล VS มิเรย์] 🔥🔥 ฝากพี่ ๆ นักอ่านเมนต์เชียร์มวยคู่นี้ด้วยนะคะ 😘 Next… “แขนโดนอะไรมาวะ ทำไมเลือดซิบ” “โดนหมาบ้าที่ไหนไม่รู้วะกัดหน้าผับ”7 ผ่านไป“แม่คะ โตขึ้นมิลินขอเป็นนักแข่งรถเหมือนลุงเก็นได้ไหมคะ”เสียงเด็กหญิงมิลินเอ่ยถามคนแม่อย่างไร้เดียงสา หลังจากที่กลับมาจากโรงเรียนอินเตอร์กับคนเป็นพ่อ ด้านมิเรย์เมื่อได้ยินลูกสาวเอ่ยพูดก็ตกใจไม่น้อย จากนั้นจึงเอ่ยถามมิลินต่อ“พ่อพาไปสนามแข่งรถมาเหรอคะ”มิลินเมื่อได้ยินมิเรย์เอ่ยถามเช่นนั้นจึงตอบไปตรง ๆ “ใช่ค่ะ คุณพ่อพามิลินกับแพนเตอร์แวะไปสนามแข่งรถมา รถซิ่งมากค่ะคุณแม่ แพนเตอร์ก็ชอบ”สิ้นเสียงไร้เดียงสาของสาวน้อยมิลินมิเรย์จึงไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นศรีอัมพรจึงเดินมารับมิลินไปเล่นด้วยที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านเห็นมิเรย์ตาแข็งใส่ ก็พอจะเดาได้ว่าลูกสาวตัวแสบน่าเล่าเรื่องที่เขาพาตนกับน้องชายไปสนามแข่งรถมาบ้างแล้ว“คิดถึงแม่จัง กอดหน่อย”“นี่แหน่ แม่บอกพ่อแล้วใช่ไหม ว่าอย่างเพิ่งพาลูกเราไปสนามแข่งรถ ลูกเราอายุยังน้อย”มิเรย์พูดตำหนิแม็กซ์เวล ขณะใบหน้าพริ้มเพราก็หันไปมองลูกสาวที่กำลังนั่งเล่นกับศรีอัมพรในห้องนั่งเล่น“พอดีพ่อรีบเอาของไปให้ไอ้เลอร์และไอ้เก็นมัน ขอโทษน๊า ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วครับ”ไม่เพียงแค่พูดร่างสูงยังกอดอ้อนมิเรย์พร้อมกับหอมแก้มฟอดให
วันเวลาผ่านไปเกือบปีตอนนี้มิเรย์กับแม็กซ์เวลก็ยังใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยมีแก้วตาดวงใจตัวน้อย ๆ อย่างมิลินอยู่ด้วยไม่ห่างกาย“พ่อ อาบน้ำให้ลูกยัง”เสียงของมิเรย์เอ่ยถามแม็กซ์เวลในขณะที่กายหนาเดินอุ้มมิลินขึ้นมาบนห้องชั้นสอง“อาบแล้วครับแม่ แต่กว่าจะอาบเสร็จก็นานเลย”เนื่องจากมิลินชอบเล่นน้ำ การอาบน้ำเด็กวัยสิบเอ็ดขวบจึงเป็นเรื่องยาก หากไม่ถูกตามใจก็จะงอแง แต่มิเรย์และแม็กซ์เวลก็จะเลี้ยงแบบมีเหตุไม่ตามใจลูกอะไรมาก เว้นแต่หากมิลินอยู่กับย่าและยายก็จะโดนตามใจมากเป็นพิเศษ“แล้วแม่กลับมานานยัง ทานข้าวยังครับ”“ยังเลย ฝากพ่อดูลูกก่อนนะ เดี๋ยวเค้าอาบน้ำแป๊บนึงแล้วจะมาเปลี่ยน อยู่กับพ่อก่อนนะคะเดี๋ยวแม่มาอุ้มนะมิลินคนสวยของแม่”ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นว่ามิเรย์เข้าไปอาบน้ำ จึงพามิลินนั่งเล่นของเล่นต่อในห้อง เหลือบสายตาคมมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่ม จากนั้นแกรก…“แม็กซ์ แม็กซ์ เอามิลินมาให้แม่”“มีอะไรแม่”“เอามา เอามิลินมา มาเลี้ยงเอง”ศรีอัมพรเอ่ยพูดกับลูกชาย ขณะขาก็ก้าวเข้ามาในห้องแล้วหลอกล่อมิลินไปกับเธอ ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นแม่ทำเช่นนั้นก็รู้สึกงงไม่น้อย กระทั่ง..“วันนี้มิลิน
เมื่อมิเรย์เข้าไปในห้องคลอดแม็กซ์เวลก็นั่งเก้าอี้แทบไม่ติด นั่งได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีร่างสูงโปร่งก็ต้องยันตัวลุกเดินไปมาด้วยความตื่นเต้น ขณะใจก็ยังคงห่วงลูกกับมิเรย์ไม่หลุดด้านมิเรย์เมื่อเข้ามาถึงห้องคลอดก็ยิ่งปวดถี่เพิ่มมากขึ้นจนต้องร้องไห้ระบายความเจ็บออกมาโดยไม่อายพี่ ๆ พยาบาลและหมอตาล เมื่อหมอตาลเห็นว่ามิเรย์ปวดมาก จึงประสานงานไปยังวิสัญญีแพทย์มาทำการบล็อกหลังให้มิเรย์คลายความเจ็บปวดเมื่อบล็อคหลังเสร็จเรียบร้อยพยาบาลจึงให้มิเรย์เอาขาขึ้นขาหยั่ง จากนั้นก็ทำการคลุมผ้าปราศจากเชื้อตรงหว่างขามิเรย์อีกคราก่อนจะก้มลงตัดแผลฝีเย็บ จากนั้นหมอตาลก็สั่งให้มิเรย์เบ่ง..“คุณแม่เบ่งค่ะ อื๊ดด~”มิเรย์ออกแรงเร่งสุดกำลังแรง ขณะลมหายใจก็ร้อนพราวหายใจออกมาถี่รัว“เบ่ง อึบ..”“อื๊ด..โอ๊ย หมอตาล”“อีกนิดนึง ๆ”สิ้นเสียงที่หน้าตื่นเต้นของหมอตาล พยาบาลจึงตะโกนขึ้น“คลอดแล้วค่ะ 16:15 น. ทารกเพศหญิง”พูดจบพยาบาลที่พูดขึ้นก็ก้มลงจดอะไรบางอย่างลงไปในเอกสาร ด้านหมอตาลเมื่อมิลินออกมาลืมตาดูโลกแล้วจึงรีบอุ้มมิลินเข้าไปให้มิเรย์ดู แต่ในระหว่างที่มิเรย์ได้เห็นคนแปลกหน้าที่เธออยากเจอน้ำใส ๆ ก็ไหลออกจากตาสองข้างด้วยควา
หลายวันผ่านไปเกือบเหลืออีกเพียงสามสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ ศรีอัมพรเองก็เห่อหลานใช่เล่นกดสั่งของเตรียมคลอดมาไว้เต็มบ้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งไซมัสเขมมิกาและเก็นชิ ยอมทิ้งงานเพื่อบินกลับมารอรับขวัญหลานสาวที่ใกล้จะลืมตาดูโลกในอีกเร็ววันด้วยความตื่นเต้นกันถ้วนหน้า“รีบ ๆ เข้ามาจัดเลย ไว ๆ”เสียงของศรีอัมพรออกคำสั่งกับพนักงานราวห้าหกคนเสียงดังให้รีบขนของลงจากรถคันใหญ่เข้าในบ้านหลังโต จนทำให้ร่างบางที่นอนหลับกลางวันสะดุ้งตื่นกับเสียงที่รบกวนมิเรย์เมื่อได้ยินจึงใช้มือขยี้ดวงตาพลางยันตัวค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งงัวเงีย จากนั้นก็ลุกเดินไปแหวกม่านดูว่าเสียงคนกำลังทำอะไร“เฮ่อ ปวดหลังจัง”ร่างบางเอ่ยพูดพร้อมกับใช้มือพยุงท้องโต ๆ ขณะมือที่ว่างอีกข้างก็จับกระดูสันหลังเอนตัวคลายความปวด สักพักก็เดินหมุนตัวกลับมาที่เตียงนอนนุ่มด้านแม็กซ์เวลเมื่อรู้ว่าใกล้กำหนดคลอดของมิเรย์เข้ามาเรื่อย ๆ ก็ไปทำงานแค่เพียงครึ่งวันแล้วกลับบ้าน เนื่องจากกลัวว่ามิเรย์จะคลอดก่อนกำหนด มิเรย์เดินกลับมานั่งที่เตียงไม่นานแม็กซ์เวลก็เปิดประตูห้องเข้ามา“วันนี้แม่อยากให้เธอย้ายลงไปอยู่ชั้นล่าง ท้องโตมากกลัวเดินขึ้นลงลำบาก ไหนจะเท้าบว
“ทำเป็นปากหวานตลอด”ไม่พูดเปล่า มือเรียวบางยังจับคางแม็กซ์เวลส่ายไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นมิเรย์ทำเช่นนั้นจึงยิ้มหวานพลางเอ่ยถามน้ำเสียงปกติออกไป“จะอาบน้ำตอนไหน อาบน้ำได้แล้วมั้ง”เนื่องจากเข้าสู่เดือนที่แปดท้องมิเรย์โตมากจนไม่สามารถทำความสะอาดตัวได้ทั่วถึง แม็กซ์เวลจึงมีหน้าที่ดูแลในเรื่องนี้เพิ่ม เขินก็เขินแต่จะทำไงได้..“อาบเลยก็ได้จะได้เตรียมตัวลงไปทานข้าวเย็นกัน”เมื่อเห็นพระอาทิตย์ใกล้ตกมิเรย์จึงเอ่ยตอบไปอย่างไม่ขัด พูดจบร่างบางก็ยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับพยุงท้องโต ๆ ของเธอเดินเข้าห้องแต่งตัวเพื่อถอดชุดเดรสออก“มานี่เดี๋ยวลองทำนี่ให้ดู ไปอ่านเจอมาเขาบอกจะสบาย”ร่างสูงโปร่งเดินดิ่งมาหาร่างบางที่กำลังจะถอดชุดเดรสลงตะกร้า จากนั้นก็โอบเอวมิเรย์จากด้านหลังแล้วพยุงท้องของเธอขึ้น ทว่าร่างบางกลับตกใจ“จะทำอะไร ทำได้เหรอ”“ทำได้ อยู่เฉย ๆ เขาบอกว่าจะชวนให้หายปวดหลังได้ด้วยนะ”ไม่เพียงแค่พูดแม็กซ์เวลยังวางมือหนาลงเบา ๆ พยุงท้องโต ๆ ของมิเรย์ขึ้นต่อ มิเรย์เมื่อเห็นแบบนั้นก็ไม่ว่าอะไร ขณะดวงตาคู่สวยก็มองว่าแม็กซ์เวลจะทำอะไรต่อแล้วสิ่งที่ทำมันดีจริงไหม ทว่าสิ่งที่แม็กซ์เวลทำมันทำให
ช่วงค่ำของวันของวันหลังจากทั้งคู่เดินลงไปทานข้าวเสร็จ ก็พากันกลับมาห้องนอนมิเรย์เองก็ไม่ลืมที่จะกินยาบำรุงแล้วเดินไปแปรงฟันในห้องน้ำ จากนั้นก็เดินมานั่งลงเตียงนอนนุ่มเตรียมตัวเข้านอน ทว่าก่อนนอนก็ยังคงต้องเปิดเพลงในตัวจิ๋วฟังพร้อมทั้งเปิดไฟฉายส่องกระตุ้นพัฒนาการ“ฉันขอทำนะ เธอทาออยโลชันไปยัง”“ทาแล้ว”พูดจบแม็กซ์เวลก็หยิบไฟฉายมาส่องที่หน้าท้องกลม ๆ ของมิเรย์เพื่อกระตุ้นการมองเห็นของเจ้าจิ๋วในครรภ์ ขณะที่เจ้าจิ๋วที่อยู่ในครรภ์เมื่อโดนไฟฉายส่องก็ดิ้นถีบท้องมิเรย์ใหญ่“แรงดีจริง ๆ เธอจะตั้งชื่อลูกว่าอะไร”“ฉันอยากตั้งชื่อว่ามิลิน นายคิดว่าไง”“มิลิน ที่แปลว่าฉลาด ใช่ไหม”แม็กซ์เวลพูดพร้อมกับแสดงท่าทางใช้ความคิด ขณะมือหนาก็ยังส่องไฟฉายกระตุ้นพัฒนาการต่อ ทางด้านมิเรย์เมื่อได้ยินแม็กซ์เวลพูดเช่นนั้นจึงพูดต่อ“อือหึ นายรู้ความหมายได้ยังไง”“ก็ฉันฉลาดไง”สิ้นเสียงทะเล้นของแม็กซ์เวล มิเรย์จึงเบ๊ปากมองบนขึ้นด้วยความหมั่นไส้กับความมั่นในครั้งนี้ ก็จริงอย่างที่แม็กซ์เวลพูดนั่นแหละ จากนั้นทั้งคู่ก็เล่านิทานให้ลูกน้อยฟัง“สรุปนายโอเคไหม? ที่ฉันจะตั้งชื่อลูกชื่อมิลิน”“โอเคสิ เธอว่าไงฉันก็ว่างั้น”ริมฝี